18 มีนาคม 2554 13:12 น.
din
ฉันยังคงรอเธออยู่ตรงนี้
ณ ตรงที่พบกันเมื่อวันก่อน
ท่ามฟ้าสวยสายัณห์ตะวันรอน
คำเว้าวอนอ่อนหวานยังซ่านจินต์
แต่วันนี้ที่นี่ไม่เหมือนเก่า
มันซึมเซาจนจิตคิดถวิล
เหตุผลเธอกล่าวไว้ให้ได้ยิน
เบื่อไอดินกลิ่นนาขอลาไกล
เมื่อต่างคนต่างมีสิ่งที่ฝัน
เธอมุ่งมั่นก้าวย่างบนทางใฝ่
บรรจงสร้างภาพฝันอันแสนไกล
ศิวิไลต์ของเมืองที่เรืองรอง
สำหรับฉันฝันไว้ในวันหนึ่ง
คงจะถึงวันดีที่เราสอง
ได้ร่วมเรียงเคียงอยู่เป็นคู่ครอง
มีโซ่ทองคล้องใจไว้ชื่นชม
มาวันนี้แม้ฝันฉันพลันดับ
ขอให้เธอพบกับความสุขสม
ให้วันชื่นคืนสุขไร้ทุกข์ตรม
ส่วนตัวฉันคงซมจมน้ำตา
เพราะวันนี้ที่นี่ไม่เหมือนเก่า
ทุกฝีเท้าก้าวย่างอย่างผวา
คงไม่มีลมหวนทวนกลับมา
งานวิวาห์เธอนั้นฉันจะไป
ไปเพราะอยากจะเห็นเป็นประจักษ์
ว่าเขารักเธอมากเท่าฉันไหม
ทุกสิ่งที่ได้เห็นเต็มสองนัยน์
กลับมาเลียแผลใจให้ตัวเอง
11 มีนาคม 2554 13:31 น.
din
ณ แดนดินถิ่นนี้เป็นที่รัก
เก็บใจภักดิ์เรียงร้อยเป็นสร้อยขวัญ
เก็บดวงดาวพราวฟ้ามากำนัล
ประดับฝันแดนศิลป์ถิ่นกวี
เอาสายรุ้งโยงใยในฟากฟ้า
สร้างอาณาจักรฝันอันสุขี
หยาดน้ำค้างต่างเพชรเกล็ดมณี
มโหรีดังแว่วแผ่วแผ่วมา
เพชรรัตน์เลื่อมลายประกายโรจน์
งามช่วงโชติจนใจฉันฝันหา
เพลงคนธรรพ์แผ่วหวานซ่านอุรา
กล่อมใจข้าฯให้หลับกับฝันดี
ณ แดนดินถิ่นนี้ยังมีรัก
ซึ้งสลักปักใจไม่หน่ายหนี
วรรณศิลป์เพริศแพร้วแววรุจี
คือมณีมีค่า ภาษาไทย
09.03.2554 (01.06)
17 กุมภาพันธ์ 2554 18:00 น.
din
เหมือนความฝันถึงจุดความสุดสิ้น
เหมือนดวงจินต์แทบแยกแตกสลาย
เหมือนเรือน้อยคล้อยฝั่งอย่างเดียวดาย
เหมือนรักคลายพร้อมอาทิตย์ลาดวง
เหมือนดาวดับลับหายจากปลายฟ้า
เหมือนใบไม้โรยราน้ำตาร่วง
เหมือนลมโกรกโบกย้ำ...ช้ำในทรวง
เหมือนรักลวงหลอนใจให้ระทม
ไหนล่ะวันเรารื่นเคยชื่นสุข
แล้วใยทุกข์หม่นหมองต้องขื่นขม
คลื่นซัดซ่าหาฝั่งดั่งตรอมตรม
จะชื่นชมรักแท้ก็แปรปรวน
เหมือนรุ่งสางเงาฝันอันด่ำดื่ม
เหมือนนกปลื้มอิสระจะผกผวน
เหมือนเมษาพาฝันมันเรรวน
ความรัญจวนลอยลับไม่กลับคืน
9 กุมภาพันธ์ 2554 18:25 น.
din
***
เพราะโลกมันกว้างใหญ่กว่าใจคิด
หากก้าวผิดพลั้งบ้างจะได้ไหม?
เมื่อทุกสิ่งที่เห็นไม่เป็นไป
ตามที่ใจปรารถนาอย่าร้าวราน
เคยล้มลงอย่างนี้แล้วกี่ครั้ง
ชีพก็ยังแกร่งกร้าวและห้าวหาญ
อยากให้เป็นเช่นนี้นานเท่านาน
เพื่อก้าวผ่านอุปสรรคหนักหนักไป
เมื่อโลกมันกว้างใหญ่กว่าใจคิด
จะหันเหชีวิตไปทิศไหน
ขมิ้นน้อยบินคว้างกลางพงไพร
ค่ำที่ไหนนอนนั่นไม่หวั่นกลัว
หลอกตัวเองเรื่อยมาว่าเข้มแข็ง
ฟ้าไร้แสงดำมืดชืดสลัว
อีกคลื่นลมโถมซ้ำกระหน่ำรัว
จึงมืดมัวอับจนหนทางตัน
เมื่อล้มลงเจ็บจุกลุกไม่ไหว
ยังตั้งใจก้าวย่างบนทางฝัน
เส้นชัยของชีวิตคิดฝ่าฟัน
และบากบั่น...ด้วยมือเท้า...ของเราเอง
พฤหัส 3 กุมภาพันธ์ 2554 (21.30 น.)
2 กุมภาพันธ์ 2554 17:39 น.
din
แว่วเสียงคลื่นลมคล้ายใครร้องไห้
ดุจดวงใจร้าวรอนอ่อนระโหย
เหมือนเขาลงแซ่ซ้ำกระหน่ำโบย
ความหวังโรยแรงราแทบบ้าตาย
ในคืนที่ดาวดับอับแสงไข
น้ำตาไหลรินหลั่งพรั่งเป็นสาย
เมื่อสิ่งที่เคยหวังพังทลาย
จึงเหลือเพียงเปล่าดายในสายลม
แว่วเสียงคล้ายหัวใจใครสะอื้น
น้ำตารินสุดฝืนความขื่นขม
ฟังเสียงคลื่นลมคล้ายใจตรอมตรม
ความระทมเป็นเพื่อนที่เหมือนเดิม
เสียงร้องไห้ของใครใยคล้ายฉัน
ความจาบัลย์ทดท้อมาต่อเสริม
เมื่อลมโกรกโบกย้ำเข้าซ้ำเติม
ก็เหมือนเพิ่มทุกข์ให้หัวใจเรา
ฉันแว่วเสียงหัวใจใครสะอื้น
ต้องกล้ำกลืนฝืนข่มอารมณ์เหงา
เพียงสายหมอกหยอกไล้ไอบางเบา
คงบรรเทาเศร้าหายคลายระทม
แว่วแว่วเสียงหัวใจใครร้องไห้
ฟังเสียงคลื่นตื้นใจใครขื่นขม
หรือเพียงเสียงสะอื้นของสายลม
จะจ่อมจมอย่างนี้สักกี่วาร?
30 มกราคม 2554 (01.15 น.)