14 ตุลาคม 2554 16:28 น.
din
เสียงผู้คนครางครวญหวนสะอื้น
เหมือนกายฟื้นตื่นพลันขวัญมันหาย
เมื่อฝนหยาดจากฟ้ามากลับกลาย
เป็นเช่นสายธาราที่บ่านอง
เมื่อสายน้ำเชี่ยวกรากมิอาจยื้อ
หลายหลายมือร่วมช่วยด้วยทั้งผอง
มิอาจกั้นสกัดน้ำตามลำคลอง
ที่เจิ่งนองท่วมท้นล้นธานินทร์
หลายชีวิตสูญดับกับสายน้ำ
ที่คราคร่ำท่วมทบมิจบสิ้น
ทั้งบ้านช่องของข้าวถึงคราวภินทร์
สูญชีวิน...มิเว้นแม้...แต่สุกร
ถึงอยู่ห่างแสนไกลใจเป็นห่วง
ฤดีดวงทอถักปักอักษร
แทนความหวงห่วงมากจากบ้านกลอน
เป็นคำพรปลอบปลุกยามทุกข์ทน
7 ตุลาคม 2554 13:53 น.
din
เรื่องอะไรเย้ยหยันฉันว่าแก่
แล้วตัวเธอล่ะแน่สักแค่ไหน
แค่เกิดก่อนอยู่นานกาลตามวัย
แล้วเหตุใดค่อนฉันว่าอยู่ทน
ว่าฉันแก่...ยอมรับ...ว่าฉันแก่
อายุแค่ตัวเลขอย่าไปสน
ฉันจึงยลยิ้มให้ใครทุกคน
ด้วยกมลเบิกบานสำราญใจ
ถึงฉันแก่...ก็แก่...อย่างมีหลัก
มีความรักเปี่ยมท้นล้นรู้ไหม?
รักท้องฟ้า...ป่าเขา...ลำเนาไพร
ความรักปันบางใครที่ใจมี
ทุกฝีเท้าก้าวย่างอย่างคนแก่
ที่มีแต่มั่นคงตรงวิถี
พร้อมเดินก้าว...ในสนาม...ของความดี
สมกับที่ก่อเกิดกำเนิดกาย
30 กันยายน 2554 15:46 น.
din
สัมผัสความงันเงียบเรียบและง่าย
ซึ้งความหมายนิยามความคิดถึง
เพียงถ้อยรจพจนายังตราตรึง
มันลึกซึ้งอยู่ในหัวใจเรา
อยากให้เป็นเช่นนี้นานที่สุด
อยากจะหยุดฉุดเธอไว้คลายเหงา
เพียงสายลมพรมลูบจูบบางเบา
ก็ลบเงาเศร้าหายคลายแคลงใจ
ในความเงียบเยียบเย็นเร้นรู้สึก
จิตส่วนลึกตรึกตรองลองคว้าไขว่
สงบเงียบเยียบเย็นเห็นรำไร
จับฤทัยให้สนิทเมื่อนิทรา
สายลมโชยโปรยปลิวต้องผิวเนื้อ
เหมือนกรีดเทื้อเนื้อใจให้ห่วงหา
ความคิดถึงตรึงแอบแนบอุรา
ดุจสัญญาว่าจักรักไม่คลาย
ความหอมหวนอวลอบกระทบจิต
ประชิดติดดื่มด่ำ...ค่ำ เช้า สาย
กระซิบบอกดวงจันทร์พรรณราย
เย็นพระพายกรายมาช่างตราตรึง
สัมผัสความงันเงียบเรียบและง่าย
ซึ้งความหมายนิยามความคิดถึง
เมื่อมีกันและกันในคำนึง
ถึงเงียบงันก็ซึ้งถึงบึ้งใจ
23 กันยายน 2554 12:48 น.
din
หัวใจที่อ่อนล้า โรยแรง
หมายมั่นจะแสดง ห่อนได้
สูงสุดดั่งกำแพง กั้นห่าง ร้างลืม
ใจห่วงถอดวางไว้ จึ่งได้ แรมไกล
8 กันยายน 2554 13:40 น.
din
เมื่อต้นรักหักแห้งแขนงเหี่ยว
ไร้แรงเรี่ยวยืนต้นจึงโค่นหัก
อนิจจาคราที่มาพบพักตร์
เขายึกยักหักจบแล้วกลบดิน
รักจึงกรอบร่วงลงเป็นผงป่น
ฝันหาคนคุ้ยเขี่ยเกลี่ยแผ่นหิน
เพียงหายใจแทรกได้ใต้ผืนดิน
คงมิสิ้น...ราคา...ค่าแห่งใจ
แล้วจะคืนยืนยงดำรงศักดิ์
เป็นต้นรักชูช่อละออไหว
ผลิดอกขาวพราวเด่นเห็นรำไร
รอบางใครไขว่คว้ามาครอบครอง
จะยืนต้นทรนงอย่างองอาจ
พราวพิลาศเป็นหนึ่งมิมีสอง
เป็นน้ำผึ้งชวนชิมให้ลิ้มลอง
เพื่อหมายปองจองจับประดับใจ
.............................
........................................