ขลุ่ยบรรเลงเพลงเศร้าเหงาบ้างไหมเป็นคำถามโหยไห้ดวยใจหายระยะอาจไกลห่างแค่ทางกายมิได้หมายเหินห่างจากทางใจทุกพจน์ถ้อยร้อยคำที่พร่ำขานเธอร้่าวรวดปวดมานสักปานไหนป่านฉะนี้หมองหม่นอยู่หนใดรู้บ้างไหมใครหวงห่วงอาทรเพียงหยิบขลุ่ยบรรเลงบทเพลงเศร้าความเงียบเหงาย้ำตอกตามหลอกหลอนกลั้นสะอื้นฟูมฟกหัวอกรอนใจจะคลอนคลายคงลงที่ใดจึงร่ายกลอนอ่อนหวานเพื่อขานขับจะสดับตรองคิดสักนิดไหมคนเป่าขลุ่ยร้าวรอนถอนหทัยความคิดถึงห่วงใยไม่เคยคลายขลุ่ยบรรเลงท้ายกลอนไม่อ่อนหวานคนขับขานใจแหลกแตกสลายมันโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาคล้ายเปล่าดายเปรียบคนตายทั้งเป็นเช่นนี้เองศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2557 (01.15 น.)
แม้อยู่ห่างทางไกลใจยังห่วงมาทักท้วงทวงถามถึงความหลังวาเลนไทน์ปีนี้ไม่อินังสิ้นมนต์ขลังรักแล้วหรือแก้วตาฤาสิ้นรักสิ้นหวงจึงสิ้นห่วงฤารักลวงร้อยเล่ห์เสน่หาฤารักมันขาดวิ่นสิ้นราคามิมีค่าควรคู่กับผู้ใดกุหลาบแดงแจ้งรักประจักษ์ว่าหนาวน้ำตาอารมณ์ตรมไฉนที่สิบสี่ภุมภาคนปราชัยจะหลือค่าสิ่งใดให้รัญจวนจึงเป็นรอยอาดูรพูนเทวษเพียงเสื้ยวเศษชอกช้ำให้กำศรวลเมื่อมนต์รักหักเหเธอเรรวนป่วยการครวญหวนร่ำพร่ำรำพันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ (01.05 น.)
กลิ่นมะลิแทนใจจากใครเล่าความหอมเย้ายวนใจจนไผลเผลอแม้สิ่งที่มองเห็นเป็นภาพเบลอยังพร่ำเพ้อถึงกันทุกวันมาหอมเอยหอมกลิ่นใดไหนจะเท่ากุหลาบแดงดอกเก่าเราหวนหาความหอมยังกำซาบทาบอุราแม้เวลามาพรากเราจากไกลดั่งเรือน้อยลอยล่องในฟองคลื่นตระหนกตื่นขึ้นมาน้ำตาไหลสายลมพัดซัดโหมโถมฤทัยมองทางไหนมืดมิดทุกทิศทางเรือลำเดียวเปลี่ยวกมลทนลอยล่องแสงเรืองรองรอมาจนฟ้าสางกลับพบควันสีกรุ่นฝุ่นเจือจางจึงคลับคล้ายเคว้งคว้างกลางสายชลเมื่อคืนวันผันผ่านมานานเนิ่นเราเผชิญชอกช้ำน้ำตาหล่นเรือชีวิตย่อยยับถึงอับจนมันมืดมนจมหายในสายธารอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ 2557 (01.36 น.)
ยินดีมากอยากกลับมารับขวัญ
แต่อัดอั้นตันใจเกินไปหา
ด้วยภาระหน้าที่มีนานา
มันแสนคุ้มมากค่าหากฝ่าฟัน
หวังสักวันแสงทองจะส่องหล้า
ท้องนภา...กระจ่าง...อย่างที่ฝัน
ไร้ซึ่งฝุ่นสีเทาเขม่าควัน
ที่เห็นมันคลุมครอบอยู่รอบกาย
ยอมเดินเท้าสู้แดดที่แผดจ้า
เพราะศรัทธาในใจไม่สูญหาย
มิยอมให้คนผิดคิดอุบาย
ที่คลับคล้ายหมายใหญ่ในแผ่นดิน
กับกลอนอ้อนหลอนใจให้รู้สึก
ในสำนึกเคยแกร่งดังแท่งหิน
กลับอ่อนยวบโหยหาน้ำตาริน
ถึงเทพิน...ซึ่งหายห่าง....ดุจร้างรา
แล้วจะหวนทวนกลับมารับขวัญ
มีรอยยิ้มให่้กันในวันหน้า
วันแผ่นดินเย็นชื่นรื่นอุรา
วันที่ฟ้าใสส่องก่องประกาย
ศุภฤกษ์ดิถีขึ้นปีใหม่แต่ดวงใจอ่อนเพลียละเหี่ยขวัญหากมันเป็นเช่นนี้ทุกวี่วันยังมุ่งเดินสร้างสรรถักฝันไกลช่างมืดมิดทิศทางที่ย่างก้าวช่างรานร้าวหนาวเหน็บเจ็บไฉนแม้หากมีอุปสรรคหนักเท่าใดยังร่วมใจก้าวข้ามความมืดมนมวลมหาศรัทธาประชาราษฎร์คงช่วยชาติให้สว่างกระจ่างหนพระเทวาธิราชโปรดดาลดลให้ไทยพ้นจากบ่วงที่หน่วงใจจะสู้ไปทุกทางที่ย่างผ่านจะอาจหาญสร้างฝันอันยิ่งใหญ่เมื่อแผ่นดินมีทุกข์ลุกเป็นไฟจะดับเพลิงร้อนให้ได้ร่มเย็นศุภฤกษ์ดิถีขึ้นปีใหม่หลายล้านใจหม่นหมองต้องทุกข์เข็ญขอน้อมใจ...ให้ผู้คิด...ผิดประเด็นจงซ่านเซ็นพ้นถิ่นแผ่นดินไทย