17 พฤษภาคม 2552 16:08 น.
Darkness_Hero
ถึงเพื่อนกลอนทุกๆท่าน รวมถึงบพิตร
ผมต้องขอโทษทุกๆคนอีกครั้งมีต้องตั้งบ้านที่มีข้อความยาวๆแบบนี้
36 ชั่วโมงที่ผ่านไป หลังจากผมประกาศที่
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem125937.html
นับเป็น 36 ชั่วโมงที่ผมเข้าใจตัวเองผิด
นับเป็น 36 ชั่วโมงที่ผมปล่อยปละละเลยปัญหา เพราะคิดว่าผมจะสามารถยุติปัญหาได้
นับเป็น 36 ชั่วโมงที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า "บ้านกลอนไทย" ของเราอบอุ่นมากเพียงใด
นับเป็น 36 ชั่วโมงที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่าคุณดอกลำลวนรู้สึกอย่างไรเมื่อต้องต่อกรกับบพิตร
นับเป็น 36 ชั่วโมงที่ทำให้ได้ตื่นตันใจ ผมแทบจะติดตามตลอดเวลาหลังการประกาศของผม ว่าจะเป็นอย่างไร
คำตอบที่ผมได้คือ... ต่อให้ผมหายไปจากบ้านกลอน... มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย นอกจากนั้นยังทำให้เพื่อนพ้องที่รักของผมต้องโดนหางเลขไปด้วยต้องต่อกรกับบพิตร อีกยังทำเพิ่อนๆกังวลใจ ผมต้องขอโทษทุกๆคนอีกครั้งหนึ่ง.... ในฐานะ darkness_hero ผมยอมรับว่าผมอ่านทุกๆข้อความของทุกๆท่าน อย่างคิด พิจารณา และผมขอสารภาพอย่างไม่อายว่าน้ำตาแห่งความปิติ และ ตื้นตันใจนั้นเป็นสิ่งที่ห้ามได้ยากยิ่ง ยากเสียกว่าการห้ามตัวเองไม่ให้แสดงออกทางความคิดเสียอีก
ผมขอกราบขอบพระคุณทุกๆกำลังใจ ทุกข้อความ ข้อคิด เตือนสติ และผู้ที่ยืนอยู่เคียงข้ามผมทุกท่าน
ท่านมหาบนข. คุณเฌอมาลย์ คุณฝากฝัน คุณวฤก คุณ. คุณดอกบัว คุณโคลอน คุณพิมจัง คุณวิสาลินี คุณพิมยดา คุณกวีเดินดิน คุณเพียงแพรว คุณแก้วประภัสสร คุณกิ่งโศก คุณสีน้ำฟ้า คุณbitter คุณคนกุลา คุณกรมปศุสัตว์ คุณชีวิตนี้บางทีก้อน้อยคิดไปทำไม.... คุณฉางน้อย คุณยาแก้ปวด คุณมณีจันทร์ คุณกุ้งก้ามกราม คุณสาวเชียงใหม่ คุณปักษาสวรรค์ คุณภาวิดา คุณริมธาร และคนอื่นๆที่อาจจะคอยเอาใจช่วยอยู่ห่างๆแบบไม่แสดงตัว
ข้าพเจ้า Darkness_Hero ขอคารวะด้วยหัวใจ และขอโทษที่ผมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างปัญหาครับ
ที่ผมไม่เข้ามาทันที เพราะผมจำเป็นต้องดูสถานการณ์ ผมต้องการเวลาวิเคราะห์ใหม่และติดตามดูว่าผลเป็นอย่างไร โดยทิ้งเวลาสักพักหนึ่ง
ท่านทั้งหลายครับ.... ผมขอกราบขอบพระคุณ และยกย่องในการแสดงออกของทุกๆท่านอีกครั้งครับ และผมจะจำวันที่ 16 ไว้ตลอดไปครับ
ด้วยความรัก เคารพ และด้วยจิตคารวะเพื่อนบ้านกลอนทุกท่าน
Darkness_Hero
ด้วยความเข้าใจผิดของผม ผมจึงต้องแก้ไขข้อความ โดยตัดข้อความบางส่วนออกไป ทั้งนี้เพราะเมื่อผมกับเขาเลิกแล้วต่อกัน... ผมก็จะเลิกแล้วต่อกันครับ
13 พฤษภาคม 2552 02:23 น.
Darkness_Hero
พ่อของแผ่นดิน - ลูกแกะหลงทาง
พ่อบอกว่าพ่อเกลียดคนโกง ลูกแกะหลงทางบอกว่า ไม่ต้องตรวจสอบผมรับประกัน ผมใหญ่ที่สุดแล้วในครอบครัว ถ้าใครมีปัญหาระวังจะไม่มีงานทำ พ่อบอกว่านี้คือลูกที่ดีของฉัน ลูกชายผู้หลงผิดบอกว่าต้องขับออกจากพรรค พ่อบอกว่าเราควรมีเศรษฐกิจแบบพอเพียง พวกลูกแกะหลงทางกลับบอกว่า จะเอาอะไรกินเราไปอยู่กระต๊อบกันดีไหมพวกโง่ทั้งหลาย
พ่อมีความรักอันอบอุ่นให้ลูกเสมอ
พ่อไม่เคยเกรี้ยวกราด ด่าทอลูกว่าโง่
เวลาพ่อจะบอกลูกถึงปัญหา พ่อมักมีแง่คิดดีๆ มีนิทานแฝงคติให้ลูกได้นำไปคิดเสมอ ๆ ซึ่งเมื่อลูก ๆ ได้คิด ก็จะเข้าใจอะไร ๆ มากขึ้น
พ่อมักเตือนให้ลูก ๆ แปรงฟันก่อนนอนเพื่อฟันจะได้ไม่ผุ
แต่ลูก ๆ ก็มักจะคิดได้หลังจากที่ต้องถอนฟันไปซี่แล้วซี่เล่า
พ่อมักบอกให้เราซื่อสัตย์ทำงานหนัก เพื่อที่เราจะได้มีความเป็นอยู่ที่ดีตามอัตภาพ
พ่อไม่เคยบอกให้เราต้องร่ำรวยเพื่อจะมีความสุข
พ่อมักบอกเสมอ ๆ ว่าเรามีความสุขได้ตามอัตภาพโดยไม่ต้องร่ำรวย
พ่อที่มีลูก ๆ ของท่าน 60 กว่าล้านคน ไม่เคยคิดที่จะยอมขายลูกของตัวเอง เอาเปรียบลูกของตัวเอง เพื่อฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
แม้แต่พาหนะเดินทางของพ่อ รองเท้าเก่า ๆ ของพ่อก็ยังคงมัธยัสถ์ทะนุถนอม ใช้ของเดิม ๆ เมื่อชำรุดก็ให้คนเอาไปซ่อม
ไม่เคยคิดแม้แต่จะไถเงินจากลูกครั้งละ 40 สตางค์ เพื่อความมั่งคั่งส่วนตัวของพ่อเอง
พ่อมักบอกกับลูกเสมอ ๆ ว่าเราต้องก้าวไปพร้อม ๆ กัน ถ้าลูกคนโตสบายอยู่คนเดียว
ในขณะที่ลูก ๆ อีก 60 กว่าล้านคนต้องลำบากต้องโดนเอาเปรียบ
โดยการเปลี่ยนแปลงพี่น้องให้เป็นทาส มอมเมาพี่น้องด้วยเงินทอง โทรศัพท์มือถือ การพนัน ไม่ถือเป็นการพัฒนา
พ่อบอกว่าให้ลูก ๆ เลือกตัวแทนมาทำงาน มาบริหารครอบครัว โดยมีเป้าหมายเพื่อ ความสุขสูงสุดของลูก ๆ ทุกคน
ไม่ใช่เพื่อกำไรสูงสุด ของครอบครัว แต่เพื่อความสุขสูงสุดของครอบครัว ภายใต้เงื่อนไขที่มีอยู่มากมาย ทั้งภายในบ้าน และรอบ ๆ บ้าน
แต่มีลูกที่ดื้อรั้น หยิ่งผยองอวดดี ที่บังเอิญสวมหนังลูกแกะ และคุณธรรม คิดวัดรอยเท้าพ่อ
ใช้พี่น้องคนอื่น ๆ ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือบางคนก็รู้และสมยอมเพราะพี่ชายคนโตมีท่าไม้ตายคือ เงินฟาดหัว
จากลูก ๆ ที่เป็นแกะดำเพียงไม่กี่คน ลัทธิรวยแล้วโก้ รวยแล้วเท่ห์ รวยแล้วกร่าง ก็เริ่มแพร่หลายในสังคม
จากลูกแกะเซื่อง ๆ ที่มาจากศรัทธาของพี่น้อง ไหว้แม้แต่พี่น้องที่อาศัยอยู่ข้างถนน กลายเป็นคนใจร้อนกำแหง เกรี้ยวกราดกับทุกคน
จากคนเดิม ๆ ที่พ่อยอมให้เข้ามาบริหารครอบครัวแม้มีความไม่โปร่งใสเรื่องทรัพย์สิน
จากผู้นอบน้อม กลายเป็นศาสดาซึ่งมอบความกลัว ความเกลียดชัง การหลบหลู่และข้อกล่าวหาว่าโง่ แก่พี่น้องทุกคนที่เห็นตรงกันข้าม
กลายเป็นศาสดาที่กำแหงถึงขนาดกล้าชี้ผิดชี้ถูก รุกคืบในสิทธิมนุษยชนของพี่น้องคนอื่น ๆ เข้าไปถึงในความคิด ในวิถีชีวิตของพี่น้องอีก 60 ล้านคน
จากผู้ที่ดูเหมือนจะบริสุทธิ์ผุดผ่อง กลายเป็นบุคคลปริศนาที่ไม่ยอมตอบคำถามใด ๆ กลัวการตอบคำถาม และยึดครองสมบัติของครอบครัวเป็นของตนแต่ผู้เดียว
พ่อบอกว่าพ่อเกลียดคนโกง ลูกแกะหลงทางบอกว่า ไม่ต้องตรวจสอบผมรับประกัน ผมใหญ่ที่สุดแล้วในครอบครัว ถ้าใครมีปัญหาระวังจะไม่มีงานทำ
พ่อบอกว่านี้คือลูกที่ดีของฉัน ลูกชายผู้หลงผิดบอกว่าต้องขับออกจากพรรค
พ่อบอกว่าเราควรมีเศรษฐกิจแบบพอเพียง พวกลูกแกะหลงทางกลับบอกว่า จะเอาอะไรกินเราไปอยู่กระต๊อบกันดีไหมพวกโง่ทั้งหลาย
พ่อบอกว่าเราต้องพัฒนาไปพร้อม ๆ กัน ก้าวเดินไปพร้อม ๆ กัน ลูกแกะหลงทาง ขายสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อทำกำไรแก่คณะตนเอง
รวมไปถึงการจัดตั้งกองกำลังคุ้มกันบ้าน ลูกแกะหลงทางกล่าวกำแหง ผมจะเอาคนนี้ใครก็เปลี่ยนไม่ได้ เพราะพ่อต้องอยู่ใต้กฎบ้าน
ลูกแกะคนโตยังหลงทางต่อไป...ต่อไป..และต่อไป
ลูก ๆ ทั้งหลาย ตื่นเถิด ตาสว่างได้แล้ว ชีวิตนี้ของพวกท่านเป็นของพ่อโดยไม่ต้องมีกฎใด ๆ มารองรับ...
กราบแทบเท้าพ่อของแผ่นดิน
16 สิงหาคม 2547 15:55 น.
Darkness_Hero
นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายในฐานะคนที่รักกัน.
ไม่สิเคยรักกัน
ข้างล่างนี้อยากจะแปลก็แปล ไม่อยากแปลก็ไม่เป็นไร
This may be my letter in position of loveroh no just one... And after this time you must be just a friend for me Now and Forever, just one friend
Dont cut my phone call because its not the way that friend should do with his/her friend. Please be sure that I will not ask you back to love me again
I used to write many songs for you, many songs and I hope to give all to you when we marry so I never told you about that. But now I know that it cannot be like my dream anymore so I burned it and I send another song that I used to hear for you
Please, forget me not.
Remember who I am.
And all I did for you.
And all you did for me
And all thing that we did together
Dont forget our time.
Just seal it in the deepest of your heart
No need to back to me.
I just ask you for remember our memory
So you can tell my story to another
Story about Our love and the End of its
TAKE CARE OF YOURSELF.
BE YOURSELF IN YOUR WAY
30 กรกฎาคม 2547 20:05 น.
Darkness_Hero
เรื่องทั้งหมดจบลงเมื่อคืนนี้
แต่จะเล่าเรื่องของเมื่อวานนี้
เพื่อนของผมที่เจอผมเป็นคนแรก (ขณะนี้เป็น Art Director ทำงานร่วมกันอยู่ด้วย) เป็นคนที่นัดผมไปทำธุระซึ่งก็มีการเลื่อนด้วยสาเหตุต่างๆนาๆ ครั้งนี้ผมเองอยากอยู่กับบ้าน อยากอยู่ในห้องส่วนตัว นั่งดู นั่งอ่าน sms ที่เธอส่งมาให้ แต่ผมคงทำไม่ได้แล้วล่ะ งานต้องมาก่อน เมื่อเขาเห็นผมเขาถามในทันทีว่าผมเป็นอะไร
"ตรูไม่เป็นไรหรอก" ผมตอบไปสั้นๆ โดยที่ไม่มองหน้าเขา
แต่ความรู้สึกที่ผมได้รับถึงความเป็นห่วงทืให้ผมต้องร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เขาจึงถามผมอีก ไม่นานนักผมก็เล่าให้เขาฟังโดยละเอียด เพื่อนผมก็พยายามปลอบใจ และเล่นมุขต่างๆ เขาทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น หลังจากที่ผมจอดรถรอเขาและใจก็คิดไปต่างๆนาๆ นั่งร้องไห้อยู่ที่พวงมาลัยรถ รถที่จอดคันข้างๆคงสงสัยเหมือนกันว่าผมเป็นอะไร แต่เวลาในตอนนั้นมันทำให้ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ความรู้สึกที่สับสนมันกลับมาในชีวิต เหมือนตัวเราไร้ค่า แต่ก็มีค่ากับคนที่เป็นเพียงแค่เพื่อน หรือคนที่ต้องการเป็นคนรักของผมแต่ผมจะมีคนรักเพียงคนเดียวในช่วงเวลาเดียว ผมจะไม่มีแฟนหลายๆคนพร้อมกันเพราะมันจะทำให้ท้ายที่สุดต้องมีคนร้องไห้ ผมทำให้คนร้องไห้มามากพอแล้ว....ไม่ต้องการทำอีกแล้ว
เช้าเมื่อวานนี้หลังจากวันที่เกิดเรื่อง พอดีผมและ Art Director ต้องไปที่รังสิต จิตใจแบบนั้น นอนก็ไม่ได้นอน คลั่งทั้งคืนแต่ก็ต้องขับรถจากสำโรงไปรังสิต แต่ก็ทำได้อยู่ล้วล่ะ ผมยังทำตัวเหมือนปกติ ยังคงขำกับมุขบ้างตามมารยาท ซึ่งก็คงรู้กันอยู่ว่าเวลาแบบนั้นแค่ยิ้มก็ยากแล้ว เพื่อนผมนั้นด้วยความเป็นห่วงชวนคุยกับผมเรื่อยๆ ลามไปถึงเรื่องสาวๆไปมองสาวๆตาม ม.ต่างๆ เรื่องนู้นเรื่องนี้ และเธอก็ได้โทรมาอีกครั้ง เพื่อนผมพยายามมากหรือเป็นเพียงปกติที่เขาเป็นคนแบบนี้ แต่ที่แน่ๆเขาทำให้ผมรู้สึกไม่เหงาและไม่ได้อยู่คนเดียว ขอบใจมาก ถ้านายอ่านอยู่แม้เมื่อวานเราจะไม่ได้พูดขอบใจก็ตาม (เอา MAge ไปช่วย Share แล้วนะเป้นการตอบแทน แล้วจะเอาพ่อค้าไปดูดต่อ)
แต่เพียงแค่เธอโทรมาผมก็เสียใจร้องไห้อีกครั้ง
เธอถามว่าทำไมยังขับรถอีก เมื่อคืนไม่ได้นอนไม่ใช่หรอ ทำไมไม่ไห้ เพื่อนขับล่ะ ผมขับได้ ผมตอบเธอไปอย่างนั้น แต่ผมก็ต้องจอดข้างทางและนั่งทำใจให้มันสงบขึ้นบ้างก่อนจะขับรถต่อไป ขณะนั้นผมกับรถ Honda คู่ใจ และเพื่อนซี้อีกคนอยู่บนวงแหวนรอบนอก ขับด้วยความเร็วปกติ
และเธอก็โทรมาตลอด เธอบอกว่าเธอห่วงผม ผมเองก็รู้สึกดีแต่ในใจมันก็เจ็บ มันเหมือนกับมีมีดเล่มหนึ่งปักอยู่กลางใจแล้วเธอมาขยับมีดเล่มนั่นเพื่อจะดึงออก ผมถามถึงเหตุผล ถามถึงหลายๆอย่าง คุยกันหลายเรื่อง สุดท้ายเธอก็บอกว่าผมคงไม่ดีสำหรับเธอ ผมไม่ใช่คนที่ใช่ ผมถามไปว่าแล้วใครล่ะคนที่ตามหาอยู่นะ เธอตอบมาตรงมากคือชื่อของแฟนเก่า เอาเป็นว่าผมจะเรียกเขาว่า " พี่วิท" แล้วกันจะเป็นชื่อจริงหรือไม่ผมไม่บอก เผื่อคนในบอร์ดนี้จะรู้จัก
"พี่วิท" คือคนที่แฟนของผมรักมาก และเพียงแค่ฟังที่เธอเล่า เธอและเขาเคยเป็นแฟนกัน แต่แล้วเขาก็ทิ้งเธอไปมีคนใหม่ เธอให้เขามากกว่าที่ให้ผม เธอเคยเป็นสาวน้อยที่เชื่อในความรัก มีความหวาน เป็นคนดี เธอเสียใจมาก และปิดใจไปเลยแม้มีใครเข้ามาเธอก็คบแต่ก็ไปไม่รอดสักราย มากสุดก็เพียง 3 เดือน (ตอนนี้ผมกับเธอเป็นคนรักกันได้ 5เดือนครึ่งแล้ว) ถึงวันนี้แฟนเขากลัวที่จะเจ็บอีก จึงไม่กล้าให้ใครแบบที่พี่ให้พี่วิทอีกแล้ว ทุกครั้งที่ผมฟังเรื่องของเขา ผมจะรู้สึกแย่ มันบาดลึกเข้าไปอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าพี่วิทไม่อยู่ตรงนี้ แต่เขาก็ยังคงวนเวียนอยู่ในความรู้สึกของแฟนผม และนั่นทำให้เจ็บทุกครั้งที่รู้สึก ผม....มันก็แค่ผม ไม่ใช่คนที่สำคัญเท่าพี่วิทของเขา "ผม-เกลียด-พี่-วิท" ผมพูดคำนี้ทุกครั้งและต่อหน้าเธอ ซึ่งเธอก็ไม่ว่าอะไร ที่ผมเกลียดเพราะเขาทำร้ายแฟนผม แม้มันจะเป็นอดีต และเขายังทำร้ายผมโดยที่มีแฟนผมเป็นอาวุธชั้นเลิศซึ่งจะโจมตีเข้าเป้าทุกครั้ง ผมอิจฉาเขาเพราะเขาได้ในสิ่งที่ผมไม่เคยแม้แต่จะได้สัมผัสจากเธอเลย....
หลังจากวางหูจากเธอได้ไม่นานนัก เธอก็โทรมาอีกที เธอขอโทษผมแล้วก็บอกว่าอยากจะขอคืนดี เธอโทรไปบ้านพี่วิทมา ที่บ้านพี่วิทเขาว่าจะพี่วิทกลับมาเดือนมิถุนายน เรื่องนี้ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องไหมกับการที่เธอทำแบบนี้ เพราะคนที่เธอใจง่ายเผลอใจไปให้และมากขนาดนี้ เขาชื่อ....เอ่อ....เอาเป็นว่าผมจะเรียกว่า"พี่ต่าย"แล้วกัน
"พี่ต่าย" เป็นเพื่อนของพี่วิท ทั้งสองคนทำงานบนเรือเกี่ยวข้องกับการขนส่งทางเรือไปยังต่างประเทศ ในครั้งนั้นที่แฟนผมอกหักจากพี่วิท พี่ต่ายก็เข้ามาปลอบใจและเป็นกำลังใจ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นก่อนนี้ที่ผมจะรู้จักกับแฟนผมเสียอีก พวกเขามีความผูกพันกันมากกว่าคำว่า"เพื่อน" ผมเองเคยฟังที่เธอเล่าผมก็รู้ว่า แฟนผมมีใจให้ตั้งนานแล้ว แต่พี่เขาไม่คิดอะไร ถึงวันนี้ผมรู้สึกว่าทั้งคู่มีใจให้กันแล้วผมก็เป็นเพียงส่วนเกิน....
หลังจากที่ผมกระจายข่าวไปเรื่อยๆเรื่องของความรักและหัวใจของผม และข่าวนี้กระจายไปถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูแล้วรู้สึกราวกับว่าเขามีใจให้ผมด้วย แต่ตอนนั้นผมปฎิเสธเธอไปเองเพราะผมมีแฟนอยู่แล้ว จริงๆแล้วผมเป็นคนบอกเธอเองแหละ ผมรักษาสัญญา ที่เคยสัญญาไว้ว่า "ถ้าผมเลิกกับคนนั้นเมื่อไหร่จะโทรบอกเป็นคนแรกเลย" เมื่อวานนี้ผมก็โทรหาเธอสักประมาณ 7 โมงเช้า คิดว่าเธอคงไปฝึกงาน ที่ไหนได้เธอยังไม่ตื่น เธอมีพูดออกมานิดหน่อยเรื่อย แถมมีบอกว่า "บอกแล้วให้คบกะเค้าตั้งแต่แรกไม่เชื่อ" นั่นสิ...ทำไมนะ ผมรู้คำตอบอยู่มันคือคำตอบคำเดียวที่ตอนที่ผมบอกเธอไปในตอนนั้น...ว่า"ผมมีแฟนแล้ว และผมไม่อยากมีแฟนทีละหลายๆคน" และเธอก็รู้ว่าผมรักแฟนของผมมาก แต่เธอคนนี้แหละที่หลายครั้งผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก และในอีกหลายๆครั้งที่เดียวซึ่งเธอคนนี้ไม่รู้ว่าเธอเป็นคนที่ผมเผลอใจไปให้ เมื่อวานนี้ผมก็บอกเธอเป็นนัยๆถึงเรื่องนี้ เธอบอกว่าเธอกอดตุ๊กตาที่ผมให้เป็นของขวัญวันเกิดทุกคืนเลย ซึ่งเพียงแค่นั้นผมก็รู้สึกดีแล้ว แต่เธอคนนี้ไม่ใช่แฟนผม แม้ผมจะมีใจแต่ตอนนี้ไม่ใช่แฟนผม วันหนึ่งเขาอาจจะเป็นก็ได้ อนาคตเป็นสิ่งที่เราไม่รู้ แต่ถ้าถามว่าผมรักเธอไหม.... ตอนนี้ผมอาจจะรัก มันบอกไม่ถูก แต่ถ้าจะให้ถึงขั้นแฟน...ตอนนี้ยังไม่ได้ หัวใจของผมก็มี 4 ห้องเหมือนคนอื่น ประชากรไทยหญิงมากกว่าชาย 4:1 เป็นการบอกเป็นนัยๆว่าชายคนหนึ่งคบได้4คน โดยที่ไม่ต้องแย่งกัน แต่หัวใจของผมจะไม่แบ่งขาย ผมถึงว่าคำว่า"แฟน"นั้นสำคัญมาก และจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้รับตำแหน่งจนกว่าเขาจะถอดถอนตัวเอง หรือทำร้ายจนกระทั้งเก้าอี้ประจำตำแหน่ง พังทลายลง ความรักระหว่างผมกับเธอคนนั้นจึงต้องเป็นอย่างนี้ต่อไป แม้ผมจะรู้สึกดีก็ตาม แต่ผมจะไม่ยอกให้ใครเข้ามาทำลายความรักของผม และทำร้ายคนที่ผมรัก
และเมื่อคืนนี้ในขณะที่เพื่อนอีกคนหนึ่งคนหนึ่งกำลังปลอบใจผ่านสายโทรศัพท์ จากจุดๆหนึ่งของกรุงเทพมาที่หลืบๆหนึ่งในสมุทรปราการ หลืบที่รถเมล์เข้าไม่ถึง เขาปลอบใจด้วยคำพูดหลากหลายรูปแบบทั้งๆแบบตลาดเช่น "ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวนะโลกนะ" แหมถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผมคงไม่เสียใจหรอกเพราะความจริงคือผู้หญิงมีเยอะมากแต่คนที่ผมจะรักและรักผมมีน้อย และผู้ชายเองก็บ้ารู้ๆว่ามีแฟนอยู่แล้วก็ยังเดินเข้ามา จะมารักคนๆเดียวกันหาพระแสงขอดาบเลเซอร์อะไรกันหา! ไม่คิดบ้างเลยว่าสิ่งที่ทำมันเลวขนาดไหน ไม่มีความรับผิดชอบทั้งคนที่เข้าไปจีบและคนที่ให้จับโดยที่ไม่คัดค้านอะไรเลย ...เอ๊ะ ถึงไหนแล้วนะ... อ่อ ใช่ๆ แล้วเขาก็มีคล้ายๆกับสอนๆด้วย มันก็ดี แล้วเขาก็เล่าถึงแฟนเขา เล่าถึงงานเขา ถึงอะไรหลายๆอย่าง ความที่ทำอะไรคล้ายๆกันก็คิดตามและทำให้ผมไปสนใจเรื่องอื่นได้พักหนึ่งเช่นเดียวกัน ไปสนใจว่าบทตรงนี้น่าจะเสริมตรงไหน มุมกล้องแบบนี้ถ้าเปลี่ยนจะได้แบบไหนบ้าง การตัดต่อแบบไหน ลองลำดับเรื่องใหม่ดีไหม หรือจะเขียนบทใหม่เข้าไปแต่คง concept เดิมไว้ แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก ได้แค่คิด....
และระหว่างนั้นเองเธอก็โทรมาอีกที ผมจึงขอตัวไปคุยกันเธอ เราคุยกันหลายเรื่อง ทั้งสองฝ่ายต่างสับสน และ ทำตัวไม่ถูก ผมเองก็รักเธอแต่ก็ได้แค่เพื่อน แม้จะมีบ้างที่ใจผมไปถึงเธออีกคนที่เล่าไปแต่ก็จะไม่เอาเขามาเกี่ยว ถ้าผมคบสองคนก็อย่างที่บอกต้องมีน้ำตากันอีกแน่ ผมพูดถึงเรื่องการขอคืนดี ว่าเป็นแค่เพื่อนไปก็แล้วกันเพราะคำพูดต่างๆที่เกิดขึ้นในคืนนั้นมันทำร้ายผมมาก และรู้ตัวเองว่ามันคนไม่สำคัญอีกแล้ว แต่เธอก็พยายามแก้ตัวจนในที่สุดผมก็ต้องบอกเธอไปว่าผมยังต้องการเธออยู่ แต่ผมเองก็กล้าๆกลัวๆว่าถ้ากลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว จะมีอะไรเกิดขึ้นอีก ผมบอกเธอในหลายๆเรื่องที่อัดอั้นในใจ จนกระทั้งเธอบ่นว่าทำไมต้องว่าเธอขนาดนี้
แต่สุดท้าย.... คำว่า"เรา"ก็กลับมา ผมกับเธอก็ยังคงเป็นแฟนกันเหมือนเดิม แต่ผมตอนนี้ก็ยังคงบาดเจ็บอยู่และคงไม่หายไปจนกว่าวันที่ "พี่วิท" และ "พี่ต่าย" จะหายไปจากชีวิต ซึ่งเธอบอกว่าไม่มีทางแต่เธอจะพยายามถอยออกมาให้มากที่สุด เธอบอกว่าอย่างนั้น ผมเองถามว่าเชื่อไหม ผมก็ไม่ค่อยเชื่อ แต่สิ่งที่ผมเป็นและแก้ไม่หายคือ "แม้เพียง1%ผมก็จะเดิมพันกับมัน" ผมพูดประโยคนี้ตั้งแต่เมื่อ 6 ปีที่แล้วขณะที่คบกับแฟนเก่าของผม แต่การเดิมพัน1%นี้ผมจะใช้กับเพียงเรื่องของความรักเท่านั้น เธอได้บอกในสิ่งที่ผมรู้สึกแย่อีกอย่างคือ เธอให้สัญญากับตัวเองว่าจะไม่เจอกับพี่วิทอีก.......แต่เธอเพียงอยากรู้ข่าว ห่วง ไม่รู้พี่วิทเป็นไงบ้าง" และเธอกับหมอนั่นก็ก็ทำร้ายผมอีกครั้งโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว ส่วน"พี่ต่าย"ผมขอให้เธอถอยออกมาซึ่งเธอก็สัญญาว่าจะถอยออกมาให้มากที่สุดแต่เธอก็ไม่สัญญาว่าจะทำได้ดีขนาดไหน ถึงจุดนี้ถ้าดักฟังโทรศัพท์อยู่มันต้องคิดว่าผมบ้า เพราะผมokกับคำตอบนี้ มันเหมือนกับแผลที่ชักมีดออกมาแล้วแล้วเอามีดเล่มเดิมมากดแผลไว้แล้วค่อยๆเลื่อนออก แต่ตอนนี้ปลายมีดในส่วนที่คมที่สุดมันยังอยู่ที่ปากแผลซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่สนิทดี ด้วยซ้ำไป
ผมไม่รู้ว่าผมจะเสียน้ำตาเพราะเธอคนนี้อีกมากเท่าไหร่ จะเจ็บเท่าไหร่ แต่ผมรักเธอนี่นา.... แล้วคนที่มันด้วยใจทั้งใจเวลาเขาเจ็บมันก็เจ็บไปทั้งใจเช่นกัน
สรุป : ผมและแฟนผมกลับมาคืนดีกัน...เป็นแฟนกัน แต่ความเชื่อใจของผมลดลงไปมากทีเดียวต้องใช้เวลา.... แต่เธอจะรู้ไหมว่าตอนนี้ผมเป็นอย่างไร
เรื่องนี้จบลงแบบนี้.......
ความรักของผมแม้มันจะเจ็บปวดบ้าง หัวใจที่เต็มไปด้วยบาดแผล แต่ผมก็ยังต้องการส่งเสริมให้คนรักกัน จริงใจ และให้กันและกันด้วยใจทั้งใจ ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นภาพเหล่านั้น และมีบ้างที่แอบเก็บภาพคู่รักที่หวานกันในที่ต่างๆ(ไม่ใช่ภาพโป้นะ) ผมจะอมยิ้มทุกครั้งที่เห็นคู่รักเดินจูงมือกันมองตากันอย่างหวานซึ้งกินใจ ให้เกียรติกันและกันในฐานะที่เป็นคนรักกัน มีมากเหมือนกันที่ผมจะนึกอิจฉา แต่ผมก็รู้สึกอยู่ดี
ผมอยากให้โลกนี้....มีเรื่องดีๆ มีความรักความห่วงใยอันมีค่าให้กันและกัน ไม่มีการโกหก หลอกลวง ปิดบัง ซ่อนเร้น ปันใจฯลฯ ปัญหาเกี่ยวกับความรักนั่นมากมายเหลือเกิน แต่ทุกอย่างแก้ได้ด้วยการเชื่อมั่นในความรัก เวลารักใครสักคนหนึ่งก็ต้องรักด้วยใจทั้งใจ และไม่ทำร้ายใคร ไม่แย่งใคร เพราะมีสำนึกว่ามันต้องมีใครสักคนร้องไห้ และมันทำให้เจ็บปวด
ต่อไปอีก...จากนี้เป็นเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นหลังจาก เวลานั้น
เธอคนที่ผมรักเลิกกับผมอีกทีเพราะผมเล่าเรื่องนี้ให้คนที่ผมรู้จักฟัง....ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่เคารพสิทธิ ผมเองเล่าเพราะแค่อยากจะระบายมันออกมา... เก็บไว้ก็เสียใจอยู่คนเดียว ผมพยายามอธิบายเธอทุกวิธีทางว่าผมแค่ต้องการระบายเพราะเสียใจ และต้องการเพื่อน เธอโกรธผมมาก เธอบอกว่าผมต้องการให้คนนู่นคนนี้มาสงสาร... แต่จริงๆแล้วคนอย่างผมมันพวกเหตุผลง่ายๆ คือแค่เสียใจ แค่อยากระบาย แต่แค่ผมต้องการระบายเพื่อให้สบายใจขึ้นมันผิดหรือ? ความเจ็บช้ำที่หนักหน่วงนี้จะให้ผมอยู่เฉยๆในห้องเพียงคนเดียวเช่นนั้นหรือ? แต่ไม่ว่าผมจะอธิบายเท่าไหร่เธอก็ไม่ฟัง เธอบอกผมรักตัวเองมาก ชอบแก้ตัว แต่ผมเองผมคิดอย่างไรผมก็บอกไปอย่างนั้น แก้ตัวไหมไม่รู้แต่ผมมีเหตุผลแม้เหตุผลมันจะง่ายมากอย่างที่เธอเคยถามว่าทำไมต้องทำอะไรต่อมิอะไรขนาดนี้ ผมตอบว่าแค่รักเธอ คราวนี้ผมคงตอบว่าก็เพราะเสียใจอย่างระบาย จริงๆแล้วผมเองไม่เคยต้องการเลยที่จะให้ใครมาสงสาร หรือมาพูดแบบสงสารให้ผมดีขึ้นแต่ผมแค่ต้องการเพื่อน ใช่แล้วพอพูดถึงเพื่อน.... เธอเองก็มีประโยคหนึ่งที่ว่า "ก็กลับไปหาเพื่อนเลยสิ เพื่อนเยอะไม่ใช่หรอ" เอ...มันผิดด้วยหรอที่ผมจะระบายกับเพื่อน พ่อแม่ผมก็ระบายไม่ได้ไม่อยากให้ท่านเป็นทุกข์กับผม ก็จะมีเพียงเพื่อนและน้องสาวเท่านั้นเองที่พอระบายได้บ้าง
เธอวีนแตก อารมณ์ฉุนตลอด ผมรู้สึกได้เลยแม้จะเพียงแค่ทางโทรศัพท์ ผมเองก็รู้ตัวเลยว่าผมเองก็ประสาทเสียทำเดียวล่ะ ทั้งๆที่ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยโกรธใคร อารมณ์เย็นมากถึงมากที่สุดใครทำให้ผมโกรธได้นี่เก่งแล้ว แต่วันนั้นผมกลับโกรธ เพียงเพราะเธอไม่ฟังแม้เหตุผลเลย ผมพูดผมอธิบายเธอก็สวนกลับมาตลอดว่าผมแก้ตัว ผมไม่ดี ผมไม่เคารพสิทธิ ผมเองก็บอกว่าแค่ต้องการระบาย
สักพักผมก็สงบลง (ผมจะสงบลงเร็วมาก) แต่เธอไม่สงบด้วยพายุร้ายยังคงกระหน่ำต่อไปเรื่อยๆ เธอบอกเลิกมานับครั้งไม่ถ้วนและไม่ต้องการคุยกับผมอีก ถามว่าผมเสียใจไหม ผมเสียใจมาก แต่ในใจมันคิดแล้วว่าบางครั้งผมถอยออกมาบ้างมันก็คงจะดี ให้โอกาศคนอื่นบ้างที่เขาเข้ามา แต่ไม่ว่าผมจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่ ก็ห้ามความเสียใจไม่ได้อยู่ดี
สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกแย่ที่สุดคือการเอ่ยชื่อของ "พี่ต่าย" และ "พี่วิท" ของเธอ และเธอยังบอกอีกว่า ผมไม่มีทางได้ถึงครึ่งของพี่วิทหรอก ผมคิดในใจด้วยประโยคเดิมที่ผมพูดกับเธอทุกครั้ง ว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามผมมั่นใจว่า ผมจะไม่ทิ้งเธอไปอย่างพี่วิทแน่ พี่วิทกล้าพูดคำว่ารัก แต่คบได้ไม่นานกลับทิ้งเธอซะอย่างนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นใคร ถ้าเธอต้องการคนแบบนั้น เธอก็ต้องโดนทิ้งอยู่ร่ำไป แล้วก็ต้องมาสรุปที่เธอจะกลับความรักและมองว่ามันเลวร้ายเสียเปล่าๆ เธอมันจะพูดถึงพี่วิท เล่าเรื่องพี่วิท แต่ผมเกลียดเขา บางครั้งแค่เธอฝันถึงพี่วิท ผมก็จะต้องมีปัญหากับเธอทั้งๆที่ผมไม่ได้รู้อะไรเลย ผมเองคงไม่มีทางดีไปกว่าพี่วิทของเขาหรอก ผมรู้สึกอย่างนั้น ดังนั้น ปล่อยๆเธอไปบ้างดีกว่า บางครั้งความรักแบบนั้นอาจจะเป็นแบบที่เธอหาอยู่ คนรักจริง Romance และทุ่มเทอย่างผมเธอคงไม่ต้องการเท่าไหร่ บางครั้งชีวิตนี้อาจจะมีคนที่มองหาความนักแบบของผมอยู่บ้างก็เป็นได้ แต่คงไม่ใช่เธอคนนี้แน่ๆ
หลังจากที่เธอวางหูไป น้ำตาผมก็ไหลอีกครั้ง 6เดือนที่ผมคบกับเธอผมเสียน้ำตามากกว่า 5ปี 8เดือน กับอีก 16วัน ที่ผมคบกับคนก่อนเสียอีก นี่มันอะไรกัน มีคำถามอยู่ในหัวตลอดว่าผมกำลังเล่นกับอะไรอยู่ แต่หัวใจมันก็บอกตลอดว่า "เล่นกับความรักไง" มันตอบก่อนสมองเสียอีก ถามว่ารักไหมผมตอบแทบไม่ต้องคิดเลยว่า"รัก" แต่หัวใจดวงนี้มันไม่รู้จะทานได้อีกมากน้อยเท่าไหร่ ถ้าต้องกลับมารักกัน และใช้คำว่า "แฟน" อีก เมื่อเธอไม่แม้จะทำความเข้าใจเลย อะไรๆผมก็จะผิดไปเสียหมด.... แต่ก็มีหลายอย่างที่เดียวที่ผมผิดผมพลาดไปจริงๆ ทำไมนะเพียงแค่คุยกันทำความเข้าใจกันบ้างทุกอย่างก็ง่ายขึ้น แต่นี่ไม่เลย....แล้วชาตินี้มันจะเข้าใจกันไหม เธอบอกว่าเป็น"แฟน"แล้วไม่ได้อะไรดีขึ้นมา เป็นเพื่อนเสียจะดีกว่า มันอาจจะจริงก็ได้
หลังจากนั้นไม่นาน...สุดท้ายเธอก็โทรมาด้วยอารมร์ปกติ คำว่า"เรา"ก็หายไปแล้ว กลายเป็นเพียง เพื่อน... โอเค"เพื่อน"ใช่ไหม "เพื่อน" ก็ "เพื่อน" แต่สิ่งที่ผมทำให้เธอมันก็เกินเพื่อนอยู่ดี เพื่อนๆของผมทุกคนที่รู้จักผมดีจะรู้ได้ทันที ทำไมๆๆๆๆ ผมน่าจะให้ความสำคัญแค่เพื่อน ผมคงต้องพยายามลดมันลงมาบ้าง
ความรักครั้งนี้ผมสร้างขึ้นเอง และผมก็เจ็บเอง..... แต่ผมก็จะไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าทุกอย่างจะดีขึ้นหรือเลวร้ายลง ไม่ว่าบทสุดท้ายความรักที่ผมมีให้เธอ จะกลายเป็นให้คนอื่น หรือจะกลับเป็น "เรา" ก็อย่างที่ผมพูดประจำนั่นแหละ
"ผู้หญิงคนเดียวทำลายเราไม่ได้หรอก"
--------
สุดท้ายทุกอย่างก็คบลงที่เพียง "เป็นเพื่อน" ....ความรักของคนแบบผมมันก็เท่านี้เองเมื่อมาเจอกับคนอย่างเธอ
---------------------------------------
ถึงตรงนี้ คงมีหลายคนบอกว่าเลิกคบเถอะ เหมือนกับที่replyในบอร์ดpramool.com หรืออย่างไรก็ตาม ผมกับเธอก็เลิกบ้างคบบ้างสลับไปมา เหมือนอยากตัดแต่ก็ตัดกันไม่ขาดเสียที "เพราะความรัก?" ผมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคือ ตอนนี้(ขณะที่postที่ Thaipoem.com) ตำแหน่งของเขาคือแฟนครับ