26 มิถุนายน 2548 15:44 น.
dark side of mind
เงิน..คือพระเจ้ายืนยงองค์สุดท้าย
ที่มากมายศรัทธามหาศาล
ศรัทธาเกินเงินสวมหน้าเป็นซาตาน
เฝ้ากัดกินวิญญาณพร่าผลาญใจ
มวลมนุษย์สุดหล้าล้วนสาวก
ทั้งยาจกเศรษฐีผู้ดีไพร่
เงินบันดาลผ่านบัดดลทุกหนไป
คนมือยาวสาวได้กวาดไปกิน
ยุคไอทีพลีร่างเพื่อสร้างฝัน
แปลงทุนอันลี้ลับเป็นทรัพย์สิน
หยาดสำนึกผนึกนาบคราบราคิน
ผสมกลิ่นแบงค์ใหม่ใหม่ปลอบใจช้ำ
เศรษฐกิจเมามัวแต่ตัวเลข
ปั้นแต่งเสกลากจูงให้สูงล้ำ
กลับปี้ป่นคือต้นทุนคุณธรรม
ยอดผู้นำประทานให้ โอ้..My God
18 มิถุนายน 2548 20:58 น.
dark side of mind
***แม้มากมี อำนาจ วาสนา
แม้มากมายเ งินตรา มหาศาล
พลพรรค อักโข มโหฬาร
ยากฝ่าด่าน ความตาย วายชีวา
สัจธรรม ชี้ชัด บัญญัติไว้
มิมีใคร ใหญ่ย้ำ อยู่ค้ำฟ้า
ต้องเกิดดับ พรากพลัด เป็นปรัชญา
คงความดี ชั่วช้า ปรากฎแจ้ง
คิด-ทำใหม่ ให้สำนึก เหมือนลึกล้ำ
แค่คมคำ น้ำเน่า เคลือบเคล้าแฝง
พฤติกรรม ลับล่อ ส่อแสดง
ยังยื้อแย่ง อำนาจ ปล้นชาติกิน
คลื่นถาโถม โหมฝั่ง ยังสงบ
มีเริ่มต้น ต้องพบ จุดจบสิ้น
เมื่อศรัทธา ขาลง ร่วงส่งดิน
ย่อมได้ยิน เสียงไล่..ใช่เสียงชม***
17 มิถุนายน 2548 00:46 น.
dark side of mind
***ดวงวิญญาณผ่านภพบรรจบร่าง
ก่อเกิดกลางกระแสเปลี่ยนแปรผัน
พเนจรนานนับชั่วกับป์กัลป์
ผ่านสวรรค์นรกเวียนวกวน
เดินหลงทางเหนื่อยล้ามานานนัก
ซึ้งประจักษ์ไฟสุมทุกขุมขน
ไฟโลกีย์ร้อนพล่านเกินทานทน
โลกสับสนคนเคว้งคว้างกลางมายา
นั่งนิ่งพักใจกายให้หายเหนื่อย
ลมหายใจไหลเรื่อยอย่างเฉื่อยช้า
ทิ้งความทุกข์คณานับเพียรหลับตา
ใจเจิดจ้าในท่ามความมืดมน
สัมมภาระมากน้อยทยอยทิ้ง
ปล่อยวางสิ่งหน่วงหนักเพื่อมรรคผล
เป็นแขกโลกเพียงครู่พึงรู้ตน
ใช่มาขนมาแบกสร้างแอกใจ...
16 มิถุนายน 2548 22:36 น.
dark side of mind
***ถึงคืนค่อนนอนไม่หลับกระสับกระส่าย
ไร้น้องแนบเกยก่ายให้หายเหงา
สุดหม่นหมองน้องพรากจากอกเรา
แสนโศกเศร้าขื่นขมตรมอุรา
เคลิ้มหลับไปใจหวนถึงนวลน้อง
เห็นว่าเจ้าลอยล่องย่องมาหา
สารภาพบาปกรรมที่ทำมา
หลั่งน้ำตาหน่วงหนักซบตักเรา
ลืมตาตื่นตกใจอะไรนี่
โอ้เราฉี่ใช่น้ำตาน่าโง่เขลา
สู้อุตส่าห์ยกโทษไม่โกรธเจ้า
ยังลวงหลอกเหมือนเก่า..มาเข้าฝัน***
14 มิถุนายน 2548 22:59 น.
dark side of mind
***ความโดดเดี่ยวแต่งบรรเลงถ้อยเพลงเศร้า
ความเงียบเหงาเรียบเรียงเสียงประสาน
ความอ้างว้างสร้างทำนองก้องกังวาน
จิตวิญญาณขานพจน์เอื้อนบทเพลง
สังคีตเสียงเรียงร่ายฉายภาพพจน์
ให้ลิ้มรสขื่นขมเหมือนข่มเหง
ทุกคืนค่ำย้ำซ้ำร่ำบรรเลง
รุมเร้าเร่งร้าวรอนมิผ่อนคลาย
ประวัติศาสตร์พลาดซ้ำรอยช้ำเก่า
ความโง่เขลาทำโทษอย่างโหดร้าย
ความซื่อสัตย์กัดลิ้นสิ้นใจตาย
ฉุดความรักล้มละลายตายตามกัน
ดนตรีใจไหลรินไม่สิ้นเสียง
ส่งสำเนียงเช่นเคยอย่างเย้ยหยัน
เหมือนเสียงสาปหฤโหดลงโทษทัณฑ์
สาปส่งลงโลกันตร์นิรันดร์กาล***