31 มกราคม 2549 20:59 น.
D.J.ต้น
เดือนมกราคม คือเดือนที่เด็กๆ มีความสุขเป็นพิเศษ เพราะมีวันที่ทางการ กำหนดให้เป็น "วันเด็กแห่งชาติ" ขึ้นทุกปีสำหรับวันพิเศษเช่นนี้ เด็กทุกคนก็จะได้รับการเอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดีจากผู้ใหญ่ทั่วบ้านทั่วเมือง โดยเฉพาะเด็กคนไหนที่มี พ่อ แม่ พี่ น้อง อย่างครบครัน ก็จะได้รับความอบอุ่นเป็นที่สุด บ้างก็พาครอบครัวไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ที่หน่วยงานทั้ง
ภาครัฐและเอกชนจัดขึ้นเพื่อเด็กๆ
แต่สำหรับเด็กน้อยคนหนึ่ง หาเป็นเช่นนั้นไม่ น้องแม็ก หรือเด็กชายมรกต มะลิซ้อน มีชีวิตขาดความอบอุ่นตั้งแต่ยังเยาว์วัย เมื่อลืมตาดูโลกได้เพียงแค่ 8 เดือน พ่อ ผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวต้องเสียชีวิตไป เหลือเพียงแม่ พี่สาว และพี่ชายที่คอยเลี้ยงดู ฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจน จึงไม่มีเงินส่งลูกเรียนสูงๆ อาชีพที่ทำจึงมีรายได้น้อย พออยู่ได้ไปวันๆ เท่านั้น
การสูญเสียพ่อในขณะที่ยังเยาว์ ถือว่าเป็นเรื่องโชคร้ายแล้วสำหรับใครคนหนึ่ง ที่ยังไม่เคยเอ่ยคำว่า "พ่อ" ต่อหน้าผู้เป็นพ่อที่แท้จริง แต่ชีวิตของน้องแม็กราวกับฟ้าดินกลั่นแกล้ง เมื่อมีอายุเพียง 3 ปีเศษ ก็ต้องมาสูญเสียแม่ซึ่งเป็นบุพการีสุดที่รักเพียงคนเดียวของเขาไป ชะตากรรมของครอบครัวจึงเปรียบเสมือนเรือลำน้อย ที่ลอยละล่องอยู่ท่ามกลางทะเลเขว้งคว้างไร้เข็มทิศนำทางไปสู่ฝั่งฝัน สามพี่น้องต้องกัดฟันทนอดทนสู้ เพื่อให้ชีวิตยังดำรงอยู่ต่อไป พี่แหม่ม ซึ่งเป็นพี่สาวคนโตจึงต้องทำงานหนักกว่าเพื่อน แต่ด้วยมีวุฒิการศึกษาน้อย จึงมีรายได้น้อยไปด้วย
ถึงอย่างไรก็ตาม เธอก็ยังเจียดเงินส่วนหนึ่ง ส่งให้น้องชายคนกลางเรียน แต่พอน้องแม็กโตพอที่จะเข้าโรงเรียนได้น้องชายคนกลางจึงต้องออกจากเรียน เพื่อช่วยพี่สาวทำงาน ตอนนี้ความหวังของทั้งสองคนคือ ต้องทำงานหาเงินส่งน้องชายคนสุดท้ายให้เรียนหนังสือสูงๆ จะได้เป็นเสาหลักแก่ครอบครัวในอนาคต พี่สาวทำงานก่อสร้าง คนรองทำงานรับจ้างทั่วไป
น้องแม็คเรียนหนังสือค่อนข้างหัวดี มีนิสัยร่าเริง แจ่มสัย มนุษยสัมพันธ์ดี จึงเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนฝูง รวมถึงคุณครูที่โรงเรียนทุกคนนี่อาจจะเป็นสิ่งเดียวที่เขามีความสุขที่สุด ที่พอจะทดแทนสิ่งที่เขาขาดหายไปได้บ้าง เขาตั้งใจเรียนอย่างมาก เพราะรู้ว่าทุกคนในครอบครัวลำบากยากเข็ญเพียงใด เพื่อส่งให้เขาได้เรียนหนังสือ ปัจจุบันน้องแม็กอายุ 11 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านภูเขาลาด ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เหลืออีกปีเดียวเขาก็จะได้เข้าเรียนในชั้นมัธยมแล้ว
วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2549 เพิ่งผ่านวันเด็กไปไม่กี่วัน น้องแม็กได้ขี่จักรยานไปเล่นที่วัดภูเขาลาด ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เขาทำเป็นประจำในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ในขณะที่เขาขี่พาหนะคันโปรดผ่านไปผ่านมาอยู่หน้าวัดนั้น สายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาที่เขาอย่างไม่คลาดสายตา แต่น้องแม็กก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะไม่ได้ไปยุ่งกับชายแปลกหน้าคนนั้น พอเวลาประมาณ 16.30 น. ชายแปลกหน้าคนนั้นได้เดินถือมีดสปาต้าอันใหญ่ เดินเข้ามาทางด้านหลัง น้องแม็กคิดว่าเขาอาจจะถือมีดไปตัดฟืนหรือไปทำอะไรบางอย่างกระมัง จึงไม่ได้ระวังตัว แต่หารู้ไม่ว่าเป้าหมายที่แท้จริงนั้นคือน้องแม็กนั่นเอง
ชายแปลกหน้าฉวยโอกาสทีเผลอฟันเข้าไปอย่างจัง ที่ศรีษะด้านหลัง ฉับ..! โอ้ย..! น้องแม็กร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดจากคมมีดของอศูรร้ายเฉือนหนังศรีษะเลือดอาบนอง ก่อนที่จะโดนอีกแผลที่ศรีษะด้านหลัง น้องแม็กล้มลงชายผู้นั้นได้วิ่งปราดมาข้างหน้าพร้อมกับพูดว่า "มึงไม่รู้หรอกว่า การอยู่ในคุกมันเป็นยังไง" แล้วก็ง้างมีดสุดเงื้อม น้องแม็กเห็นเช่นนั้นจึงยกแขนทั้งสองข้างป้องหน้าไว้ตามสัญชาตญาณ ชายแปลกหน้ากระหน่ำฟันเข้าไปที่แขนทั้งสองข้างอย่างบ้าคลั่ง "โอ้ย...โอ้ย...โอ้ย...ผมกลัวแล้ว...ยอมแล้ว...อย่าทำอะไรผมเลย" เป็นการร้องขอชีวิตของเด็กน้อย ผู้ไม่มีทางที่จะต่อสู้ได้ ตัวสั่นเทาไปหมด ราวกับว่าในใจของเด็กน้อยผู้นี้จะคิดว่า นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เห็นโลกใบนี้ ก่อนที่จะสิ้นลมด้วยเงื้อมมือของปีศาจร้ายในคราบของชายแปลกหน้า
แต่ในขณะที่ชายแปลกหน้าผู้นั้นจะลงมือสังหารน้องแม็ก ชาวบ้านในละแวกนั้นเห็นเข้าจึงพากันเอาไม้ไล่ชายคนนั้นแล้วแจ้งไปยังหน่วยปฐมพยาบาล ก่อนที่จะพาน้องแม็กส่งโรงพยาบาล (รพ.มหาราช นครราชสีมา) บาดแผลฉกรรที่ศรีษะด้านหลังที่แขนทั้งสองข้าง ทำให้น้องแม็กขาดสติไปนานหลายชั่วโมง จนน่าเป็นห่วงว่าเขาจะมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
หลังจากที่ฟื้นขึ้นมา น้องแม็กมีอาการช็อคอยู่หลายวัน ก่อนที่จะเอ่ยปากพูดออกมาเป็นครั้งแรก คำที่เขาพูดครั้งแรกคือ "ผมจะเขียนหนังสือได้เหมือนเดิมหรือเปล่า...? "พี่สาวได้แต่ร้องไห้ พร้อมกับพูดว่า "ได้ซิจ๊ะ...น้องของพี่ต้องเขียนหนังสือได้ และกลับไปเรียนหนังสือได้เหมือนเดิม พี่จะเป็นกำลังใจให้"
ทั้งๆ ที่รู้ว่าก่อนหน้านั้นคุณหมอต่อเอ็นให้แขนทั้งสองข้างแล้ว ก่อนที่จะสรุปว่าช่วยอะไรไม่ได้ แขนทั้งสองข้างไม่สามารถใช้การได้เหมือนเดิมอีกต่อไป...
ส่วนชายคนนั้นจับได้ทีหลัง และได้ความว่าเป็นคนสติไม่สมประกอบ จึงไม่ต้องโทษตามกฎหมาย เพียงแค่ส่งไปรักษาอาการโรคประสาทเท่านั้น
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ...อนาคตของน้องแม็ก ต้องมาจบลงแค่นี้ เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ของชายเสียสติคนหนึ่งเท่านั้นทั้งคุณครูและเพื่อนร่วมห้องต่างก็มาให้กำลังใจกันแทบทุกวัน น้องแม็กได้แต่ถามคุณครูว่า เมื่อไหร่เขาจะได้ออกจากโรงพยาบาลเสียที และจะกลับเข้าไปเรียนได้ดั่งเดิมอีกตอนไหน...
คำถามเหล่านั้น ไม่มีคำตอบจากใครเลย เพราะต่างก็รู้ดีว่า...มันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว...นอกจากปาฏิหาริย์เท่านั้น...
คุณคนหนึ่งอาจช่วยให้ปาฏิหาริย์นั้นเกิดขึ้นได้...