8 มีนาคม 2547 02:24 น.

ความปวดร้าวแห่งเกลียวคลื่น ตอนที่ 1

Completely

มันเป็นเช้าวันเดิมๆ ...ฉันค่อยๆลุกออกจากเตียง รองเท้าส้นสูงสีแดงกองอยู่ที่ปลายเท้า มือควานหามือถือข้างหมอน มันบอกเวลา 8 โมงเช้า

แค่ 8 โมงเท่านั้นเองหรือ น่าจะซักเที่ยงได้แล้ว

ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ลยังเต้นตุบๆอยู่ในหัว น่าแปลกที่ฉันตื่นได้เช้าขนาดนี้ ขวดวอดก้ายังซุกอยู่ใต้หมอน
ฉันเอื้อมมือไปเปิดม่านข้างเตียง แสงแดดอ่อนส่องเข้ามาในห้อง แล้วฉันก็เห็นภาพเดิม ... ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังล้างรถเต่าสีขาวอยู่อย่างขะมักเขม้น

เหมือนมีโทรจิตส่งถึงกัน เขาละจากงานตรงหน้า แล้วเงยหน้ามาส่งยิ้มให้ฉัน ฉันหาวให้เขาแทนคำตอบ

ฉันปิดม่าน รู้สึกเหนียวเหนอะหนะไปทั้งตัว เครื่องปรับอากาศราคาแพงไม่ได้ทำให้สบายเนื้อตัวขึ้นเลย หากก่อนนอนไม่ได้อาบน้ำ ฉันเริ่มนึกถึงน้ำเย็นๆจากฝักบัว
คว้าผ้าเช็ดตัวได้ ฉันตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำทันที ก่อนเข้าไปอาบน้ำ สิ่งที่ฉันไม่เคยลืมทำ คือการเปิดเพลงไว้เป็นเพื่อน

แม้ฉันจะเคยชินกับการอยู่คนเดียว แต่ฉันก็ไม่คุ้นเคยและไม่ชอบที่จะต้องอยู่กลางความเงียบ

.......................................................................................................................

" ใคร ... สักคนที่เกิดมาเพื่อผูกพัน ใครที่เกิดมาคู่กับฉัน ใครคือคนนั้นช่วยมา ... บอกฉันที ให้ใจ ... ที่หวั่นไหวได้พึ่งพิงซักที ให้รู้ว่าซักวันฉันจะเจอ ... คนๆนี้ และคนที่รอคนนี้ มีจริงใช่ไหม ...  "

"  ดาวอยากไปทะเล "
เขาหันมามองหน้าฉัน นิ่งไปนิดหนึ่ง แล้วยิ้ม
"  เดือนที่แล้วก็เพิ่งไป "
" ก็อยากไปอีกนี่ " เขาเงียบ ฉันคิดว่า สมองของเขาคงกำลังทำงานหนัก
" พุธไม่ได้ไปไหนไม่ใช่เหรอ " ฉันถาม
" แต่ ... "
" งานก็เคลียร์หมดแล้ว "
เขาเงียบอีกครั้ง
" ดาวอยากไปวาดภาพ อยากนอนดูดาว "
เขาหันไปมองรถของเขา มันเพิ่งล้างเสร็จใหม่ๆ เขาไม่อยากให้รถออกไปคลุกฝุ่น ... ฉันเข้าใจ
" ไม่เป็นไร ... ดาวไปคนเดียวก็ได้ " ฉันหันหลังให้เขา
" เดี๋ยวดาว ... "

.......................................................................................................................

" มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลม กับสองเรา ... ยินเพียงแผ่วเบา ยินเพียงเสียงคลื่นกับเสียงเรา "

" อารมณ์ดีจริงนะดาว ร้องเพลงหงิงๆเชียว "
ฉันยิ้ม มือจับพู่กัน แต้มสีลงบนเฟรม 
" ทำไมไม่ชอบอยู่บ้าน เที่ยวไปทั่วไทยแล้วหรือยังเนี่ย "
" ถามทำไม พุธไม่อยากมาหรือไง "
" เปล่า พุธถามเฉยๆ "
"  ไม่มีอะไร ไม่มีเหตุผล ดาวอยากมา ดาวก็เลยมา "
" อิสระเหลือเกิน แม่จิตรกร "
" พุธก็ใจง่าย ดาวชวนเป็นมารยาท ดันตามมาจริงๆ "  ฉันหยอกเขา แต่มันคงแรงเกินไป เพราะเขาเงียบไปทันที
" ขี้งอนจัง ล้อเล่นแค่นี้เอง " แล้วฉันก็เอาพู่กันป้ายหน้าเขา มันเป็นสีขาวตัดกับสีแทนของเขาอย่างเด่นชัด
" ดาว! เลอะหน้าพุธหมดแล้ว เล่นเป็นเด็กๆไปได้ "
" เลอะก็ไปล้างสิ ทะเลอยู่ข้างหน้านั่นไง " ฉันพูดกลั้วหัวเราะ
" ไปล้างด้วยกัน แม่ตัวดี " แล้วเขาก็อุ้มฉันขึ้น พู่กันตกลงบนผืนทราย เกลียวคลื่นหยอกล้อเราสองอยู่เบื้องหน้า 

.......................................................................................................................

" ดาว เข้าไปนอนเถอะ น้ำค้างลงแล้ว เดี๋ยวจะเป็นหวัด "
" พุธดูสิ ... ดาวสว่างเต็มฟ้าเลย หาดูที่กรุงเทพไม่ได้หรอกนะ "
" เรายังอยู่ที่นี่อีกหลายวัน ถ้าดาวเป็นหวัดคืนนี้ คืนต่อๆไป พุธไม่ยอมให้ดาวออกมาที่ระเบียงอีกนะ " เขาทำเสียงดุ แต่ฉันรู้ ... เขาเก๊กไปอย่างนั้นเอง ความห่วงใยในน้ำเสียงของเขานั้น ... ฉันรับรู้ได้อย่างชัดเจน
" ทำอย่างกับเป็นพ่อแน่ะ "
" ดาว ... "
" ค่ะๆ ดาวนอนก็ได้ "
เขาเดินมาห่มผ้าให้ฉัน หร่โคมไฟ คงไว้แต่แสงสีส้มจางๆ สายลมพัดเข้ามา เขาเดินไปปิดม่าน
เพลง So in Love ดังขึ้นเบาๆ
" พุธ "
" หืม? "
" พุธเอาเครื่องเล่นซีดีมาด้วยหรือ "
" อืม "
" ดาวชอบเพลงนี้จัง " แม้ในความมืด ฉันมองเห็นได้ว่า เขากำลังยิ้มบางๆ
" นอนเถอะดาว "
" อืม " แล้วเขาก็ค่อยๆเอนกายนอนข้างๆฉัน

ฉันรู้ว่าฉันไว้ใจเขาได้ แม้เราเพิ่งรู้จักกันได้แค่ 2 ปี นับแต่วันที่ฉันย้ายไปอยู่บ้านติดกับเขา ... มันเป็นบ้านไม้สองชั้น ทาสีขาวทั้งบ้าน ยกเว้นในห้องนอนของฉันที่ฉันซื้อสีฟ้ามาทาเอง ... บ้านของเขาเป็นสีฟ้าทั้งหลัง ยกเว้นห้องนอนของเขาอีกเหมือนกัน ที่เขาบอกฉันว่า เขาซื้อสีขาวมาทาเอง ... ตลกดี! ฉันกับเขามักทำอะไรสลับกันเสมอ แต่ที่น่าแปลกก็คือ ... ในความสวนทาง มันกลับมีความเหมือนแอบซ่อนอยู่

ฉันหันไปมองเขา พุธหลับเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เขากรนเบาๆ แปลกจัง ... ทำไม So in Love ยังเล่นไม่จบสักที พุธคงตั้งให้มันเล่นต่อเนื่อง

เขารู้ ... ว่าฉันไม่ชอบความเงียบ
เสียงเพลงหวานซึ้ง ดึงให้ฉันเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว

.......................................................................................................................				
2 มีนาคม 2547 19:08 น.

Under the Moonlight ... beside the sea

Completely

" ดูก่อนนะ ... ถ้าว่างอาจจะตามไป "
คำพูดที่เวิ้งว้าง มีแต่ความว่างเปล่าในความรู้สึกของฉัน
... คุณคงไม่ตามมาหรอก ...
เกลียวคลื่นซัดสาด พัดพาความเหงาถาโถมเข้าสู่จิตใจของฉัน
ฉันสนุก ... มีความสุข ... มีเพื่อนฝูงรายล้อม
แต่แล้ว ... คราใด ที่ความเงียบเข้าครอบคลุม ... ยามใด ที่ฉันอยู่ลำพัง
รู้ไหม ... ห้วงคำนึง ... ฉันนึกถึงแต่คุณ

1 คืนผ่านไปอย่างเดียวดาย
ฉันอยู่ห่างจากคุณเหลือเกิน
เส้นขอบฟ้าเส้นนั้น ... กางกั้นระหว่างคุณกับฉันอยู่ใช่ไหม
แสงดาวสว่างไสวท่ามกลางท้องทะเล
ฉันคงเป็นหนึ่งในดวงดาวเล็กๆเหล่านั้น
แต่แสงดาวของฉัน ... คงส่องไปไม่ถึงใจคุณ

.................................................................

ครั้นแล้ว ... พระอาทิตย์ก็อยู่กลางท้องฟ้า
ท่ามกลางอากศแจ่มใส ... ประกายแดดสีทองสะท้อนเต็มดวงตาของฉัน
ใบไม้บิดขั้วลงจากต้น ... สายลมแรงพัดมา เหล่าใบไม้เต้นรำกันอย่างร่าเริง

... แล้วฉันก็เห็นเขา ...

ชั่วขณะหนึ่ง ... เหมือนโลกหยุดหมุน
เพียงสายตาสบประสาน
สายลมพัดพา ... กรุ่นกลิ่นไอทะเล

นี่เป็นเรื่องจริง
และฉันไม่ได้ฝันไป ... รอยยิ้มนั้นเป็นพยาน

ฉันคงแปลกไป ... คนอื่นๆเริ่มรู้สึกตัว
แล้วทุกคนก็เห็น ... ผู้ที่กำลังมา ... คนที่ฉันรอคอย
เสียงทักทายดังเซ็งแซ่
ฉันนั่งนิ่งอยู่กับที่ ... ไม่มีคำพูดใด
เขาเดินผ่านไป ... วูบเดียว ที่เขาเดินผ่านฉันไป
เขาก็ไม่มีคำพูดใด ... แต่ฉันเข้าใจ
แล้วฉันก็ยิ้มอกมา ... ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งตัว

เวลาผ่านไปอึดใจ ... ราวกับฉันไม่สนใจ
ฉันเปล่า ... ไม่สนใจ

แล้วเขาก็เดินออกมา ... หยุดอยู่ตรงหน้าฉัน
แต่ในความเงียบงันนั้น ... มีความอ่อนโยนแฝงอยู่
ฉันรู้สึกได้ ... เขาบอกฉัน ... แม้มิได้เอื้อนเอ่ยคำพูดใด

ไม่มีเมื่อวาน ... ไม่มีพรุ่งนี้
อดีต ... อนาคต ... ไม่สำคัญอันใด
เพียงนาทีนี้ ... ฉันมีเขาอยู่เคียงข้าง ... พูดคุย หยอกล้อ ประสานเสียงหัวเราะไปด้วยกัน

.....................................................................

แปลกนัก ... ทะเลเดียวกัน 
แต่เหตุไฉน ... วันนี้ ทะเลดูสวยกว่าเมื่อวาน
ฉันคุ้นเคยกับหาดทรายที่นี่มากขึ้น ... สายลมอ่อนโยนกับฉันมากขึ้น
ฉันคงอยู่ที่นี่ได้ตลอดไป ... เร้นกายจากสิ่งใดๆ
ยอมกักขังตัวเองบนเกาะแห่งนี้ ... หลีกหนีจากที่ๆฉันจากมา
สับสน ... วุ่นวาย ... เดียวดาย ... เปลี่ยวเหงา
ความอ่อนล้า ... ความเหน็บหนาว
ความรักคงช่วยปัดเป่า ... ฉันต้องการเท่านี้จริงๆ

....................................................................

ราตรีมาเยี่ยมเยือน ... คืนนี้ ฉันไม่หนาวเท่าเมื่อวาน
และฉันได้รู้ซึ้ง ... ว่าชายหาดยามค่ำคืน ... งดงามเพียงใด

หมู่ดาวส่องแสง ต้องเกร็ดทราย
ดุจเพชรน้ำงาม ต้องแสงไฟ

แล้วคืนนี้ ... ฉันก็ได้เห็น ... ดวงดาวทอประกายบนผืนดิน

เกลียวคลื่นสีขาว ซัดสาด
น้ำทะเลสีน้ำเงิน อาบไล้ไปทั่วผืนฟ้า

ในคืนนี้ ฉันได้สัมผัสก้อยเมฆ ... ได้เดินเล่นบนท้องฟ้า
ค่ำคืนนี้ ... ฉันไม่ใช่ดวงดาวเล็กๆ

.....................................................................

หากความอัศจรรย์มีจริงๆ ... ก็คงประจักษ์บนผืนโลกวันนี้ ... คืนนี้
คืนที่อาทิตย์และจันทร์มาเดินเล่นด้วยกัน				
2 มีนาคม 2547 17:45 น.

My First ...

Completely

ฉันสงสัยว่า จะมีใครโง่เท่าฉันอีกไหม ... ที่รักคนๆเดียวมาตลอด 6 ปี
รักเขา ... โดยที่เขา ... เคยรักฉัน
มันโง่มากใช่หรือเปล่า ที่หลงและยึดติดกับภาพฝันวันเก่า ... วันที่เราเคยรักกัน
ฉันนำทุกสิ่งมาหลอมรวมกัน ... อดีตที่แสนหวานในวันนั้น ... มิตรภาพที่เขาหยิบยื่นให้ฉันในวันนี้
ฉันรู้ดี ... ฉันเป็นได้แค่เพื่อนของเขา ... เราไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิม
ฉันควรจะภูมิใจมิใช่หรือ ... ที่ฉันได้เป็นถึง " คนพิเศษ " ของเขา
" คนพิเศษ " ที่เขารักมากกว่าเพื่อน
" คนพิเศษ" ที่เป็นยิ่งกว่าแฟน
" คนพิเศษ" ที่แม้แต่คำว่า รัก ... ก็ยังน้อยเกินไป ... 
ฉันอดแปลกใจไม่ได้ ว่าทำไมนะ ... ฉันถึงแพ้ดวงตาคู่นั้นเสมอ
... ทำไมฉันถึงต้องรักเขาด้วย ...
หลายครั้งที่ฉันพยายามลืมเขา ... และฉันเคยคิดว่า ...  ฉันทำได้
แต่ทุกครั้ง ... ที่ฉันได้ยินเสียงของเขา
ทุกครั้ง ... ที่เขามีทีท่าว่าจะโกรธฉัน
ทุกครั้ง ... ที่เขาแหย่ฉัน แกล้งฉัน
ทุกครั้ง ...  ที่เขายิ้มให้ฉัน
ทุกครั้ง ... ที่เราสบตากัน
มันทำให้ฉันหวั่นไหว ... ทำให้ฉันใจเต้น
แล้วนั่น ... ก็แปลว่า ... ฉันยังรักเขาอยู่

เขาคนเดียว ... ที่ทำให้ฉันสงสัยว่า
ทุกคนที่ฉันเคยคบมา ... ฉันเคยรักเขาพวกนั้นจริงๆบ้างไหม
... ท่าจะไม่เคยเลย ...
ฉันรักแต่เขามาตลอด ... เขาคนเดียว

กับเขา ... เพื่อเขา ... ฉันยอมได้ทุกอย่าง
จะให้เป็นเพียงเพื่อน ... ได้สิ
ฉันยอมเป็นเส้นขนาน ... เพราะอย่างน้อย เส้น 2 เส้น ก็ยังคงขนานคู่กันไปตลอด
แม้ว่ามันจะไม่มีวันบรรจบกันเลยก็ตาม ... แต่มันก็ไม่มีวันพรากจากกัน
... ฉันยอม ...

กี่ครั้งที่เขาทำให้ฉันเสียใจ ... กี่ครั้งที่ฉันต้องร้องไห้
ฉันรู้ดีแก่ใจ ... ว่าถึงอย่างไร ชาตินี้  ฉันก็เลิกรักเขาไม่ได้ 
ขอเพียงให้เขามีความสุข ... ฉันยอมทุกอย่างจริงๆ
ฉันอาจจะโง่เง่า ... แต่ฉันก็พอใจ ที่ฉันเลือกเส้นทางสายนี้

เขาอาจไม่รักฉัน ... นั่นไม่สำคัญ
สิ่งสำคัญอยู่ที่ ... ฉันรักเขาต่างหาก				
2 มีนาคม 2547 02:14 น.

บทละครโศกนาฏกรรม

Completely

บทละครโศกนาฏกรรม 
Date: Thu, 11 Sep 2003 01:55:43       
 
ฉาก 1 /สถานที่ - บ้านใจกลางกรุงเทพ ในห้องรับประทานอาหาร / เวลา - ราว 2 
ทุ่ม 
/ ตัวละคร - พ่อ แม่ แจง จุ้ย
เปิดฉาก - สมาชิกครอบครัวทั้ง 4 คนกำลังรับประทานอาหารอยู่ที่โต๊ะ 
แจนเหลือบมองแม่เป็นระยะ สีหน้าวิตกกังวล ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า

แจง - แจนจะเรียนนิเทศนะคะแม่ แจนอยากเป็นนักแสดง อยากกำกับหนัง
แม่วางช้อนกระแทกจานอย่างแรง พ่อกับจุ้ยสะดุ้งพร้อมกัน
แม่ - ชั้นบอกแกแล้วใช่มั้ย ว่าไม่ได้ แกต้องเรียนแพทย์ 
ต้องเป็นหมอเหมือนคุณตาของแก
แจง - แจงไม่อยากเป็นหมอ แจงอยากเป็นดารา
แม่ลุกขึ้น เดินเข้ามาหาแจง
แม่ - หน้าอย่างแก ( นิ้วจิ้มที่ขมับของลูกสาว ) 
ใครเค้าจะเอาไปเป็นดาราหนังให้มันขาดทุน หา! แกอยากเต้นกินรำกินนักใช่ไหม 
โน้น...แกออกจากบ้านไปเลย ชั้นอยากจะรู้นัก 
ว่าถ้าไม่มีชั้นคอยส่งเสียให้แกเรียนน แกจะไปรอดมั้ย
แจง - ทำไมแม่ต้องทำกับแจงแบบนี้ด้วย แจงเป็นลูกแม่นะ
แม่ - ก็เพราะแกป็นลูกฉันน่ะสิ ฉันถึงอยากให้แกได้ดิบได้ดี 
ทำไมแกไม่เคยเข้าใจชั้นบ้าง
พ่อ - คุณ พูดกับลูกดีๆหน่อยสิ ( พ่อพูดเบาๆ )
แม่ - เงียบไปเลยไอ้แก่
พ่อสะดุ้งโหยง จุ้ยแอบหัวเราะเบาๆ แม่กับแจงมองตากันนิ่ง บรรยากาศกดดัน 
แจงเริ่มมีน้ำตาไหลลงมาเป็ฯทาง
แม่ - แกอย่ามาทำสำออยร้องไห้นะ ( น้ำเสียงเริ่มอ่อนลง ) 
แจงเรียนหมอเถอะนะลูกอย่าทำให้แม่ผิดหวังเลย
แจง - แม่ไม่เคยนึกถึงแจงเลย แจงอยากเล่นกีต้าร์ 
แม่ก็ให้แจงไปเรียนไวโอลิน 
แจงอยากเรียนสายศิลป์ แม่ก็ให้แจงไปเรียนสายวิทย์ เรียนได้ 3.8 
ก็ยังบอกว่าน้อยไป แล้วนี่แม่จะบังคับแจงอีกแล้ว แจงไม่อยากเป็นหมอ 
แม่ได้ยอนไหม แจงจะเรียนนิเทศ คราวนี้ แม่บังคับแจงไม่ได้แล้ว
" เพี๊ยะ" แม่ยกมือตัวเองค้างนิ่ง ตกใจที่ทำรุนแรงกับลูก
แจง - แม่ตบแจง ( วิ่งออกจากฉากไป )
จุ้ย - แม่ทำเกินไปแล้วนะครับ ( วิ่งตามแจงออกไป สีหน้าเป็นห่วงน้อง )
แม่นิ่งอยู่กับที่
พ่อ - ผมเตือนคุณหลายครั้งแล้วนะ ว่าอย่าบังคับชีวิตลูกมากเกินไป ( 
ค่อยๆเดินออกไปจากฉาก เหลือแม่อยู่คนเดียวในห้อง )

ฉาก 2 / สถานที่ - ในห้องนอนของแจง / ตัวละคร - แจง จุ้ย คิด
เปิดฉาก - แจงนั่งคุยโทรศัพท์ไป ร้องไห้ไป

แจง - ฉันไม่ไหวแล้วนะแก
คิด - ใจเย็นๆ รอให้แม่แกเย็นลงก่อนดีไหม
แจง - แม่ตบชั้น เค้าไม่เคยทำแบบนี้กับชั้นเลยนะ
คิด - เค้าคงโมโหแหละแก ... อย่าเพิ่งไปย่งกับเค้าเลย 
ปล่อยเค้าอยู่เงียบๆก่อนดีกว่า
แจง - ชั้นจะหนีออกจากบ้าน
คิด - อย่าทำบ้าๆน่าแจง...
จุ้ยเดินเข้ามาในห้อง
จุ้ย - ใครจะหนีออกจากบ้าน ... แกเรอะ
แจง - ออกไปนะพี่จุ้ย
จุ้ย - แกคุยกับใครอยู่ ยัยคิดน่ะสิ ( ตะโกนเสียงดัง ) คิด 
ถ้าแจงมันหนีไปบ้านคิด อย่าให้ไอ้แจงมันเข้าไปล่ะ 
ปล่อยมันเฝ้าหน้าบ้านเป็นไอ้ด่างดีกว่านะ
แจง - บอกให้ออกไป ( คว้าหมอนปาใส่พี่ชาย จุ้ยหลบพัลวัน 
ก่อนจะรีบออกจากห้องไป 
เขาหันมาพูดกับน้องว่า " พี่รักแกนะแจง " )
แจงอึ้งไป ก่อนจะทำสีหน้าเย้ยหยัน
แจง - ชั้นเกลียดที่นี่ แม่ไม่เคยเข้าใจฉัน  มีพี่ก็เหมือนไม่มี 
ดีแต่กวนประสาท
คิด - แต่แกยังมีพ่ออยู่นะแจง
แจงเงียบไป สีหน้าสับสน
แจง - ไม่รู้ล่ะ ยังไงชั้นก็จะไป ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า 
ติดอยู่ในกรงที่นี่ 
เดี๋ยวชั้นจะไปบ้านแกนะ
คิด - มันดึกแล้วนะแจง
แจง - ได้...ชั้นไม่ไปบ้านแกก็ได้
คิด - เดี๋ยวๆ ชั้นไม่ได้หมายความว่ายังงั้น ... มาดีๆแล้วกัน
แจง - ....คิด ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับชั้น ... ถ้าชั้นตาย 
ช่วยดูอาการแม่ชั้นด้วยนะ 
ว่าเค้าเสียใจให้ฉันบ้างรึเปล่า แล้วก็ช่วยจุดธูปบอกชั้นด้วย
คิด - อย่าพูดจาอัปมงคลน่า
แจง - แค่นี้แหละ เดี๋ยวชั้นไปหานะ ( วางสายไป )
แจงมองไปข้างๆตัว หยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมา แล้วเดินออกจากห้องไป

ฉาก 3 / สถานที่ - ห้องรับแขก / ตัวละคร พ่อ แม่ แจง จุ้ย
เปิดฉาก - แจงเดินออกมา เห็นพ่อนั่งอยู่ แจงชะงักไป
พ่อ - จะไปไหนลูก ดึกดื่นป่านนี้แล้ว
แจงไม่ตอบ จุ้ยเดินเข้ามา
จุ้ย - แจงมันจะหนีออกจากบ้านน่ะพ่อ
แจงหันไปมองจุ้ย สีหน้าไม่พอใจ
พ่อ - จริงเหรอแจง ทำไมแจงคิดแบบนี้ล่ะลูก
แจง - แจงไม่อยากอยู่ที่นยี่แล้ว ไม่มีใครเข้าใจแจงเลย
พ่อ - ก็พ่อไงลูก
แจง - พ่อก็ดีแต่พูดแบบนี้ แต่ไม่เคยช่วยอะไรแจงเลย 
ปล่อยให้แม่ทำกับแจงแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก
พ่อเงียบ สีหน้าเจ็บปวด เสียใจ
แจง - แจงขอโทษค่ะพ่อ .... แจงไปล่ะ
แจงกำลังก้าวเดินออกไป แม่เดินเข้ามาทันที
แม่ - แจง นั่นลูกจะไปไหน
แม่ - แจงจะไปให้พ้นจากที่นี่
แม่ - อ๋อ นี่แกคิดหนีออกจากบ้านเรอะ ปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่มั้ย ..ไปเลย ไป 
ออย่ากลับมาที่นี่อีกล่ะ
แจง - แม่ไม่รักแจงเลย
แม่ - ดูสิ่งที่แกทำกับชั้นสิ แกพูดมาได้ยังไงว่าชั้นไม่รักแก
พ่อ - คุณอย่าว่าลูกแบบนั้นสิ
แม่ - คุณก็ดีแต่ให้ท้ายมัน เห็นมั้ย ว่ามันกล้ายอกย้อนพ่อแม่ขนาดนี้
แจง - แจงไม่อยู่แล้ว ( เดินออกไปทันที )
แม่ - ถ้าแกก้าวออกไปจากบ้านนี้แม้แต่ก้าวเดียว แกอย่ากลับมาอีกนะ
แจงนิ่งไปนิดนึง ก่อนที่จะก้าวออกไป โดยไม่หันกลับมามองเลย
พ่อ - จุ้ย ตามน้องไปเร็ว
แม่ - ไม่ต้อง ปล่อยมันไป เดี๋ยวมันก็ซมซานกลับมาเอง
จุ้ยมองตามแจงออกไป สีหน้าเป็นห่วง
แม่ - จุ้ย ขึ้นไปนอนได้แล้ว
จุ้ยนิ่งไป
แม่ - ไปสิ
จุ้ย - ครับแม่ ( ก้าวแออกไปจากฉาก )

ฉาก 4 / สถานที่ - บนถนนสายเปลี่ยว / เวลา - ราว 5 ทุ่ม / ตัวละคร - แจง 
อันธพาล 3 คน ตำรวจ 2 นาย คนขับรถชนแล้วหนี 1 คน ไทยมุ่งกลุ่มใหญ่
เปิดฉาก - แจงเดินคุยโทรศัพท์มือถือมาตามทาง เดินผ่านอันธพาล 3 คน ชาย 3 
คนนั้นเดินตามแจงไปเงียบๆ

แจง - อีก 5 นาที ชั้นจะถึงบ้านแกแล้วนะคิด แค่นี้แหละ เดี๋ยวเจอกัน
ชาย 1 - ดึกๆดื่นๆ เดินคนเดียวไม่กลัวหรือจ๊ะน้องสาว
ชาย 2 - จะไปไหน ให้พวกพี่ไปส่งไหมจ๊ะ
แจง - ( น้ำเสียงหวั่นใจ ) ไม่ล่ะ ขอบใจ ชั้นไปเองได้ ( เดินเร็วขึ้น )
ชาย 3 เดินมาดักหน้า
ชาย 3 - อย่ารีบไปหน่อยเลยน่า อยู่คุยกับพวกพี่ก่อนดีกว่านะจ๊ะ
ชาย 1 ชาย 2 หัวเราะกันอย่าชอบใจ ชาย 3 ยิ้มเจ้าเล่ห์
แจงตกใจกลัว หันซ้ายหันขวาจะวิ่งหนี แต่โดนล้อมเอาไว้ทุกทาง
ชาย 2 - ท่าทางอย่างนี้ ... หนีออกจากบ้านมาล่ะสิ
ชาย 1 - คงจะมีเงินติดตัวมาเยอะ เอามาแบ่งกันใช้ดีกว่านะน้อง
แจงตกใจกลัวมากขึ้น
ชาย 3 - เฮ้ย ... พวกมึงอย่าทำให้น้องเค้าตกใจกลัวสิวะ ( เดินเข้ามาใกล้) 
จุ๊ๆ 
สวยไม่เบา (เอื้อมมือจะมาจับแก้ม แจงถอยหนีไปชนชาย 1 )
แจง - พวกแกอย่าเข้ามานะ ไม่งั้นชั้นจะร้องให้คนช่วยจริงๆด้วย
ชาย 2 - ถ้าคิดว่าจะมีใครมาช่วยก็เอาเลย
แจงตะโกนสุดเสียง
แจง - ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย คนร้ายบ้ากาม เผานั่งยาง ฆ่าหั่นศพ 
ปล้นชิงทรัพย์ 
ลักพาตัว  มันจะข่มขืนชั้นค่ะ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย !
ชาย 3 - เอ้า เวร.... ดันเสือกร้องจริงๆ พวกมึง จัดการ
ชาย 1 ชาย 2 จะเข้ามาทำร้ายแจง แจงใช้กระเป๋าเป้ฟาด ชาย 1 ชาย 2 ล้มลงไป
ชาย 3 - แสบนักนะมึง ( เข้ามาจะทำร้ายแจง แจงใช้เท้าเตะหัวเข่าของชาย 3 
ชาย3 
ล้มลงไป แจงวิ่งเตลิดไปทันที)
แจงวิ่ง ตำรวจ 2 นายยืนอยู่เบื้องหน้า
ตำรวจ 1 - หนูๆ หนีอะไรมา วิ่งหน้าตาตื่นเชียว
แจง - คุณตำรวจ ช่วยด้วยค่ะ คนร้ายมันจะข่มขืนหนู ( ท่าทางตื่นตกใจ ) 
มันอยู่ทางโน้นค่ะ
ตำรวจ 2 - เดี๋ยวผมจะไปจับมันนะครับจ่า ( วิ่งออกไปทันที )
ตำรวจ 1 - งั้นหนูไปให้ปากคำที่โรงพักก่อนนะ
แจง - โรงพัก ... ไม่ หนูไม่ไป อย่ามายุ่งกับหนูนะ
แจงวิ่งเตลิดข้ามถนนไป อารามด้วยความเร่งรีบ 
เธอไม่ทันเห็นรถยนต์ที่ขับมาด้วยความเร็วสูง รถชนแจงล้มลง ตายคาที่ทันที 
จังหวะเดียวกับที่ตำรวจ 1 เรียกไว้พอดี .... หนู ระวัง!
คนขับรถ - ซวยแล้วไงกู ( ขับรถหนีไปทันที )
ไทยมุงทยอยกันมาดูศพแจงมากขึ้นๆ เสียงพูดคุยอื้ออึงไปทั่วบริเวณ

ฉาก 5 / สถานที่ - บนถนน / ตัวละคร - คิด แจง ไทยมุง
เปิดฉาก - คิดเดิน มองเห็นไทยมุง สีหน้างุนงงสงสัย 
ก่อนที่จะเดินแหวกไทยมุงเข้ามา เห็นแจงนอนตายอยู่
คิด - แจง ( ตะโกนสุดเสียง วิ่งถลาเข้าไปกอดศพเพื่อน ) ไม่จริงใช่ไหมแจง 
แจงตื่นสิ ตื่น แจง....

ฉาก 6 / สถานที่ - ในบ้าน ภายในห้องรับแขก / ตัวละคร - พ่อ แม่ จุ้ย
เปิดฉาก - แม่เดินมารับโทรศัพท์ สีหน้ารำคาญ

แม่ - ใครนะโทรมาดึกๆดื่นๆ ไม่มีมารยาทเอาซะเลย ( รับโทรศัพท์ 
กรอกเสียงลงไป ) 
สวัสดีค่ะ จิรดาหรือคะ เค้าเป็นลูกสาวชั้นเองค่ะ ... ( นิ่งไป 
สีหน้าตกใจสุดขีด 
) ไม่จริง ... ไม่จริง แจงลูกแม่ ( โทรศัพท์หลุดออกจากมือ ทรุดลงกับพื้น 
จุ้ยถลาเข้ามารับแม่ไว้ทัน )
จุ้ย - แม่ แม่เป็นอะไรครับ
แม่ - แจง แจงลูกแม่
จุ้ย - แจง .. ยัยแจงเป็นอะไรครับแม่ ( 
เหลือบไปผเห็นโทรศัพท์กองอยู่ที่พื้น 
ยกขึ้นมา กรอกเสียงลงไป ) ฮัลโหลครับ... จิรดา .. ผมเป็นพี่ชายเค้าครับ 
มีอะไรเกิดขึ้นกับน้องผมเหรอครับ .............. ( สีหน้าช็อก ) ( 
ตะโกนสุดเสียง ) พ่อครับ พ่อ... แจง...
พ่อวิ่งออกมา สีหน้าตื่นตกใจ มองไปเห็นแม่ทรุดอยู่กับพื้น คร่ำครวญร้องไห้ 
รีบเดินไปหาจุ้ยทันที จุ้ยส่งโทรศัพท์ให้
พ่อ - ผมเป็นพ่อเค้าครับ ..........( น้ำตาค่อยๆไหลออกมา ).......... 
ขอบคุณครับ ผมจะรับไปเดี๋ยวนี้ (วางโทรศัพท์ ) ยืนนิ่งอยู่กับที่
บรรยากาศเงียบงัน มีแต่เสียงแม่ร้องไห้คร่ำครวญอยู่กับที่ .....

เป็นบทละครที่เพื่อนโทรมาบอกให้เขียนตอนต้นเทอมค่ะ ... ตอนนั้นยังไม่เข้าเอกเลย ... อาจจะไม่มีกลวิธีในการแต่งอะไรมากนัก เค้าบอกว่าให้เขียนเรื่องเศร้า แต่ว่าเขาจะเอาไปเล่นเป็นละครตลกค่ะ เราก็งงว่า เออ ... จะออกมายังไงเนี่ย ก็ถามเค้าไปว่าจะใช้เมื่อไหร่ เค้าก็ตอบกลับมาว่า มะรืนค่ะ ... 

ไม่ลงท้ายตอนท้ายเรื่องนะคะว่า ละครเรื่องนี้ต้องการจะสื่ออะไร ... เชื่อค่ะ ... ว่าทุกคนสามารถรับรู้ถึง Conflict จนถึงแก่นเรื่องได้เป็นอย่างดี

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟCompletely
Lovings  Completely เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟCompletely
Lovings  Completely เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟCompletely
Lovings  Completely เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงCompletely