16 เมษายน 2547 20:00 น.

โลกเธอ ... โลกฉัน

Completely

ในช่วงเวลาเดียวกัน
เธอกับฉัน ... เหมือนอยู่กันคนละโลก
ฉันยิ้ม ... เธอเศร้าโศก
ทั้งที่โลก ... ก็ใบเดียว

      ฉันอยู่กับสายลมและท้องฟ้า
มองดาราท่องไพรวัลย์อันลดเลี้ยว
เธออยู่กลางกรุงกว้างทางเปล่าเปลี่ยว
ตัวคนเดียวห่อเหี่ยวกลางผู้คน

      ฉันเก็บใบไม้มาเป่าเพลง
ฟังเสียงนกร้องบรรเลงก็สุขล้น
เธออยู่กลางสี่แยกอันสับสน
ฟังเครื่องยนต์พลางก่นด่ากับชีวิต

      โลกฉันไม่มีโทรศัพท์มือถือ
ฉันอ่านหนังสือถูกๆผิดๆ
ยิงนกตกปลาเลี้ยงชีวิต
ปล่อยความคิดไปตามกระแสลม

      โลกเธอมีคอมพิวเตอร์
ผู้คนฟุ้งเฟ้อ ... เพ้อพร่ำ ... ขื่นขม
ขนขวายหาเงินแลกสิ่งโสมม
แล้วกลับหลงชื่นชมคิดว่าดี

      ฉันปลูกพืชผักไปตามประสา
ฉันมีเวลาเหลือเฟือที่นี่
ไม่ร้อนเร่งเคร่งครัดจัดชีวี
เดินวิถีตามเต๋าใต้เงาจันทร์

      โลกฉันนี้ไม่มีตัวกฏหมาย
เราเดินไปตามศรัทธาอย่างเชื่อมั่น
คนคู่ป่าเฉกจันทราคู่ตะวัน
ไม่ดื้อรั้นปล่อยคืนวันตามครรลอง

      เมื่อโลกเราใบนี้เกิดเรื่องแปลก
ผืนแผ่นดินถูกแยกออกเป็นสอง
ทั้งคนป่าอีกคนเมืองล้วนเกี่ยวดอง
ใยจึงมองใยจึงคิดจิตแยกทาง

      มาร่วมแก้ปริศนากันดูไหม
เหตุใด ... ใจเธอจึงออกห่าง
วิ่งไปสู่สังคมเมืองอันอ้างว้าง
กลบเส้นทางสู่บ้านเดิมด้วยอิฐปูน

      ใยจึงบูชาเงินเช่นพระเจ้า
ขดอยู่ในซอกเงาแห่งความสิ้นสูญ
เคว้งคว้างว่างเปล่าเหงาพอกพูน
ความเกื้อกูลหามีไม่ในป่าคน

      กลับมาเถอะ ... กลับสู่ถิ่นที่เธอจาก
กลับสู่ราก ... จากเมืองอันสับสน
มาที่นี่ ... กลับสู่ความเป็นตัวตน
กลับมาค้นเส้นทางที่ห่างไป

      โลกเธอ ... โลกฉัน
สักวัน ... มันอาจเป็นไปได้
โลกฉันเปลี่ยนโลกเธอ ... โลกเธอจะเปลี่ยนไป
      ทุกคนจะกลับมาใกล้ 
  กลับมารวมหัวใจ ... ไว้โลกเดียว				
14 เมษายน 2547 13:53 น.

งอน

Completely

งอนเธอมากมาย
ก็เธอน่ะใจร้าย ... ชอบแหย่ฉัน
ถามว่าคิดถึงไหม ... ก็ตอบว่า ไม่! ... ชอบแกล้งกัน
แล้วก็มาง้อกันทีหลังในทุกที

      มาทำให้น้อยใจ
แล้วก็หัวเราะใส่กันแบบนี้
ชอบเห็นฉันเป็นเด็ก ... เด็กที่เธอแกล้งได้แกล้งดี
ถ้าไม่ติดว่า รักเธอนะนี่! ... จะไม่มองหน้าไปอีกหลายปี ... จริงจริง

( ก็บอกว่าจริงๆไงล่ะ ... โธ่ ... เชื่อกันหน่อยสิ อีตาบ้านี่ ... )				
13 เมษายน 2547 14:16 น.

ช่วยฉันด้วย ... พาฉันออกไปจากที่นี่ที!

Completely

ฉันเกลียดที่นี่
ที่ที่ทำให้ชีวีไม่สดใส
ที่ที่ทำให้ฉัน ... กลายเป็นคนไร้ใจ
กลายเป็นคนเห็นแก่ได้ ... เห็นแก่ตัว

      ทุกตารางนิ้วของที่นี่
ดับไฟแห่งความหวังที่มี่ ... ให้มืดสลัว
ผู้คนว่าร้ายใส่กัน ... ความผูกพันหมองมัว
ไร้เกราะป้องกันตัว ... ต่างกลัวกันและกัน

      แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น
ไม่มีใครเห็นแก่ใครทั้งนั้น
ฉันได้ยินเสียงกรีดร้องในสังคมอันเงียบงัน
คนดีถูกหั่น ... ความฝันถูกทำลาย

      ฉันจะดิ้นอย่างไรให้พ้นจากที่นี่
ก่อนที่จิตวิญญาณที่มีจะจางหาย
กลัวเหลือเกิน ... กลัวพ่ายต่อความชั่วร้าย
ตัวตนจะกลับกลาย ... กลายเป็นหุ่นยนต์

      ไร้วิญญาณ ... ไร้ความรู้สึก
หมดสิ้นสำนึก ... หมดสิ้นเหตุผล
มีชีวิตอยู่ ... โดยไม่รับรู้ว่า ... เป็นคน
คุณธรรมล่องหน --- ร้อนรน ... โดยไม่รู้ว่าเพราะอะไร

*** *** ***

      สายไปแล้ว ... มนุษย์เอ๋ย
สิ่งใดเลยจะฉุดเจ้าขึ้นไปได้
เมื่อเจ้าอยู่ที่นรก ... ขุมสุดท้าย
ซึ่งมันสาย ... สายเกินกว่าจะกลับไป

      ร้องดิ้นรนไปก็ไร้ค่า
ไม่เชื่อ ... ก็แหกตาดูไปรอบๆก็ได้
นรกขุมสุดท้าย ... นรกในใจ
เจ้าต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป ... ใยต้องกลัว

      สนุกจะตายไม่ใช่หรือไง
สิ่งที่ใครๆเรียกว่า ... การทำชั่ว
ทั้งที่รู้ว่าจะจบแบบไหน ... ก็ไม่เคยเห็นจะกลัว
มนุษย์รักความชั่วจะตายไป

      ความดี ... พวกเขาไม่รู้จัก
อีกความรัก ... มันก็จับต้องไม่ได้
ทำชั่วได้ดี ... มีถมไป
จะกลัวอะไรกับ นรก ... ก็เลือกเอง

      ถลำตัวเข้ามาแล้ว ... จะออกยังไงได้
ถ้าเจ้าไม่อยากให้ใครมาข่มเหง
เจ้าก็ต้องฆ่ามัน ... ฆ่า ... ด้วยมือของเจ้าเอง
เอาตัวรอดได้คือคนเก่ง ... ลองสิ ... ลองบรรเลง

... บทเพลงแห่งความตาย ...				
13 เมษายน 2547 13:52 น.

ก่อนที่จะไม่เหลืออะไรดีๆ ... ไว้ให้จำ

Completely

ถ้าเซ็งกันขนาดนั้น
จะเลิกกัน ... ก็ได้
หมดรักกันแล้ว ... ก็เข้าใจ
ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ... ไม่มีเสียใจ 
... ไม่ต้องทน ...

ยิ่งเห็นหน้ายิ่งหงุดหงิด
ไม่อยากใกล้ชิด ...ไม่ห่วง ... ไม่สน
ไม่เจอหน้าหลายวัน ... ก็ไม่ร้อนรน
เราน่าจะหลุดพ้นต่อกันซะที

ไม่มีสัญญา ... ไม่มีสาบาน
ไม่อาจชาด้าน ... ไปมากกว่านี้
ไม่เหลืออีกแล้ว ... รักที่เคยมี
พอเถอะ ... พอแค่นี้ ... ก่อนที่จะไม่เหลืออะไรดีๆ
... ไว้ให้จำ ...				
11 เมษายน 2547 14:08 น.

ฉันหลงรักละครเวที

Completely

ฉันหลงรักละครเวที
ไม่ว่าพรุ่งนี้ ... จะมีงานทำไหม
ในเมื่ออนาคตเป็นสิ่งที่บอกไม่ได้
ฉันเรียนด้วยใจ ... ใจที่รักและศรัทธา

      ฉันหลงรักเวที
ชื่นชอบเมโลดี้และแสงสีเจิดจ้า
ฉันสัมผัสถึงอำนาจแห่งมนตรา
ฉันหลงรักมายาในละคร

      ฉันหลงรักความเงียบบทเวที
หลงใหลในทุกวาทีของตัวอักษร
อิ่มเอมกับความรู้สึกในทุกบทตอน
หลงในละคร ... ในทุกช่วงเวลา

      เพราะทุกสิ่งในละคร
มันสอนให้ฉันได้รู้ว่า
ชีวิตมีอะไรอีกมากมายให้ค้นหา
และมายามีอยู่ในโลกจริง

      หากเรื่องราวในละครช่างเลวร้าย
นั่นก็เป็นเพียงเส้นสายหนึ่งในชีวิตที่รุ่งริ่ง
ละครสอนให้เรียนรู้จากทุกๆสิ่ง
หากเรานิ่งพอที่จะยอมรับมัน

      ผนึกตนเข้ากับเรื่องราว
แต่อย่าปล่อยให้อัตตามาขวางกัน
สุขทุกข์ดีร้ายมากมายปนกัน
ทั้งหมดทำให้ฉัน ... เรียนรู้ --- สู่ความเป็นคน

      หลอมรวมเป็นฉันคนนี้
ด้วยมนต์แห่งละครเวทีสำแดงผล
ฉันได้เรียนรู้สิ่งสำคัญ ... ไม่ว่าเราจะยากดีมีจน
เราพบความสุขได้ทุกแห่งหน ... หากเราค้นพบตัวตนของเราเอง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟCompletely
Lovings  Completely เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟCompletely
Lovings  Completely เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟCompletely
Lovings  Completely เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงCompletely