30 มีนาคม 2547 21:54 น.
Clad in Black
ภาพเก่าๆใบหนึ่ง
ฉันยังคงเก็บภาพใบนี้ไว้เสมอ เก็บมันไว้ข้างๆกับตัว
และคงไม่มีทางที่จะเผลอ ทิ้งมันไว้ห่างจากตัวตลอดไป
สีภาพนี้สีคงเลือนลาง รอยด้างจากหยดน้ำคงเกรอะไว้
ฉันรู้ว่ารอยยับมีอยู่ทั่วไป และมันก็ไม่เรียบเหมือนดั่งเดิม
ฉันยังจำวันที่เราถ่ายรูปนี้ได้ เธอปฏิเสธฉันเสมอๆ
ด้วยข้ออ้างตลอดกาลของเธอ ว่าเธอไม่มีความสวยเลย
สำหรับฉันเธอสวยเสมอ แม้ว่าเธอจะว่าฉันเพ้อ
แต่ความจริงแล้วเธอ ก็เพ้อว่าตัวเองไม่สวยเหมือนกัน
ฉันจำวันที่ฉันไปล้างฟิลม์ได้ ว่าฉันรู้สึกเหมือนได้ตัวเธอไว้
แม้ว่าจะเป็นภาพที่อยู่ในรูปตลอดไป และไม่อาจจะออกมาได้เป็นตัวตน
ฉันจ้องมองภาพของเธออยู่เนิ่นนาน ด้วยความรู้สึกที่อาจหาญ
และอยากจะลองพยายาม หาความรักที่จะทัดทานได้..ให้เธอ
ฉันจำวันที่เรานั่งดูภาพนี้ได้ เธอร้องว่าน่าเกลียดแทบตาย
แต่ฉันก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรเธอ พร้อมยังบอกว่าผมไม่ได้เพ้อ
แต่ว่าอะไรล่ะที่จะเป็นจริงได้สำหรับเธอ ก็คงจะมีเพียงผมที่เจอและรับรู้คนเดียว
และฉันก็ยังจำได้เสมอ... ว่าเธอหน้าแดงแค่ไหน...
. . .
ต่อมาอีกไม่กี่วัน ฉันจำได้ว่าทำอะไรลงไป
ความจริงก็คือ...ฉันรีบร้อนเหลือเกินไป และไม่มีความระมัดระวัง
ฉันรีบขับรถไปที่บ้านเธอ พร้อมกับดอกเพอเพิ้ลช่อใหญ่
ฉันเขียนการ์ดด้วยลายมือหวัดๆลงไป ข้อความข้างในแต่งงานกันเถอะ
อีกสามนาทีฉันควรจะถึงบ้านเธอ แต่ความทรงจำที่เหลือมันหดหาย
ฉันรู้สึกตัวเองได้เลือนลาย และกลายเป็นว่าหายไปเลย
ฉันรู้มาอีกทีว่าฉันไม่อยู่ในที่ๆควรจะอยู่ และไม่รู้อะไรเลยสักอย่างว่าเธออยู่ไหน
ไม่รู้แม้กระทั่งตัวฉันคือใคร และทำไมฉันถึงมืดมน
ดวงตาฉันมีแต่สีดำ และเสียงรอบข้างช่างดูแปลกหู
ความคิดของฉันยังคงอยู่ที่ใบหน้าเธอ แต่ก็ยังไม่อาจค้นเจอว่าเธอคือใคร
ฉันกำลังจะบ้าตายแล้วตอนนี้ เป็นเธอจะทนได้ไหม?
ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร และไม่อาจมองเห็นได้ในสิ่งรอบตัว
วันหนึ่งฉันรู้สึกว่ามีใครสักคนหนึ่ง เข้ามาทักทายตามถ้อยอาศัย
เป็นเสียงผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูเหมือนอยู่ใกล้ แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่..เพราะเสียงเธอเบา
ฉันแทบจะต้องเงี่ยหูฟังเธอ และเธอก็เพ้อเรื่องอะไร..เขา
ซึ่งฉันแทบจะไม่สนใจเรื่องราว เพราะคำว่าเขาของเธอคือใคร?
เธอโน้มตัวเอียงมาหาผม พร้อมพูดพลางกระซิบลม
ฉันอยากจะจมดิ่งไปกับเธอ และไม่อยากจะพบเจอใคร
เธอจำฉันไม่ได้ไม่เป็นไร แต่ขออย่าให้ลืมหน้าฉันเลย
เธอคนนี้อาจจะยังไม่รู้ ..ว่าฉันไม่อาจจะเห็นหน้าเธอได้เลย
ฉันรู้สึกถึงหยดน้ำอุ่นๆ มันไหลร่วงลงบนหัวไหล่
เสียงรองเท้าส้นสูงเธอเดินจากไป และดูเหมือนจะไม่หวนกลับคืน
ฉันเอื้อมมือไปนิดหนึ่ง จับได้ภาพที่ตอนนี้ไม่มีความหมาย
มันยับและย่นไม่มีรูปลาย อะไรสักอย่างที่จะทำให้ฉันเห็นได้อีกที
30 มีนาคม 2547 21:50 น.
Clad in Black
เหมือนเธอกำลังจะถูกลบจากไป....
เหมือนเธอกำลังจะถูกลบจากไป ทิ้งไว้เหลือแต่ความหลัง
ทุกสิ่งที่เราเคยร่วมกันทำ กลับกลายเป็นเช่นว่าพลั้งไป
ความคิดที่เธอเคยวาดฝัน ตอนนี้มันไปอยู่ที่ไหน?
ดวงตาที่เธอเคยมีอยู่สดใส ขณะนี้มันหายไปจากตาเธอ...
เธอกลายเป็นบางสิ่งที่ฉันไม่คุ้นเคย และเธอดูละเลยกับความฝัน
เหมือนเธอทิ้งทุกสิ่งที่เคยมีมัน และคลุกเคล้ากับบางอย่างที่ไม่น่ามี
รอยยิ้มที่เธอเคยส่งให้ กลับเลือนหายจางไปจากใบหน้า
ความงามที่เคยละลานตา กลับกลายเป็นภาพมายาที่เธอใส่
เธอเรียกสิ่งนั้นว่าอะไร ความสดใสแบบใหม่งั้นหรือ?
จะอะไรก็ช่างมันเรื่องของเธอ แต่ฉันไม่ขอเจอมันอีกต่อไป
มันปวดใจเหลือเกินเมื่อต้องรับรู้ กับสิ่งที่เธอใช้ชีวิตอยู่
แม้ว่ามันจะไม่มีค่าควรคู่ แต่ก็ต้องทนดูเธออยู่กับมัน
มือที่บอบบางคู่นั้นหายไปไหน? ความงามต่างๆของเธอได้หายไป
เธอรู้ตัวบ้างไหม? ว่าเธอนั้นไม่เหลืออะไรเลย
นอกจากความร้อนรุ่ม ที่เผาสุมอกเธอขณะนี้
เป็นความทุกข์กัดกินใจเธอที่ เคยบริสุทธิ์และดีมาครั้งหนึ่ง
สิ่งนั้นเธอเรียกมันว่าอะไร ความรักที่เขามีให้เธองั้นหรือ?
ฉันเห็นเธอมีแต่ความเพลิดเพ้อ และหลงละเมอว่าเขารักเธอข้างเดียว
เธอจะรู้ไหมว่ามันทุกข์เหลือเกิน กับการเฝ้ามองเธอเผชิญกับมัน
และฉันก็ปวดใจทุกครั้ง ที่เห็นมันเข้ามาในตัวเธอ...
เดินออกจากตรงนั้นสะเถอะ เห็นแก่ฉันที่เฝ้าเหม่อถึงเธอทุกที
หนีจากที่ตรงนั้นที่เขามี ให้เธอ(แต่ไม่เต็มใจ)
ฉันพอจะรู้แล้วแหละว่า คนส่วนมากเรียกมันว่าอะไร
หลอกลวงเป็นชื่อของมันไง และจิตใจคนให้เธอล่ะ..?คิดดู
30 มีนาคม 2547 21:49 น.
Clad in Black
ความลับที่ไม่เคยบอกใคร...
ฉันนั่งอยู่บนสิ่งที่แหลมคม ฉันกำลังชื่นชมกับความสำเร็จ
สิ่งที่เห็นเฝ้ามองดูและถักเย็บ เป็นสิ่งที่ฉันเก็บและเฝ้ารอคอย
ทุกค่ำคืนฉันคอยไขว่คว้า เอื้อมมือให้พ้นพันธนา
จากสิ่งหลอกล้อลวงตา แสงสว่างที่แวบมาแล้วหายไป
บางคนมองฉันว่า...
ฉันนั่งอยูในความร้อนรน แต่ทุกๆคนกลับมองว่าฉันเหลวไหล
บ้างก็ว่าฉันกันต่างๆไป ..แล้วบางคนก็ไม่ใส่ใจและยินดี
ฉันรอคอยให้ค่ำคืนจบลง และต้องทุกข์ใจกับสิ่งที่จะเจอ
แม้ว่าเช้านี้และไม่เลิศเลอ แต่ก็ขอให้มีเธอ..อยู่ข้างๆฉันตลอดไป
. . .
ฉันยืนอยู่ในที่ๆจำกัด ก้าวไปเพียงอีกก้าวฉันอาจตายได้
ในบางครั้งฉันก็นึกอยู่ร่ำไป ว่าวันใดฉันจะไปจากที่นี่
ความลับที่ฉันไม่เคยบอกใคร อาจจะฟังแล้วไม่วิเศษหนักหนา
แต่มันคือความทุกข์ที่ฉันมีตลอดเวลา เหมือนเป็นเงาคอยติดตามตัว
ทุกคืนฉันเฝ้าภาวนา ให้วันเวลาเปลี่ยนผัน
ให้ฉันพ้นจากสิ่งโหดร้าวไปพลัน ให้ฉันได้พบความสุขสักที
ทุกเช้าฉันเฝ้าเกรงกลัว กับสิ่งที่จะเจอในคืนค่ำจากเช้านี้
ความสวยงามที่ฉันพอจะมี กลับลางเลือนและหายไป
ฉันนั่งอยู่บนความเกรงกลัว ทุกสิ่งรอบตัวไม่สดใส
ความมืดมนขมขืนคือทุกอย่างไป และในใจมีแต่ความทุกข์ทน
ฉันไม่สามารถยืดขาหรือแขนได้ เขาบอกว่าปราศจากมันไปก็ไม่ใช่ที่
แต่ฉันก็มีมันแต่...เหมือนไม่มี อะไรหรือที่เรียกว่าอิสระภาพ?
ฉันนอนอยู่ในที่ๆร้อนรน ได้แต่เฝ้ามองผู้คนชี้นำ
พวกเขาชักจูงให้ฉันคอยกระทำ และคอยตอกย้ำเมื่อพลาดไป
ความคิดฉันมีอยู่ไม่จำกัด แต่สิ่งที่พวกเขายัดเหยียดมาให้
มันช่างจะแสนโง่เง่าสักเท่าไหน แต่ฉันก็จำใจทนรับมัน
ฉันไม่อยากจะหายใจต่อไป ฉันเกรงกลัวว่าอะไรๆ
มันจะเปลี่ยนแปลงไป ถ้าฉันหายใจเอาความสุขเข้าไปด้วย
ฉันอาจจะเป็นเพียงบุคคลเดียวที่ ไม่อาจจะมีความรู้สอนเธอได้
เพราะสิ่งง่ายๆที่เธอรู้ตลอดไป เช่นความสุข...ฉันจะไม่มีวันมีมัน
. . .
ขอร้องเธอสักนิดจะได้ไหม? ถ้าฉันต้องการอะไรสักอย่าง
บางอย่างที่ทุกคนละเลยและห้าม มิให้ฉันได้มีวันครอบครอง
ขออะไรสักนิดจะได้ไหม? บางสิ่งที่เธอมีไว้ติดตัวเสมอ
ฉันอยากจะบอกสิ่งนี้กับเธอ แต่ก็ไม่ได้พบเจอเธอสักที
ถึงแม้เวลาก็เถอะ... ถึงอยากจะเจอะเธอสักเท่าไหร
ถึงแม้ว่าฉันกำลังจะขออะไร เธอ..ก็คงไม่มีทางได้ยิน
. . .
พอมาถึงตรงนี้แล้ว ขวดแก้วที่กักขังฉันอยู่
คงจะแตกรานและร้าวน่าดู และอาจจะขูดฉีกเลือดฉันไป
ความลับอะไรบางอย่าง ที่ฉันไม่ได้บอกเธอออกไป
มันก็คงจะตายจากกันกับตัวฉันไง และเธอคงไม่มีทางได้ยิน
ใช่...แล้วขวดแก้วนั้นก็แตกจริงๆ ฉันกำลังจะสูญเสียทุกสิ่งที่ฉันมี
แต่ช่างเถอะเพราะมันก็เป็นแค่ทุกสิ่งที่ ใครๆก็ต่างพากันไม่ปรารถนา
ตลอดเวลาฉันถูกกักขัง แต่มันก็เป็นอดีตที่ไร้ค่า
เวลาที่ทนเต็มไปด้วยมารยา แสงสีที่ส่องผ่านมาแล้วเลยไป
ขวดแก้วที่กำลังจะแตก รอยแยกที่กำลังจะร้าวราน
เสียงแก้วขบขาดจะแตกซ่าน เสียงขับขานของฉันหายไป
รอยแยกนั้นแล่นผ่านใต้เท้าฉัน รอยแยกมันลึกและบาดหัวใจ
ตัวฉันกำลังจะหายไป และจมในความมืดมน
หนึ่งเสียงสุดท้ายนี้ อาจจะมีแค่ความทุกข์ทน
แต่ฉันก็รอวันนี้มาจน กระทั่งมันเป็นจริง
สุดท้ายนี้ขวดแก้วก็แตกสลาย เช่นเดียวกันกับร่างกาย
มันกำลังจะถูกติดตราตรึง โดษเศษแก้วที่บาดคม
. . .
ฉันไม่เห็นเธอจนกระทั่ง แม้แต่ฉันยังจะตายในตอนนี้
ฉันยังไม่ได้ยินเสียงเธอสักที แม้แต่ตอนที่ความรับรู้ฉันหายไป
ความเจ็บปวดนี้แสนจะพรั่งพรู มันคือทั้งหมดที่รับรู้ได้
ความทรงจำความจริงกำลังเลือนไป ไหน...เธออยู่ที่ไหน บอกฉันที... ... . .. .
30 มีนาคม 2547 21:46 น.
Clad in Black
ช่วยฉันด้วย..ช่วยฉันที
ใครก็ได้สักคนหนึ่งจะได้ไหม? ใครก็ได้ที่มีกะใจจะหันมาหาฉัน
ช่วยผยุงชุดแขนของฉัน ให้หลุดจากบ่วงเหวที่ลึกล้ำนี้
ช่วยฉันทีจะได้ไหม? อย่าทิ้งให้ฉันอยู่ตรงนี้
ใครก็ได้สักคนหนึ่งที่พอจะมี กะใจที่จะหันมามองฉันสักครั้ง
ตอนนี้ท่อนแขนฉันกำลังล้า มือของฉันปวดร้าวเต็มที
น้ำหนักทั้งหมดที่ฉุดรั้งยังคงมี มากมายเหลือนับคณา
ฉันกำลังยึดกับท่อนไม้ท่อนหนึ่ง ซึ่งมันดูไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่
ได้โปรดเถอะ...ถ้าเธอมีกะใจ จะหันมาช่วยฉันสักที...
ตอนนี้ฉันกำลังจะตาย ชีวิตฉันเหมือนไร้ค่า
ความหวังทั้งปวงในโลกา อาจจะมีเพียงแค่ค่านิดเดียว
นัยตาฉันกำลังปวดร้าว เหงื่อฉันไหลพราวแต่ก็เช็ดไม่ได้
เพราะถ้าฉันปล่อยมือไป นั้นหมายถึง..ความตายมาเยือน
ข้างล่างตัวฉันและกิ่งไม้ มีเพียงแค่ความมืดเท่านั้นที่ฉันเห็น
เสียงสะท้อนที่ฉันตะโกนเรียกเธอ(แต่เธอไม่ได้ยิน) เป็นเพียงเสียงที่หายไปในชั่วพริบตา
ฉันไม่แทบไม่อยากจะคิดว่าข้างล่างนั้นมีอะไร แต่ก็อดคิดไม่ได้เมื่อใจเผลอ
ข้างล่างนั้นฉันอาจจะเจอเธอ หรือไม่ก็ไม่เจออะไรเลย...
ฉันอาจจะตกลงไปอย่างไม่สิ้นสุด และฉันก็ต้องทนทุกข์นี้ตลอดไป
เว้นแต่ว่าเธอจะมาช่วยฉันไว้ อย่าปล่อยให้ฉันต้องตาย...ขอร้องที
ใครก็ได้..สักคนหนึ่ง มาช่วยฉันที
ฉันจะไม่พูดมากแล้วต่อไปนี้ เพราะเส้นเสียงที่มีมันฉีกขาดไป
ฉันรอเธอมานานแสนนาน วันนี้หรือเมื่อวานต่างกันตรงไหน
เธอไม่มา...ใช่...ไม่เป็นไร ฉันคงไม่มีทางรอเธอได้(แน่นอน)
ท่อนแขนของฉันหายไปไหน? เลือดสีแดงมากมายหลั่งมาได้อย่างไร
ฉันอาจจะสงสัยอยู่ แต่สักครู่..ก็ได้รู้ด้วยตัวเอง
ดวงตาฉันพร่าเลือน แสงเดือนฉันไม่เห็นเป็นแสงสี
ความงดงามในโลกนี้ ตอนนี้เท่าที่มีคือเสียงลม
ฉันกำลังตกลงไปในเหวลึก มันยากที่จะนึกว่าลึกเท่าไหร่
สิ่งสุดท้ายที่ฉันหลงเห็นไป คือภาพเธอกำลังยืนอยู่ข้างบน
พร้อมกับเสียงที่ดังลั่นเปล่งลงมา ว่าฉันรอดูเธอมานานแล้ว
ถึงเวลานี้สักทีที่เราจะคลาดแคล้ว ไม่ต้องกลับมาแล้วนะเธอ
ต่อจากนั้นฉันได้ยินเสียงโลหะ เธอคงผละทิ้งอะไรลงมา
และต่อจากนั้นฉันก็ได้รู้ว่า สิ่งที่เธอทิ้งลงมาคือ..กรรไกร
ฉันหายสงสัยไปทันที ว่าสิ่งใดที่ทำให้กิ่งไม้นั้นขาด
และฉันก็หัวเราอยู่ในอากาศ และไม่อาจจะตกไปถึงพื้นเหวสักที
..มีใครสักคนไหม ที่พอจะเข้าใจความรู้สึกนี้
เมื่อความหวังสุดท้ายที่เธอมี กลายเป็นสิ่งที่ฆ่าตัวเธอเอง...
เพราะความพอใจคือความตาย ขณะนี้ฉันกำลังเลือกทางเดินมันอยู่
ไม่ว่าฉันไม่อาจจะล่วงรู้ ว่าอะไรจะรอคอยฉันอยู่ต่อไป
แต่ความรู้สึกที่ฉันมีทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่ฉันตก..(และตกตลอดไป)
ฉันไม่อาจจะละทิ้งเหวลึกนี้ได้ และความตายไม่ได้ฆ่าฉันเลย
ตัวฉันตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งหนึ่งยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไป
และความตายไม่อาจพรากมันไปได้ และ..สุดท้ายฉันก็ยังมีแต่เธอ...
30 มีนาคม 2547 21:41 น.
Clad in Black
ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องราว ยามเมื่อคราวท้องฟ้าดับ
หมอกเมฆไม่คราคับ ไม่อาจจะนับดวงดารา
นี่อาจจะเรื่องที่เบื่อ ถ้าไม่เชื่อก็ลองอ่านสิหนา
ขอเธอแค่อย่าหลับตา มาลองพิจารณาดูสักที
. . .
เขาซึ่งอยู่สูงปานเสียบเมฆ ดูเด่นเป็นเอกเหนือฝูงปักษา
สีเทาตะกั่วลื่นล่ำมันตา เหมือนประหนึ่งว่าไร้ผู้คน
ความเงียบและความอ้างว้าง ไร้ซึ่งกาลเวลาทุกแห่งหน
ไม่มีเสียงติ๊กต๊อกให้วกวน ไม่มีลมกระดิกให้ไหวเอน
เขาซึ่งอยู่สูงเสียดท้องฟ้า เหนือหมู่ปักษาพอแลเห็น
ถึงแม้ไม่มีลมให้ไหวเอน แต่หัวใจก็เอนได้ตามกาล
แม้จะมองไม่เห็นจากเบื้องล่าง คณานับประการอาจชะเง้อ
จะกระโดดหรือชะโงกก็ไม่เจอ แม้จะคิดยลให้เพลอก็ไม่ได้
จะไม่ใครสักคนได้รู้บ้างไหม ว่าอะไรที่ซ่อนเก็บไว้สูงเพียงนี้
แม้แต่นกก็ไม่อาจจะพาที ฤาวารีจะอาจเอื้อมมอง
ไม่มีแม้แต่เสียงเอื้อนเอ่ยจากพฤกษา ฤาเมฆาจะอาจผยอง
เขาลูกนี้ไร้ผู้คนจะเมียงมอง ฤาลำคลองก็เช่นเดียวกัน
. . .
หญิงสาวผมยาวหน้าใส ใครๆก็เคยถามถึง
และแล้วก็มาอยู่วันหนึ่ง วันที่พึ่งจะหวนมา
เธอหายตัวไปณ.หนใด ใครๆก็พากันถามหา
แต่แล้ววันและเวลา ก็พัดพาคำถามจากไป
วันเวลาไม่เคยย้อนกลับ ตั้งแต่นี้และลาลับตลอดไป
เมื่อไม่มีคำเอ่ยถึงเธอประการใด ก็เหมือนไร้ซึ่งชีวิตของเธอตาม
ความจริงนี้แสนเจ็บปวด เหมือนลวดที่ตัดเป็นขดหนาม
กดแทงเสียบทิ่มได้ทุกยาม และเลาะลามได้ทุกเวลา
ความจริงอีกข้อหนึ่ง อาจจะเพิ่งเป็นที่ประจักว่า
หากใครต่อใครไร้ซึ่งเสน่หา พวกเขาอาจจะพากันลืมเธอ
และความจริงนี้ก็เป็นจริง มันคือทุกสิ่งที่ถวิลหา
ตลอดเวลาที่ผ่านๆมา ทุกคนพากันลืมเธอ
. . .
. . .
เธอเคยมองเห็นดวงดาวไหม ฉันหมายถึงมองขึ้นไปกลางเวหา
ดูเมฆหมอกสีเทาและท้องฟ้า จากพื้นธาราแลวารี
เสียงสุดท้ายที่ดังกึกก้อง มีเพียงแต่ฝุ่นละอองที่เร่ารี้
ได้ยินเสียงเธอคนนั้นพูดพาที และนี่อาจเป็นคำสุดท้ายของเธอ
และอาจจะมีเพียงแค่สายน้ำ ที่ไหลผ่านเท้าของเธอค่ำคืนนี้
ความเย็นซาบอาบซ่านผ่านอินทรีย์ ค่ำคืนนี้อาจเพียงเธอที่ลิ้มลอง
ระลอกน้ำลอยกระทบไปยังฝั่ง สะท้อนร่างเรือนเล็กและเรียกหา
ให้ก้าวเท้าย่ำออกเดินตามมา พบจุดจบข้างหน้าที่ภิรมย์
เสียงกระเซ็นของน้ำจากการย่ำ รอยน้ำที่แห้งเหือดบนโขดหิน
คืนนี้...ใช่...อาจจะเป็นคืนนี้จริงๆ เวลาที่เธอเฝ้ารอคอยตลอดมา
ลำแสงจากก้นหิ่งห้อย ดวงน้อยๆนับร้อยก็มากหนา
หิ่งห้อยเฝ้าคล้อยเป่ารู่ลมมา ดั่งดวงดารากลางนที
เธอเอื้อมมือเหี่ยวและซีดจาง พลางจะปัดหิ่งห้อยให้ถอยหนี
บางก็เหมือนจะเอื้อมคว้าและพาที กับหิ่งห้อยน้อยที่ริกรี้ซุกซน
ตัวเธอเหมือนภาพถ่ายใบเก่า ที่มีแต่จะขาดและเลือนหาย
แต่ในภาพเก่าๆนั้นยังคงประกาย ความทรงจำมากมายที่เคยมี
ระดับน้ำที่ไหลหลั่งท่วมท้น มันก็คงไหลหลั่งไม่หลบหนี
แรงน้ำเอื่อยๆคอยรารี ความทรงจำมากมีค่อยลาเลือน
เธอโน้มตัวหงายกลางสายน้ำ รับความงามจากฝากฟ้าในคืนนี้
จากมุมมองของเธอเองและวารี และคงมีแต่เธอกับนทีที่สุขใจ...
ดวงตาของเธอดูอ่อนล้า ฟากฟ้ามีแต่เมฆปลิวไสว
สายน้ำพัดพาร่างเธอไป เรื่อยๆ...เรื่อยๆ...ตลอดทาง
. . .
แรงน้ำเอื่อยๆไม่ไหลกลับ ร่างของเธอกลับหนักหน่วงทุกที
เหมือนมีโซ่ร้อยตันมาพันพี พันธนาการมีรอบรั้งตัวเธอ
แรงกดยึดหน่วงกระชากดึง ตัวเธอปล่อยขัดขืนสักเล็กน้อย
แต่เธอกลับปล่อย.... ให้กายจมดิ่งไปใต้น้ำ
สายน้ำที่เคยอ่อนโยน เมื่ออยู่ลึกจะถาโถมทุกทีท่า
มันจะคอยฉุดคราลากกายา หรือแม้ว่าเม็ดทรายที่ใต้บึง
ความอารีของสายน้ำที่เยือกเย็น เป็นเหมือนดั่งเช่นสายฝน
เมื่อฝนตกมาพรำๆพอชื่นชม แต่จะขมจิตเมื่อพรั่งพรู
ความเย็นช่ำที่เคยอาบซ่าน เมื่อน้ำลึกจะหนาวซ่านทั้งขั้วจิต
ความหนาวที่ไม่อาจจะเป็นมิตร จะเสียดแทงทั่วกายระรัวไป
เหมือนเข็มเย็บผ้าสักร้อยเล็ม มาพัวพันระแรงรุมทิ่ม
แม้อยากจะหยิบเข็มนั้นทิ้ง ก็ไม่อาจจะทำมันได้เลย...สักน้อย
. . .
สายฝนตกซ้ำเข้าแทรก ร่างเธอแทบเหลวแหลกใต้น้ำ
ความช้ำเศร้าซึมและทรมาน ที่ออกจากร่างมารุมล้อมเธอ
ความรู้สึกที่ผูกเน้นและตรึงรัด ไม่อาจตัดให้ขาดได้เสมอ
เมื่อหันหาเส้นด้ายที่ผูกกลับไม่เจอ เหมือนความฝันที่ละเมอแต่เป็นจริง
หยดฝนที่ตกกระทบผิวน้ำ ทำให้ภาพท้องฟ้านั้นเลือนหาย
เมฆหมอกที่อึมครึมก็กลับกลาย เป็นแค่ภาพลางๆที่จากลา
มีเพียงแค่ภาพวงกลมร้อยล้านวง ที่เฝ้าชมร่างเธอจมดิ่งไปใต้น้ำ
ภาพวงกลมที่เป็นเม็ดฝนกระจาย ไม่อาจจะมองให้คล้ายดารา...
ความหวังคำพูดสุดท้ายของเธอ ไม่อาจเป็นจริงได้เสมอในเวลานี้
เมื่อความจริงอีกหนึ่งข้อปรากฏมี ว่าเธอหนีจากเวลานี้ไปแล้ว....
และความจริงนี้ไม่อาจจะคลาดแคล้ว และกลับกลายเป็นอื่นใด...
. . .
กล่าวถึง......
ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่กลางสายฝน เขายังคงเปียกปอนไม่ยอมหาย
ค่ำคืนนี้แม้ว่าฟากฟ้าจะพังทะลาย เขาก็ยังคงจะค้นหาเธอต่อไปให้เจอ
ชายคนนี้อาจจะเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเดียว ที่คอยแลเหลียวและห่วงหา
เธอคนนั้นที่เพิ่งจะจากลา และอาจจะเป็นชายคนนี้แหละที่หาเธอเจอ
ผมของเขาลีบลู่ติดกับใบหน้า ดวงตาที่เหนื่อยล้าไม่ลดถอย
แรงหายใจที่ระรัวร่ำอยู่ไม่น้อย ก็ยังคงสั่นคล้อยตลอดเวลา
ชายคนนี้เฝ้าตามหาเธอมาตลอด ..แต่ ด้วยการมองลอดใต้เกษา
เขาไม่คิดแม้แต่จะลุกจากที่มา ลงมือลงแรงค้นหาให้...จริงๆ
. . .
ความจริงอีกข้อหนึ่ง......สำหรับเธอ
กล่าวถึงอดีตของทั้งสองที่ผ่านมา แม้ว่าจะเนิ่นนานมากว่าแรมปี
อาจจะมากกว่านั้นสักสองปี แต่เวลาสิไม่สำคัญเลย
ความจริงที่เป็นอยู่คือ เขาเหมือนค่ำคืนนี้...
ค่ำคืนที่เธอเลือกเป็นอย่างดี ค่ำคืนที่ดูช่างแสนจะอ่อนโยน
แต่...ค่ำคืนที่ดูสวยงาม กลับกลายเป็นภาพลุกลามจิตใจ
ท้องฟ้าที่เคยดูกว้างไกล กลับถูกเม็ดฝนไล่ให้กระเจิง
ดวงดาวที่ดูเหมือนตาของเขา เธออยากจะเฝ้าดูและเก็บไว้
แต่...สุดท้าย ค่ำคืนนี้ก็ลาไป พร้อมกับเม็ดฝนใหญ่ๆที่มาแทน...
ความจริงอีกข้อหนึ่ง......สำหรับเขา
กล่าวถึงปัจจุบันที่เขาประสบอยู่ เหมือนไฟเฝ้าเผากายใจให้ลุกซู
แม้เขาจะรู้ว่าเธอไม่มีอยู่ แต่ก็ยังคงค้นหาต่อไป
แต่ด้วยความจริงใจที่เหมือนน้ำฝน หล่นบนทะเล...ทราย
ความรักที่เขามีให้เธอมากมาย กลับกลายเป็นแค่...กริยา
ใช่...เมื่อเขากล่าวอ้างความรักมากมาย ที่เหมือนคล้ายจะเทิดทูนให้เธอ
คำนั้นที่ใช้อ้างตลอดเมื่อเจอ...นั่นคือ ฉันรักเธอไม่เปลี่ยนเลย...
คำพูดซ้ำๆที่เขาพร่ำบอก ไม่อาจจะรั้งเธอได้อีกต่อไป
ความจริง.........สำหรับเธอและเขา
อาจจะไม่เป็นที่สังเกตเห็น ..แม้ว่าเธอจะรักเขาอยู่เช้าเย็น
หรือว่าเขาจะรักเธอตลอดไป และหรือแม้ว่าหัวใจเขาเรียกร้องหากัน
ทั้งคู่ไม่เคยแสดงมันออกมา ทั้งความรักและห่วงหาที่มีอยู่
ไม่เคยเลยแม้จะแสดงให้ต่างคนรู้ ไม่เคยเลย..ไม่เลยสักนิด...ไม่เลย
ความรักระหว่างเขาและเธอทั้งหมด ถูกเก็บและกดปิดทับไว้
เสมอตลอดกาลเวลาที่ว่าไป และ...มันจะไม่ได้แสดงอีกเลย
ความห่วงใยที่เขามีให้เธอและเธอเช่นกัน ไม่อาจจะได้ใช้ทันในตอนนี้
ทุกสิ่งมันสายไปแล้ว..และใช่ ความจริงนี้จะเป็นจริงตลอดไป...
. . .
จวบจนกระทั่งถึงเวลาเช้าในวันใหม่ เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิม
สายตาที่เหนื่อยล้ากับลาเลือน เขาเพิ่งจะตื่นจากนิทรา
ความเหน็บหนาวจากเม็ดฝน ที่สาดซัดตัวเขาให้ชิวหา
จะเทียบเท่าความเย็นที่เสียดแทงเธอไหมหนา? ..ใครล่ะ จะขันอาสาตอบให้ที
จวบจนแสงตะวันสาดทอแสง เรืองรองสะท้อนละอองฝน
แสงสีที่ดูเศร้าหม่น กลับกลายเป็นแสงรุ้งของวันใหม่
ความจริงที่เป็นอยู่ตอนนี้ แน่เสียยิ่งกว่าสายรุ้ง
แม้ว่าจะสวยและอยากเก็บไว้เท่าใด ก็ต้องเลือนลางหายไปอยู่ดี
. . .
ชายคนนี้ลุกขึ้น...(เป็นครั้งแรก) ใช่...ไม่แปลกที่เขาจะลุกสักที
คนเราเมื่อตื่นนอนก็สารภี รีบลุกมาบิดขี้เกียจพลัน
เขาพลางกวาดสายตาไปรอบๆ หวังไว้เล็กๆว่าจะแอบเห็นเธอจะครั้ง
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะคิดถึงเธอตลอดวัน ก็ไม่อาจจะเท่าทันสิ่งที่เธอประสบไป...
ชายคนนี้เริ่มออกลุกเดิน ระเทิ่มระทวยด้วยม้วยไม้
แข้งขาเอ็นยึดติดกับกาย แรงกายคับคล้ายจะจากลา
เขาหยุดนิ่งยืนยืด บิดกายไปทั่วพัวหนักหนา
พันแขนไปมาไม่ยักเลิกลา เหมือนที่การค้นหาคนรักที่เพิ่งจบไป
และแล้วกลิ่นน้ำฝนที่เฝ้าคลาเคล้า กลับกล่อมเกลาเอากลิ่นคลุ้ง
กลิ่นคาวที่เฝ้าฟุ้งไปทั่วคลุ้ง แตะจมูกของเขาเข้าขึ้นมา
ลักษณ์ภาพต่อมาที่เขาจะได้เห็น ..อาจจะเป็นเหมือนฝันร้าย
เมื่อเขาหันศีรษะตากลับลาย เมื่อเห็นสายชลกลายเป็นสีแดง...... ..... . . .