12 เมษายน 2547 22:23 น.
Clad in Black
Describing the fall of Brian Boru to Viking forces at the Battle of Clontarf, 1014
คำอธิบายการล้มของไบรอัน โบรู แก่กองกำลังทหารไวกิ้งที่สนามรบโคลนทารฟ์ ค.ศ.1014
Blood rains from the cloudy web สายฝนสีเลือดหลั่งลงมาจากกลุ่มเมฆที่ถักทอ
On the broad loom of slaughter. จากเครื่องถอผ้าอันใหญ่แห่งการเข่นฆ่า
The web of man grey as armor สายใยของมนุษย์สีเทาประดุจอาวุธ
Is now being woven; the Valkyries กำลังเริ่มถักทอแล้วตอนนี้ , เหล่าวาลคีรี่
Will cross it with a crimson weft. จะข้ามผ่านมันด้วยสายใยสีแดงสด
The warp is made of human entrails; สายใยที่ทำจากไส้พุงของมนุษย์
Human heads are used as heddle-weights; ศีรษะของมนุษย์ถูกใช้เหมือนดั่งลูกตุ้ม
The heddle rods are blood-wet spears; ด้ามของลูกตุ้มนั้นคือหอกที่โชกเลือด
The shafts are iron-bound and arrows are the shuttles. รอยแหลมคมคือเข็มเหล็กและลูกศรคืกระสวย
With swords we will weave this web of battle. ด้วยดาบนี้เราจะมาถักทอสายใยแห่งสงครามนี้
The Valkyries go weaving with drawn swords, เหล่าวาลคีรี่มาเพื่อถักทอด้วยดาบที่ชักออกมา
Hild and Hjorthrimul, Sanngrid and Svipul. ไฮลด์และฮโจทริมุล แสนกริดและสวิฟุล
Spears will shatter shields will splinter, หอกจะซัดโล่จนแตกเป็นผุยผงด้วยการทะลวง
Swords will gnaw like wolves through armor. ดาบจะฟาดฟันกัดแทะดั่งสุนัขป่าผ่านเกราะ
Let us now wind the web of war ขอให้เราได้ม้วนเก็บสายใยแห่งสงครามนี้เถิด
Which the young king once waged. ซึ่งยุวกษัตริย์จะได้ออกทำสงครามอีกครั้ง
Let us advance and wade through the ranks, ขอให้เราได้ฝ่าฟันตะลุยฝ่าขวากหนาม
Where friends of ours are exchanging blows. ที่ซึ่งเพื่อนของพวกเรากำลังต่อสู้กัน
Let us now wind the web of war ขอให้เราได้ม้วนเก็บสายใยแห่งสงครามนี้เถิด
And then follow the king to battle และจากนั้นจะได้ตามกษัตริย์ไปยังสนามรบ
Gunn and Gondul can see there กันนฺและกอนดุลสามารถมองเห็นที่นั่น
The blood-spattered shields that guarded the king. ที่ซึ่งเป็นโล่เปื้อนเลือดที่ปกป้องกษัตริย์ไว้ได้
Let us now wind the web of war ขอให้เราได้ม้วนเก็บสายใยแห่งสงครามนี้เถิด
Where the warrior banners are forging forward ที่ซึ่งเหล่านักรบผู้ชนะจะบากบั่นฝ่าฟันไปข้างหน้า
Let his life not be taken; โปรดเถิดอย่าให้ชีวิตของพระองค์ถูกนำพาไป
Only the Valkyries can choose the slain. มีเพียงแต่เหล่าวาลคีรี่เท่านั้นที่จะเลือกผู้ถูกฆ่าได้
Lands will be ruled by new peoples แผ่นดินจะถูกปกครองโดยคนใหม่
Who once inhabited outlying headlands. ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยอาศัยอยู่นอกดินแดนนี้ออกไป
We pronounce a great king destined to die; เราขอป่าวแจ้งกษัตรยิ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ถูกกำหนดให้ตาย
Now an earl is felled by spears. ตอนนี้เอิลถูกสังหารด้วยหอก
The men of Ireland will suffer a grief เหล่าประชาชนแห่งไอร์แลนด์จะต้องทนรับความเศร้า
That will never grow old in the minds of men. ที่จะไม่มีวันแก่ตายในจิตใจของพวกเขา
The web is now woven and the battlefield reddened; สายใยนี้กำลังถักทอและสนามรบเป็นสีแดงฉาน
The news of disaster will spread through lands. สารแห่งหายนะจะกระจายไปทั่วอาณาจักร
It is horrible now to look around มันโหดร้ายน่ากลัวที่จะมองไปรอบๆ
As a blood-red cloud darkens the sky. ดั่งที่สายฝนสีเลือดกำบังท้องฟ้าให้มืดมน
The heavens are stained with the blood of men, ท้องฟ้าเปื้อนด้วยเลือดของมนุษย์
As the Valkyries sing their song. ดั่งที่เหล่าวาลคีรี่ร้องเพลง
We sang well victory songs พวกเราต่างก็ร้องเพลงแห่งชัยชนะ
For the young king; hail to our singing! แด่ยุวกษัตริย์ของเรา ขอให้สุขดั่งเพลงของเรา!
Let him who listens to our Valkyrie song ขอให้พระองค์ได้ฟังเพลงของเหล่าวาลคีรี่ของเราเถิด
Learn it well and tell it to others. จงเรียนรู้มันให้ดีแล้วนำไปเล่าขานบอกต่อ
Let us ride our horses hard on bare backs, ขอให้เราได้ขี่ม้าของเราบนหลังเปล่าๆ
With swords unsheathed away from here! พร้อมกับดาบไม่อยู่ในฝัก แล้วไปจากที่นี่!
And then they tore the woven cloth from the loom and ripped it และจากนั้นพวกเขาก็ได้ฉีกสายผ้านั้นออก
from the loom and ripped it จากเครื่องทอแล้วตัดมันทิ้ง
to pieces, each keeping the shred เป็นชิ้นๆ แต่ละคนเก็บเศษผ้านั้น
she held in her hands... The women mounted ถือไว้กับมือ...ผู้หญิงเหล่านั้นขี่ม้า
their horses and rode away, ของพวกเขาออกไป,
six to the south and six to the north. หกคนไปจากใต้ และอีกหกไปทางเหนือ
7 เมษายน 2547 14:04 น.
Clad in Black
แสงแดดกำลังแผดเผา
พาเอาความเศร้าหายไป
แต่กลับนำความรู้สึกใหม่ๆ
มาใส่ไว้ในตัวฉัน
. . .
ความคิดที่กำลังอ่อนล้า
เผลอหลับตาอาจไม่ตื่น
ความรู้สึกที่ยากจะลืมเลือน
เหมือนติดตามอยู่ทั่วไป
. . .
ความร้อนกำลังแผดเผา
ตัวของเรากำลังจะละลาย
มีใครสักคนบ้างไหม
เข้าใจในสิ่งนั้น
. . .
โลกเรากำลังจะละลาย
สูญหายไปในพริบพลัน
ความสุขที่เคยดื่มด่ำ
จะตอกย้ำเข้าไปข้างใน
ว่า...ไม่มีอีกแล้วไม่มีอีกแล้ว
แสงแดดที่เลิศแล้วในวันใหม่
จากวันนี้และวันไหนๆ
ความร้อนนี้จะไม่ปรานีเรา
ฉันเกลียดหน้าร้อน
แต่ก็อยากจะขอให้โลกนี้อบอุ่น
ไม่อยากจะทนทุกข์กับความทารุณ
โปรดช่วยกันเกื้อหนุนโลกอย่าช้าเลย...
7 เมษายน 2547 13:45 น.
Clad in Black
De Grave (On the stand)
Text by Claude Achille Debussy (1862-1918)
Set by Claude Achille Debussy (1862-1918), from Proses Lyriques, no. 2
Sur la mer les crépuscules tombent,
Soie blanche effilée.
Les vagues comme de petites folles,
Jasent, petites filles sortant de lécole,
Parmi les froufrous de leur robe,
Soie verte irisée!
Les nuages, graves voyageurs,
Se concertent sur le prochain orage,
Et cest un fond vraiment trop grave
A cette anglaise aquarelle.
Les vagues, les petites vagues,
Ne savent plus où se mettre,
Car voici la méchante averse,
Froufrous de jupes envolées,
Soie verte affolée.
Mais la lune, compatissante à tous,
Vient apaiser ce gris conflit,
Et caresse lentement ses petites amies,
Qui soffrent, comme lèvres aimantes,
A ce tiède et blanc baiser.
Puis, plus rien...
Plus que les cloches attardées des flottantes églises,
Angelus des vagues,
Soie blanche apaisée!
ยามเย็นล่วงมาเหมือนเศษผ้าไหมสีขาวร่วงกราวบนท้องทะเล คลื่นกระทบพรึมพรำเหมือนเสียงเด็กหญิงตัวน้อยเบาปัญญาเลิกเรียนออกมาเสื้อครุยผ้าไหมเขียวมีเหลือบแสงกระทบ ก้อนเมฆ,นักท่องเที่ยวที่น่ากลัว รวมตัวกันเพื่อที่จะทำพายุลูกใหม่ต่อไป สีพื้นหลังนั้นช่างแสนจะมืดเกินไปสำหรับสีน้ำอังกฤษนี้ เจ้าคลื่นน้อยไม่รู้ที่จะไปต่อไป เพราะตอนนี้มีฝนใจร้ายตกลงมา พัดเป่าชายครุยกระโปรงไป และทำให้ผ้าไหมสีเขียวตกใจกลัว แต่เมื่อมีแสงจันทร์ผู้กรุณามา หยุดยั่งการกระทบกระแทกสีเทานี้ไว้ เธอค่อยๆปลอบประโลมเพื่อนน้อยๆทั้งหลาย และพวกเขาก็มอบตัวแก่เธอ เหมือนริมฝีปากที่น่ารักให้แก่จุมพิตแสนอบอุ่นสีขาวของเธอ ....ไม่มีอะไรอีกต่อไปแล้ว ไม่มีอะไรแต่หน่วงเหนี่ยวกระดิ่งของโบสถ์ลอยน้ำไว้ บทสวดของคลื่น ผ้าไหมสีขาวที่สงบลงแล้ว
5 เมษายน 2547 21:25 น.
Clad in Black
คำว่ารัก...
กาลครั้งหนึ่ง(ไม่นานมานี้)มีชายสามคน
ทุกคนต่างดิ้นรนและถอยหนี
กับความทุกข์ที่ตนได้อยู่แรมปี
สามคนต่างวิ่งหนีจากมัน
ชายคนที่หนึ่งอ้างว่า...
วันนี้ฉันเจอกับความทุกข์
เหมือนวันศุกร์ที่เพิ่งผ่านมา
แล้ววันก่อนๆหน้า...
ฮะๆ...นั้นแหละหนา..ก็เหมือนเคย
ชายคนที่สองตอบกลับ...
ฉันไม่เคยคิดจะมานั่งนับ
กับความทุกข์ที่ฉันได้สักที
..ทุกวันมันก็มีแต่ความเศร้า
เจ็บปวดร้าวอยู่แล้วนี่!
ชายคนที่สามพูดขึ้นทันที...
ก็ใช่นะซี แล้วจะทำไม?
. . .
และแล้วมาถึงวันหนึ่ง วันที่ซึ่งต่างออกไป
ชายคนที่หนึ่งวิ่งไปเร็วไว ออกค้นหาความนัยที่ไม่เจอ
เขาออกค้นหาความลับ ซึ่งออกจะนับไม่ได้
เพราะสิ่งที่เขาค้นหาไง มันคือความรักในใจที่หาไม่เจอ
กล่าวถึงชายคนที่สอง เขากำลังนั่งมองชายคนที่หนึ่ง
ปากก็บ่นพรำพรึมว่า... โง่ทึ่มอะไรอย่างนี้...
ฉันไม่คิดจะนับวันเป็นแรมปี เช่นเดียวกันกับที่แกทำ
ออกตามหามันไปทำไม ความรักโง่เง่าที่เคยฝัน
อยู่กับความจริงดีกว่ามั้ง สร้างสรรความทุกข์ให้ดูดี..
กล่าวถึงชายคนที่สาม กำลังนั่งอยู่ข้างๆชายคนที่สอง
สายตากำลังจ้องมอง สอดส้องหาความจริง
อาจจะจริงของแก มันโง่แท้อะไรอย่างนี้
เท่าที่ฉันกำลังดูมันอยู่นี่ ไม่เห็นอะไรที่มันจะดีได้เลย
ความรักโง่เง่าอะไร ไร้สาระจะตาย...อยากบ้า
จมอยู่กับความทุกข์ดีกว่า ยอมรับสิว่า..มันดี
. . .
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ชายคนที่หนึ่งก็ประจักษ์
ว่าคำว่ารัก... มันอยู่ไม่ไกลนักจากจิตใจ
เขาได้ครอบครองมัน และกำลังจะมีความฝันใหม่
คำว่ารักมันยิ่งใหญ่ และใครต่อใครก็ต้องการมัน
ชายคนที่สองกำลังนั่งมอง สอดคล้องกับชายคนที่สาม
เวลานี้แม้ว่าจะเนิ่นนาน และชายคนที่สามก็ยังเหมือนเดิม
แต่ว่าน่าแปลก เมื่อชายคนแรกได้พบรัก
ชายคนที่สองก็กลับผลัก ความทุกข์แล้วออกก้าวทันที
เขากระทำอย่างชายคนแรก ไม่ผิดแปลกไปสักที่
ไม่นานความรักที่เคยมี ก็กลับมามีอีกครั้ง...น่าดีใจ
เสียดายแต่ชายคนที่สาม ..เค้ากลับห้ามใจไว้
กลัวว่าความรักที่อาจจะได้ จะทำร้ายเขาดังครั้งก่อน
. . .
เวลาผ่านไปอีกหลายปี ชายคนที่หนึ่งกำลังจะมีลูก
ชายคนที่สองกำลังจะได้ปลูก ต้นรักใหม่กับใครสักคน
ชายคนที่สามกำลังนั่งจ้องมอง น้ำตาหลั่งคลอนัยนา
ปากบ่นพรึมไม่เป็นภาษา คำว่ารักของข้าอยู่ที่ไหน...
. . .
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เวลามีค่าเสียยิ่งกว่าอะไร
บางทีความรักที่อยู่ในใจ อาจจะใช้เวลาค้นหาได้เจอ
มันเป็นสิ่งอยู่ไม่ไกลตัว เราอาจจะหันหัวแล้วเจอได้
คำว่ารักมีอยู่รอบเราไป ก็แล้วแต่ใครจะมองมัน
ดูอย่างชายคนที่หนึ่ง เค้าเคยพรั่นพรึงและผิดหวัง
เอาแต่นั่งนับวันคืนปัน ความทุกข์ไปไม่รอรี
แต่แล้ววันหนึ่งก็คิดได้ ไม่เหมือนนายคนที่สอง
คนประเภทนี้อาจต้องรอ ให้พบความจริงที่เห็น
แต่ว่าก็ช่างปะไร เวลามีให้กับเขาอยู่แล้วนี่
แล้วสักวันคนอย่างนี้ จะใช้เวลาไปมากกับการหามัน
แต่...ชายคนที่สาม เวลาสักยามจะมีไหม
เมื่อเขาไม่มีกะใจ จะลุกหาคำว่ารักใหม่ให้กับตัวเอง
. . .
5 เมษายน 2547 21:21 น.
Clad in Black
การเดินทางของผีเสื้อ
ยามลมหนาวพัดผ่าน ความอ้างว้างและแห้งแล้ง
เจ้าผีเสื้อน้อยกำลังจะหมดแรง ทนทุกข์กับความคับแค้นไม่ไหว
ปีกสีสวยกำลังจะโรยรา แรงกายถามหาความหวังใหม่
จิตใจเจ้าแน่ไม่ถอยไกล โหยหาบ้านใหม่...ในฟ้าคราม
. . .
สัมผัสอากาศอันอบอุ่น อาจจะอยู่ที่ไหนสักที่
เจ้าอาจจะต้องบินลงใต้แล้วซี หรือว่าอาจจะบินขึ้นเหนือไปสักครา
ไอแดดและกลิ่นตะวัน ความสดใสที่เจ้าถามหา
ถ้าหากเจ้าไม่ออกบินในฟ้า จะมีไหมหนาที่เจ้าจะเจอ?
. . .
ระยะทางการอพยพที่แสนไกล เจ้าก็อยากจะบินไปให้ถึงที่
แม้จะเหนื่อยล้าอ่อนแรงเต็มที่ แต่เจ้าก็ไม่มีที่จะเลิกละไป
ผีเสื้อน้อยกำลังจะหมดแรง ทนทุกข์กับความคับแค้นไม่ไหว
ด้วยเหตุผลธรรมชาติบังคับไป เจ้าจึงไม่ขอทน...แล้วออกบิน
. . .
ปีกสีสวยกำลังจะโรยรา แรงกายถามหาความหวังใหม่
กระแสลมแรงกระหน่ำอยู่ร่ำไป ผีเสื้อไม่ท้อถอยจึงออกบิน
ลมหนาวต้านทานกับตัวเจ้า เจ็บปวดร้าวระบมไม่เป็นที่
ผีเสื้อน้อยแรงกายไม่รารี ขืนใจที่อ่อนล้าให้ถาวร
. . .
จิตใจเจ้าแน่ไม่ถอยไกล โหยหาบ้านใหม่...ในฟ้าคราม
ปีกเจ้าลู่ลมยังคงทะยาน อาจหาญเสาะหาความเป็นจริง
ธรรมชาติอันโหดร้ายและทารุณ จำเป็นต้องเอื้อหนุนกับสิ่งนี้
เมื่อมีผู้รอดต้องมีผู้ตายไปทุกที นี่แหละ...คือชีวิตของมัน
. . .
ระยะทางการอพยพที่แสนไกล เจ้าก็อยากจะบินไปให้ถึงที่
เหตุผลเดียวของเจ้าที่เจ้ามี คือปรารถนาบ้านใหม่ที่งดงาม
ผีเสื้อน้อยบินไปไม่ลดละ ด้วยความมานะที่หมายใหม่
ระยะทางที่เคยยาวไกล ไม่นานเจ้าก็พิชิตมันได้...(ด้วยความฝัน)
. . .
แสงแดดอันอบอุ่นส่องสว่างจ้า เสียงสรรพสัตว์นานาพวกใหม่ๆ
กลิ่นละอองไอแดดดั่งเผาไฟ เหล่าดอกไม้ต้องลมกำลังไหวเอน
ปีกสีสวยกำลังจะโรยรา แรงกายถามหาที่พักใหม่
คืนสู่เถ้าธุลีที่เกิดคล้าย ผีเสื้อโชคร้ายกำลังจะตายแล้วซี
. . .
ความพยายามของเจ้าประสบผล การดิ้นรนทนรอดไม่ถอยหนี
แต่ว่าความมานะของเจ้าในครั้งนี้ มิอาจมีความหมายต่อกายเลย
จิตเจ้าต่างหากเจ้าผีเสื้อ ที่ยังเหลือความสุขที่เจ้าได้
พบกับความฝันในวันที่โหดร้าย แล้วขวนขวายจนได้เป็นวันนี้
. . .
ปีกน้อยๆกำลังจะลาแรง มันลีบแห้งกรอบและไร้สี
ความฝันของผีเสื้อในยามราตรี กลางที่อบอุ่นไม่เคยหายไป
ความคิดที่ดูฟุ้งซ่าน โหยหาร่างกายใหม่
แต่ความสุขจากแสงแดดที่เคยได้ ดูคับคล้าย...กำลังจะลางเลือน