21 กรกฎาคม 2554 09:51 น.
cicada
"..... แสงทองจับขอบฟ้า
ท้องนภาดูอบอุ่น
เรียวคิ้วขมวดมุ่น
คล้ายยังกรุ่นจากละเมอ......"
ชายหนุ่มสองคนในชุดที่เตรียมพร้อมไปเล่นกระดานโต้คลื่น แบกกระดานโต้คลื่นผ่านร่างที่นอนพังพาบบนผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่....
หนึ่งในสองหนุ่มทักทายเธอด้วยรอยยิ้มกว้าง..
"สวัสดีตอนเช้าครับ..."
เธอเงยหน้าจาก"สมุดอันย่นยู่" ....เคาะดินสอในมือ..ยิ้มตอบ
"สวัสดีตอนเช้าเช่นกันค่ะ..."
ชายหนุ่มรีๆ รอๆ....อากาศดีมากๆนะครับเช้านี้....
"ขอให้สนุกสนานกับการโต้คลื่นนะคะ..." มะขิ่นยิ้มตาหยีพร้อมกับยกมือบังแสงแดดที่เริ่มเคลื่อนตัวสาดมากระทบหน้า...
"คุณเป็นนักเขียนเหรอครับ..." ชายหนุ่มอีกคนทักทายขึ้นบ้าง...
"เปล่าค่ะ...ไม่สามารถจะเรียกตัวเองว่านักเขียน
มันฟังดูยิ่งใหญ่เกินไป........
แค่มานั่งนับเม็ดทราย....
อยากจะรู้ว่า เช้านี้จะนับได้กี่เม็ด...
คุณทั้งสองควรจะรีบๆไปนะคะ ก่อนที่คลื่นใหญ่ๆ อันสวยงามจะวายเสียก่อน...ขอบคุณที่ทักทายนะคะ...."
ชายหนุ่มทั้งสองค้อมศรีษะ " ยินดีที่พบเธอที่นี่.....หวังว่าเราจะได้พบกันอีก..."
"เช่นกันค่ะ...."
มะขิ่นพลิกตัวนอนหงาย ท้องฟ้าสวยงามเหลือเกิน..
อีกไม่นาน ผู้คนก็จะมากันเต็มหาดทรายแห่งนี้ วันนี้เป็นวันอาทิตย์ในฤดูร้อน
ผู้คนจากใกล้ และไกล ก็จะพากันมานั่งเล่น มานอนอาบแดด...
สายๆหน่อย ทั้งชายหาดก็จะเต็มไปด้วยสีสัน....เสียงคลื่นก็คงจะจางลง
นกนางนวลบินโฉบเฉี่ยวอยู่ 3-4 ตัว..
มะขิ่นไม่มีอาหารให้มัน...มะขิ่นไม่มีแม้แต่อาหารของตัวเอง
เช้าวันนี้..มะขิ่นตื่นมาแต่เช้า เนื้อตัวยังปวดตะครั่นตะครอจากพิษไข้เมื่อคืน...
หัวยังหนักอึ้ง...
...ลืมตาขึ้นมาพร้อมคำว่าเหงา....กี่คราวที่ใจต้องทนอ่อนไหว...
มีหนึ่งหัวใจไม่เคยได้ใช้ ได้แต่รอใครบางคน..."
เสียงเพลง "หาไม่เจอ หรือเธอไม่มี" ดังแว่วอยู่ในหัวอีกแล้ว....
ไปทะเลดีกว่า....มะขิ่นบอกตัวเองพร้อมกับคลานออกมาจากผ้าห่ม..
ไม่อาบน้ำหรอก เดี๋ยวค่อยกลับมาอาบ..
ต้องแปรงฟันรึเปล่านะ...
อืม....เวลาดื่มกาแฟหลังจากแปรงฟันใหม่ๆ กาแฟจะไม่อร่อยซะเลย..
แล้วมะขิ่นก็อยากจะดื่มกาแฟตอนนี้น่ะ....ไม่แปรงฟันดีกว่า...
จากบ้านมะขิ่น ขับไปทะเลแค่ไม่ถึง 10 นาที...มะขิ่นก็ได้มานอนดูฟ้าสวยๆ เสียงคลื่นซัดซ่าอยู่บนชายหาด.....
"...ลืมตาขึ้นมาพร้อมคำว่าเหงา....กี่คราวที่ใจต้องทนอ่อนไหว...
มีหนึ่งหัวใจไม่เคยได้ใช้ ได้แต่รอใครบางคน..."
มันมาอีกแล้ว........ไอ้หัวดื้อ
มะขิ่นควานหาแว่นกันแดด..แดดมาแล้ว แสงสะท้อนของดวงตะวัน ก่อให้เกิดประกายวูบวาบล้อผิวคลื่น...
แว่นกันแดดช่วยตัดแสงที่วิบๆ ไหวๆ.....
"......พ.ศ. 2504 ...... ผู้ใหญ่ลีขี่ม้าบักจ้อน...
แดดฮ้อนๆ ใส่แว่นตาดำ....."
ได้ผลแฮะ....ความเหงาหายไปจนหมดสิ้น...มะขิ่นเหลือบตามองฟ้าสวยใส...ยิ้มกับตัวเอง.......
ก่อนที่จะลุกขึ้นเก็บข้าวเก็บของ....
หันหลัง...เดินจากชายฝั่งแปซิฟิค......
แล้วคราวหน้า มะขิ่นจะมาเล่าว่า บันทึกในสมุดย่นยู่มันว่าอย่างไรบ้างนะคะ..
วันนี้ ขอให้เป็นวันดีๆ สำหรับทุกคนค่ะ...รักเสมอ
มะขิ่น 07/20/2011
ขณะนี้ ในเวลาที่แซมนั่งพิมพ์โพส บันทึกอันนี้...
ยังคิดอยู่ว่า บันทึกของแซม ไม่มีสาระ ....
ไม่มีข้อสอนใจ (เพราะไม่ใช่นิทานอิสป..)
แต่มีสิ่งหนึ่งที่มันผุดขึ้นมาในหัวของแซม..
กลอนธรรมะเก่าแก่.... เสมอเหมือนคัมภีร์ของแซม...
....ประตูสวรรค์มิห่างหาย
สถิตย์อยู่ในใจของเรานี่
ไม่ต้องด้นดั้นหาองค์เจดีย์
ใจเรานี่คือที่สิงสถิตย์เอย...
P.S. งานเขียนของแซมจะดีขึ้นได้...ก็ต่อเมื่อเพื่อนๆ ช่วยกัน ติ - ชม นะคะ ขอบคุณจากใจแซมค่ะ....