29 มิถุนายน 2548 10:24 น.

โรคติดเว็บ กับทฤษฎี Tri-E (Entertainment, Escapism and E-Mail Addiction)… โดย……..ช่อชงโค

ChorChongKoh

โรคติดเว็บ กับทฤษฎี Tri-E (Entertainment, Escapism and E-Mail Addiction)        โดย..ช่อชงโค


                @โลกไซเบอร์เปรียบไปแล้วไม่ต่างกับมหาจักรวาลพิภพที่มนุษย์พากันหลงใหลแหวกว่ายออกไปอย่างไร้พรมแดน  มีนักวิเคราะห์ทางสาขาข้อมูลอีเลคทรอนิค ได้สร้างทฤษฎี Triple E (EEE) อันหมายถึงสาเหตุสำคัญ 3 ข้อ ที่นำให้คนเราต้องนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ 
1.) Entertainment   2.) Escapism 
3.) E-Mail Addiction.

กล่าวโดยสรุปคือ ๑.)ความบันเทิง ทั้งในการค้นคว้าข้อมูลในประเด็นที่สนใจทุกศาสตร์ รวมทั้งการศึกษาหาความรู้ต่างๆ 
การหาความเพลิดเพลินจากการสนทนาผ่านจอ หรือการสร้าง Blog 
(Online Journals) ทุกอย่างที่เป็นสิ่งสันทนาการ ที่ปัจเจกบุคคลสามารถแสวงหาและสร้างได้ในการสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ท  โดยไม่ต้อง
พบกันในชีวิตประจำวัน

๒.) การหลบเลี่ยงจากโลกของความเป็นจริง ในช่วงเวลาหนึ่ง 
อาจจะสั้น-ยาว แล้วแต่ความพอใจและโอกาสที่หาได้
ซึ่งการหลบเลี่ยงนี้ เพื่อลืมช่วงเวลาที่มีปัญหา หรือ หยุดเวลาที่ต้อง
พบปะผู้คนรอบตนเพื่ออยู่กับความเป็นส่วนบุคคล

๓.) สภาวะติดสารอีเลคทรอนิค..ประเด็นนี้นักวิชาการด้านสถิติเกี่ยวกับการสำรวจปริมาณผู้เข้ามาเล่นเน็ทพบว่า อัตราเฉลี่ยในการเปิดอ่านอีเมล์คือห้าครั้งต่อวัน..เรียกว่าต้องเปิดอ่านกันเช้า สาย บ่าย เย็น ค่ำ หรือมากกว่านั้นก็มี
การติดอีเมล์นี้ เป็นเรื่องปกติที่ผู้ทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์
ต้องยอมรับ ว่ามีใจจดจ่อกับการตอบและรับสารทางจอ

อย่างไรก็ตาม การสร้างมุมส่วนตัวอยู่ในโลกไซเบอร์ลำพัง 
ทำให้หลายคนลืมภาระหน้าที่ในชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว
จึงมีผู้จัดโปรแกรมเพื่อแก้ไข โรคติดเว็บ เรียกว่า 12 Way-Program of Recovery from Website Addicts. ขอนำมาแปล
เป็นข้อๆเพื่อท่องจำและพยายามปฏิบัติดังนี้ค่ะ 

๑.)  ฉันจะดื่มกาแฟ และอ่านหนังสือพิมพ์ ตอนเช้า ก่อนที่จะเปิดคอม.
๒.) ฉันจะรับประทานอาหารเช้าบนโต๊ะใช้ส้อมช้อนและจานให้เรียบร้อย 
ไม่ใช่มือหนึ่งถือแซนวิชแต่อีกมือหนึ่งพิมพ์
๓.) ฉันจะแต่งตัวก่อนเที่ยง ไม่ลืมเวลาอาหารกลางวัน 
๔.) ฉันจะทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า และจัดเตรียมอาหารค่ำ
ไม่ใช่อาหารกล่องหรือจานด่วน ด้วยความเร่งรีบที่จะมาอยู่หน้าจอ
 ๕.) ฉันจะเขียนจดหมายด้วยลายมือไปถึงเพื่อนๆ
๖.) ฉันจะโทรศัพท์รับฟังเสียงคนที่ไม่ได้พูดคุยกันนานมากแล้ว 
ให้เขาได้ยินเสียงหัวเราะของฉันเหมือนอย่างแต่ก่อน
๗.) ฉันจะอ่านหนังสือเล่ม และออกไปศูนย์หนังสือเพื่อเลือกเรื่องน่าสนใจ
เล่มใหม่ๆมาเข้าห้องสมุด ไม่ใช่แผ่นพิมพ์จากเครื่องคอม.
๘.) ฉันจะหันไปฟังความคิดเห็นและความต้องการของคนรอบข้าง ดูสิว่าใครยังประสงค์ให้ทำกิจกรรมอะไรกับเขาอยู่
๙.) ฉันจะไม่ใช้ช่วงเวลาที่โทรทัศน์ฉายรายการโฆษณาต่างๆเข้ามาเปิดอ่านจดหมายอีเมล์ หรือตอบกระดานสนทนาใด
๑๐.) ฉันจะออกจากบ้านไปยังสถานที่สวยงามในธรรมชาติ อาทิตย์ละอย่างน้อยหนึ่งหรือสองครั้ง เพื่อเห็นเดือนตะวัน
ในความเป็นจริง ไม่ใช่แค่นึกจินตนาการผ่านรูปภาพจากจออินเตอร์เน็ท   
๑๑.) ฉันจะไม่ลืมไปธนาคารเพื่อสำรวจบัญชี ไม่ใช่ฝากถอนจากเว็บ 
จนเห็นแต่ตัวเลขไม่ได้แตะต้องธนบัตรมาเป็นเวลานาน  
๑๒.) ฉันจะพักผ่อนนอนหลับเป็นสุข ในยามค่ำคืน และให้จอภาพปิดลง
 เป็นฝ่ายรอฉันในวันพรุ่งนี้..ไม่ใช่ดึงดูดช่วงเวลาในชีวิตของฉันไปตลอดรัตติกาล.
         
       @ ค่ะ อ่านทบทวน ทฤษฎีทริปเปิ้ล 3Eหลายๆรอบก็ได้นะคะ เพื่อรักษาสมดุลย์ระหว่างการสร้างความบันเทิงใจ
กับการใช้ชีวิตในโลกของความเป็นจริง ..รักษาสุขภาพกายและใจ มิให้เป็นโรคติดเว็บเรื้อรัง  จนอาจลืมว่ามนุษย์ได้คิดสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใช้งานในการติดต่อสื่อสาร  แต่ไม่ใช่สร้างไว้ดูดกลืนจิตใจไปทั้งหมดจนเป็นหุ่นหน้าจอ
 
       @  นอกจากนี้ วิวาทกรรมออนไลน์ หรือสงครามอักษรอีเลคทรอนิค ยังส่งผลกระทบให้ผู้รับสารเกิดความเครียด
แทนที่จะเข้ามาหาความรื่นรมย์ในโลกไซเบอร์ กลับมาสร้างศัตรูคู่เขม่น ทั้งๆที่ประมาณร้อยละแปดสิบไม่เคยรู้จักกัน
ความขัดแย้งอันเกิดจากความคิดเห็นมุมมองไม่สามารถประสานกันได้ ทำให้หุ่นหน้าจอสวมบททหารกลางสมรภูมิ
ลานโลกที่เปิดให้แสวงหามิตรภาพ กลับแปรเป็นลานประหัตประหารเชือดเฉือนอารมณ์กันไม่เว้นแต่ละวันเลยทีเดียว
ตามความคิดเห็นของ Blogger-Group หรือกลุ่มผู้เข้ามาเขียนบันทึกเรื่องราวประจำวันในบอร์ดสาธารณะ  
ส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการปะทะคารมกับผู้คนหลากหลายประเภท 
และมิใช่น้อยจงใจที่จะยั่วโทสะกัน
ดังนั้นผู้ทำงานผ่านสารอีเลคทรอนิคต้องกำหนดให้สภาวะอารมณ์
มั่นคงและรู้เท่าทันเจตนารมณ์ของผู้ที่มาติดต่อ จึงขออนุญาตให้คำแนะนำ
ว่าไม่ควรจริงจังกับการโต้ตอบในกระดานสนทนา..(แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่จริงใจ) เพียงแต่ไม่เก็บนำเรื่องราวเล็กๆน้อยๆไปคิดมาก หรือหมกมุ่นกับการหักล้างทางความคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง บางจุดแค่คำๆเดียวก็อาจจะ
ทำให้คนจำนวนมาก กลายเป็นเหยื่อของสงครามเว็บไซต์ และเมื่อ
ผนวกกับการที่มีใจจดจ่อกับการตอบรับสารทางจอ วันหนึ่งไม่ต่ำกว่า๓รอบ

เราจึงพบว่า มีกลุ่มคนที่หาความสุขไม่พบ หรือหมดความสุขไปเลยก็มี 
เพราะการต่อสู้กับลายลักษณ์ที่ไม่ทราบว่ามาจากที่ใดแน่
ยิ่งการขุดค้นเจาะหาแหล่งที่มาของฝ่ายตรงข้าม ยิ่งเท่ากับเพิ่มความสำคัญให้กับวิวาทกรรมไร้แก่นสารบนลานต่อสู้ยิ่งขึ้น แต่ก็ยังไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัวที่จะหาข้อยุติในประเด็นเหล่านี้ การเลือกรับสารที่เป็นประโยชน์ต่อจิตใจจึงเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล สำหรับผู้ใช้งานเครื่องสมองกลเป็นกิจวัตร จึงต้องเรียนรู้กฎระเบียบ และสร้างวินัยให้แก่ตนเองด้วย
มิฉะนั้น Entertainment may turn out to be Extermination ความเพลิดเพลินอาจกลายเป็นการทำลายล้างถอนรากโคน.
                             ช่อชงโค. (๒๙ มิ.ย. ๔๘)


     นำบทความนี้มาลง หวังว่าคงพบวิธีผ่อนคลายและเครียดน้อยลง นะคะ				
24 มิถุนายน 2548 11:36 น.

บทความลงหนังสือพิมพ์ไทยในสหรัฐอเมริกา

ChorChongKoh

การอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมและศักดิ์ศรีของคนไทยในต่างแดน     
                                            ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๘            
@ในความเชื่อถือของชาวพุทธ การได้เข้าวัดทำบุญ เป็นสิริมงคลแก่ตน และครอบครัว ยิ่งหากได้ไปกราบนมัสการพระพุทธรูป ปิดทององค์พระประธานตามวัดต่างๆ ยิ่งสร้างเสริมความอบอุ่นทางใจมากขึ้นเป็นหลายเท่าทวี โดยเฉพาะวัดที่ประดิษฐานองค์พระธาตุ นับเป็นบุญของคนไทยที่ผืนแผ่นดินของเรา มีแหล่งปูชนียสถานทางประวัติศาสตร์ที่งดงามมีค่าควรเมืองอยู่ทั่วทั้งราชอาณาจักร เพราะประเทศไทยได้สืบสานมรดกอารยธรรมมาหลายชั่วอายุปู่ย่าตายายทวด มหาบรรพชนท่านได้มอบไว้แด่ชาติและพวกเราซึ่งเป็นลูกหลาน เลือดเนื้อเชื้อสายเดียวกัน ไม่ว่าอยู่แห่งใด

สำหรับคนไทยที่ต่างต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอนไปไกลและนาน การได้รำลึกนึกถึงดินแดนวัดแห่งสุนทรียะ
ย่อมเป็นการสร้างกำลังใจที่ดีส่วนหนึ่งค่ะ  และเป็นการเน้นย้ำว่า เราคนไทยล้วนมีหัวใจที่มั่นคงต่อชาติและพระศาสนา
มิได้มาอยู่ต่างแดนแล้วลืมแผ่นดินเกิด มิได้มีหัวใจที่ตกเป็นทาสทางวัตถุ หรือทิ้งอารยธรรมทางใจอย่างที่ใครประณาม

@  ถูกต้องแล้วค่ะ เรื่องการอนุรักษ์มรดกไทย ไม่ว่าเราจะเดินทางไปสร้างตนอยู่อาศัย ณ ที่ใดในโลกก็ตามสิ่งที่เราไม่เคยยอมเปลี่ยนแปลง คือ ความเป็นไทย หรือ ความเป็นคนไท ซึ่งหมายถึงคนอิสระ นับหลายทศวรรษที่คนไทยรุ่นแรกๆเริ่มมีดำริที่สร้างศาสนสถาน  และรวมพลังสามัคคีสร้างขึ้นเป็นผลสำเร็จดังที่ทุกคนได้ประจักษ์ทุกวันนี้ วัดวาอาราม ในมลรัฐต่างๆ ปัจจุบันปรากฏภาพศิลปะประจำชาติอย่างเด่นชัด เป็นการจำหลักสถาปัตยกรรมที่รุ่งเรือง และเชื่อว่าเราจะยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้  

งานศิลปะแกะสลักบานประตูหน้าต่าง พร้อมภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดกำลัง
เพิ่มพูนทวีขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลาและการทุ่มเทในงานสร้างสรรค์ศิลปะที่เป็นรูปธรรมเหล่านั้น ขึ้นมาแต่ละชิ้น มิใช่ง่ายๆ

ในขณะเดียวกัน การถ่ายทอดจิตวิญญาณของความเป็นคนไท ก็ดำเนินคู่ไปทางด้านภาษาไทยและวัฒนธรรมดนตรีพร้อมศิลปะนาฏกรรมงดงาม
และทำอย่างไรให้เยาวชนซึมซับความเป็นไทยไว้อย่างฝังลึก ท่ามกลางการเติบโตในวัฒนธรรมผสมนานาชาติเช่นนี้ มิใช่เรื่องง่ายๆเลยเช่นกัน  ทุกฝ่ายต่างต้องร่วมกันฝ่าฟันปัญหาหลากหลายรูปแบบ ต้องระดมความคิดที่สุขุมแยบยล เพื่อจารลิขิตอักขระไทยลงในสายวิญญาณของผู้สืบทอด สิ่งนี้เป็นงานสร้างสรรค์ทางนามธรรมที่ต้องกระทำต่อเนื่อง

และวัดคือสรณะ พูดให้สั้นที่สุด คือ พุทธศาสนสถานไทยทุกแห่ง เป็นลานแห่งความหวังงามอลังการ เป็นจุดรวมที่เราร่วมใจกันสร้างไว้เป็นศรัทธานุสรณ์แก่แผ่นดินไทย ซึ่งอยู่ไกล ..แม้ว่าเราสามารถขึ้นเครื่องบินไปถึงได้ในหนึ่งวัน แต่เราก็ยังเป็นคนไทยไกลแผ่นดิน เป็นคนส่วนน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศ ทั้งสองฝั่งฟากทวีปโลก

เรื่องนี้ มีประเด็นชวนขบคิดที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง  คุณรู้สึกอย่างไรบ้างหรือไม่ เมื่อมีคนในบ้านเรายังเรียกคนไทยที่นี่ ที่ใช้ชีวิตในต่างแดนว่า พวกลืมชาติ..พวกไม่รู้คุณศาสนา ทิ้งถิ่นแผ่นดินเกิดหรือหยามหน้าว่าเป็นคนร่อนเร่ไร้รวงรัง...มันเจ็บช้ำน้ำใจมิใช่น้อย จริงหรือไม่เล่าคะ

@ แน่นอน เราต้องตีโต้กลับไปทันที ..เรามาอยู่บนแผ่นดินไกล แต่เรามีวัดไทย มีสังคมของคนที่เสียสละตนเพื่ออนุรักษ์ความเป็นไทยอย่างมั่นคง มีการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีไทย มีการกูลเกื้อสถาบันพระพุทธศาสนา อย่างเหนียวแน่น ไม่มีใครลืมชาติ หรือทิ้งร้างความเป็นไทย  และความรู้สึกภาคภูมิในสายเลือดไทยก็มิได้ยิ่งหย่อนกว่ากัน

ถึงแม้จะมีความขัดแย้งทางความคิดในการสร้างโครงการอะไรต่างๆเป็นระยะ ก็ตามที ในที่สุดก็มีจุดปรับความเข้าใจเพราะเจตนารมณ์ของคนทำงานก็มีแนวร่วม แต่ละคนมีอุดมการณ์เพื่อเชิดชูความเป็นไทย ไม่ได้แตกต่างจากกันเลย ทุกฝ่ายต้องพบเรื่องราวความสับสน ทั้งที่คนกลุ่มหนึ่ง ทำ งานโดยไม่มีสินจ้างรางวัล หรือไม่มีใครรู้จักว่าเป็นใครก็มี
และความช่วยเหลือทั้งในเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ กำลังใจที่มอบให้กันล้วนมีค่าเป็นแรงผลักดันให้กัน ร่วมกันแก้ไขปัญหาหลายๆคนยิ้มอย่างอย่างมีความสุข เมื่อได้ผ่านเรื่องร้ายเรื่องดี ได้เรียนรู้ทางหนีทีไล่ ทางสู้ ทางออก หรือทางหลบก็ดีแต่ในความหมายอันยิ่งใหญ่ ของการรักษาความเป็นคนไท ที่หัวใจไม่ตกเป็นทาสใคร และไม่ยอมให้ถูกกลืนวิญญาณ
คงไม่มีใครปฏิเสธว่า เรารู้สึกชื่นชม ในความก้าวหน้าของภาพสังคมไทยในต่างแดนโดยรวม เท่าที่ทำกันมาได้ถึงเท่านี้

แต่กระนั้น สิ่งนี้ก็ยังไม่มากพอ ที่จะลบคำหยันหยาม ว่าเป็นความเห็นแก่ตนที่ทอดทิ้งประเทศชาติ ไม่ได้นำความรู้หรือการศึกษาอันสูงส่งกลับไปเกื้อกูลพูนผล ให้แก่สังคมของไทยที่ห่างไกลและรอคอยคนดีที่มีความรู้ อยู่ด้วยความหวังอันลางเลือนเต็มทนยังมีคนที่ทุกข์ทนและรอคอย ให้มีคนเก่งคนดีเพิ่มกลับคืนไปสู่มาตุภูมิ บ้างเรียกร้องร่ำหาอาลัย
และหลายหลากก็เกรี้ยวกราดบริภาษอย่างเคืองแค้น ด้วยถ้อยคำต้องนำมาคิด ไม่ใช่เพื่อการโต้เแย้งทางความคิดเห็น

แต่ประเด็นที่สำคัญ เราต้องลงมือกระทำสิ่งใด และอย่างไร เพื่อพิสูจน์ให้ชัดเจนกว่านี้ว่า คนไทยทุกคนในต่างแดน ต่างก็รักชาติศาสนา และเทิดทูนพระมหาประมุขบดีและพระบรมราชวงศ์จักรีอย่างสูงสุดในศรัทธาแห่งความเป็นไทยการเพียรสร้างความรักความสามัคคี เป็นเรื่องหลักที่ทุกฝ่ายต่างพยายามอยู่  ดับเรื่องร้อนแรงลงด้วยเมตตาที่ชุ่มเย็น
มองให้เห็นจุดหมายบนเส้นทางไกล..ทางที่เรายังต้องก้าวเดินร่วมกันไปอีกแสนนาน..ไม่ใช่แค่ความคิดชั่ววูบยามว่าง

หากแต่เป็นการสร้างงานที่มุ่งมั่นด้วยขันติ ข้ามฝ่ากระแสกาลเวลาและคมเคียวที่เกี่ยวบาดใจหลายร้อยรอยที่มีแผลบาดเจ็บเย็บแผล และลบรอยร้าวแยกเหล่านั้น สมานรวมเป็นเนื้อใหม่ เราคนไทยในต่างแดน ยังมีหน้าที่ต้องทำเพื่อสังคมไทยเพื่อรักษาความเป็นคนไท เชิดชูธงไทยไตรรงค์ ธงมหาราช ธงธรรมจักร และธงแห่งสันติภาพของมวลชนให้สถาพร
          
   @ ทราบข่าวมาว่า เพื่อนไทยบางคน อาจมีนาทีที่เหลืออยู่ไม่มากนัก เขากำลังป่วยหนัก แต่ก็ไม่สามารถขยับไปทางใดได้ เขามีห่วงครอบครัว ลูกสาวเล็กกับภรรยาที่ต้องทำงานหนักทั้งที่ไม่มีความรู้ทางภาษาสากล แพทย์ไม่อนุญาตให้ออกจากสถานพยาบาล บำบัดดูแลอย่างคนไข้อนาถาในหัวใจพ่อผู้นั้นเขาปรารถนาเห็นทายาทเติบโตเป็นคนดีมีค่าต่อสังคม แต่เขาอาจไม่เหลือโอกาสที่จะอยู่ดูวันนั้นอีกแล้ว..และในหัวใจร่ำหาการคืนกลับมาตุภูมิ แต่ สิ้นหวังไม่มีทางเป็นไปได้ คุณรู้สึกเศร้าสะเทือนใจลึกๆไหมคะ ..และสภาพเช่นเดียวกันนี้ เกิดขึ้นกับใครอีกกี่คน ..และที่ทุกข์ทนหนักหนาสาหัสกว่านี้ ร่ำรวยรุ่งเรืองก็มี ล้มเหลวก็มากหลาย ทั้งที่พลัดพรากกระจัดกระจายหายสูญ เหตุผลของการดิ้นรนต่อสู้ ของคนไทยบนแผ่นดินไกล ทำงานส่งเงินให้ครอบครัวที่เมืองไทย หาปัจจัยให้ลูกมีการศึกษา อบรมลูกให้รักพ่อแม่ มันผิดมากไหม ที่ต้องเดินทางมาไกลเพื่อทำหน้าที่แก่ครอบครัว ซ้ำต้องตายบนแผ่นดินที่ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอน เพราะว่าเลือกไม่ได้ต่างหาก ปัญญาชนคนไทยไปต่างประเทศเพื่อโอกาสแสวงหาความก้าวหน้าทางวิทยาการมิใช่น้อยมีความสามนารถได้
เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงก้องโลกระดับท็อปเท็น นักเรียนทุนนักเรียนหลวงนำวิชาความรู้กลับมาฟื้นฟูสังคม นักศึกษาทุนส่วนบุคคล อาจโชคดีที่มีทรัพย์นำไปทำทุนต่อทุน เข้าหุ้นทำธุรกิจ เรียนรู้ระบบงานในประเทศพัฒนาแล้ว นับเป็นกำไรชีวิต เป็นโอกาสสร้างความดีงามในการรวมกลุ่มสามัคคีสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่สังคมไทยในต่างประเทศ

แต่ก็ยังไม่แคล้วกลายเป็นคนเร่ร่อน ในสายตาของคนที่มีโลกทัศน์คับแคบและไม่เคยก้าวย่างไปสู่เส้นทางที่กว้างไกล จำเป็นหรือเปล่า ที่คำว่าคนดีศรีแผ่นดิน ต้องอยู่โยงเฝ้าเรือนจนวันตาย มีสิทธิ์ไหม แก่คนดีศรีสังคมที่อุทิศจิตวิญญาณ เพื่อสรรค์สร้างเอกลักษณ์ไทยให้ปรากฏแก่สายตาของชาวต่างชาติ ให้เขารู้ว่า เรามาจากแดนดินที่น่าภาคภูมิผืนใด
ลองเข้าไปมองให้ชัดๆในวัดของคนไทย ในดวงตาของเยาวชนสดใสเพียงไหนกับการได้ซึมซับมรดกประจำชาติไทย และในแววตาของคนชราผู้อาวุโส ปลาบปลื้มหรือไม่ ที่บุตรหลานกตัญญูนำมาดูแลรักษาให้มีอายุยืนนานเป็นมิ่งขวัญชีวิต การทำงานสุจริตเพื่อยังชีพ เพื่อธำรงความกตัญญูกตเวทิตา นับเป็นส่วนสำคัญของการอนุรักษ์ประเพณีชาวพุทธไทย  ผู้เขียนขอฝากบทความนี้ให้พี่น้องทุกคน ถ้าคุณก็เป็นคนหนึ่งซึ่งมีความภาคภูมิในความเป็นไทย จำไว้ให้มั่นเถิด

 เราพึงทำหน้าที่ดีที่สุด แม้ฝ่าฟันชะตากรรมบนเส้นทางห่างไกล ก็ดีกว่าคนทรยศคดโกง กัดกลืนกินแผ่นดินตนเอง
.   
  (บทความนี้ตีพิมพ์ หนังสือพิมพ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ยอดผลิตแปดพันฉบับ คุณภาพมาตรฐานตลอดระยะเวลาสองทศวรรษจำแนกทั่วมลรัฐต่างๆทั้งทวีปเผยแพร่ที่วัดพุทธไทยและวางจำหน่ายที่ตลาดไทยร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ส่งตรงถึงสถานทูตไทยกรุงวอชิงตันดีซีและสถานกงสุลใหญ่ทุกแห่ง พร้อมขึ้นเครื่องบินไทยนำเข้ายังห้องสมุดรัฐสภา)				
1 มิถุนายน 2548 22:23 น.

ช่อชงโค ขอเปิดกระทู้ จีบคุณปีกฟ้า…..

ChorChongKoh

ขอเปิดกระทู้  จีบคุณปีกฟ้า..๑ มิถุนายน ๔๘

         ตั้งชื่อกระทู้แบบนี้ หวังว่าสาวน้อยสาวใหญ่คงไม่ตาคว่ำกันนะคะ 
คือ ตั้งใจว่าจะนำปัญหาบางเรื่องมาให้ช่วยพิจารณาแก้ไข (เด็กมีปัญหาอ้ะ!)
และมีข้อเสนอแนะนิดหน่อย อยากให้เพื่อนๆช่วยแสดงความเห็นเพิ่มน่ะค่ะ

เกี่ยวกับ เรื่องการลงนาม ในการแสดงความคิดเห็นของผู้รับชมผลงานที่นี่

(ขอโทษนะคะ ที่ช่อชงโคนำเรื่องนี้มาจีบ..อิ อิ สงสัยจะจีบไม่ติดแน่เลย..)

แต่คิดว่าคุณปีกฟ้า และกลุ่มผู้ดูแลเว็บ คงกลุ้มใจในปริมาณเล็กๆอยู่เหมือนกัน
เวลาที่เห็นมวลภาวะของความคิดเห็นในทางบาดหมางร้าวใจก่อตัวขึ้นมา
เหมือนพายุในฤดูวสันต์สวาท.. เกรงว่า หากไม่หาทางป้องกันไว้บ้าง
อาจกลายเป็นพายุงวงช้าง หรือเฮอริเคนได้นะ บ้านกลอนริมทะเลแสนงาม
หลังนี้ ต้องได้รับผลจากวาตภัยโดยตรง ไม่อยากให้ใครอพยพหนีพายุค่ะ

เข้าเรื่องเลยนะ..อย่างที่ช่อชงโค ได้เคยไปแง้มคำถามไว้เมื่อไม่นานนี้ ว่า
การตั้งชื่อปลอมตัวเพื่อลงความเห็นขัดแย้ง หรือก่อวิวาทกรรมต่างๆ
ทางผู้ดูแลเว็บทราบได้ไหมว่า แหล่งที่มาของความเห็นนั้นจากที่ไหน
และเรามีวิธีแก้ไขอย่างไรได้หรือเปล่า (ถามทั่วๆไป ไม่ใช่เฉพาะที่นี่)

และเห็นที่คุณปีกฟ้า มาตอบไว้ คือ ที่นี่ กรณีชื่อซ้ำ จะมีรูปแบบต่างกัน
เช่นปีกฟ้า (ตัวปลอม) หรือไม่ได้ล็อคอิน  กับ ปีกฟ้ามีไอคอนยอดมนุษย์
ที่สามารถคลิกไปหน้าส่วนตัวได้คือตัวจริง (ข้อนี้ ชอบมากค่ะ)

ปัญหา คือ อย่างนี้นะคะ การแสดงความคิดเห็นในบางกรณี ผู้ไม่ล้อคอิน
ก็ใช้นามตรง (หมายถึงชื่อสมาชิก) แต่จำนวนไม่น้อยที่ตั้งนามแฝงอื่นร้อยแปด
เพื่อไม่ให้ทราบว่า เจ้าของความคิด (ในเชิงชวนบู๊) นั้นเป็นใครกันแน่ (บ๊ะ !!)

เคยประสบมาด้วยตนเอง ประมาณสามครั้ง ช่อชงโคเป็นคนให้โอกาสคนน่ะค่ะ
(คือให้สามครั้ง จะทำอะไรก็เชิญ แต่ว่า..อิ อิ ถ้ามีครั้งที่สี่ ขอบอก..ไม่แน่จริง หยุด)
มีผู้มาลงความเห็นไม่ระบุนาม เป็นคำกลอนทางลบ ซึ่งมีลีลาการประพันธ์ใช้ได้
แต่ว่าแง่มุมกับเจตนาคือต้องการหาเรื่องกันมากกว่า มีเพื่อนอีกหลายคนนะที่เจอ
ในลักษณะนี้บ่อยๆ เห็นในผลงานของคนที่มีคนอ่านมากและมีเพื่อนๆนิยมชมชื่นเขา
เท่าที่เห็นแก้ไข คือตอบให้สนุกสนานไปซะ หรือไม่ก็ลบไป ต้องทำใจปลงๆตามวาระนั้น
และเคยเห็นว่ามีคนเคยตั้งกระทู้ถามเรื่องนี้ ว่ามีคนมาแกล้งทำลายกำลังใจของเขาลงมากๆ
แต่ก็ยังมีมาประปราย และบางประเด็นก็เห็นชัดว่า ตัวจริงเป็นใครนะ ถึงจะใช้นามอื่น(ก็เหอะ)
เพราะข้อมูลตามปริบท ระบุถึงแนวความคิด ที่ตรงกับกลอนใครบางคน แบบเป๊ะ! ใช่ชัวร์ !
แสดงว่า คนที่วนเวียนในบ้านหลังนี้ หากไม่พอใจประเด็นไหนก็ตามไปล้างแค้นเล่นกันต่อ
โดยใช้นามอื่น ปลอมตัว สรุปปัญหา หลายคนก็ผ่านไป ไม่ต่อความ ใช้วิธีลบทิ้งไปหมดเรื่องกัน
แต่อย่างไรก็ตาม มีวิธทางเทคนิคที่เจ้าของเว็บ สามารถตั้งไว้เป็นระบบนิรภัยได้ ก็มีนะคะ

ระบบนิรภัยง่ายๆนั้น คือ การนำปุ่ม IP มาให้คลิก เพื่อทราบ Domain Name ของผู้มาเล่นเน็ท
กล่าวคือ นอกจาก นาม กับไอคอนแล้ว ก็มีปุ่ม IP อีกอันหนึ่ง พอคลิกที่ IP บนจอก็จะเห็น
ปรากฏ ว่า ..ทิศทางที่มาของความเห็นนั้นๆเป็นแหล่งไหน แม้ว่าจะไม่ระบุชื่อที่อยู่เอาไว้
แต่จะมี บางอย่างที่ทำให้สืบค้นไปได้ง่ายขึ้น อย่างน้อย ก็คือระบบที่เขาใช้อินเตอร์เน็ท
หรือแหล่งข้อมูล ได้แก่ Asia Pacific ,AsiaNet ,CAT Com, Jasmine Internet หรือ AOL 
และมีเลขที่ Registrant ระบุชัดเจน บางคนส่งเมล์เข้าจากที่ทำงานก็จะเห็น ว่าอยู่หน่วยไหน
โดยเฉพาะหน่วยราชการหรือสถาบัน ระบบปุ่ม IP จะช่วยเราทราบได้ทันทีว่า..ใครเอ่ย

ในการสร้างระบบให้มีปุ่ม IP นี้ ก็เพื่อลดจำนวนของคนที่เข้ามาโดยเจตนาในทางลบ
ให้เกรงบ้างว่าคนจะเห็นที่ไปที่มา การแสดงความคิดเห็นก็จะไม่ก้าวร้าวรุนแรงมากนัก
แม้ว่าการใช้เครื่องคอม.สาธารณะจะทำให้ซ่อนตัวต่อไปได้ ก็ยังมีร่องรอยส่อเงาออกมา

การที่ระบบเปิดกว้าง ให้ใส่อะไรก็ได้ ทำให้มีความเห็นขัดแย้งบานปลาย(บานตะโก้)
และผู้ตั้งชื่อปลอมตัว ก็เหิมเกริมที่จะทำร้ายจิตใจคนอื่น เพราะได้เปรียบว่า หาตัวตนไม่ได้
บอกตามตรงว่า ไม่ค่อยนิยมเท่าไร กับการวิจารณ์ประณามศักดิ์ศรีของกันให้เจ็บปวด
หากแต่ในเมื่อเป็นวิธีที่ทำง่าย เพราะไม่ลงนามจริง ก็ยิ่งมีคน ขลาด ที่เข้ามาใช้วิธีนี้บ่อยๆ

ทีนี้ ถ้ามี IP หาตัวได้ เพื่ออะไร ไม่ใช่เพื่อนำมาลงโทษใดๆ แต่เพื่อให้คนทั่วๆไป ได้ทราบว่า
ความคิดนั้นใครลิขิตเพราะจริงๆแล้ว คนที่ว่านั้นอาจอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลมากนักนะ
แต่คงไม่กล้าล้อคอิน เพราะรู้ว่าความคิดเห็นบางจุดจะส่งภาพลบกลับมาที่ตนเองได้
มีคนไม่อยากเสียชื่อแน่ๆ แต่ก็อยากจะเล่นงานคนอื่น(มันเขี้ยว!!) เหตุผลคงประมาณนั้น

หวังว่าคงไม่ทำให้คุณปีกฟ้า กลุ้มใจเพิ่มขึ้น รวมทั้งเพื่อนๆ ถ้าไม่เห็นด้วยหรือทำยากยุ่ง
ก็บ่เป็นหยังดอกนะคะ (โดยส่วนตัว ช่อชงโคมีความเปิดกว้างให้มาลงวิจารณ์ได้เสมอ
แต่มีกติกา ว่ากรุณาแจ้งนามจริง เราจะได้สนทนากันอย่างเปิดเผย และใช้เหตุผลคุยกัน)  

การเปิดกระทู้นี้ก็เช่นกันค่ะ ขอให้เพื่อนๆกรุณาล้อคอิน หากมีความรู้สึกนึกคิดใดๆ
หรือมีความเห็นที่จะช่วยเหลือกันในประเด็นนี้ได้ ขอร้องไว้เลยให้ใช้นามสมาชิกเข้ามาค่ะ
เพราะว่าคุณปีกฟ้าและผู้ดูแลบ้านกลอนไทย จะได้ประมวลความเห็นไปประกอบแก้ไขได้

ถ้าถามว่า ทำไมอยากให้มีระบบ IP เราจะได้ลงความเห็นกันอย่างพี่ๆน้องๆ ด้วยน้ำใจไมตรี
และมีความบริสุทธิ์ใจ จริงใจในการสนทนา และคนที่มีกระทู้ประเด็นเด็ดๆ จะได้นำลงได้
โดยไม่ต้องเกรงว่า จะมี คนมาแกล้งลงชื่อปลอมตัว เพื่อเอาชนะเล็กๆน้อยๆ หรือ ยั่วโทสะกัน
อย่างที่เห็นอยู่ในช่วงนี้ ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม เพราะฝ่ายหนึ่งล้อคอิน แสดงความจริงใจ
แต่มีผู้ที่คลุมหน้ามา เหมือนโจร ทั้งที่ก็เป็นคนในละแวกนี้แหละ ขอให้เชื่อเหอะ (รู้นะ..อิ ๆๆๆ
เพราะว่า มี Sensitive IP)  งานเขียนบทกลอนต่างๆ ปรากฏตัวตนของคนเขียนในงานนั้น
แน่นอนว่าต้องมีคนหลายบุคลิก ทั้งที่ยอมรับได้ และไม่พร้อมยอมรับ อย่างไรก็ตาม
ไม่สมควรที่มีการกลั่นแกล้งเพื่อหาทางขับไล่กัน หรือทำให้ภาษาสร้างสรรค์แปรเจตนารมณ์ที่ดีไป

แม้ว่าการแสดงความคิดเห็นสารพันทรรศนะ คือสีสันของโลกแห่งเสรีภาพใบนี้ก็ตาม
การปฏิบัติตามกติกามารยาทนั้นจำเป็น ความเป็นธรรม เป็นเรื่องต้องรักษาไว้ในทุกแห่งทุกกาล

ถ้าใครประสงค์ลงความเห็น โดยไม่ประสงค์ออกนาม แล้วความเห็นนั้นเป็นพิษภัยต่อผู้อื่น
ควรที่ต้องพิจารณาปรับตนใหม่ ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม เพราะบ้านหลังนี้มีพลังทางอักษร
และสุนทรียภาพที่ร่มรื่นทางอารมณ์ อยากให้มีแต่คนเข้ามาพร้อมกับงานสร้างสรรค์มากๆ
เป็นกำลังใจให้ผู้เปิดบ้านต้อนรับเรา ให้ที่นี่มีอาหารสมอง มีความบันเทิงใจ และที่สำคัญคือ

ที่นี่มีมิตรภาพ ..เวลาที่เราเป็นทุกข์ เราจะได้มาช่วยกันปลอบใจ ให้ความเมตตากรุณากัน
เวลาที่มีสุข เราจะได้แบ่งปัน ให้คนรอบข้าง รักษาความอ่อนละเมียดละไมของจิตใจทุกคน
ย้ำ ทุกคนที่มา ไม่ว่าห้าปี สี่เดือน หรือสองวัน สามชั่วโมง คุณทุกคนคงคิดเหมือนๆกัน
ว่าเราต่างมาหาความอบอุ่น มาให้ความรัก หรือมาล้อกันเล่นให้ไม่เงียบเหงาเศร้าซึมลำพัง
มาเขียนบทกลอนอ่อนไหวอ่อนหวาน เพราะในโลกข้างนอกนั้น มันมี 

ขอให้เพื่อนๆที่น่ารัก โปรดอภัยให้กันในความผิดพลั้ง ซึ่งบางครั้งก็ไม่มีเจตนาร้ายแรงอะไร
ต่อจากนี้ ขอให้ลงความเห็นอย่างมิตรแท้ เถิดค่ะ ถึงจะต่างความคิด ก็กรุณาล้อคอินไว้ คนรับสาร
จะได้กลับไปตอบถูกคน ไม่ใช่ไม่รู้ตัวตน หรือ ต้องเจ็บช้ำเพราะคำเพียงไม่กี่คำของใครก็ไม่ทราบ

สงสัยนี่จะเป็นการจีบคุณปีกฟ้าที่ล้มเหลว แต่ว่า คงให้เห็นความจริงใจบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
ถ้าเราไม่อยากให้คุณปีกฟ้าเหนื่อยที่ต้องไปเพิ่มคิดระบบ ปุ่ม IP ก็ช่วยกันใช้นามสมาชิกนะคะ
(สำหรับผู้มาใหม่ ก็จะได้เข้ามาเป็นสมาชิกเพิ่มค่ะ  เราจะได้เห็นงานกาพย์กลอนงดงามมากขึ้น) 

หากว่าข้อความกระทู้นี้ มีส่วนใดให้เกิดความไม่พึงใจแก่ผู้อ่านในกรณีใด ขออภัยล่วงหน้า
และขอร้องให้ลงนามล้อคอินในการลงความเห็นด้วยนะคะ (ช่อชงโคจะไม่ตอบชื่อปลอมค่ะ)


ท้ายที่สุดนี้ ขอความกรุณาคุณปีกฟ้า พิจารณาตามสมควรนะคะ (ไชโย จีบจบแล้วววว!!!)

	ช่อชงโค
.
แถมบทกวี                จะไม่เคยห่างหาย..จากสายใจ

                     ขอฉันเป็นเช่นที่ฉันคิดฝันไว้
เป็นดอกไม้บอบบาง..อย่างที่เห็น
เป็นเรือลอย ในน้ำใส ที่ไหลเย็น
ขอฉันเป็น ธรรมชาติ..พิลาสงาม

	อาจมิใช่ใครคนที่..มีค่าสูง
มิใช่ยูงรำไพไร้คนหยาม
อาจเป็นเพียง สกุณะนิรนาม
เกาะอยู่ตามกิ่งไผ่..สุดไพรพง

             แต่ฉันมีความภูมิใจในชีวิต
แม้ต้อยต่ำกะจิริดมิดเศษผง
ฉันมีความใฝ่ฝัน อันยืนยง
จะมั่นคง เป็นตัวฉัน นิรันตร์ไป

	เป็นคนที่คำนึงถึงเธอเสมอ
แม้ว่าเธอแตกต่าง..ห่าง..เพียงไหน
จะศรัทธาให้ความหวังพลังใจ
ใกล้หรือไกล ใจเป็นเพื่อน..อยู่เหมือนเคย

	แม้ฉันเป็นดอกไม้..ในหมอกหม่น
เป็น เรือ กลาง น้ำ วนจนชินเฉย
เป็นนกหลงพงพนา..อย่าหวั่นเลย
จะไม่เคย..ห่างหาย..จาก สายใจ.

                         ช่อชงโค
                                          สวัสดีค่ะ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟChorChongKoh
Lovings  ChorChongKoh เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟChorChongKoh
Lovings  ChorChongKoh เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟChorChongKoh
Lovings  ChorChongKoh เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงChorChongKoh