29 กรกฎาคม 2552 20:27 น.
เฌอมาลย์
กระบี่อยู่ที่ใดไฉนนั่น
เมื่อตะวันเริ่มฉายขึ้นปลายฟ้า
กลางหุบเขาเดียวดายสุดสายตา
ฉันค้นหามานานจนซานซม
อยากบรรเลงเพลงกระบี่ฝีมือเด่น
อยากฆ่าเข่นความอ่อนไหวให้สาสม
เป็นเจ้าครองยุทธจักรหักอารมณ์
อยากเพาะบ่มเพลงกระบี่ที่ดุดัน
ไม่คิดท้อต่อสู้สู่เป้าหมาย
ฝึกลวดลายสร้างพลังหวังห้ำหั่น
เข้าสำนักจอมยุทธใหญ่ได้รู้กัน
ท้าประชันด้วยท่างามตามคัมภีร์
เลือดอาจนองครองผืนพื้นพิภพ
พร้อมจุดจบรักร้ายห่างหายหนี
แม้เสียเหงื่อเพลียกายในภายนี้
ขอยอมพลีเพื่อพบฝันวันไร้ใจ
วาดกระบี่รี่วางอกข้างซ้าย
กรีดจนสายเลือดพรั่งรินหลั่งไหล
ไม่รู้สึกรู้สมภิรมย์ใด
พร้อมกับควักหัวใจคืนให้เธอ
วางกระบี่แนบใจที่ไร้รัก
พร้อมหยุดพักความช้ำน้ำตาเอ่อ
ยุทธจักรรักร้ายมิหมายเจอ
.......................................
ให้เพื่อนๆช่วยทายกันค่ะ
ว่าใครแต่งบทไหนกันบ้าง
มี เฌอมาลย์ เพียงพลิ้ว ก้าวที่...กล้า แมงกุ๊ดจี่ whitelily
สำหรับบทสุดท้าย ไม่ต้องทายว่าใครแต่ง
แต่ให้ช่วยแต่งต่อบาทสุดท้าย..
คนแรกที่ทายถูกหมด และแต่งบาทสุดท้าย ถูกใจเราทั้ง ๕ เจ้าจอม
จะมีรางวัล คือของที่สะสมของเราที่เรารักเป็นที่ระลึกค่ะ
คือธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติค่ะ และของน่ารักอีกชิ้นนึงจากพวกเราค่ะ
24 กรกฎาคม 2552 16:25 น.
เฌอมาลย์
...จุดเริ่มต้นเรื่องราวปวดร้าวยิ่ง
ได้แต่นิ่งเกินจำหลักวาดอักษร
ครูให้เขียนการบ้านเรื่องมารดร
หนูสะท้อนทุกครั้ง...หลั่งน้ำตา
จักให้เขียนเริ่มต้นจนใจแท้
คำว่า แม่ ..ยิ่งใหญ่จริงไหมหนา
ตั้งแต่จำความได้ในจินตนา
ภาพใบหน้า..แม่นั้นเป็นฉันใด
ตั้งแต่หนูลืมตามาดูโลก
พบแต่โศก..หดหู่ครูรู้ไหม
รสสัมผัสอันอบอุ่นที่คุ้นใจ
เป็นอย่างไรไม่รู้..หนูไม่มี
เห็นคนอื่นพร้อมพรั่งทั้งแม่พ่อ
เฝ้าพะนอเอาใจให้สุขี
ยามหกล้มช่วยยื้อยุดฉุดชีวี
ปลอบฤดีเรียกขวัญพลันกลับคืน
เฝ้าประคองสองมือแม่ดูแลลูก
รักพันผูกห่วงใยมิใช่ฝืน
ต่างกับหนูยามช้ำต้องกล้ำกลืน
ก้อนสะอื้นในอกจนตกใน
ไร้คำปลอบยามหม่นต้องทนทุกข์
ไร้คำปลุกยามพรั่นหวาดหวั่นไหว
ไร้ที่พึ่งพักพิงอิงทางใจ
ไร้สิ่งใดที่ใครเขามีกัน..
ยามจะนอนไร้ลำนำบทขับกล่อม
ที่รายล้อมคือความเหงาเศร้าโศกศัลย์
กอดตัวเองอุ่นกายในบางวัน
แต่ใจนั้นหนาวอยู่มิรู้คลาย
แทนความนัยตอกย้ำเด็กกำพร้า
คือน้ำตาหยาดรินมิสิ้นสาย
อยากจะเขียนเสกสรรค์คำบรรยาย
สื่อความหมายคล้ายสมองต้องตีบตัน
จึงยากเค้นอักษรป้อนความหมาย
ที่เรียงรายคือน้ำตามาปลอบขวัญ
แทนหยาดหมึกจารึกไว้นัยสำคัญ
ถึงแม่นั้น..คือน้ำตาที่พร่านอง
จารจากใจถึงแม่จ๋า..ว่าลูกรัก
ชาตินี้ลูกบุญน้อยนักจักสนอง
หากชาติหน้าถ้ามีให้สมปอง
ทุกครรลองพร้อมหน้ากันสวรรค์ดล
กระดาษเปล่าเล่าความด้วยน้ำตา
แทนอักษราเรียงความติดตามผล
ส่งคืนครูด้วยใจหากได้ยล
หนูหมองหม่นทุกทีที่เรียงความ..
15 กรกฎาคม 2552 08:46 น.
เฌอมาลย์
เธอจะมีใจหรือเปล่า..?
คือคำถามเก่าเก่าที่เฝ้าหลอน
ที่เราเป็นอยู่นั้นคืออะไร?ไม่แน่นอน
มันวกวนซับซ้อนซุกซ่อนใจ
นั่นคือความในใจ..ใคร่อยากรู้
แต่ติดอยู่ที่ดวงมานเกินขานไข
ที่ค้างคาความรู้สึกลึกข้างใน
เธอมีใคร..ในฤดีมิรู้เลย..
อยากรู้ .. แต่มิอยากเอ่ยปากถาม
ถึงข้อความในใจให้เปิดเผย
เธอมีใครไหนสนิทแนบชิดเชย
แสร้งเฉยเมยแต่ใจ..ใคร่ร้อนรน
คำว่าเพื่อน..ขวางกั้นให้หวั่นหวาด
ใจเขลาขลาดเกินถามความฉงน
ได้แต่เก็บซ่อนลึกรู้สึกตน
เกรงหมองหม่นหากถามถึงความนัย
เกรงว่าเอ่ยคำถามถึงความคิด
จักพลาดผิด..ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนไหม?
มิตรภาพจะแปรเป็นเช่นอื่นใด?
เกรงรับมันไม่ไหว..ให้ตรอมตรม
จึงได้แต่กลืนกล้ำคำถามไว้
เก็บลึกในอุราจนปร่าขม
เกิดสองจิตสองใจเกินคลายปม
ฝืนใจข่ม..เก็บงำคำถามเดิม..
10 กรกฎาคม 2552 16:38 น.
เฌอมาลย์
"..อายุเยาวเรศรุ่นเจริญศรี.."
เสียงดนตรี..พริ้วแผ่วแว่วขับขาน
เสนาะโสตสำเนียงเสียงกังวาล
สื่อประสานสราญรื่นชื่นชีวี
ท่วงทำนองหวานหูมิรู้หาย
คิดถึงชายที่รักเป็นสักขี
คนละฟากฟ้ากั้นหวั่นฤดี
เกรงรักนี้จะไม่สมภิรมย์ปอง
ด้วยฐานะพื้นฐานต่างกันนัก
ซึ้งประจักษ์ทุกข์ท้นจิตหม่นหมอง
ไกลเกินเอื้อมเกินคว้ามาครอบครอง
น้ำตานอง..คิดมากยากทำใจ
เขาดุจดาวพราวพร่างกลางเวหน
เรามันคนต้อยต่ำช้ำไฉน
เขาดั่งหงส์เราดุจกาเกินคว้าใคร
แต่จะให้ตัดใจตัดไม่ลง
จึงตรึกตรองใคร่ครวญทบทวนใหม่
อย่าสนคำพูดใครใช่ประสงค์
ทำตามใจสั่งมาอย่าพะวง
มิใช่หลงแต่เพราะรักเกินหักใจ
รู้ว่าเสี่ยงที่ลองเล่นของสูง..(อายุ)
ยอมถูกจูงเพราะรักอาจตักษัย
แต่จะขอลองดูรู้รอดไป
แม้นว่าวัย..ต่างกันฉันไม่แคร์... อิอิ
เพราะรักคนสูงวัยใจจึงเจ็บ
ถูกแนมเหน็บเพียงใดไม่แยแส
ทุ่มทุนสร้างทางรักทั้งดวงแด
ก็เพราะรักคนแก่..ฉันแน่ใจ ...เอิ๊กกกกส์
แอบแซวบางคน คริ คริ