19 พฤศจิกายน 2551 08:04 น.
เฌอมาลย์
ระยิบระยับแสงไฟในความหลัว
ดนตรีรัวเร่งจังหวะสะโพกไหว
โยกซ้ายขวาหน้าหลังอย่างเร้าใจ
ท่ามแสงไฟพร่ามัวสลัวตา
ต่างเมามันกันไปในคืนค่ำ
ต่างดื่มด่ำน้ำอำพันสุดหรรษา
ฤทธิ์ดีกรีเปลี่ยนนิสัยให้ชีวา
ระเริงร่าท้าทายไม่อายใคร
ด้วยความเขลาเมามายลืมอายสิ้น
ต่างดีดดิ้นยั่วยวนชวนหวามไหว
ดั่งแมงเม่าหลงระเริงเพลิงเปลวไฟ
นำพาภัยหาตนจนตรอมตรม
กว่าจะซึ้งถึงพิษภัยก็สายแล้ว
สิ้นวาวแววสิ้นสาวเศร้าขื่นขม
หลงระเริงเพลิงโลกีย์ที่โสมม
พาชีวิตติดหล่มจมราคี
เป็นดาวโรยหล่นลาน้ำตาร่วง
เคยเด่นดวงจากบ้านนามีราศรี
ก่อนสู่กรุงคือดาวเรืองเฟื่องชีวี
เป็นเทพีบ้านนาโสภาพรรณ
หลงลืมตัวทิ้งฐานถิ่นบ้านเกิด
ทำเลอเลิศเปลี่ยนนามตามเสกสรร
จากดาวเรืองเป็นแววดาวพราวลาวัณย์
ยิ่งกว่าฝันวันมามหานคร
แต่วันนี้ฝันกลายร้ายกว่าเก่า
ดั่งมีเงาซ้อนทับกับสังหรณ์
อีกชีวิตในครรภ์ที่ผันจร
มาทับซ้อนฝันร้ายกลับกลายจริง
คือดาวเรืองร่วงโรยระโหยหวน
ร่ำไห้ครวญอย่าดูถูกลูกผู้หญิง
ผิดพลาดพลั้งหวังหาหลักได้พักพิง
อย่าด่วนติงชิงชังเพราะพลั้งไป
อย่าประณามหยามเหยียดหรือเสียดสี
บทเรียนนี้มีค่ากว่าครั้งไหน
อุทาหรณ์สอนหญิงสิ่งเป็นภัย
คืออะไรใคร่ครวญทบทวนดู