30 พฤษภาคม 2550 08:49 น.
เฌอมาลย์
ขึ้นสิบห้าค่ำเดือนหกดิลกมาส
เป็นวันศาสน์สำคัญวันวิสาข์
ชนชาวพุทธน้อมนำธรรมบูชา
อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย
วันสำคัญสามประการมาบรรจบ
หมายถึงครบพระประสูติอายุสมัย
พร้อมตรัสรู้พระธรรมน้อมนำใจ
ปรินิพพานอายุขัยนัยความดี
พระพุทธเจ้าทรงธรรมนำคำสอน
ประดุจพรล้ำค่าสง่าศรี
พุทธมามกะทั่วแคว้นแดนธานี
อริยสัจสี่ คือสัจธรรมนำชีวา
ชนชาวพุทธหันหน้าเข้าหาวัด
เพื่อขจัดจิตสะอาดด้วยศาสนา
ละมัวเมาหลงตนบนอัตตา
เสริมปัญญากระจ่างล้ำด้วยธรรมคุณ
21 พฤษภาคม 2550 14:32 น.
เฌอมาลย์
เพียงมนุษย์ปุถุชนบนลานฝัน
ร่ายประพันธ์บทกลอนอักษรศิลป์
สุดแต่ใจปรารถนาเป็นอาจิณ
ร่วมระบิลสุนทรกลอนประพนธ์
ใช่เก่งกล้าสามารถฉกาจแกล้ว
ใช่พราวแพรวฝีมือถือฝึกฝน
ใช่อวดดีอวดเด่นเห็นแก่ตน
เพียงแค่คนธรรมดาเช่นสามัญ
มีรักโลภโกรธหลงคงวัฏฏะ
คลุกเคล้าคละปัจเจกท่ามเสกสรร
ครบถ้วนด้วยอัตตาสารพัน
รวมเป็นฉันหนึ่งเดียวมิเกี่ยวใคร
เพียงมนุษย์ปุถุชนบนโลกกว้าง
อยู่ท่ามกลางกิเลสเหตุสงสัย
อาจร้ายดีที่เห็นและเป็นไป
สุดแต่ใคร /นิยม /ชม /นินทา
เพียงมนุษย์ธรรมดาตามหาฝัน
ร่วมรังสรรค์จินตนาการงานภาษา
ร่วมเรียงร้อยสุนทรพจน์รจนา
สรรค์คุณค่าตามใจในนิพนธ์
17 พฤษภาคม 2550 14:47 น.
เฌอมาลย์
เคยเชื่อใจนัยรักประจักษ์แจ้ง
รักแสลงกลายน้ำตาก็สาสม
เฝ้าหลงรักภักดิ์มั่นพลันซานซม
สุดท้ายตรมบรรเลงเพลงน้ำตา
เพราะดึงดื้อถือดีอยากมีรัก
แม้ใครทักยังเถียงทำเดียงสา
เลยต้องเจ็บน้ำตารินให้ชินชา
สมน้ำหน้าตัวตนบนความตรม
เจ็บเกินเจ็บยามยลตัวตนเขา
จึงหม่นเศร้าร้าวสะอื้นแสนขื่นขม
ยิ้มแต้มหน้าในอุราล้าระทม
คนโง่งมอย่างเราอยากเขลาเอง
คือรางวัลคนโง่ที่โอหัง
รักภินท์พังสาสมเขาข่มเหง
รักคนผิดแพ้ใจให้วังเวง
ใจจึงเคว้งเดียวดายพ่ายรักลวง
11 พฤษภาคม 2550 06:59 น.
เฌอมาลย์
ดาววาววับอับแสงสิ้นแรงส่อง
นภาหมองมัวหม่นฝนหลั่งสาย
ความโศกเศร้าคลุมครอบรายรอบกาย
ที่หลั่งรินเรียงรายสายน้ำตา
ฟ้าอำลาอาลัยร่ำไห้หวน
ลมแปรปรวนธรณินถวิลหา
ชนกำสรดครวญคร่ำร่ำโศกา
เมื่อผู้กล้าพลีกายจนวายชนม์
รั้วของชาติชายชาญทหารหาญ
ประณิธานยิ่งใหญ่ในพหล
พร้อมพิทักษ์รักษาธราดล
อุทิศตนเพื่อชาติศาสน์กษัตรา
ธงไตรรงค์คลุมร่างอย่างสงบ
คือจุดจบชายชาญหาญอาสา
สละชีพยอมพลีแม้ชีวา
เพื่อประชาร่มเย็นมิเว้นวาย
ทำหน้าที่ด้วยจิตอุทิศมอบ
ผลที่ตอบแทนมาน่าใจหาย
สูญสิ้นชีพชีวันในบั้นปลาย
สมชาติชายทหารกล้าวีรชน
"หลับเถิดชาวประชา ทหารกล้าจะคุ้มภัย"
เพื่อชาติไทยยรรยงดำรงผล
สถิตอยู่คู่หล้าแลสากล
กำลังพลพร้อมต้านผลาญไพรี
สดุดีวีรชนคนผู้กล้า
จงนิทราในเมืองแมนแดนสุขี
จารึกรอยอาลัยในความดี
จารจรดที่ดวงใจไทยทุกคน
เมื่อเวลา ๑๔.๐๐ น. วันที่ ๙ พ.ค.๕๐
เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ถนนสายดุซงญอ-เจาะไอร้อง
ท้องที่บ้านบองอ หมู่ ๔ ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส
ทำให้ทหารเสียชีวิต ๗ ศพ
สำหรับรายชื่อทหารผู้เสียชีวิต ประกอบด้วย
๑.พ.ต.วีระพล แย้มอำพล
๒.จ.ส.อ.วีระชล ศรีเกิด
๓.ส.อ.สมศักดิ์ สายพระแสง
๔.จ.ส.ต.สมเกียรติ จงจิต
๕.จ.ส.อ.ราชันย์ รื่นโกศล
๖.จ.ส.อ.สมบัติ ผ่าจันทร์
๗.ส.อ.นรินทร์ เครือโสม
ทั้งหมดสังกัดกองพันปฏิบัติการจิตวิทยา
กรมรบพิเศษที่ ๒ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี
ช่วยราชการโครงการทักษิณพัฒนา ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี
แต่ละศพถูกสะเก็ดระเบิด และบางศพถูกจ่อยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ศีรษะ
เมื่อเวลา ๑๓.๐๐น.วันที่๑๐ พค ๕๐
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า
ได้ทำพิธีเคลื่อนย้ายศพเจ้าหน้าที่ทั้งเจ็ดนายไปบำเพ็ญกุศลที่ภูมิลำเนา
ที่ จ. ลพบุรี ได้แก่
พ.ต.วีระพล แย้มอำพล
จ.ส.อ.ราชันย์ รื่นโกสุม
ส.อ.นรินทร์ เครือโสม
ส.อ.สมบัติ ผาจันทร์
และ ส.อ.สมศักดิ์ ฝ่ายทะแสง
ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราช ได้แก่
จ.ส.อ.วีรชน ศรีเกิด
และ ส.อ.สมเกียรติ จงจิตร
อันชาติใดไร้รักสมัครสมาน
จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล
แม้นชาติย่อยยับอับจน
ประชาชนจะสุขอยู่อย่างไร
พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖
8 พฤษภาคม 2550 16:14 น.
เฌอมาลย์
สารพัดสารพันท่ามปัญหา
ละลานตาเกลื่อนกล่นจนสลอน
เกิดความเครียดทุกวันที่ผันจร
อากาศร้อนควันพิษรถติดจัง
น้ำมันแพงแสลงทั่วจนตัวลีบ
ค่าครองชีพชักหน้าไม่ถึงหลัง
เศรษฐกิจรวนเรประเดประดัง
ที่สะพรั่งดอกเบี้ยยั้วเยี้ยบาน
ชีวิตคนวุ่นวายหน่ายจริงหนอ
ไม่เคยพอเคยเพียงเยี่ยงสถาน
มีแต่ความฟุ้งเฟ้อทะเยอทะยาน
จึงร้าวรานเพราะใจไม่เคยพอ
ถ้าหากเครียด..มีทางแก้แค่ยิ้มไว้
ท่องในใจว่ายุบหนอแลพองหนอ
แล้วยิ้มรับกับชะตาที่มารอ
แล้วสู้ต่อด้วยยิ้มที่พริ้มเพรา