30 เมษายน 2550 07:36 น.
เฌอมาลย์
ร้อยไมตรีด้วยห่วงของดวงจิต
เสริมชีวิตให้งดงามด้วยความหมาย
ปลุกปลอบขวัญวันเหงาเศร้าเดียวดาย
มิเว้นวายอาทรตอนทุกข์ตรม
ยามชีวาตย์พลาดพลั้งรีบรั้งลุก
ยามท้นทุกข์ปลอบใจคลายขื่นขม
ยามท้อแท้แพ้ชะตาล้าอารมณ์
ที่พร่างพรมคือคำถ้วนน้ำใจ
กำลังใจให้กันในวันหมอง
ช่วยประคองยามล้าได้อาศัย
ช่วยด้วยจิตมิตรแท้แน่หทัย
สานสายใยมิตรภาพทาบอุรา
สิ่งวาดหวังคงรอมิท้อแท้
ใจแน่วแน่พร้อมฝ่าฟันกับปัญหา
อุปสรรคแค่ปราการด่านชีวา
เพียงใจกล้าพร้อมก้าวเข้าผจญ
ทุกปัญหามิสิ้นไร้ในทางออก
อย่าจนตรอกตั้งสติตรึกตรองผล
อันต้นตอสาเหตุเลศนัยกล
คือกมลของเราโปรดเข้าใจ
หนึ่งแรงใจให้กันในวันนี้
ด้วยหวังดีต่อกันอย่าหวั่นไหว
จงมุ่งมั่นฟันฝ่าปัญหาไป
ปราการชัยในชีวีมิไกลเกิน
24 เมษายน 2550 03:56 น.
เฌอมาลย์
มีน้ำตาเป็นเพื่อนมิเชือนเฉย
เหมือนดั่งเคยยามล้าเพื่อหาฝัน
ยามราตรีมีแสงแห่งดวงจันทร์
ต่างกับฉันเหงาเศร้าเคล้าน้ำตา
อยากมีรักทักทายเพื่อคลายเหงา
คงบรรเทาฤทธิ์เล่ห์เสน่หา
เพียงมีใคร?..เคียงข้างทางชีวา
หนาวอุราคงอุ่นละมุนใจ
แต่ความหลังครั้งก่อนยอกย้อนจิต
รักกลายพิษขื่นขมระทมไฉน
เจ็บเกินเจ็บปวดร้าวเศร้าทรวงใน
นานเท่าไหร่ใจนี้มิมีเลือน..
จึงได้แต่ทำใจในวันนี้
หนาวฤดีมีใครไหนเสมือน
หนาวน้ำฝนน้ำค้างมิสะเทือน
รักลืมเลือน ทำเรา "หนาวน้ำตา"
19 เมษายน 2550 07:25 น.
เฌอมาลย์
ข่าวรายวันบั่นทอนคลอนรู้สึก
จิตตกผลึกกลับขุ่นข้องมิผ่องใส
ทั้งเรื่องเท็จเรื่องจริงอิงกันไป
บ้างใส่สีตีไข่ขยายความ
ข่าวสลดหดหู่อยู่ภาคใต้
พาดหัวใหญ่รายวันดังหยันหยาม
ข่าวสังหารเหี้ยมโหดโฉดเลวทราม
ยิ่งกว่าหนังสงครามท่ามน้ำตา
วางระเบิดรายวันให้พรั่นจิต
อำมหิตผิดสามัญก่อปัญหา
มองชีวิตเป็นของเล่นเช่นผักปลา
จึงเข่นฆ่าไปทั่วมิกลัวเกรง
อีกข่าวม็อบชาวพุทธสุดอนาถ
เอาเรื่องศาสน์มาโยงจนโฉงเฉง
กิจของสงฆ์หรือไฉนไยตะเบ็ง
ฤาบรรเลงเพลงสวดยัดเรื่องสัทธรรม
ข่าวการเมือง-ดารา-ก็น่าเบื่อ
มันพร่ำเพรื่อสุดท้ายได้ขำขำ
ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จเพ็ดทูลประจำ
เหม็นยิ่งกว่าน้ำครำต้องทำใจ
ข่าวโคมลอยทั่วไปไร้สาระ
ดังพาหะโรคร้ายคล้ายเหลวไหล
อีกข่าวลือข่าวกรองต้องตรองนัย
จะข่าวเด็ดข่าวใดไม่อยากยล
ข่าวรายวันบั่นทอนกร่อนรู้สึก
ไร้สำนึกตรึกตรองสนองผล
อ่านแล้วเครียดกบาลพาลทุกข์ทน
คนหนอคนไยวุ่นวายแสนหน่ายทรวง
15 เมษายน 2550 21:35 น.
เฌอมาลย์
มองหมู่ดาวพราวพร่างกระจ่างฟ้า
ส่องนภายามราตรีสร้างสีสัน
จรัสแสงงามเด่นข้างเพ็ญจันทร์
มิแปรผันเคียงฟ้าทุกราตรี
ต่างกับเราเดียวดายในโลกเหงา
มีเพียงเงาของตนหม่นหมองศรี
ไม่มีใครเคียงข้างทางชีวี
เหงาฤดีชอกช้ำลำพังตน
เมื่อไหร่..ถึงจะมีเธอเสนอรัก
คอยทายทักห่วงใยไปทุกหน
มอบแรงใจยามเหงาเศร้ากมล
หวังสักคนเข้าใจไม่ทิ้งกัน
มอบความรักห่วงใยให้ไออุ่น
ช่วยการุณสร้างเสริมต่อเติมฝัน
ยามเหนื่อยล้าได้พักพิงอิงชีวัน
สานสัมพันธ์รักเรา...อย่างเข้าใจ
9 เมษายน 2550 22:37 น.
เฌอมาลย์
บุพการีนั้นหรือคือพ่อแม่
เฝ้าดูแลลูกน้อยคอยสั่งสอน
จนเติบใหญ่แกร่งกล้าเฝ้าอาทร
มิคลายคลอนรักลูกพันผูกใจ
เพราะลูกคือความหวังทั้งชีวิต
พร้อมอุทิศเพื่อสร้างทางสดใส
ให้ความรู้วิทยามิคลาไคล
เพียงลูกได้มีวิชาหาเลี้ยงตน
กาลเวลาผ่านผันนานวันเข้า
ลูกไม่กลับคืนเหย้าเฝ้าฉงน
พ่อชะแง้แม่รอท้อทุกข์ทน
ไยลูกตนไม่คืนเรือนเหมือนก่อนเคย
เฝ้าติดตามถามไถ่ด้วยใจห่วง
คืนวันล่วงมานานพาลเพิกเฉย
"ไม่มีเวลา" "มากภาระ" "ใช่ละเลย"
คือคำเอ่ยบอกกล่าวให้เศร้าใจ
อันพ่อแม่แท้คือพระในบ้าน
เราลูกหลานควรบูชาพาสดใส
ควรดูแลด้วยชีวิตจิตห่วงใย
ก่อนสายไป...รู้แทนคุณด้วยกตัญญุตา