22 พฤศจิกายน 2549 21:34 น.
เฌอมาลย์
จากบ้านนามาสู่กรุงรุ่งอมร
มหานครเมืองใหญ่ให้เคว้งคว้าง
ต้องโดดเดี่ยวเดียวดายในปลายทาง
ใจบางบางมีเหงาเป็นเงาเคียง
มองท้องฟ้ายามอรุณฝุ่นวิถี
ร้างไมตรีมีแต่แสงสีเสียง
อยู่บ้านนามีพี่น้องร่วมร้อยเรียง
อย่างพอเพียงก็สุขเหลือเมื่อวันวาน
แต่วันนี้วุ่นวายคล้ายสับสน
ท่ามฝูงชนคนร้างใจไร้สงสาร
ดั่งวิหคหลงคอนรอนร้าวราน
ทรมานพลัดถิ่นแดนดินไกล
แม้เหนื่อยยากเพียงใดใจยังสู้
แม้นอดสูลำบากสักเพียงไหน
จะอดทนมิท้อระย่อใจ
ภาระใหญ่รออยู่รู้ตัวดี
ความจำเป็นทำให้มีหนี้สิน
ที่ทำกินจำนองทรัพย์กับเศรษฐี
ความอดอยากยากจนล้นทวี
จึงเป็นหนี้เป็นสินแทบสิ้นใจ
จึงเสี่ยงดวงเข้ากรุงดังมุ่งหวัง
นกไร้รังจากคอนจรทางไหน
ป่าคอนกรีตน่ากลัวอยู่ทั่วไป
หลากพิษภัยรายล้อมพร้อมบีฑา
" จะไม่กลับหลังถ้ายังไม่ได้ดี "
ถ้อยคำนี้ก่อนจากยังรักษา
บอกพ่อแม่ด้วยคำมั่นและสัญญา
จะคืนมาไถ่หนี้สินที่ดินเรา
20 พฤศจิกายน 2549 14:17 น.
เฌอมาลย์
อาจหงอยเหงาเดียวดายที่ปลายฟ้า
อาจอ่อนล้าเกินทนจนสิ้นหวัง
อาจอ่อนแออ่อนใจไร้ภวังค์
น้ำตาหลั่งนองหน้าอยู่อาจิณ
ใช่ว่าชีวิตนี้จะสิ้นฝัน
จงฝ่าฟันด้วยใจใฝ่ถวิล
เหมือนวิหคปีกกล้าถลาบิน
กระแสสินธ์ไพศาลข้ามผ่านไป
อย่าท้อถอยรอยลำเค็ญที่เป็นอยู่
จงต่อสู้เพื่ออนาคตที่สดใส
เรื่องร้าวรานผ่านเห็นเป็นทุนใจ
สร้างวันใหม่ด้วยใจนี้ที่ทะนง
ทำทุกอย่างดีที่สุด ณ จุดนี้
จากฤดีที่สลายกลายผุยผง
อุทาหรณ์สอนชีวันให้มั่นคง
จุดประสงค์เพื่อตนอดทนไป
สักวันหนึ่งคงสมภิรมย์หวัง
จะถึงฝั่งฟากฝันอันสดใส
ประสบการณ์ค่าล้ำตำราใจ
สั่งสมไว้เป็นวิทยาคำว่า..คน
16 พฤศจิกายน 2549 23:05 น.
เฌอมาลย์
อย่าอ่อนแออ่อนใจไปเลยเจ้า
โลกของเรายังมีที่สดใส
บนโลกกว้างมิร้างหนทางไป
ยิ้มเข้าไว้หยัดยืนฝืนชะตา
สิ่งที่ผ่านรานใจในกาลเก่า
อย่าเก็บเอามาคิดติดปัญหา
ทำใจว่างวางใจใช้ปัญญา
แล้วฟันฝ่าด้วยจิตที่คิดดี
โลกยังกว้างทางยังไกลอย่าไหวหวาด
หากประมาทพลาดหลงดงวีถี
ใช้สติไตร่ตรองมองชีวี
ปัญหามีไว้ให้แก้อย่าแพ้ใจ
อุปสรรคทั้งหลายหมายทดสอบ
ความผิดชอบดีเลวหรือเหลวไหล
ดั่งขวากหนามกั้นขวางทางฤทัย
อย่าหวั่นไหวพ่ายแพ้แค่ปราการ
ตั้งสติตรึกตรองก่อนตัดสิน
ด่านชีวินหลากหลายในสถาน
ควรใช้ดุลยพินิจวิจารณญาณ
เพื่อก้าวผ่าน..แล้วหลุดพ้นวังวนใจ
15 พฤศจิกายน 2549 00:25 น.
เฌอมาลย์
อยู่ในโลกความเหงาร่วมเงาหมอง
ตามครรลองวิปโยคโศกวิถี
เพียงคนเดียวเปลี่ยวเหงาเศร้าชีวี
เกินหลีกลี้หนีโลกโชคชะตา
เพียงคนเดียวสับสนระคนเหงา
มีเพียงเงาเหมือนมิตรสนิทหนา
อยู่ลำพังวังเวงเคว้งทุกครา
หลอนชีวาเกินขืนชื่นอารมณ์
ห้องสี่เหลี่ยมเงียบเหงาร่วมเงาโศก
ดุจดังโลกหมองหม่นคนขื่นขม
ที่คับแคบมืดมิดชิดระทม
ทุกข์ทับถมซมซานรานฤดี
นั่งเหม่อมองท้องฟ้านภาไสว
ต่างกับใจของตนหม่นหมองศรี
ฟ้าหลังฝนสดชื่นรื่นชีวี
แต่ฉันนี้หลังวิโยคโศกไม่คลาย
13 พฤศจิกายน 2549 11:33 น.
เฌอมาลย์
ต่อแต่นี้ไม่เหลือเยื่อใยแล้ว
ต่อแต่นี้ดวงแก้วแวววาวใส
ต่อแต่นี้ที่เห็นและเป็นไป
ต่อแต่นี้สิ้นไร้แม้นไมตรี
เมื่อสัมพันธ์วันวานสิ้นหวานแล้ว
เมื่อสัมพันธ์วาวแววหม่นราศรี
เมื่อสัมพันธ์ลาร้างหมางชีวี
เมื่อสัมพันธ์ร้างที่วิถีใจ
รู้ทุกอย่างทางใจไม่หวนกลับ
รู้ทุกอย่างลาลับรักขับไส
รู้ทุกอย่างสิ้นเยื่อมิเหลือใย
รู้ทุกอย่างสิ้นไร้อาลัยครวญ
เธอกับฉันจบกันในวันนี้
เธอกับฉันฤดีไม่มีหวน
เธอกับฉันรักจบเลิกทบทวน
เธอกับฉันปลดตรวนชนวนใจ