16 พฤศจิกายน 2546 23:38 น.
burst
เรามอบอะไรให้แก่กัน
นอกจากความรักนั้นที่ยิ่งใหญ่
ที่ตรงนี้มีสองเราและสองใจ
วินาทีนี้ยิ่งใหญ่ในรักจริง
เราใช้รักผูกกลางระหว่างใจ
มิอาจยั้งหัวใจให้หยุดนิ่ง
เพราะไออุ่นหัวใจที่แอบอิง
ช่างหอมหวลเกินยิ่งจะห้ามทัน
แต่...
รักเปรียบเหมือนขนมปังอยู่ในมือ
ให้สองเราได้ถือไว้เช่นนั้น
เรากัดกินหัวใจกันและกัน
เราเสพความรักนั้นจนพอใจ
แล้วซักวัน....ขนมปังก็มีหมด
แล้ววันนั้นเราจะอดมันได้ไหม
ในวันนี้มีรักอยู่เท่าใด
ก็แล้วใยไม่เติมรักให้แก่กัน
แบ่งปันขนมปังที่ถือไว้
เอามาเพิ่มเติมให้เต็มอย่างนั้น
เช่นเดียวกับเติมใจให้ทุกวัน
ถนอมความรักนั้นให้ยาวนาน
อย่ากัดกินความรักของตัวเรา
โปรดให้ความรักเขาลิ้มรสหวาน
ร่วมแบ่งปันความรักของวันวาน
จวบสิ้นกาลรักก็ยังอยู่คงเดิม
15 พฤศจิกายน 2546 23:09 น.
burst
มาจะกล่าวบทไปใช่โกหก
เป็นเรื่องจริงที่หยิบยกมาคราวนี้
ว่าด้วยเรื่องเซ็นเตอร์พอยต์ดูซักที
ดูซิดู มันจะมีดีอะไร
หากลูกท่านเพิ่งเกิดพึงสอนสั่ง
จงเตือนไว้ให้ระวังอย่าหลงใหล
หากวันนึงนะหนูนะ....โตขึ้นไป
อย่าได้เหยียบย่างไปจะเสียคน
ว่ากันว่าเมืองไทยมี...สามฤดู
จะร้อนหนาวฝนสู้อยู่กี่หน
ชาวประชาเซ็นเตอร์พ้อยต์มีกี่คน
ไม่เคยท้อไม่เคยบ่นเลยซักที
ใส่สายเดี่ยว เกาะอก และผ่าลึก
บางคนแต่งให้รู้สึกนึกนึกว่าผี
ทั้งเขียนหน้าทาปากสีมากดี
ทุกสไตล์รวมอยู่นี่ทุกลีลา
มีคอนเสิร์ตเจร็อคไปถึงแร็พ
ทำสีผมเจ็บแสบเป็นนักหนา
บ้างแต่งกายคล้ายคนดำเพราะจำมา
ใส่เสื้อโค้ตหนาๆบ้าคนดำ
หลังบ้านมันคงมีหิมะตก
ในหัวอกอดสูดูน่าขำ
เลียนแบบเค้าเอามาใช้ใส่ใจจำ
มีแต่เด็กเวรกรรมทำหัวทอง
อย่าได้ไปเลยนะ....ตอนค่ำๆ
จะเห็นสิ่งที่ทำน่าสยอง
ทั้งนั่งล้วงนั่งควัก...รักทดลอง
ที่สังคมมัวหมองมันเพราะใคร
ท้องก่อนแต่ง ทำแท้ง และมั่วยา
เซ็นเตอร์พ้อยต์สร้างมาดีตรงไหน
มีตำรวจใยไม่ตรวจ เอาใส่ใจ
ปล่อยให้เด็กทำไปไม่ระวัง
เซ็นเตอร์พ้อยต์คือดินแดนนิรมิตร
ให้วัยรุ่นได้คิดดั่งใจหวัง
แต่มันเกินกรอบไปแล้วหรือยัง
หากผู้ใหญ่ยังนั่งเพียงมองตา
เห็นขาวๆเนียนๆมันเหลืออด
ไปทีไรน้ำลายหยดดั่งเขาว่า
นี่ขนาดเราเป็นคนธรรมดา
เจอโรคจิตหรือคนบ้าจะทำไง
รักษาตัวเอาไว้นะน้องหนู
อย่าให้ใครเขาดูถูกน้องได้
ว่านุ่งลมห่มฟ้าท้าความตาย
รักษาใจรักษากาย...ช่วยบ้านเมือง
---------------------------------------------------
นึกสงสารพ่อแม่เค้าเหมือนกันนะครับ
14 พฤศจิกายน 2546 11:25 น.
burst
ไม่ถึงควายหรอกเธอที่เจอฉัน
ที่เราคบเรารักกันมันไม่ง่าย
เธอกำลังคบกับฉันไม่ใช่ควาย
อย่าฟังคำกล่าวร้ายของใครเลย
หากฉันควายจริงจริงอย่างเขาว่า
มีหรือจะมาตีหน้าทำเฉย
หากฉันคิดดู....ไม่คู่ควรเลย
ฉันก็ยังไม่เคยจะฝืนใจ
หากฉันคิดดูแล้วว่าไม่เหมาะ
อาจอกหักดัง เป๊าะ เอาง่ายง่าย
ฉันคงไม่ทนใครด่าว่าเป็นควาย
หรือให้ใครทำร้ายด้วยวาจา
อย่ามองหน้าฉันเหมือนมีเขา
อย่ามองตัวเราไม่มีค่า
หากเธอมีแฟนเป็นควายหน่ายอุรา
จะยอมเลิกยอมราฉันก็เอา
แต่ไอ้คนที่ด่าว่าฉันผิด
เอาอะไรมาคิด..แสนโง่เขลา
เดี๋ยวก็ขวิดไส้แตก....แลกกับเรา
ควายก็ควายรุ่นเก๋า...เขาเลี่ยมทอง
13 พฤศจิกายน 2546 18:12 น.
burst
ขอชี้แจงบางประการนะท่านนะ
ความที่ผมกักขฬะเกินรับได้
หญิงไร้เงาเขาว่า....น่าละอาย
ใช้ถ้อยคำหยาบคายมาแต่งกลอน
เรียนนิดหน่อยใช่ฝอยมากลบเกลือน
เข้าเว็บนี้มาหลายเดือนเพื่อนกระฉ่อน
ไม่เพียงคุณคนดีที่เว้าวอน
ให้ผมแต่งบทกลอนให้ถูกความ
กลอนคืออะไรครับ....คืออะไร
ผมปัญญาน้อยคอยผู้ใหญ่ตอบคำถาม
หากกลอนมีแง่มุมเพียงสวยงาม
ไม่มีหลอกด้านเลวทรามมาแทรกแซง
ผมคิดว่ากลอน...คือศิลปะ
ที่พร้อมจะสะท้อนความเสรแสร้ง
ที่ขุดลึกความในใจให้แสดง
และชี้แจงออกมาตามแต่ใจ
ดังนั้นกลอนจึงมีขาวและดำ
มีความสุขก็มีช้ำบ้างได้ไหม
มีอ่อนหวานก็มีโหดโฉดเกินไป
มีสนุกมีเหงาได้แล้วแต่เรา
หญิงไร้เงาเขาว่า...คำไม่เพราะ
อันวาจาก็เหมาะ...คนโง่เขลา
กี่ถ้อยคำแต่งมาได้ไม่ขัดเกลา
มิสมความที่เขาพึงพอใจ
ใช่ครั้งแรก ไม่เคยแปลก ที่โดนว่า
มีหลายคนอ่านแล้วมาว่าเข้าให้
พึงน้อมรับใส่กระบาลไม่ใส่ใจ
รู้เอาไว้แต่ไม่จำ...ไม่ทำตาม
คนหัวดื้ออย่างผมเลี้ยงไม่เชื่อง
รั้นไปหมดทุกเรื่องไม่กลัวหยาม
มีปัญญาก็น้อยนิด..จิตเลวทราม
แต่งทีไรไม่เคยงาม...สมบทกลอน
ชาติตระกูลผมไม่สูง...เชื้อกรุงเก่า
คนบ้านนอกอย่างเราเขาต้องสอน
กำลังใจที่แต่งไว้...ไม่สั่นคลอน
ยังแน่นอนแน่แน่ว...ข้าแจ๋วจริง
คงถูกว่าถูกเสียดสีอีกมากโข
ทำไงได้ไม่ไฮโซโก้ทุกสิ่ง
กลอนของผมสดับรับความจริง
ว่าโลกนี้ยังมีสิ่งซ่อนภายใน
ยอมรับว่ากลอนของใครก็ดีกว่า
แต่งแล้วสร้างคุณค่า...มีความหมาย
หากไร้คนอย่างพวกคุณคงเสียดาย
แต่ไร้คนอย่างผมได้....ไม่ต้องกลัว
ผมจะแต่งต่อไป...กลอนชีวิต
มีทั้งกัด ทั้งดัดจริต คิดชั่วๆ
ใช้อักขระก็ผิดๆ คงติดตัว
แต่งทีไรก็มั่วๆ ก็เมาๆ
ไม่อยากอ่านไม่ว่า...ถ้าอยากไล่
ผมจะไปไกลๆ แต่ไม่เศร้า
ยังภูมิใจในผลงาน...ด้านของเรา
แม้เป็นด้าน....ที่พวกเขา....ไม่เข้าใจ
------------------------------------------------------
เสียใจเล็กๆ แต่ช่างมันเถอะ คนเราต่างความคิด
13 พฤศจิกายน 2546 10:53 น.
burst
จรดปากกาปล่อยวาจาเป็นอักษร
มาร้อยเรียงสำเนียงกลอนวอนหวานหวาน
ให้ซึ้งรับจับใจในวันวาน
และตราตรึงนิรันดร์กาลในหัวใใจ
เลือกกระดาษสีชมพูดูหรูดี
แถมน่ารักออกอย่างนี้ดูสดใส
มีกลิ่นหอมอ่อนอ่อนเพื่อผ่อนคลาย
หมึกปากกายังไม่วายกลิ่นละมุน
เขียนหนึ่งบทแทนคำรักนับหมื่นพัน
ให้เธอล่องลอยดุจฝันเหมือนปุยนุ่น
ให้กรุ่นรักอบไอในใจคุณ
กลอนหวานหวานที่ลงทุนทั้งหัวใจ
มันผ่านไปนานแล้ว..........
นานจนฉันแน่แน่วเกินสงสัย
กลอนหวานหวานในวันนั้นสะท้านใจ
เหตุใดเล่าเขาทำได้....ทำร้ายกัน
ตอนนั้นมันแต่งไปได้ยังไง
ไปโดนเล่ห์เสน่ห์ใด...ไหงเป็นงั้น
ผ่านมานานกลอนหวานหวานเคยให้กัน
กลับเปลี่ยนแปลงอารมณ์ฉันฝันไปไกล
คำหวานหวานที่หว่านไว้เป็นกลอน
มันคุ้มค่ากับที่ย้อนคืนมาไหม
ต่อให้หวานกว่านั้นอีกเท่าไร
ก็ไม่อาจดึงใจให้กลับมา
อ่านไปก็เท่านั้น....กลอนวันนี้
ไม่เหลือแล้วสิ่งดีดีให้มีค่า
ที่เคยหวานเจียนตาย...กลับกลายมา
เป็นคนเขียนที่เจียนบ้าเจียนขาดใจ
ให้จ๊ะจ๋า...โอ้ที่รัก....รักนิรันดร์
คำเพราะเพราะอย่างนั้น...มันไม่ไหว
เพียงแค่คิดจะแต่ง....ขึ้นครั้งใด
ยิ่งไม่อาจทำใจ..แต่งได้เลย
---------------------------------------------------------------
ผมเลยไม่ชอบแต่งกลอนหวานๆไง ไม่มีปัญญา