11 พฤศจิกายน 2546 10:45 น.
burst
ชันเข่าหลบหน้าตรงมุมห้อง
ไม่อยากให้หน้าไหนมองมาตรงนี้
เอาหัวเข่าปาดน้ำตามาหลายที
สะอึกสะอื้นในคืนที่อยู่ลำพัง
ต้องปิดไฟเอาแสงพระจันทร์ส่อง
ในกระจกเห็นหน้าหมองเพราะความหลัง
มันทั้งเจ็บทั้งสะใจพอหรือยัง
เห็นตัวเองยังนั่งหลบสายตา
ในทีวียังเปิดเหลียวไปดู
เห็นภาพข่าวยิ่งอดสูอยากเมินหน้า
ช่วงวงเวียนชีวิตโชคชะตา
เด็กหกขวบเลี้ยงมารดาผู้พิการ
แสนรันทดชีวิตฟ้าขีดให้
ต้องลำบากใจกายน่าสงสาร
ยังอดทน...ดิ้นรนไม่ขอทาน
สู้ตรากตรำ...ทำงานเลี้ยงแม่ตน
หันมามองที่ตัวเรา
ใยยังต้องมาเศร้ามาสับสน
ยังมีใครลำบากอีกหลายคน
เขายังอดยังทนสู้ต่อไป
นี่มีพ่อมีแม่มีคนอื่น
ที่ยังอยากหยิบยื่นช่วยเหลือได้
ยังจะคิดหลบหน้า...ฆ่าตัวตาย
อนาถหนอ...แพ้เด็กชายตาดำดำ
ลุกขึ้นเดินเปิดไฟเปิดหน้าต่าง
เห็นแล้วแสงสว่างกลางคืนค่ำ
ในชีวิตยังมีสิ่งที่ควรทำ
แล้วจะมัวชอกช้ำเพื่ออะไร
มีแสงจันทร์สีนวลทอแสงงาม
รอตะวันขึ้นยามเมื่อฟ้าใหม่
และพรุ่งนี้...จะเป็นวันเริ่มของใจ
ที่ฉันพร้อมก้าวต่อไป....อย่างทรนง
11 พฤศจิกายน 2546 10:35 น.
burst
เธออยู่สูงสุดฟ้าเกินกว่าเห็น
นั่งมองเงาเช้าเย็นเป็นแค่ฝัน
ในชีวิตได้แต่คิดอยู่ทุกวัน
เธออยู่สูงเกินกว่าฉันจะเอื้อมมือ
ฉันก็เป็นแค่หมาราคาต่ำ
มิสมควรสมคำจะยึดถือ
อยากให้เธอเป็นลูกไก่ในกำมือ
แต่ความจริงนั่นหรือ...คือฝันไป
แม้เครื่องบินบินผ่านยังพอเห่า
คงซักวันเธอจะเข้าใจฉันได้
เห่าเห่าเห่า...ค่ำเช้าเพื่อเอาใจ
ได้แต่เห่าเห่าไปไม่อายเธอ
แต่นี่ฉันยิ่งเห่ายิ่งไม่เห็น
นั่งมองเงาเช้าเย็นเป็นแต่เหม่อ
ยืดคอมองขึ้นไปไม่เห็นเจอ
เธอนะเธอสูงยิ่งกว่าจะรอคอย
ฉันเหมือนหมาเห่าดาวเทียมไม่เจียมตัว
กลัวก็กลัวว่าต้องเศร้าต้องเหงาหงอย
ถึงจะเห่าเท่าไร...เธอไม่คอย
ยังคงลอยสูงเด่น..อยู่เช่นเดิม
รักคนที่สมน้ำสมเนื้อกันดีกว่านะผมว่า...
เพื่อนผมงี้...ไปรักลูกเศรษฐี อย่างงี้ซวยนะครับ
11 พฤศจิกายน 2546 10:29 น.
burst
เมื่อวานได้กินบิ๊กแมค
มันคงไม่แปลก...ใช่ไหม
แค่เอาเงินยื่นให้ไป
สั่งแป๊บเดียวก็ได้มากิน
นั่งกัดบิ๊กแมคคำโต
แถมยังดูโก้...อร่อยลิ้น
ดีใจจังมีตังค์กิน
เบื่อแล้วติดดินกินข้าวแกง
ขนมปังสลับกับเนื้อหมู
รสชาติกลับไม่ดูขัดแย้ง
สีของผักตัดกับสีแดง
ผักดองกลิ่นแรงแต่เข้ากัน
บิ๊กแมคสอนอะไรบางอย่าง
เหมือนชีวิตบนทางยาวนั้น
มีมากมายหลายสิ่งปนกัน
มีสุขทุกข์หลายชั้นปนกันไป
คำแรกกัดโดนแต่ขนมปัง
เหมือนเรายังหาความสุขไม่ได้
กัดอีกคำ..โอ..ชื่นฉ่ำใจ
กัดโดนหมูชิ้นใหญ่รสโอชา
เข้ากลางๆรสชาติยิ่งอร่อย
เหมือนความสุขล่องลอยเข้ามาหา
เริ่มจะหมดรสชาติน่าระอา
หมดเนื้อหมูหมดคุณค่ารสของมัน
ชีวิตมีสุขซ่อนในความทุกข์
มีสนุกซุกซ่อนอยู่ในนั้น
หมุนสลับสับเปลี่ยนเวียนทุกวัน
เป็นรสชาติชีวิตฉันที่เข้าใจ
อันบิ๊กแมควันนี้มีคุณค่า
ที่มีตังค์ซื้อหามากินได้
วันพรุ่งนี้หมดตูดจะทำไง
คงเสียใจที่วันนี้เราได้กิน
อันความสุขและความทุกข์ในบิ๊กแมค
กลับแบ่งแยกรสชาติอร่อยลิ้น
และสตังค์ในกระเป๋าเราใช้กิน
เริ่มสร้างรอยมลทินในใจเรา
กินอาหารแพงๆอีกคราใด
สำนึกถึงหัวใจของใครเขา
ที่ไม่ได้มีตังค์กินอย่างเรา
บิ๊กแมคเอ๋ย...ฉันโง่เง่า..กินเจ้าไป
---------------------------------------------------
10 พฤศจิกายน 2546 17:23 น.
burst
วันนี้เดินดินกินข้าวแกง
สองขายังมีแรงพอเดินไหว
สลดหดหู่หนอ...ช่างท้อใจ
ชั่นเข่าเหงาได้ก็เพียงเรา
จะร้องไห้ก็ไม่มีน้ำตา
จะหัวเราะออกมาก็เงียบเหงา
ได้ยินเพียง...เสียงของใจ....ไหวแผ่วเบา
ลมหายใจที่ไม่เข้าข้างตัวเอง
ทำไมหนอชีวิต...คิดไม่ถึง
ก่อนนั้นก็ดื้อดึงและอวดเก่ง
อุปสรรคหน้าไหนไม่เคยเกรง
เริงละเลงชีวิตไม่คิดกลัว
ยามนี้เพียงชันกายหมายลุกขึ้น
ยังเมามึน...ไม่รู้...สู้ดีชั่ว
เท้าจะพาไปทางไหนไม่รู้ตัว
มือปีนป่ายไปมั่ว...เหมือนมัวเมา
ชีวิตล่มล้มละลายไร้ทางแก้
ถูกเหยียบซ้ำย่ำแย่....แคร์ใครเขา
ที่ถูกเค้าแนมเหน็บเจ็บใจเรา
ถูกของเขา..ก็เรา....เป็นคนทำ
ยามคนล้มอย่าข้าม..เขาปรามไว้
ทีของเราเขาสะใจ..หมายกระหน่ำ
ชีวิตช่างรันทดกฏแห่งกรรม
ก่อนนั้นก็เคยทำเขาช้ำใจ
อย่าทำเขาให้เจ็บ...ให้เก็บกด
ยามคืนกลับมาหมด....อดไม่ไหว
ยามนั้นจะรู้จักหนักเพียงใด
อย่าทำเขาเจ็บใจ...จะเข้าตัว
10 พฤศจิกายน 2546 17:01 น.
burst
เธอสวยงามจริงหนาคิ้วก็โก่ง
จมูกคางปากคอดูคมขำ
หน้าตาน่ารักและใจดี
เธอเป็นคนที่ใจฉันต้องการ
แต่งกลอนให้เธอไปอ่านเล่น
เธอหัวเราะทั้งคืนน้ำตาไหล
กลอนที่ฉันแต่งให้เธออ่านวันนั้น
มันเป็นกลอนที่ไม่สัมผัสเลย
................................................................
นึกถึงครั้งแรกที่แต่งกลอน
แล้วนึกย้อนถึงที่แต่งในวันนี้
กลอนข้างบน...เค้าบ่นว่าไม่ดี
ไม่ได้มีสัมผัสอย่างที่ควรเข้าใจ
อ่านไปหัวเราะหัวแทบทิ่ม
เหมือนคนปัญญานิ่มแต่งมาให้
เหมือนพ่อแม่มันไม่ใช่คนไทย
แต่งมาได้ยังไงเหมือนพึมพำ
อ่านยังไงก็ไม่คล้องจอง
หัวเราะจนท้องแข็ง...เพราะขำ
ไอ้ตอนเรียนครูสอนก็ไม่จำ
กลอนดีดีก็กลับทำ...ไร้ราคา
แต่....กลอนบทนั้น
อาจมีค่ากว่ารางวัลล้ำค่า
ถึงกวีซีไรท์ไม่ชายตา
แต่อาจมีคุณค่ากว่าบทใด
ตอนที่ฉัน...แต่งกลอนไม่เป็น
ทุกอย่างที่ฉันเห็น...เป็นไปได้
ฉันจับเอาถ้อยคำวางตามใจ
รวมๆแล้วแต่งได้มาเป็นกลอน
ณ ตอนนี้...ฉันแต่งกลอนเป็น
สัมผัสอันยากเย็นตามครูสอน
ใช่...มันออกมาเป็นกลอน
แต่ไม่อาจสะท้อนความในใจ
ในถ้อยคำสวยหรูและดูดี
มันขัดกับความรู้สึกที่ยากบอกได้
ฉันรักเวลานั้นสุดหัวใจ
ในความเรียบง่าย....ไม่เป็นกลอน
-------------------------------------------------------
ทุกคนคงมีก้าวแรกกันทั้งนั้นนะครับ
ก็อยากให้เป็นกำลังใจในการแต่งกลอนด้วยครับ
ผมปัญญาน้อย แต่ฝอยมากครับ