14 ธันวาคม 2550 22:11 น.
Brandy Frisky
๑ปี ผ่านไป หลังจากที่นายช้างเข้ามาทำงานที่นี่ ดิชั้นถูกส่งกลับเข้ามาทำงานที่ตำแหน่งเดิม แผนกเดิม งานน่าเบื่อเดิมๆ
ในช่วง ปีที่ผ่านมา นายช้างโยนงานให้ดิชั้นหลายต่อหลายอย่าง ซึ่งเป็นงานที่ดิชั้นไม่เคยทำมาก่อน แต่ยังดีที่นายนั่นมันยังสอนงานดิชั้นบ้าง ซึ่งหลายงานก็ท้าทายดี หลายครั้งที่ชั้นพยายามจับผิดมัน แล้วแย้งมันค่ะ บางทีก็แย้งชนะ บางที่ก็แพ้มันค่ะ แต่ชั้นก็ยังแค้นมันอยู่นะค่ะ โดยเฉพาะยิ่งวันนี้ค่ะ
วันนี้ มันต้องเข้าไปนำเสนอผลงานของมันให้ผู้บริหารฟัง ไม่รู้มันอารมณ์ไหนของมัน มันที่ลากดิชั้นเข้าไปนั่งฟังด้วย คุณๆคิดดูสิค่ะ พวกผู้บริหารเขานั่งฟังที่มันบรรยายอยู่กลางห้องประชุม แต่ดิชั้นกลับต้องมานั่งอยู่หลังห้องประชุมโดยไม่มีใครเหลียวแล เหมือนเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่ไม่มีใครรับรู้ความเป็นไปของดิชั้น ยังไงอย่างงั้นหล่ะค่ะ
ไอ้งานที่มันนำเสนอ บางส่วนก็เป็นงานที่ดิชั้นทำ บางส่วนก็เป็นความคิดของชั้น แต่คอยดูเถอะ เอาหน้าเก็บไว้เป็นผลงานของตัวเองหมดแน่ๆ
ทุกท่านครับ การนำเสนอของผมจบลงเพียงเท่านี้ ถ้าทุกท่านมีอะไรสงสัย เชิญถามได้ครับ นายช้างกล่าวในที่ประชุม ดูเหมือนว่าชั้นจะได้เป็นอิสระในเร็วๆนี้สินะ เยี่ยมมากครับคุณดำริ (ชื่อจริงของนายนั่น) ท่านประธานบริษัทกล่าว งานที่คุณนำเสนอนี่ นับว่าน่าสนใจมาก แถมไม่น่าเชื่อว่า งานที่แสนจะซับซ้อนวุ่นวายที่บริษัทเราต้องเผชิญมาหลายปี จะถูกแก้ไขลงได้ แถมคุณยังอธิบายได้เข้าใจง่าย แจ่มแจ้ง ชีดเจนจนผมไม่มีอะไรจะถามคุณเลย เยี่ยมมากเลยครับ ท่านประธานกล่าวเสริมแล้วปรบมือ ซึ่งทุกคนก็ปรมมือตาม
เชอะ! นายเอาความคิดจากชั้นไปตั้งเยอะ แต่ดูสิ หน้าชื่นตาบานเลยนะ นายช้าง ดิชั้นคิดในใจ แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
ผมขอบคุณทุกท่านมากเลยนะครับที่ทุกท่านชื่นชมในงานของผม แต่อย่างไรก็ตาม งานของผมคงจะสำเร็จลงไม่ได้ถ้าไม่มีคุณกมลชนกที่นั่งอยู่ข้างหลังนั่น นายช้างว่าแล้วก็ผายมือมาทางดิชั้น ซึ่งดิชั้นอึ้งค่ะ
ระดับผู้บริหารสูงสุดของบริษัททุกท่านหันมาทางดิชั้นแล้วปรบมือให้ดิชั้นค่ะ ดิชั้นนี่ อึ้ง ทึ่ง ช็อคคะ ทำอะไรไม่ถูกนอกจากยืนขึ้นแบบเก้ๆกังๆแล้วโค้งขอบคุณคะ
คุณกลมชนกครับ เชิญมาข้างหน้าหน่อยครับ นายช้างกล่าวเรียกดิชั้น เมื่อดิชั้นยืนอยู่หน้าที่ประชุม นายช้างก็กล่าวขึ้นว่า ยังมีอีกปัญหาหนึ่งที่ทางบริษัทต้องแก้ไขครับ แล้วก็เงียบ
ทุกคนนิ่งอยู่พักหนึ่ง แล้วนายช้างก็สูดหายใจลึกๆแล้วกล่าวขึ้นมาว่า องกรณ์ของเรายังขาดความสามารถในการเรียนรู้ครับ แล้วเขาก็เอามือแตะมาที่ไหล่ของดิชั้นแล้วพูดว่า คุณกมลชนกคนนี้ แท้จริงแล้วจบรุ่นเดียวกับผม และทำงานรับใช้บริษัทของเรามาได้ ๖ ปีแล้ว แต่เมื่อ ๕ ปีก่อนที่ผมได้พบกับเธอ เธอมีความรู้ไม่ต่างอะไรกับตอนที่เธอเพิ่งจะจบออกมาเลย มิหนำซ้ำยังลดน้อยถอยลงอีกด้วย
เขานิ่งไปอีกพักนึงแล้วพูดต่อ ด้วยความบังเอิญบางอย่างผมจึงได้พบว่า... เธอ ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ มีความสามารถแฝงครับ เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้แสดงมันออกมาเนื่องด้วยระบบงานของบริษัทของเราไม่เปิดโอกาสให้เธอได้แสดงออก จนมันทำให้เธอกลายเป็นคนเฉื่อยชาครับ
หลังจากที่เธอได้ทำงานกับผมในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมให้โอกาสเธอเรียนรู้จากผม แล้วให้โอกาสเธอได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ และเธอคือกุญแจที่สำคัญของงานชิ้นนี้ครับ ถ้าผมไม่ได้เธอเป็นผู้ช่วย ผมเองก็ไม่มั่นใจว่าจะทำงานออกมาได้ดีขนาดนี้หรือเปล่า
นายช้างนิ่งไปอีก แล้วพูดว่า เธอโชคดีที่ผมได้ไปเจอ แล้วปั้นเธอขึ้นมา แต่ผมยังเชื่อว่ายังมีพนักงานของเราอีกหลายคนที่เป็นเหมือนเธอ เป็นเพชรในโคลนตมที่รอวันที่ผู้บริหารอย่างพวกท่านจะไปหยิบพวกเขาออกมาเจียรนัยให้เป็นเพชรที่แวววาว
ลงว่าถ้าบริษัทของเรา มีเพชรแบบเธออยู่ให้เต็มบริษัท ต่อให้เป็นงานที่ยากกว่านี้ ก็ไม่มีคำว่า ทำไม่ได้ครับ นายช้างกล่าวแบบเน้นคำ
ที่ผมอยากจะเสนอต่อทุกท่านก็มีเพียงเท่านี้แหละครับ นายช้างกล่าวแล้วโค้ง ส่วนทุกคนในที่ประชุมเองก็ปรบมือกันอย่างพอใจ
เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจมากครับ ผมยินดีที่จะรับไว้พิจารณา ส่วนการประชุมในวันนี้ ก็จบเพียงเท่านี้นะครับ ท่านประธานพูดปิดท้าย
----------------------------------------
ดิชั้นยังไม่หายอึ้งเลยค่ะ ถึงแม้ว่าทุกคนในห้องประชุมจะออกไปหมดแล้วก็ตาม
คุณนกครับ นี่ก็เลิกงานแล้ว ไปเก็บข้าวของเถอะครับ อ้อ แล้ววันนี้คุณมีนัดอะไรกับใครรึเปล่าครับ เจ้านายถามดิฉัน
ไม่ค่ะ ไม่มีค่ะหัวหน้า ทำไมเหรอค่ะ ดิชั้นตอบแบบอึ้งๆ
ดีครับ งั้นไปเก็บของกันเถอะ แล้วเดี๋ยวเราไปกินข้าวกัน เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง ฉลองความสำเร็จกันหน่อย นะครับ เจ้านายพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่นุ่มนวล
ค่ะ ได้ค่ะ กินฟรีมีเกียรติ ชอบค่ะ ดิชั้นตอบเขาแบบทะเล้นๆแต่ว่าดีใจมากๆเลย
ครับ งั้นไปกันเถอะ เขาตอบ
------------------
ในภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง ฉันกับเจ้านายนั่งดินข้าวด้วยกันอยู่ ๒ คน อาหารเป็นอาหารฝรั่งค่ะ หัวหน้าเองท่าทางก็เก่งเรื่องไวน์ใช่ย่อย แบบว่า พอบริกรเอาไวน์แดงมาเสริฟ หัวหน้ายกแก้วขึ้นมาดูสีก่อน จากนั่นแกวางแก้วไวน์กับโต๊ะแล้วหมุนแก้วไวน์ให้ไวน์แกว่งไปทั่วแก้ว ท่าทางเชี่ยวชาญมาก แล้วยกขึ้นมาดม แล้วจิบ แล้วแกก็ยิ้มอย่างพอใจ แล้วหน้าหน้าไปหาบริกรแล้วพูดว่า ใช้ได้ครับ เชิญเสริฟได้เลยครับ ขอบคุณครับ
บรรยากาศนั้นเป็นกันเองมากๆ หัวหน้าเองก็ไม่เหมือนใครที่ดิชั้นเคยเจอ ทุกครั้งที่บริกรยกอาหารมาเสริฟ แกจะกล่าวขอบคุณทุกครั้ง การพูดคุยก็เป็นกันเองมากๆเลย
ในที่สุดดิชั้นก็ได้รู้คะว่า แท้จริงแล้วเจ้านายของดิชั้นเคยไปฝึกงานกับยัยปอย ยัยนาย ยัยปู กับยัยเอิง เพื่อนร่วมคณะของดิชั้นมาก่อน นั่นทำให้ดิชั้นต้องมาเจอวิบากกรรมในช่วงแรกๆ
แต่ก็นะ ดูๆไปเจ้านายก็หล่อดีเหมือนกันหนิ จริงจริงแล้วก็รู้สึกว่าสาวๆหลายคนจะแอบชอบเจ้านายอยู่เหมือนกัน นะเพราะหัวหน้าค่อนข้างจะเป็นกันเองกับคนอื่น แต่ที่ผ่านมาดุกับดิชั้น เอ จับหัวหน้าก็ดีเหมือนกันนะ อิอิอิ
หัวหน้าค่ะ หัวหน้ามีแฟนรึยังค่ะ ดิชั้นถามหัวหน้า ตาก็มองหัวหน้าแบบโปรยเสน่ห์ แบบว่าเผื่อฟลุ้กค่ะ สาธุขออย่าให้มีเลย เพี้ยง!
ฮ่าๆๆๆ มีแล้วครับ ผมตั้งใจว่าจะแต่งงานกับเค้าในปีหน้านี่แหละครับ
เพล้ง! หน้าแตกค่ะ มีแล้วซ่ะงั้น เฮ้อ แห้วเลยเรา หัวหน้านะหัวหน้า ดับฝันกันซ่ะงั้นเลยนะค่ะ
ทำไมเหรอครับคุณนก ทำหน้าตาเจื่อนๆ หัวหน้าถาม ไม่มีอะไรค่ะ ไม่มี ไม่มี๊ ไม่มี ดิชั้นตอบแบบแอบอายค่ะ
ว่าแต่หัวหน้าค่ะ ขอบคุณนะคะที่เลือกดิชั้นขึ้นมาทำงาน ถ้าไม่ได้หัวหน้า ดิชั้นก็คงจะไม่มีวันนี้ ดิชั้นขอบคุณหัวหน้า แต่แหมมันน่าหยิกจริงจริงเลยชั้น แทนที่จะขอบคุณหัวหน้าแต่เนิ่นๆ กลับมานั่งคิดจับหัวหน้าเสียก่อน แย่จริงเลยชั้น
หัวหน้านั่งนิ่ง อมยิ้มหึๆแล้วพูดขึ้นมาว่า คุณนก ผมรู้นะว่าแรกๆหน่ะ คุณต้องหาว่าผมแกล้งคุณ
ช็อคสิคะ โดนจี้ใจดำค่ะ เปล่าค่ะ เปล่าๆๆ เปล่านะคะ ไม่มีค่ะ ไม่เคยมี
ฮ่าๆๆ อย่าปิดบังผมเลย ผมรู้หรอกน่า อีกอย่างนะ ตอนแรกๆผมก็แกล้งคุณจริงจริงนั่นแหละ
นิ่งค่ะชั้น เกินมาเพิ่งเคยเจอคะ ยอมรับเฉยเลยว่าแกล้งกัน แล้วทำไมหัวหน้า....
ทำไมตอนหลังๆผมถึงหันมาปั้นคุณหน่ะเหรอ? หัวหน้ายิงคำถามสวนขึ้นมา ค่ะ ดิชั้นพยักหน้าตอบ
เพราะหลังจากที่คุณทำงานไปได้อยู่พักนึง ผมก็พบว่า คุณภาพงานของคุณหน่ะ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนน่าตกใจเลยหล่ะ ผมเลยคิดว่า จะลองทดสอบคุณดูสักหน่อยโดยการให้คุณได้เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการของผม ซึ่งคุณก็ทำได้ดีมากๆ หัวหน้าตอบแบบหน้าตาเฉย แต่เล่นเอาดิชั้นภูมิใจในตัวเองมากๆเลยหล่ะ
ว่าแล้วดิชั้นก็ลองแหย่หัวหน้าเล่นๆว่า หัวหน้าค่ะ แล้วถ้าตอนนั้นดิชั้นไม่พยายามพัฒนาตัวเองหล่ะค่ะ หัวหน้าจะทำยังไง
ง่ายมากครับ หัวหน้ายิ้ม แล้วตอบคำถามที่พลิกชีวิตของดิชั้น
ผมก็จะเลิกแกล้งคุณ แล้วปล่อยให้คุณเป็นขยะไร้ค่าอยู่ตรงนั้นนั่นแหละครับ หัวหน้าตอบแบบขำๆ แต่ดิชั้นขำไม่ออกค่ะ ลอบเสียวสันหลังแทน
คุณนก หัวหน้าเรียกดิชั้นแบบห้วนๆ แต่หน้าตาจริงจัง ค่ะ หัวหน้า
พวกผู้บริหารหน่ะ ได้รู้จักหน้าตาคุณกันหมดแล้ว ต่อจากนี้ไป คุณคงจะได้มีบทบาทมากยิ่งขึ้นไปกว่านี้นะครับ ขอให้ตั้งใจทำงานให้ดี แล้วก็รักษาความสามารถในการเรียนรู้นี้เอาไว้นะครับ หัวหน้ากล่าวกับดิชั้น
ค่ะ ดิชั้นรับคำหัวหน้าพร้อมด้วยรอยยิ้มที่เบิกบาน ความขุ่นหมองข้องใจในตัวของหัวหน้าที่มีในตอนแรกๆได้หมดไปจากใจดิชั้นแล้ว มีแต่ความเคารพนับคือในตัวผู้ชายคนนี้แทน ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุรุ่นเดียวกับชั้นก็เถอะ
และคืนวันนั้นก็เป็นคืนที่ดิชั้นหลับฝันดีที่สุด
-------
ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูปลุกดิชั้นขึ้นจากห้วงภวังค์ เจ้านายครับ ผม วุฒิพงค์ ขออนุญาตเข้าไปนะครับ เสียงนั้นลอดผ่านประตูเข้ามา
เชิญค่ะ ดิชั้นตอบ ส่วนคุณวุฒิพงค์ก็เปิดประตูเข้ามา ผมเอารายงานมาส่งครับท่าน เขารายงานดิชั้น แล้ววางรายงานลงบนโต๊ะทำงานสุดหรูของดิชั้น บนโต๊ะนั้นมีป้ายชื่อของดิชั้น นาง กมลชนก สิริโสภา: CEO
ค่ะ เรื่องนั้นมันผ่านมาได้ยี่สิบกว่าปีแล้ว และตอนนี้ดิชั้นก็ได้เป็นคุณแม่ลูกสอง มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัทหรือ CEO ค่ะ
หลังจากจบโครงการนั้นได้ไม่นานนัก หัวหน้าก็ลาออกจากบริษัท ถึงแม้ว่าท่านจะได้รับการเสนอเงินเดือนเป็นจำนวนมากมาย ท่านก็ปฏิเสธท่านประธานฯ โดยให้เหตุผลว่า ท่านยังหนุ่ม เพิ่งออกมาโลดแล่นในยุทธจักรวิศวกรรมได้ไม่นาน ท่านยังอยากหาประสบการณ์ใหม่ๆทำดู แล้วถ้าท่านพร้อมที่จะปักหลักทำงานหาความก้าวหน้าเมื่อไร ท่านจะกลับมา ซึ่งสร้างความเสียดายในท่านประธานฯอยู่ใช่น้อยเหมือนกัน
ส่วนดิชั้น หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นที่จับตามอง ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาขั้นหนึ่ง แต่ด้วยจากแนวคิดที่ดิชั้นได้รับมาจากหัวหน้าทำให้แผนกของดิชั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นแผนกที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในบริษัท
ดิชั้นได้ตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเหล่า เฮดฮันเตอร์ก็มาทาบทามให้ดิชั้นไปทำงานในบริษัทที่ใหญ่กว่า มาจีบกันเยอะกว่าตอนสมัยสาวๆมหาวิทยาลัยแล้วมีหนุ่มๆมาจีบอีกค่า ซึ่งดิชั้นก็ตกลงเพราะตำแหน่งดิชั้นใกล้จะตันแล้ว
ในที่สุดดิชั้นก็ได้มาเป็น CEO ของ บริษัทนี้แหล่ะค่ะ
ส่วนหัวหน้าของดิชั้นหน่ะเหรอค่ะ ท่านประธานของบริษัทนี้ไงหล่ะคะ ด้วยความสามารถของท่าน ท่านสร้างบริษัทนี้ขึ้นมาจากบริษัทเล็กๆ จนกลายเป็นบริษัทใหญ่ รวยระดับชาติ แต่ท่านก็ยังติดดินเหมือนเดิมนะคะ บางที ท่านเปิดลิฟท์ให้เด็กใหม่ แล้วทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยที่เด็กไม่รู้เลยว่า นั่นแหละ ท่านประธานฯ
แนวคิดในการจักการองกรณ์ของท่านเป็นการผสานข้อดีของระบบตะวันตกที่เน้นประสิทธิผล กับระบบตะวันออกที่เน้นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและธรรมาภิบาลค่ะ
ตอนที่ดิชั้นถูกทาบทามให้มาทำงานที่นี่ จริงจริงแล้วมีอีกบริษัทนึงที่ใหญ่กว่ามาทาบทามดิชั้นเหมือนกัน แต่พอรู้ว่านี่บริษัทของหัวหน้า ดิชั้นไม่ลังเลใจที่จะตบปากรับคำเลยค่ะ
แต่พอมาถึงทุกวันนี้ ดิชั้นยังนึกดีใจไม่หายเลยที่ได้มาเจอหัวหน้า แล้วตอนนั้นดิชั้นมีมานะที่จะพัฒนาตัวเอง ถ้าตอนนั้นดิชั้นไม่ได้เจอหัวหน้า และไม่พยายาม
ตอนนี้ ดิชั้นก็คงจะเป็นแค่หัวหน้าแผนก หัวหน้าฝ่ายธรรมดาๆ ในบริษัทเล็กๆ ไม่ได้มานั่งเก้าอี้ CEO สุดนุ่มนี้หรอก
แล้วพวกคุณหล่ะคะ วันนี้พวกคุณพัฒนาขีดความสามารถของคุณรึยัง แต่ก็อย่าเครียดเกินไปนะคะ หัวหน้าเคยย้ำกับดิชั้นเอาไว้ค่ะ ว่า ถ้าเราเครียดจนเกินไป ความคิดสร้างสรรค์ก็ไม่เกิดค่ะ แถมทำให้แก่เร็วด้วยค่ะ
บางครั้ง คำตอบที่เราต้องการ อาจจะออกมาในตอนที่เรากำลังผ่อนคลายก็ได้ บริหารความเครียดให้พอดีๆค่ะ อย่าเครียดมากเกินไปหรือน้อยเกินไป
ขอให้ทุกคนโชคดีเหมือนนกนะคะ บายค่ะ
8 ธันวาคม 2550 06:07 น.
Brandy Frisky
ดิฉันชื่อนกคะ ชื่อจริงก็ นส. กมลชนก สิวิลัยลักษณ์ อายุก็ ๒๗ปีแล้วหล่ะ เป็นวิศวกรอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งในอยุธยาค่ะ ฉันจบวิศวกรรมไฟฟ้าจาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำงานที่นี่มาได้ ๕ปีแล้วหล่ะค่ะ ส่วนแฟน เพิ่งจะเลิกกันไปเมื่อปีก่อนเพราะมันไปมีคนใหม่ค่ะ เลวจริงจริง
แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นก็เจ้านายคนใหม่ของชั้นนี่หล่ะคะ ตอนนี้ก็ ๓ทุ่มกว่าเข้าไปละ ดิฉันยังเลิกงานไม่ได้เลยค่ะ เพราะงานยังไม่เสร็จเลย
อ๊ะ เสียงมือถือดัง ใครโทรเจ้ามาหว่า อ๋อ ยัยจอยเพื่อนที่เชียงใหม่ คงโทรมาตามเราไปกินเหล้าแน่เลย ฮัลโหล ว่าไงยัยจอย เฮ้ย นก แกยังไม่เลิกงานอีกเหรอวะ เสียงยัยจอยมาตามสาย ยังเลยหว่ะ อ๋อ แย่เลยนะ กำลังสนุกกันอยู่เลย แกนี่ซวยหว่ะ ต้องมาเจอเจ้านายแบบนั้น ยังไงก็ขอให้รอดไปได้ก็แล้วกันนะ โชคดีหว่ะ เออ โชคดี ฉันตอบแล้ววางสายไป
ใช่ค่ะ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของไอ้นายเฮงซวยนั่นคนเดียว มันชื่อ ช้างค่ะ แค่ชื่อก็โหลโท่ยแล้วใช่ไหมค่ะ มันจบวิศวกรรมเครื่องกลมาจากบางมดค่ะ (เทคโนฯพระจอมเกล้าธนบุรี) จบปริญญาตรีปีเดียวกับฉันเลย แต่ไอ้หมอนั่นมันโชคดี บ้านมันมีเงินส่งเสียมันไปเรียนเมืองนอก เรียนเสร็จแล้วมันก็ทำงานต่อที่ออสเตรเลียอีก ๒ ปี พอมันกลับมามันถึงได้เป็นหัวหน้า ๒ เด้งของดิฉันไงค่ะ ถ้าชั้นมีตังเป็นเรียนต่อมั่ง ฉันคงไม่ต้องมานั่งดักดาน ทำงานมา ๕ ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้เลื่อนขั้นกับเขาเลย นี่หล่ะคะ ความไม่ยุติธรรมของสังคม
อีกอย่าง มันคงถือว่ามันจบมหาวิทยาลัยดี จบนอกด้วยมั้งค่ะ มันถึงได้ทำยโสโอหังได้ โธ่เอ๊ย! ชั้นเลือกเรียนเชียงใหม่เพราะใกล้บ้านชั้นหรอกย่ะ แถมจบนอกอย่านึกว่าเก่งนะย่ะ นายมันก็แค่พูดภาษาอังกฤษได้เท่านั้นแหละ คอยดูนะ ถ้าชั้นมีลูกจะไม่ส่งไปเรียนไอ้ที่บางมดบ้าบอเด็ดขาด เดี๋ยวลูกจะกลายเป็นพวกหยิ่งยโสแบบมัน
อีกอย่างเจ้าหมอนั่นเพิ่งย้ายเข้ามาทำงานที่นี่ได้แค่ ๒ เดือนเอง มาใหม่ทำซ่าค่ะคุณผู้อ่านขา
แต่เจ้าหมอนี่มันก็มีอะไรแปลกๆไม่เหมือนใครดีเหมือนกัน เช่น พอเข้ามาใหม่ๆ พี่แกยกเลิกกฎที่ว่า วิศวกรห้ามเข้าออฟฟิตในช่วงเช้าแต่จะต้องลงไปคุมไลน์การผลิต (ไลน์การผลิต ก็หมายถึงที่ทำงานของพวกคนงานในโรงงานหน่ะค่ะ) ลดความถี่ในการประชุมลง ห้ามนั่งเวลาประชุม เป็นต้น
มันบอกว่า ไลน์การผลิตมีปัญหารึไง วิศวกรถึงได้มาเดินกันให้ยั้วเยี้ย น่ารำคาญ จะประชุมอะไรกันเยอะแยะ เสียเวลา สรุปแล้วแจกงานกันให้จบแล้วทำรายงานขึ้นมาถึงผมก็พอแล้ว ไว้มีเรื่องสำคัญต้องประชุมจริจริงค่อยว่ากัน ถ้าพวกเรานั่งประชุมกัน เราจะเผลอยืดเวลาประชุมกันโดยไม่รู้ตัว ยืนนี่แหละจะได้ประชุมกันให้จบๆเร็วๆ ซึ่ง ก็ดีเหมือนกัน เวลาประชุมนี่น่าเบื่อสุดๆ แถมในออฟฟิตนี่ แอร์เย็นฉ่ำสบายกว่านรกหน้างานเป็นไหนๆ
แต่ถามว่าทำไมดิฉันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ใช่ไหมค่ะ เรื่องมันเพราะว่าเมื่อเดือนก่อนเจ้าค่ะ
-----------------------------
ไม่รู้เวรกรรมอะไรของดิฉัน มัน(เจ้านาย)ดันมาเป็นเพื่อนของเพี่อนที่คณะของชั้น แล้ววันนึงเพื่อนคนนึงของชั้นคนนึงส่งเกมมาให้ชั้นเล่นค่ะ ซึ่ง ชั้นเล่นได้ท๊อปสกอร์เลยนะ (เก่งมั้ย) ชั้นเลยส่งเมลไปอวดเพื่อนๆค่ะ แต่เมลเจ้ากรรมดันส่งไปหามันด้วยค่ะ มันก็กวนนะค่ะ ส่งเมลกลับมาต่อว่าชั้นว่าเป็นพวก Low-Productivity Engineer (วิศวกรความสามารถต่ำ) ค่ะ
ชั้นก็ยั้วสิค่ะ เลยตอบไปแบบเสียสีมันว่า พ่อคุณ high loss คนที่เขาใช้เวลาทำงานน้อยแต่ได้งานมากเขาก็มีนะค่ะ คราวหลังจะด่าอะไรก็ด่ามาได้นะ จะเซ็ตเมลของคุณให้ลง จังค์เมลเลย เท่านั้นแหละค่า เป็นเรื่อง!
วันถัดมา ราวๆบ่ายๆ ก็มีคำสั่งแปลกๆมาจากมันค่ะ มันว่าให้หัวหน้าดิฉันเขียนรายงานความคืบหน้าของงานมาส่งมันภายในครึ่งชั่วโมง ซึ่งตอนนั้นทุกคนก็งงค่ะ เพิ่งจะวันพุธเอง มันจะรีบขอดูไปทำไม หลังจากหัวหน้าโดยตรงของเข้าไปพบมันได้นั้นไม่นานนัก หัวหน้าก็กลับมาพร้อมกับมันค่ะ มันเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มๆ ส่วนหัวหน้านี่ หน้าซีดเผือกเลยค่ะ พอเข้ามาแล้วมันก็เดินเข้ามาหาดิฉันพร้อมซองเอกสารซองหนึ่งค่ะ แล้วมันก็ว่า คุณกมลชนกครับ คิดเสียว่านี่เป็นจดหมายรักจากผมก็แล้วกัน ส่วนถังขยะอยู่ตรงนั้น คุณจะทิ้งมันก็ได้นะครับ แล้วมันก็เดินไป ปล่อยให้ดิฉันกับคนในแผนกงงค่ะ
ยังไม่ทันหายงง หัวหน้าก็เริ่มสวดดิฉันค่ะ ยัยนก แกทำชั้นแสบมากนะ แกเอาเวลาที่ไหนมาเล่นเกมยะ จะเล่นไม่ว่า ดันส่งเมลไปเยาะเย้ยหัวหน้าเขาอีก นี่ทำให้ชั้นต้องพลอยโดนด่าไปด้วย หัวหน้า (มัน) ท่านหาว่าชั้นดูแลลูกน้องไม่ดี ทำไมย่ะ ชั้นใจดีกับแกเกินไปใช่ไหม แกถึงได้มีเวลาไปเล่นเกม หา แล้วหัวหน้าก็สวดดิฉันต่ออีกยับเยินเลยค่ะ ซึ่งชั้นในตอนนั้น อึ้งค่ะ! แทบจะร้องไห้ออกมาตรงนั้นเลย
หลังจากโดนหัวหน้าสวดเสร็จ ดิฉันถึงได้เปิดซองเอกสารออกมาอ่านดู มันปรินท์เมลของดิชั้นออกมาค่ะ แล้วเขียนกำกับในนั้นว่า
คุณบอกว่าคนบางคนสามารถทำงานมากในเวลาที่น้อยได้ใช่ไหมครับ นี่แปลว่า ในเวลาที่เท่ากับคนอื่น คนๆนั้นต้องทำงานได้มากกว่าใช่ไหมครับ และนี่ก็แปลว่าคุณทำได้สินะ ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยแสดงให้ผมดูหน่อยนะครับ เอกสารอีกฉบับนี้ เป็นงานพิเศษที่ผมเพิ่มให้คุณ ขอให้ทำให้เสร็จก่อนบ่าย ๓ โมงเย็นของวันศุกร์ที่จะถึงนี้ แต่ ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่าให้คุณทิ้งงานเก่าของคุณนะครับ คุณต้องทำให้เสร็จทั้ง ๒ งาน ซึ่งคุณจะทิ้งงานของผมลงถังขยะไปก็ได้นะครับ แต่ขอให้ถามหัวหน้าคุณเสียก่อนว่า ถ้าคุณทิ้งมันไปจะเป็นยังไง ขอให้โชคดีนะครับ
โอยดิฉันแทบลมใส่เลยค่ะ เลยขึ้นไปคุยกับมัน พอได้เข้าไปในห้องของมัน ดิฉันก็พยายามขอโทษมันค่ะ แต่มันว่าดิฉันไม่มีอะไรต้องขอโทษ เท่านั้นแหละค่ะ ดิฉันถึงกับร้องไห้ออกมาเลย
มันเป็นผู้ชายที่ไม้ไส้ระกำค่ะ มันไม่พยายามจะปลอบดิฉันเลย มันกลับมองดิฉันด้วยหน้าตาที่เฉยเมย ยักไหล่แบบกวนๆ แล้วบอกว่า ถ้าคุณมีเวลามานั่งร้องไห้ฟูมฟาย คุณเอาเวลาไปทำงานที่คุณมีไม่ดีกว่าเหรอครับ ดูสิคะ ไอ้คนใจร้าย
พอกลับมาดิฉันก็เจอยัยหัวหน้าดิชั้นยืนทำหน้ายักษ์อยู่ค่ะ ไปไหนมาย่ะยัยนก แกรู้ไหมว่าถ้าแกทำไม่เสร็จทันเวลาคนที่จะโดนเล่นงานหน่ะคือชั้นไม่ใช่แก แล้วยัยหัวหน้าใจยักษ์ก็ยืนคุมดิชั้นอยู่ตรงนั้นเลยค่ะ ดิชั้นหล่ะกดดันจริงจริง โดยหัวหน้ามายืนคุมแถมคอยด่าแว้ดๆอยู่เป็นชั่วโมง
แต่เหมือนว่าสวรรค์โปรดนิดๆค่ะ นายช้างนั่นเดินผ่านมาพอดีเลยเข้ามาแล้วเอ็ดยัยหัวหน้าดิชั้นค่ะ คุณปัทมาครับ (หัวหน้าโดยตรงของชั้นชื่อปัทมาค่ะ) นั่นคุณกำลังทำอะไรอยู่ครับ เอ่อ กำลังคุมคุณกมลชนกทำงานค่ะ หัวหน้าตอบเสียงเจื่อนๆ เหมือนรู้ตัวว่าจะถูกด่า
มันก็นิ่งอยู่นิดนึงแล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดุๆว่า คุณปัทมาครับ ที่คุณกำลังยืนคุมอยู่หน่ะมันวิศวกร แรงงานมีฝีมือนะครับ ไม่ใช่วัวควายที่ไหน จะทำอะไรกรุณาให้เกียรติวิชาชีพของตัวเองด้วยสิครับ อีกอย่างถ้าคุณมีเวลามายืนคุมลูกน้องแบบนี้แสดงว่าคุณว่างใช่ไหมครับ ดีครับผมจะได้หางานให้คุณทำ มันเสริม ไม่ค่ะหัวหน้า ไม่ว่างค่ะ ยัยปัทมารีบตอบเสียงจ๋อยๆ สมน้ำหน้า ดีครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ขอให้ทุกคนตั้งใจทำงานอย่างมีความสุขนะครับ ว่าแล้วมันก็เดินออกไป
นั่นทำให้อาทิตย์นั้นเป็นอาทิตย์ที่ยุดแย่ของดิชั้น แต่ก็ทำเสร็จนะค่ะ กินเวลาทำโอทีไปเยอะเหมือนกัน มีคิดดูแล้วก็โชคดีที่อีกตาแฟนเก่ามันเลิกกับดิชั้นไปก่อนนี้ ไม่งั้นโดนมันโวยวายแน่ค่ะ
วันจันทร์ ชั้นคิดว่าเรื่องน่าจะจบแล้ว แต่มันยังไม่จบค่ะ มันเรียกชั้นไปพบแต่เช้า แล้วบอกว่า ถึงงานคุณเสร็จทันเวลา แต่มันแย่มากๆเลยครับ ผมรับไม่ได้ คุณเอานี่ไปอ่านนะครับ นี่คือจุดที่คุณต้องไปแก้ไข ส่วนอีกอันนึงเป็นงานใหม่ของคุณครับ อันแก้ส่งวันพุธ อันใหม่ส่งวันศุกร์นะครับ เชิญครับ
เป็นไงหล่ะค่ะ เซ็งสิค่ะ แต่ก็ทำไงได้หล่ะค่ะ มันเป็นหัวหน้าสองเด้งของดิชั้นหนิ นี่แหละความไม่ยุติธรรม นึกจะสั่งอะไรก็สั่ง ดิชั้นก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำสิคะ ส่วนยัยปัทมา หัวหน้าก็ชอบทำตาเขียวปั๊ดใส่ เพื่อนๆในแผนกเองก็สงสารดิชั้น เข้ามาช่วยปลอบใจนะคะ บางคนก็เข้ามาช่วยงานดิชั้น แต่ไม่มีใครทำอะไรกับนายช้างได้ เพราะทุกคนก็กลัวว่าจะโดนดีเข้าเหมือนกัน
ทุกวันจันทร์ ดิชั้นต้องเข้าไปโดนนายช้างด่าแบบเดิมๆค่ะ จนกระทั่งมาถึงครั้งที่ ๓ มันสุดทนแล้วค่ะ พอดิชั้นเดินออกมาจากห้องของนายนั่น ดิชั้นก็ดิ่งไปที่ห้องน้ำที่ไกลจากแผนกก่อนเลยค่ะ พอไปถึงแล้วดิชั้นก็วีนแตกตะโกนลั่นห้องน้ำเลยค่ะ โว้ยยยยย! มึงเป็นใครเก่งมาจากไหนวะถึงได้มาทำอย่างนี้กับชั้นได้ หนอยแน่ คอยดูนะแก เดี๋ยวแม่จะทำงานให้ดีจนแม่งหน้าหงายไปเลย
ว่าแล้ว ดิชั้นก็เริ่มศึกษางานอย่างบ้าเลือดค่ะ อาศัยงานที่มันให้มาทำนั่นแหละมานั่งดูว่าอะไรเป็นอะไร มีหลักการยังไงบ้าง ซึ่งก็ลำบากอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะข้อมูลหลายอย่างมันเป็นภาษาอังกฤษ ยังดีที่มีนายโย่งแผนกการเงินที่เข้ามาจีบดิชั้น ชั้นเลยเอาภาษาอังกฤษไปให้มันแปลค่ะ ดี ทุนภาระไปได้เยอะเลย
ครั้งที่ ๗ ดิชั้นมั่นใจในข้อมูลที่มีค่ะ เอางานไปยื่นให้มันดูกับมือเลย แล้วยืนดูแบบผู้มีชัยเลยว่ามันจะว่ายังไง
มันพลิกงานดิชั้นดูอยู่พักนึงค่ะ มันก็บอกว่า เชิญคุณกลับไปได้แล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นไงหล่ะเอ็ง พูดไม่ออกหล่ะสิท่าน ว่าแล้วเย็นวันนั้น ดิชั้นไปกินข้าวฉลองชัยที่ภัตาคารหรูเลยค่ะ มีความสุขจริงจริง
-------------------------
วันจันทร์ถัดมา ดิชั้นแทบกรี๊ดเลยค่ะ มันดันมีคำสั่งลงมาว่าให้ย้ายดิชั้นไปทำงานขึ้นตรงกับมัน นี่มันจะแกล้งกันไปถึงไหนย่ะ คราวนี้ย้ายดิชั้นไปแกล้งใกล้ๆตัวเลย ไอ้หัวหน้าเฮงซวย ไอ้...
งานที่มันให้ดิชั้นทำก็สุดจะเลวร้ายค่ะ มันให้ดิชั้นไปนั่งจับเวลาคนงานเวลาทำงาน มันว่ามันจะทำ Work Measurement อะไรของมันนี่แหล่ะค่า ชั้นหล่ะรมณ์บ่จอย จะไปจอยได้ไงค่ะ มันไล่ชั้นออกจากออฟฟิตไปนั่งจับเวลาคนงานในไลน์ที่ร้อนนรกนี่ค่ะคุณผู้อ่านขา ให้ผู้หญิงสาวสวยอย่างดิชั้นมาทำงานอย่างงี้ได้ สาวสวยอย่างดิชั้นต้องมายืนในที่แบบนี้ทั้งวัน มือนึงก็ถือนาฬิกาจับเวลาที่ไปขอเบิกมาจากสโตร์ อีกมือนึงก็ถือแฟ้มเอาไว้จดข้อมูลค่ะ
นั่น ยัยคนงานนั่น มองอะไรชั้นย่ะ ชั้นก็ทำงานของชั้น แกก็ทำงานของแกไปสิ ชั้นนั่งจับเวลาการทำงานของยัยพวกนั้นแบบเซ็งๆ ยัยพวกคนงานก็อะไรไม่รู้ ดูทำหน้าเข้าสิ ยังกะดิชั้นเป็นยักษ์เป็นมารมาจากไหน ชิ
หลังจากดิชั้นเริ่มทำงานนี้มาได้ ๓วัน มัน นายช้างก็เริ่มมาแกล้งดิชั้นอีกแล้วค่ะ มันเดินเข้ามาแล้วต่อว่าดิชั้นว่า คุณไม่เห็นเหรอว่าคนงานเขากลัวคุณกันหน่ะ คุณเล่นมาถือนาฬิกาจับเวลาโต้งๆแบบนี้ คนงานมันก็กลัว เร่งทำงานกันสิ แล้วแบบนี้ผมจะไปเชื่อถือข้อมูลของคุณได้ยังไงกัน คุณจำตอนที่หัวหน้าคุณมายืนคุมงานคุณได้ไหม พวกคนงานที่คุณยืนจับเวลาเขาก็รู้สึกแบบเดียวกับคุณในตอนนี้หน่ะแหละ พอแล้วๆคุณขึ้นไปนั่งในออฟฟิตได้แล้ว พอๆๆๆ
ค่ะ อาทิตย์นั้นทั้งอาทิตย์ ดิชั้นได้แต่นั่งจับเจ่าอยู่หน้าโต๊ะทำงานทั้งอาทิตย์เลยค่ะ จะเช็คเมล จะทำอะไรก็ไม่ได้ เพราะมันย้ายโต๊ะทำงานดิชั้นมาอยู่หน้าห้องมันเลยค่ะ เดี๋ยวมันเดินออกมาจ๊ะเอ๋เข้าดิชั้นก็ซวยสิค่ะ ช่างเป็นอาทิตย์ที่น่าเบื่อหน่ายที่สุดเลยค่ะ
วันจันทร์ถัดมา มันเรียกดิชั้นให้ตามลงไปในไลน์ค่ะ เอ้า คุณดูนะว่าผมทำยังไง ว่าแล้วมันก็เข้าไปค่ะ ทำยืนเก้ๆกังๆ แต่ในมือมันถือนาฬิกาข้อมือของมัน แล้วจับเวลาจากนาฬิกาข้อมือของมันค่ะ มันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วกดปุ่ม จากนั้นเอาซ่อนไว้ข้างหลัง ได้ค่าเสร็จก็จดลงไป มันจับเวลาคนงานสักพัก แล้วมันก็เดินไปจับเวลาที่ฟากอื่น แล้วก็วนกลับมา เดินไปเดินมา
คนงานนี่ก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลยค่ะ ทำงานกันเรื่อยเปื่อย แต่ก็พอทำให้ดิฉันเข้าใจว่า มันไม่ต้องการให้คนงานรู้ตัวค่ะว่าโดนจับเวลาอยู่ ซึ่งดิชั้นก็เถียงมันว่า แบบนี้มันก็ช้าสิค่ะ ไม่เป็นไรครับ ผมต้องการความแม่นยำของข้อมูล มันตอบเสียงนุ่มๆ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่มันใช้เสียงแบบนี้กับดิชั้น แต่ถ้าคิดจะแอ้มดิชั้น ฝันไปเถอะค่ะ จำได้นะยะเคยทำอะไรชั้นเอาไว้
---------------------------------