แก้ปัญหาเลือก (ข้าง) สื่อและเสพ
หลายปีมานี้ ประเทศของเรามักสื่อหรือเสพข่าวแต่เพียงด้านเดียว ด้วยอคติ ด้วยมิจฉาทิฐิไม่ว่าจะเป็นกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ โครงการฯ รัฐบาล กระบวนการยุติธรรม พลังงานปิโตรเลียม ปราสาทพระวิหาร P4P สถานการณ์ชายแดนใต้ หรือแม้กระทั่ง กบข.
อคติ ลำเอียงเพราะรักชอบ จึงคิด จึงเขียน จึงอ่าน จึงฟัง จึงดู จึงพูด จึงเชื่อ
อคติ ลำเอียงเพราะเกลียด ไม่ชอบขี้หน้าจึงโจมตีด่าว่าหาเรื่องให้เป็นที่เดือดร้อนกาย รำคาญใจ
มิจฉาทิฐิ มีความเห็นผิด ไม่ตรงตามข้อเท็จจริง ข้อมูลสารสนเทศไม่ถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ หรือครอบคลุมเนื้อหา และเป็นกลาง
ในทางพระพุทธศาสนา การหลุดพ้นจากความอคติได้ต้องใช้พรหมวิหาร 4 คือเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ซึ่งเป็นธรรมของผู้ที่สูงส่งกว่าจะพึงมีให้แก่ผู้ด้อย กล่าวคือ มีความปรารถนาให้เขาเป็นสุข อยากช่วยให้เขาพ้นทุกข์ พลอยยินดีไม่คิดอิจฉาริษยาเมื่อเห็นเขาได้ดีมีสุขกว่า และรู้จักวางเฉย วางตัวเป็นกลางไม่เลือกข้าง หรือเข้าร่วมสังฆกรรม กระหน่ำซ้ำเติมผู้เห็นต่าง เมื่อเห็นเขาผิดพลาดเพลี่ยงพล้ำ
ส่วนมิจฉาทิฐิ ความเห็นแปลกแยกนั้น ต้องใช้ศีล ปัญญา สมาธิ มาพิจารณาทำความเห็นนั้นให้ถูกต้อง มีความเป็นวิทยาศาสตร์ ใช้อ้างอิงและตรวจสอบได้
เมื่อมีศีลจิตใจก็ใสสะอาดปราศจากความขุ่นข้องหมองใจใดๆ มาแผ้วพาน เมื่อใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองทำความเห็นให้ถูกต้องด้วยแล้ว ก็ยิ่งจะเกิดความเข้าใจรู้ทันสรรพสิ่งที่รายรอบตัว มองเห็นสัจธรรมชีวิตมากยิ่งขึ้น คือมีความสว่างนั่นเอง และท้ายสุดสมาธิความสงบเยือกเย็น ค่อยอ่าน เขียน ฟัง ดู คิด โอภาปราศรัยด้วยมธุรสวาจา ด้วยทีท่าอาริยบุคคล ก็จะพบแต่ความสุขสงบ รากเหง้าอันเป็นปฐมเหตุแห่งความชั่วร้าย คือความโลภ ความโกรธ ความหลง ก็จะมลายสิ้น สันติสุข สันติภาพ มิตรภาพ ความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันก็จะหวนคืนสู่สภาวะอันควรจะเป็น
“ธรรมใดๆ ก็ไร้ค่า ถ้าไม่ทำ”
ทุกสิ่งอย่างล้วนมีจุดเริ่ม!..เริ่มที่ตัวเองแล้วแพร่ขยายไปสู่สังคมรอบข้าง ...นิ้วที่ชี้ไปที่บุคคลอื่นมีแค่นิ้วเดียว แต่ชี้ตัวเองนั้นมีมากกว่าหนึ่ง ถามใจตัวเองว่า ท่านพร้อมที่จะแก้ปัญหา “เลือก (ข้าง) สื่อและเสพ” แล้วหรือยัง?..