คอป......เอาอยู่?
นายหมอดี(แท้)
ฟังถ้อยแถลง.....และ สรุปด้วยตนเอง....ดังนี้
1.รากเหง้าของปัญหา
เป็นการพัฒนาทางการเมือง ด้าน "วัฒนธรรมทางการเมือง"
โดยมีกลุ่มอนุรักษ์นิยม และ กลุ่มเสรีนิยม เป็นตัวขัดแย้ง
โดยความขัดแย้ง มีปัจจัยหลักๆ คือ วัฒนธรรมไพร่ฟ้า พัฒนามาเป็นแบบมีส่วนร่วมมากขึ้น ทำให้กลุ่มทุนนิยม สามารถตอบสนองความต้องการได้ดี แก่ประชาชน การแก้รัฐธรรมนูญปี2540ทำให้ฝ่ายบริหารของกลุ่มทุนนิยมมีอำนาจมากขึ้น และฝ่ายนิติบัญญัติก็มีเสียงข้างมากด้วย การรัฐประหารปี2549 การมีตุลาการภิวัตน์และการแก้รัฐธรรมนูญปี2550 เป็นต้น
2.กรณ๊ศึกษาประวัติศาสตร์
มีกรณีคำแนะนำในกรณีความขัดแย้ง พ.ศ.2535ไว้แล้วว่า ควรใช้ตำรวจที่ฝึกฝนมาอย่างดีในการควบคุมฝูงชน มิใช่ใช้ทหาร ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของตน แต่ก็ไม่มีรัฐบาลใดใส่ใจ พอมาเกิดความขัดแย้งปี2553 ก็ดันไปใช้ทหารเข้ามา จึงทำให้เกิดกรณีสิทธิมนุษยชนขึ้นดังกล่าว
3.การดำเนินการในอนาคต
มุ่งหวังในการใช้นิติรัฐ ด้วยความโปร่งใส เสมอภาคเป็นเบื้องต้น และการเมืองไม่ควรชี้นำหรือแก้แค้นซึ่งกันและกัน
และไม่ควรแก้รัฐธรรมนูญและออกกฏหมายปองดองในระยะนี้
โดยความเห็นส่วนตัวของประธานฯอยากให้คุณทักษิณฯเลิกเล่นการเมือง
โดยดูรัฐบุรุษ ท่านปรีดีฯเป็นตัวอย่างที่ไม่กลับไทยเพราะมุ่งหวังถึงการปองดองในชาติ
4.ความห่วงของ คอป. เกรงว่าจะมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดนำข้อสรุปของความขัดแย้งนี้ ไปเป็นผลประโยชน์ส่วนตน ซึ่งก็ปรากฏแล้วบางกรณี เช่นกรณีแท็กซี่ถูกยิงตาย เพราะทหารยิงป้องกันรถตู้ที่ฝ่าฝืนพลาดไปถูกและศาลตัดสินแล้วว่าผิด ทางดีเอสไอก็จพนำคดีนี้เป็นต้นแบบต่อไป
อย่างนี้ ถ้านิติรัฐดำเนินไปอย่างเที่ยงธรรมแล้ว รับรอง ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายกันวุ่นแน่
...ก็ต้องปล่อยให้เป็นกระบวนการของ"นิติรัฐ"อย่าแทรกแซง เพราะนี่คือ ประชาธิปไตย