สุดอาลัย ! "อังคาร กัลยาณพงศ์" ศิลปินแห่งชาติ เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 86 ปี จากโรคเบาหวานเรื้อรัง โดยจะมีพิธีอาบน้ำศพ 17.00 น. เย็นวันนี้ วัดตรีทศเทพ วันนี้ (25 ส.ค.) มีรายงานว่า อังคาร กัลยาณพงศ์ ศิลปินแห่งชาติ ด้านกวีนิพนธ์ วัย 86 ปี เสียชีวิตลงแล้วอย่างสงบ เมื่อเวลา 01.30 น.หลังจากป่วยเป็นเป็นโรคหัวใจและโรคเบาหวานเรื้อรัง โดยจะมีพิธีอาบน้ำศพเย็นวันนี้ เวลา 17.00 น. วัดตรีทศเทพ และจะมีการสวดพระอภิธรรมศพเป็นเวลา 7 วัน ทั้งนี้ อังคาร กัลยาณพงศ์ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2469 ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นบุตรของกำนันเข็ม และนางขุ้ม กัลยาณพงศ์ ในวัยเด็กร่างกายเคยเป็นอัมพาตเคลื่อนไหวไม่ได้ มีหมอมารักษาด้วยสมุนไพรจนหาย เรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดใหญ่และโรงเรียนวัดจันทาราม เรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนพระพุทธเจ้าหลวงอุปถัมภ์และโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดนครศรีธรรมราช ศึกษาจากโรงเรียนเพาะช่าง มหาวิทยาลัยศิลปากร แล้วไปเรียนที่คณะจิตรกรรมและประติมากรรมมหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นศิษย์ของศิลปินใหญ่อย่างเช่น ศ. ศิลป พีระศรี. อ, เฟื้อ หริพิทักษ์,จึงได้ติดตามและร่วมมือกับอาจารย์ในด้านศิลปกรรม โบราณคดี และประวัติศาสตร์ ความเป็นกวีนั้นเป็นพรสวรรค์ที่อังคารเชื่อมั่นและฝึกฝนมาตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยม เมื่อออกจากมหาวิทยาลัยศิลปากรแล้ว ได้ร่อนเร่เรียนรู้และสร้างสรรค์การวาดภาพและเขียนบทกวี ได้มีโอกาสคุ้นเคยกับศิลปินและกวีร่วมยุคสมัยหลายคน มีผลงานบทกวีปรากฏในหนังสือ "อนุสรณ์น้องใหม่" มหาวิทยาลัยศิลปากร กระทั่งได้พบกับสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ผู้ก่อตั้งกและเป็นบรรณาธิการคนแรกของ "สังคมศาสตร์ปริทัศน์" บทกวีของอังคาร กัลยาณพงศ์ จึงได้พิมพ์เผยแพร่อย่างกว้างขวาง มีผลงานที่จัดพิมพ์สร้างความตื่นตัวตื่นใจให้กับวรรณกรรมไทยมาเนิ่นนาน เช่น กวีนิพนธ์ (2507), ลำนำภูกระดึง (2512), สวนแก้ว (2515), บางกอกแก้วกำสรวลหรือนิราศนครศรีธรรมราช (2512) อันเป็นเล่ม ในปี 2532 ได้รับคัดเลือกให้เป็นศิลปินแห่งชาติ ด้านกวีนิพนธ์ ซึ่งเป็นกวีร่วมสมัยที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น จินตกวี ผู้ที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับทั้งในด้านวรรณศิลป์และทัศนศิลป์ อังคาร กัลยาณพงศ์ ได้สมรสกับคุณอุ่นเรือน มีบุตรชาย 1 คน บุตรสาว 2 คน คือ ภูหลวง อ้อมแก้ว และวิสาขา กัลยาณพงศ์ โดยสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมและงานประพันธ์ทั้งร้องกรองและร้อยแก้วเป็นอาชีพ อังคาร กัลยาณพงศ์ ถือศิลปินที่ได้รับการยอมรับทั้งในฐานะจิตรกรและกวี เป็นศิลปินที่ได้รับการยกย่องเรื่องการรักษาความเป็นไทยทั้งในด้านความคิดและรูปแบบ อีกทั้งยังเป็นกวีที่มีความคิดเป็นอิสระ ไม่ถูกร้อยรัดด้วยรูปแบบที่ตายตัว จึงนับเป็นกวีผู้บุกเบิกกวีนิพนธ์ยุคใหม่ นอกจากนี้ยังเป็นศิลปินที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศิลปินนักต่อสู้เพื่อความถูกต้อง กวีไม่ใช่หมานี่นะ ที่ใครขุนนิดเดียวก็จะยอมเขา บทกวีมันเป็นอิสระในตัวเอง รู้ผิดถูกชั่วดีตามพระพุทธเจ้าตรัสสอน เราเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า รับผิดชอบต่อเพื่อนมนุษย์ คือรักเพื่อนมนุษย์ และยินดีจะนำกำลังสติปัญญาไปเผยแพร่ แม้แต่ต้นหญ้ายังให้คุณกับเพื่อนมนุษย์ ข้าวน่ะเป็นหญ้าชนิดหนึ่งนะ อย่าคิดว่ามนุษย์ไม่กินหญ้า และทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นหญ้า ข้าวก็ยังทำให้มนุษย์อิ่มหนำและมีชีวิตอยู่ได้ ศิลปินก็แบบนั้นแหละ เป็นข้าวให้มนุษย์กิน เป็นออกซิเจน เป็นอากาศให้มนุษย์หายใจ เป็นน้ำให้ดื่ม ถ้าศิลปินเป็นฝนได้ก็จะเป็น เป็นพระอาทิตย์ได้ก็จะเป็น ผมคิดว่าเป็นอุดมคติของทุกคน ไม่ใช่แค่ศิลปิน บทกวีมีพลังที่จะเปลี่ยนสังคม ทำไมจะเปลี่ยนไม่ได้ เปลี่ยนมาเยอะแล้ว แต่เราไม่ได้คิดจะเปลี่ยนแปลงสังคมเพียงลำพัง เพราะความเป็นไปของมนุษย์มันเหมือนคลื่นในมหาสมุทร เราแข็งแรงเท่าไหร่ เราก็เอาบ่าเข้ารับ กระแสคลื่นจะมาสาดบ่าเราเปื่อยจนกระทั่งเห็นกระดูกเราขาวโพลนก็ยังไม่สิ้นกระแสคลื่นในทะเล ดังนั้นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ก็ต้องช่วยกันหลายทาง ตั้งแต่พระศาสดา และใครต่อใคร ศิลปินก็เป็นเพียงส่วนหนึ่ง พลังของบทกวีก็เหมือนแสงอาทิตย์ หรือถ้าเปรียบเป็นเมฆ มนุษย์ก็ต้องได้รับฝน ถ้าเป็นดอกไม้ก็ต้องหอมอบอวล ถ้าเป็นน้ำหวานก็ต้องเป็นน้ำหวานจากผึ้งที่มอบความหวานหอมให้ชีวิต ผมถึงเป็นกวี รับผิดชอบต่อจากเจ้าฟ้ากุ้ง (เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศรฯ) ผมหายใจเป็นโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน อังคารเคยให้สัมภาษณ์กับ ASTVผู้จัดการเมื่อกลางปี 2555 นอกจากนี้ ในการชุมนุมของพันธมิตรประชาชาเพื่อประชาธิปไตย ทั้งในช่วงการชุมนุม 193 วันในปี 2551 และการชุมนุม 158 วัน ในปี 2554 อังคาร กัลยณพงศ์ ยังได้เคยขึ้นเวทีอ่านบทกวีและขับเสภาเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้ร่วมชุมนุมอยู่หลายครั้ง
8 กันยายน 2555 19:08 น. - comment id 37199
26 สิงหาคม 2555 17:51 น. - comment id 37545
อาลัยกวี จากกันไปในโลกนี้ไปโลกไหน ในโลกแห่งนี้นั้นท่านอาจไป และอาจได้อยู่สวรรค์ทุกชั้นพรหม อังคารดับ ลาลับ ในวันฟ้าถล่ม โลกนี้ แสนเศร้าร้าวระงม ตรม ตรอมใจ อาลัยนัก
26 สิงหาคม 2555 20:48 น. - comment id 37547
อังคาร... ผ่านภพจบกรรม ยางใยยังย้ำยังอยู่ คงรอยค่าล้ำคำครู เชิดชูชนไทยใจงาม ........ (ขอบคุณบทความด้วยครับ)
27 สิงหาคม 2555 08:59 น. - comment id 37548
พี่พุดไปอยู่เขาค้อ ระยะหลังเสพสื่อน้อยลง ลำน้ำน่าน บอกค่ะ และ เสียดายกวีแก้วประภัสสรอย่างสุดซึ้ง และ ขอคารวะด้วยดวงใจ และ.. ใครเล่าจะห้ามความพลัดพรากได้ รอกวีแก้วคนใหม่แถวๆนี้ หวังมีตัวแทนนะคะ
27 สิงหาคม 2555 12:27 น. - comment id 37551
ทุกชีวิตมีเกิดมีดับ แต่สิ่งที่ยังคงเหลืออยู่คือผลงาน ด้วยความเคารพ
28 สิงหาคม 2555 16:23 น. - comment id 37556
หลับ...สบายเถอะ..ท่าน
30 สิงหาคม 2555 10:37 น. - comment id 37558
ท่านคงได้เกิดเป็นกวีทุกภพ ทุกชาติ ตามความปรารถนาของท่าน
30 สิงหาคม 2555 11:15 น. - comment id 37559
ท่านคงได้เกิดใหม่แน่ เพราะท่านสร้างแต่คุณความดี สำหรับพวกที่พาท่านไปขึ้นเวทีจะได้เกิดใหม่หรือเปล่าไม่รู้เหมือนกัน
30 สิงหาคม 2555 17:30 น. - comment id 37560
http://www.youtube.com/watch?v=df3OpVwYyYw
30 สิงหาคม 2555 17:39 น. - comment id 37561
.....ชาติประทัดลั่นเปรี้ยง.....เสียงดัง ครู่หนึ่งป่นหายปัง..............เปื่อยไร้ ฟ้ากระหึ่มแรงขลัง..............ลั่นโลก ถ้าผ่าเปรี้ยงไฟไหม้.............อย่างร้ายแรงมหันต์ฯ .....ประทัดนั้นเปรียบด้วย......ศิลปิน ปลอมมา เย่อหยิ่งยโสสัตว์ถวิล...........ว่าแก้ว ปัญญาถ่อยมลทิน...............โง่งั่ง ทำอย่างเก่งเหลือแล้ว...........เล่ห์ลิ้นหมาหอน ฯ .....ฟ้ากระหึ่มเปรียบด้วย.......นักปราชญ์ เป็นจิตรกรเฉลียวฉลาด.........ที่แท้ ผลงานบริสุทธิ์สะอาด...........ยิ่งใหญ่ คุณค่าสะเทือนใจแล้............เล่ห์รุ้งมณีขลัง ฯ .....ตรุษสิงโตเห่าเหี้ยม........แสนหาญ เด็กย่อมถึงตะลึงตะลาน.........ยิ่งแล้ว สิงห์จริงอยู่หิมพานต์.............สงบเสงี่ยม นอนนิ่งสิงถ้ำแก้ว................ป่าฟ้ามไหศวรรย์ ฯ .....สิงห์ตรุษจีนนั้นไซร้.........ศิลปิน ปลอมนา ดูดั่งชาติพยัคฆา.................ขู่ร้าย ผลงานเล่ห์ลวงตา...............ว่าใหม่ แท้ต่ำกากเดนได้ ................สู่รู้ขโมยเสนอ ฯ .....สิงห์จริงนั้นเปรียบด้วย......นักปราชญ์ เชี่ยวชาญศิลป์สามารถ..........ไม่แล้ว ผลงานใหม่ประหลาด.............เลิศค่า ถึงสิ่งทิพย์เป็นแก้ว................แก่นแท้สะเทือนสมัย ฯ .....น้ำใสซึ่งขุ่นไซร้..............เสียศรี มองไม่เห็นวิสุทธิ์ดี................ดั่งแก้ว ปัญญาอย่าราคี....................คาวงั่ง ใจชั่งเฉกทิพย์แล้ว.................เพริศแพร้ววิสุทธิ์เสมอฯ .....น้ำใสบริสุทธิ์ยิ่งนั้น............ขันติธรรม ฤาโกรธตมทำระยำ.................ต่ำช้า ปัญญาไม่ครอบงำ...................ความงั่ง แสงสว่างโกรธมืดกล้า..............กล่าวร้ายให้ไฉนฯ .....ฟากฟ้านั้นไป่เปื้อน.............เปรอะเมฆ เมฆไม่เปรอะความวิเวก..............แห่งฟ้า ดวงดาวไป่รกเอก-...................ภพเพ่ง งามนา ฟ้าใช่คุกจันทร์จ้า....................ป่าช้าดาวไฉนฯ --------------------------------------------------