ช่วงนี้เป็นช่วงหลงเสน่ห์เมืองเหนือ ของกิ่งโศก คนยาก หุหุ แลคาบนี้เรามาสัมผัส แคว้นในอดีต ที่เกือบจะเป็นแค่ตำนาน.. เวียงกุมกาม..ตำนานเมืองล่ม เบื้องลุ่มน้ำแม่ปิง เมืองที่ประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ แลก่อนกาลนั้น ยังก่อกำเนิด ศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์มากมาย เช่นวัด และกู่ ( กู่ หมายถึงเจดีย์) เวียงกุมกาม ที่ถูกขนานนามว่า เป็นเมืองหลวง เมืองแรกของอาณาจักรล้านนาไทย หากไม่ล่มแล้วคงรุ่งเรืองยิ่งนักแล้ว เวียงกุมกามแม้นจำเริญรุ่งไม่นาน และเกือบหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ จนผู้คนเกือบจะจดจำกันไม่ได้แล้วว่ามีอยู่จริงหรือเป็นเพียงตำนานเท่านั้น จวบประมาณปี 2527 กรมศิลปกรได้ไปขุดเจอ เมืองล่มเมืองนี้ เรื่องราวจึงบ่งบอกเหตุ อุบัติขึ้น ทำให้ เราๆ ได้รู้จัก มิใช่แค่เป็นเป็นเรื่องเล่าขาน เรื่องราวความรัก สัจจะ แลการสร้างบ้านแปลงเมือง ของเจ้าชีวิตล้านนา.เท่านั้น แต่ ทุกสิ่งทั้งหลายคือ ประวัติศาสตร์ชาติไทย.. ปัจจุบัน .เวียงกุมกาม อยู่ในท้องที่หมู่ 11 ตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ ประมาณ 5 กิโลเมตร ติดกับ ลำพูน เกร็ดประวัติคงมีการกล่าวไว้ให้ศึกษา เกี่ยวกับเวียงกุมกามเหล่านี้มากมายแล้ว กิ่งโศก เพียงสะกิด อนุสติตัวเองให้หวนนึกถึง นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ เรื่อง เวียงกุมกาม ที่ได้เคยอ่านมาก่อนหน้านี้ ... ความรัก เรียกว่า 5 เส้า ก็ได้...ถูกดำเนินเรื่องแบบอิงประวัติศาสตร์ ได้ชวนติดตามยิ่ง แม้จะติดขัดกับการ อ่านภาษาทางเหนือ.. เจ้าพระยามังราย มหาเทวี นางอั๊ว ราชเทวี พายโค อ้ายฟ้า และ กานโถม นวนิยายเรื่องนี้ มีนักอ่านชาวลำพูนเพื่อนของกิ่งโศกเอง เคยต่อต้านและวิพากษ์ ในแง่ผู้เขียนที่อ้างอิงประวัติศาสตร์เวียงกุมกามกับผู้ค้นคว้า อีกท่านหนึ่ง ที่แย้งกับอีกท่านหนึ่ง..ณ. ที่นี้กิ่งโศก ไม่ขอก้าวล่วงวิพากษ์ในหัวข้อขัดแย้งดังกล่าวแต่อย่างใดแต่เพียงใด เพียงมีความชื่นชอบ นวนิยายแนวอิงประศาสตร์ หลายๆเรื่อง และเวียงกุมกามก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากจะถือว่า อิงประวัติศาตร์ นั้นครึ่งหนึ่งทีเดียว ส่วนอีกครึ่งเป็นการจินตนาการของผู้แต่ง ( ทมยันตี) อยาก สปอย เรื่องราวให้ฟังจัง..แต่จำได้ไม่หมด เอาแบบย่อ แล้ว ก็ย่อ ก็แล้วกัน 55 พระยามังราย ปฐมกษัตริย์ ล้านนา รักใคร่นางอั๊ว แล ให้สัจจะแก่นางว่า จะรักนางคนเดียว ในโลก โดยมิปันใจให้นางอื่น นางอั๊ว เวียงชัย ผู้งดงาม แลมีฝีมือฟันดาบ และ นางคือ ฟ้ามุ่ย แห่งม่อนผาสูง ของอ้ายฟ้าผู้เฝ้าปองด้วยใจภักดิ์ อ้ายฟ้า ชายหนุ่มรูปงาม สุภาพบุรุษ เป็นนักรบ และศิษย์ร่วมสำนักดาบกับนางอั๊ว และหลงรักนางอั๊ว ด้วยภักดิ์ยิ่ง แบบไม่มองสาวอื่น พายโค ราชธิดาเมืองหงสา ผู้งดงามยิ่งแลถูกถวายให้พญามังราย ..หรือนี่คือเหตุให้นางอั๊วไปบวชชี และปรกอบเหตุบุตรนางอั๊วเสียชีวิตด้วย จึงตัดสินใจบวช...และอาจเป็นสาเหตุให้พญา มังรายโดนสายอัสนีบาตจนสิ้นชีพ.... นางพายโคหลงรักอ้ายฟ้า เป็นอย่างยิ่ง เนื่องด้วยพญามังรายรับนางมาแต่ในนามหายุ่งเกี่ยวด้วย ถือสัจจะต่อนางอั๊ว ..นางน้อยใจมาปรึกษาแม่ชีที่วัดบ่อย ..จวบแม่ชีนางอั๊วตาย ..อ้ายฟ้าแค้นพายโค นึกว่าเป็นต้นเหตุ พายโคจึงย้ายมาอยู่เวียงกุมกาม.. กานโถม นายช่าง ผู้แอบรักนางพายโค เยี่ยงทาส โศกนาฏกรรม เมื่อ ภัยจากลำน้ำปิง ท่วมบ่าเวียงกุมกาม ผู้คนล้มตาย..แล นางพายโคด้วย นางตายอยู่ในอ้อมกอดของ กานโถมทาสผู้ซื่อสัตย์ที่พยายามช่วยนาง.. พญามังราย โศกสลด ณ..วันหนึ่งเดินอยู่ในตลาด สายฟ้าได้ผ่ามาที่พญา จนต้องมาตายไปด้วย.. คำสาบาน..กำลังลงทัณฑ์พญาแล้วหรือไร ?..... สักขีแม่ปิง.. อยากนำเสนอ บทเพลง อมตะ สักเพลงเถิด..เพลงนี้โด่งดังครั้งอดีต และสักช่วงหนึ่ง กลุ่มรวมดาว นำมาร้องใหม่ ก็ดังระเบิดเทิดเทิง เลยเชียว 55 เชิญชวน พี่ป้า น้าอา มารำลึกความหลังกันเถิด.... เพลง : สักขีแม่ปิง ศิลปิน : รวมดาว ( ประวิตร ทวินันท์) เนื้อเพลง : ช. โอ้กุศลดลพี่มาพบเจ้า ใจพี่ยังร้อนผ่าว ความรักรุมเร้าคลั่งไคล้ ญ. น้ำคำรักของคนเมืองใต้ จะจริงแท้แค่ไหน สาวเชียงใหม่ครวญใคร่ถวิล ช. ชีพสลายยังไม่คลายรักเจ้า ญ. จริงดั่งใจหรือเปล่า หวั่นเกรงเคลือบเอาที่ลิ้น ช. รักจริงเพียหัวใจแดดิ้น ไม่วายเว้นถวิล มิสิ้นความรักได้เลย ญ. น้ำปิงล้นฝั่ง ช. ดังรักพี่ เปี่ยมฤดีแล้วเจ้าเอย ญ. แล้วคงละเลย ไม่เหมือนเอ่ย ช. โอ้ทรามเชยมิเคยแหนงหน่าย ญ. หน่อยเถิดนะ คงจะไม่เห็นหน้า ช. ถ้าพี่เป็นเหมือนว่า วานน้องฆ่าเสียให้ตาย ญ. สาบาน ช. จ๊ะสาบานก็ได้ หากความรักสลายขอตายในสายแม่ปิง ช. รักกันหวานชื่น ญ. เกรงขมขื่น ขื่นกลับชังช้ำอกหญิง ช. น้องควรรู้ใจ พี่ทุกสิ่งเช่นแม่ปิงรู้จริงใจพี่ ญ. หน่อยจะคร้าน นานกลับกลายหายชื่น ช. พี่ไม่ไปไหนอื่น จะขอชื่นรักอย่างนี้ ญ. อุ๊ยตาย อายเขาบ้างซิพี่ ช. จูบฝากรักสักที ช.ญ. ไว้เป็นสักขีแม่ปิง ๏ ฟ้ามุ่ย..พิมานแถน ๏ งามแม้นยิ่งฟ้ามุ่ย...............ม่อนสูง สรวงเนอ เลอข่มพิลาสยูง..............เยี่ยมฟ้า ตรึงจิตติดจองจูง............แจ้งเติ่ง ตามเฮย แลทอดลอดทั่วหล้า........เลิศถ้วนเรืองแถน ๚ะ ๏ งามแม้นยิ่งฟ้ามุ่ยเยี่ยงปุยฝ้าย เฉกละม้ายศักดิ์แถนยั้งแดนสรวง นายิกามาลัยไผทยวง ผกาพวงกลีบพร้อยดอกสร้อยพราว ๏ นรหาญปีนป่ายหวังได้ปลด ปลายบรรพรตจรดสูงจรุงหาว ร่วงแลหล่นลงเหวแหลกเหลวราว- ฝุ่นทะท่าวยอบพื้นระดื่นดิน ๏ มนต์ฟ้ามุ่ยร่ำหมายกำจายม่อน ภมรว่อนโฉบว่ายไหวถวิล ดอกฟ้าสรวงปวงคู่หมู่เทวิน เหล่าชาวดินเคียงค่าดอกพะยอม ๏ แหงนคอตั้งต่างตาหวังฟ้าเห็น เพียงเศษเส้นกลีบเฉาสิ้นเงาหอม ปลิวจากขั้วหลุดโคมกระโจมจอม ดินเจ้าดอมจึงดมให้สมปอง ๏ มิกลัวพิษซ่อนซ้อนเกสรชู้ หวำวาบสู่วธูชิดสนิทสอง แม้นชั่วเสี้ยวเพลาสั้นเชิงครรลอง ยังตราต้องติดตรึงตราบนิรันดร์ ๚ะ + กิ่งโศก + ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๓
22 มิถุนายน 2553 14:25 น. - comment id 31325
มาฟังเพลง สักขีแม่ปิง ครับผม
22 มิถุนายน 2553 14:35 น. - comment id 31326
เที่ยวป่าซางยังไม่หายอิ่ม มาเยือนเวียงต่อ ขอบคุณนะครับ
22 มิถุนายน 2553 15:03 น. - comment id 31327
อ่านเรื่องย่อตอนจบแล้วเศร้าจังอะปู่ นางพายโคมต้องตายเหรอคะ แต่บุชาหัวใจ กานโถมทาสผู้ซื่อสัตย์ ที่รักนางค่ะ รออ่านเรื่องต่อไปพร้อมเพลงประกอบจ้า
22 มิถุนายน 2553 15:05 น. - comment id 31328
ตำนานรักซ้อนจังเลยค่ะ.. เพลงนี้หลับตา.. ย้อนเห็นภาพตอนรวมดาวกำลังดัง ฮ๊อตสุดๆ นั่งเฝ้าหน้าจอทีวีดูเลยค่ะ ตอนนั้นเก็บตัวซ้อมวงโยธวาธิต(เขียนถูกป่าวอ่ะ) คุณบุ๋มกับคุณชมพู ฟรุ๊ตตี้ กะลังอินเลิฟ คริ พิมเริ่มฟื้นความหลังอีกแระคุณกิ่ง อิอิ
22 มิถุนายน 2553 15:16 น. - comment id 31330
ชอบร้องเพลงนี้ค่ะ สักขีแม่ปิง ร้องคู่กับหนุ่มเมืองเหนือ ม่วนแต้ๆก่ะ
22 มิถุนายน 2553 15:23 น. - comment id 31331
^ ^ หนุ่มหรือแก่กันแน่จ๊ะ หวัดดีค่ะปู่แวะมาแอ่วปิงเจ้า
22 มิถุนายน 2553 16:04 น. - comment id 31334
คุณแก้วประภัสส เพลงนี้ น่าจะสมัยพวกเรา ยังเป็นเด็กประถมกระมังครับ.. ฟังกี่ครั้งก็ยังเพราะครับ
22 มิถุนายน 2553 16:07 น. - comment id 31335
คุณดาว อิอิ ช่วงนี้กำลังหลงบรรยากาศทางเหนืออยู่ครับ ครั้งหน้า ว่าจะวก ไปทางลุ่มน้ำ แถบสุพรรณภูมิ...เห็นคุณคีตะกะ ลงแม่กลองไว้ แบบชอบ เพลงมนต์รักแม่กลอง อิอิ เด๋วขอหาข้อมูลก่อนนะครับ
22 มิถุนายน 2553 16:12 น. - comment id 31336
คุณแก้วประภัสสร ที่จริง พระญามังราย หรือเม็งราย นั้นถูกฟ้าผ่า จริง ๆ มีศิลาจารึก บันทึกไว้นะครับ ..หากเป็นนิยายเรื่องนี้...จะมีเพิ่มภาคปัจจุบัน คือ นางอั๊ว กลับชาติมาเกิดเป็น บัวจี อ้ายฟ้า กลับชาติมาเกิด เป็น ภูฟ้า พายโค กลับชาติมาเกิดเป็น รอมแพง ..เนื้อหาภาคปัจจุบัน ทั้งสามคน กลับมาใช้หนี้ สุดท้าย ทั้งสาม ไป..ลองอ่าน มีคนสรุปไว้ให้ฟัง..ดังนี้ครับ.. ภาคปัจจุบัน รอมแพง (หน้าเหมือนนางพายโค) มาทำสารคดีที่เวียงกุมกาม แล้วมาเจอ บัวจี (คล้ายนางอั้ว) และภูฟ้า (คล้ายอ้ายฟ้า) ทุกคนมีลักษณะเหมือนมีสองคนในร่างเดียว สามคนมาเจอกัน เพื่อปลดปล่อยกรรม ความอาฆาตแค้นให้กับ นางพายโค นางอั้ว และอ้ายฟ้า สามคนพาวิญญาณที่ตามตัวพวกเค้ามาตลอดมาปลดปล่อย ต่อหน้าพระยามังราย นางอั้วขอขมาที่เคืองพระยาเกี่ยวกับลูกมาทุกชาติ อ้ายฟ้า ก็ต้องละความแค้นที่มีกับนางพายโค และเลิกตามนางอั้วไปทุกชาติ ส่วนนางพายโค ก็ต้องละจากความรักที่มีต่ออ้ายฟ้า แล้วปลดปล่อยตัวเองจากบ่วงกรรม พอทุกอย่างผ่านไป รอมแพง ภูฟ้า(ชายหนุ่มรูปหล่อ ผมยาว เท่สุดๆ )และ บัวจี ก็กลับมาเป็นปกติ อีกครั้ง ภูฟ้ามีทีท่าจะสานสัมพันธ์กับรอมแพง โดยมี บัวจีเป็นแม่สื่อ. .....................................................
22 มิถุนายน 2553 16:13 น. - comment id 31337
10
22 มิถุนายน 2553 16:14 น. - comment id 31338
ขอโทษน้าพี่แบมขา กานต์ไม่ได้ตั้งใจ อิอิ
22 มิถุนายน 2553 16:14 น. - comment id 31339
คุณน้ำตาลหวาน เรื่องนี้ ซับซ้อนในเรื่องรักครับ ..เชื่อแล้ว ว่าเกิดทันจริงอิอิ เพราะรู้จักรวมดาว ขอบคุณมากครับที่มาทักทายกัน
22 มิถุนายน 2553 16:18 น. - comment id 31340
คุณเพียงพลิ้ว หุหุ แหมน้องกานต์ ชอบเพลงนี้ ..ดีจังเลย เพราะกลัว คนจะไม่รู้จักนะครับ หุหุ..มีคนข้างล่างแซว อะว่า ร้องกะคนแก่รึ 555
22 มิถุนายน 2553 16:20 น. - comment id 31341
คุณเฌอฯ อิอิ.งมีแซว ข้ามเม้น.. ว่าแต่ไปมากี่ครั้งแล้วจ๊ะ ..ฝั่งลำน้ำปิงนะ แท้งกิ้วหลายที่มาทักทายกันยามบ่าย นะ
22 มิถุนายน 2553 16:22 น. - comment id 31342
6/14 ร้องกับชายหนุ่มแก่เจ๊า อิอิ
22 มิถุนายน 2553 16:26 น. - comment id 31343
22 มิถุนายน 2553 16:29 น. - comment id 31344
^ ^ กินอารายยางคุงฝน อิอิ
22 มิถุนายน 2553 16:31 น. - comment id 31345
คริๆ เดี๋ยวเป็นลมนาตัวเอง
22 มิถุนายน 2553 16:33 น. - comment id 31346
20
22 มิถุนายน 2553 16:33 น. - comment id 31347
20 ไปแหละจ้าพี่ปู่
22 มิถุนายน 2553 16:43 น. - comment id 31348
คุณเพียงพลิ้ว 10 ,11,15,17,18,19,20 โห มาแบบนิ่มๆ กวาดเรียบ อิอิ
22 มิถุนายน 2553 16:44 น. - comment id 31349
คุณโคลอน สวัสดียามบ่ายแก่ๆ ครับ อิอิ
22 มิถุนายน 2553 19:34 น. - comment id 31351
แวะมาดู ริมปิง อ่านแล้วได้ความรู้คับผม
22 มิถุนายน 2553 21:55 น. - comment id 31354
ผู้บ่าว....กิ่งโศก.....มาแอ่วเมืองเหนือจิง ๆ รึว่าแบบ....นั่งเทียนมา.... ตำนานรักซาบซึ้งมากกกกค่ะ........ แล้วหามาเล่าอีกน๊า.....
23 มิถุนายน 2553 00:19 น. - comment id 31355
ตำนานเมืองเหนือที่เป็นระบบให้ได้ศึกษาจริงๆ หายาก เห็นแต่สารพันปัญหาอย่างเบี้ยหัวแตกมานำเสนอมากกว่า คนนั้นเรียง คนนี่ร้อย คนโน้นฟังเล่าบอกต่อกันมา ที่เรียกว่ารู้จริง ยังสงสัยก็มากและหายาก แม้แต่คำว่าล้านนา ลานนาก็ยังไม่จบ ไม่ยอมรับ...อย่างไรก้มีม.เชียงใหม่เป็นแถวหน้า ทำวิจัยไว้และมีเอกสารไม่น้อยแม้คนทำจะไม่ใช่คนเหนือแท้จริงก็ตาม อย่างไรก็ยังมีเค้ามีตำนาน มีโบราณวัตถุแลสถานที่ให้จินตนาการตามไปได้บ้าง เคยอ่านนิยายเกี่ยวกับตำนานเมืองเหนือที่ว่าผ่านมานานแล้ว ไม่ว่าหมื่นด้งนคร ตำนานสิงหนวัตกุมาร ตำนานพระล้านนาไปถิ่นพุทธแท้เพื่อสืบศาสนาพุทธให้งอกงามในล้านนาต่อมา หรือตำนานกวีพื้นบ้าน หรือนักปรัชญาการเมืองคารมกบ้าอย่างส.ธรรมยศ อย่างน้อยให้รู้ว่าคนสมัยนั้นพยายามสื่อตำนานจริงเท็จให้คนได้รับรู้บ้างไม่มากก็น้อย ... อย่าไปสนใจนิยายฤาถามถึงเค้าความจริง อะไรมากเลย ยิ่งทมยันตี ก้คงเป้นการพัฒนางานเขียนอีกแบบหนึ่งในปัจฉิมวัยแล้วกระมัง อ่านประโลมใจไปเหอะ..... 46%
23 มิถุนายน 2553 03:52 น. - comment id 31356
แวะมาอ่านเกล็ดประวัติศาสตร์ ครับ เพลงก็เพราะ นะครับ ........................................... ขอเสริม คุณความคิดเห็นที่ 25 : หน่อยนะครับ มีตำนานอีกตำนานนึง(ตำนานสุวรรณคำแดง) กล่าวว่า ชื่อล้านนา นั้น เรียกว่า ล้านนา ครับ โดยเรียกตาม น้ำหนักของพระแท่นบรรทม ของเจ้าหลวงคำแดง ซึ่งเป็นปฐมกษัตริย์ ล้านนา ราชวงค์ ก่อนราชวงค์ ของพญามังราย ซึ่งตามระยะเวลาในประวัติศาตร์ จาก เวลาที่พญาคำแดง ครองราชย์ มาถึง พญามังรายนั้น ห่างกัน ไม่น่าจะต่ำกว่า 1000-1200-1400 ปี เท่าที่ปลายตะวันพยายามสืบค้นข้อมูลมาระยะหนึ่งนั้น พอสรุปได้ว่า ผู้สถาปนาอาณาจักร ล้านนา นั้น คือเจ้าหลวงคำแดง ไม่ใช่พญามังราย (ถ้าจำไม่ผิด สมัยนั้นเรียกว่า ระมิงคนคร ) แต่พญามังราย เป็นผู้สร้างเมืองเชียงใหม่ ต่างหาก ซึ่งก็ทรงสร้าง บนพื้นที่เชิงดอยสุเทพ ใกล้ๆกับเมืองเก่า ยุคราชวงค์ สุววรณคำแดงนั่นแหล่ะ ครับ ซึ่งถ้าดูภาพถ่ายทางอากาศ จะมองเห็นแนวกำแพงเมืองของเมืองเก่าอีกเมืองหนึ่ง มีลักษณะเป็นวงกลม อยู่นอกแนวกำแพงเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเมืองเก่า ที่เก่ากว่าเชียงใหม่นั้น น่าจะอยู่ในบริเวณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือบริเวณใกล้เคียงแถวๆนั้น (แต่เมืองเก่าแห่งนี้ ไม่ใช่เวียงกุมกาม นะครับ ->เวียงกุมกามจะอยู่แถวๆสารภี ตามที่คุณกิ่งโศก บอกไว้แหล่ะครับ) # และถ้าหากเราเทียบเคียงประวัติศาสตร์ ระมิงคนคร กับ หริภุญชัย (ลำพูน)แล้วนั้น จะพบว่า เมืองลำพูนสร้างโดยพระฤษีชื่อสุเทวฤษี แต่พอสร้างเมืองเสร็จ ก็ว่างเว้นกษัตริย์ปกครอง พระฤษี จึงอัญเชิญพระนางจามเทวี แห่งละโว้ (ถ้าเข้าใจไม่ผิด น่าจะอยู่แถวๆ ลพบุรี นะครับ) มาครองราชย์ เป็นปฐมกษัตริย์ แห่งลำพูน ซึ่งตรงกับ รัชกาลที่ 13 ของรมิงคนคร (กษัตริย์ ชื่อ ขุนหลวงวิรังคะ) และเชื่อกันว่า พระนางจามเทวี องค์นี้เองที่เป็นผู้ประดิษฐ์อักษรล้านนา และเป็นผู้อัญเชิญพระพุทธศาสนาสู่แผ่นดินล้านนา โดยตอนที่พระนางเสด็จมานั้น ได้อัญเชิญพระเถระจากละโว้ มาด้วย 500 องค์ # ต่อมา ขุนหลวงวิรังคะ ไปท้ารบ พระนางจามเทวี แต่ขุนหลวงแพ้ศึก สิ้นพระชนม์ ทหารก็อัญเชิญพระศพกลับเมือง แต่ระหว่างทาง ศพเกิดคว่ำลง ตรงดอยแห่งหนึ่ง เรียกว่าดอย คว่ำหล้อง ซึ่งอยู่แถวๆพื้นที่อำเภอแม่ริมในปัจจุบัน ระหว่างขุนหลวงวิรังค กับ พระนางจามเทวีนั้น เป็นของความรักข้างเดียวที่ ขุนหลวงฯ มีต่อพระนางจามเทวี จึงมีตำนานเล่าสืบกันมาว่า มีคำสาปว่าสาวลำพูนจะไม่สมหวังในความรัก จนกว่าจะได้ไปสักการะ ขุนหลวงวิรังคะก่อน (ผิดถูกขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะครับ เพราะศึกษามานานแล้ว แต่โครงเรื่องจะเป็นประมาณนี้นะครับ) .................... เฮ้อ! เรื่องมันยาว เอาเป็นว่า ถ้านับจากสมัย ขุนหลวงวิรังค (ซึ่งเป็นสมัยเดียวกับ พระนางจามเทวี ) มาถึงสมัยพญามังราย นั้น ห่างกัน ราวๆ 600-700 ปีครับ และเจ้าหลวงคำแดง เป็นผู้สร้าง ล้านนา (ไม่ใช่พญามังราย) ส่วนพญามังรายนั้น ทรงสร้างเมืองเชียงใหม่ โดยเรียกว่า นพบุรีศรีนครพิงค์ เชียงใหม่ (ไม่แน่ใจว่ามีคำว่าเชียงใหม่ต่อท้ายด้วยไหมนะครับ) ซึ่งชื่อเมือง ตรงคำว่า "นพบุรี" นั้น มีความหมายเฉพาะลงไปอีก โดยหมายถึง ชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นก่อนมีการสร้างเมือง มาหลายยุคสมัย (ตามตำนานบางตำนาน ยังกล่าวอีกว่า ก่อน ยุคสุวรรณคำแดง บริเวณนี้ได้มีเมืองที่เก่าแก่ มาช้านานอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็เกิดปรากฎการณ์เมืองล่มอยู่หลายหน เพราะกษัตริย์ผู้ปกครองในบางยุคสมัยไม่มีศีลธรรม) นพบุรี นั้น หมายถึง ชนเผ่าดั้งเดิม 9 ตระกูล ที่มีการแบ่งอำนาจปกครองออกเป็น 3 กลุ่ม อีก * ขออภัยที่ร่ายยาวเลย แต่พอพูดถึงประวัติ เชียงใหม่ เลยอดไม่ได้ เพราะหาอ่านได้ยากมาก ส่วนใหญ่จะแต่งอิงเป็นตำนานกันไป อย่างเช่นเจ้าหลวงคำแดงนี่ ถือว่าเป็นประธานแห่งผีทั้งมวล จะมีอิทธิพลมาก ปกติจะสถิตย์อยู่ที่ดอยเชียงดาว แต่มีศาลตั้ง ตรงมุมเมือง (ไม่แน่ใจ ว่า ตรงมุม ที่อยู่ใกล้ กับ เซ็นทรัล หรือเปล่านะ) ซึ่งความเชื่อเรื่องตำนานเจ้าหลวงคำแดงนี้เอง เป็นเหตุให้ ชาวเชียงใหม่เคยลุกขึ้นมาต่อต้าน การสร้างกระเช้าข้ามเขาดอยเชียงดาว ในสมัยอดีตนายกทักษิณ เพราะ ถือว่าเป็นการลบหลู่เจ้าหลวงคำแดง ที่สถิตย์อยู่ ณ ดอยเชียงดาวแห่งนั้น ==ปลายตะวัน==
23 มิถุนายน 2553 06:41 น. - comment id 31357
23 มิถุนายน 2553 09:26 น. - comment id 31358
คุณวิทย์ มาครับ มาฟังเรื่องราว แถบลำน้ำปิงกัน.. จะให้ดีต้องหาคนมาร้องคู่ด้วยนะครับ เพลงนี้ อิอิ
23 มิถุนายน 2553 09:35 น. - comment id 31359
ลุงจุด.. อิอิ ขอบคุณที่ร่วมแจมครับ .. ตำนาน ผสมกับนิยายปรัมปรา อภินิหารที่เติมแต่ง...มักควบคู่กับผู้คนสมัยโบราณมานานแล้วนะครับ ..ถิ่นแถบทางเหนือของไทย อย่างที่ลุงจุดว่ามานั่นแหละครับ ขนาดนักโบราณคดี ยังเถียงกันหน้าดำหน้าแดง .. แต่ละคนมีวิธีโน้มน้าว ด้วยหลักฐานทางวัตถุ และความเชื่อ ในการคาดเดา อาศัยมองความเจริญเติบโต และวัฒนธรรม ที่แพร่กระจาย กันออกไป ..นิยายทางเหนือ ที่น่าอ่านอีกท่านหนึ่งคือ ลพบุรี. ผู้เขียนเกี่ยวกับ อาณาจักร น่านเจ้า โยนกนคร พวกนี้ ..คืออ่านพวกนี้ อย่างน้อยที่มาเขาก็นำมาจาก .ประวัติศาสตร์ เป็นเค้าโครง บ้างนะครับ...ขนาดยาขอบ แต่ง ผู้ชนะสิบทิศ อาศัย อ่านจากพงศวดาร แค่เจ็ดแปดบรรทัด .. หุหุ...ส่วนคำว่าลานนา...และล้านนา..เราอ่านตามตัวสะกด ภาษา อังกฤษ ดีกว่า จะได้ ไม่เถียงกัน อิอิ ขอบคุณลุงจุดมากครับ ในเนื้อหา ..กิ่งโศก ไม่มีความรุ้ทางประวัติศาสตร์ สักเท่าไหร่ครับ อ่านนิยาย เพื่อบรรเทิงเป็นหลัก
23 มิถุนายน 2553 09:44 น. - comment id 31360
แวะมาอ่าน ตำนานของ ค.ห.25,26 อีกรอบ ชอบอ่านตำนานค่ะ (แล้วก็จำมะได้ทุกทีสิน่า)
23 มิถุนายน 2553 09:58 น. - comment id 31361
น่าจะสร้างเป็นละคร คงน่าดูเนอะลุงเนอะ
23 มิถุนายน 2553 10:07 น. - comment id 31362
คุณปลายตะวัน โอ้โห ข้อมูลแน่น.. กิ่งโศก ไม่มีความรู้ทางแนวประวัติศาสตร์ หรอกครับ อาศัย ชอบอ่านเท่านั้นเอง ส่วนข้อมูล ที่ได้มา อ่านของนักค้นคว้าหลายท่าน .งระบุว่า พญาเม็งราย คือผู้สถาปนา อาณาจักรล้านนา นะครับ..ซึ่งระบุในตำราเรียนอีกต่างหาก.. อย่าที่ความเห็นของลุงจุด (๒๕) ว่าไว้นะครับ ว่า ดูยุ่งเหยิงพอสมควรเพราะ ตำนานมีหลายตำนาน บางตำนานขัดแย้งกัน ..อาณาจักร ล้านณา นั้นผมว่าต้นตอ อาจคล้ายๆ หรือไม่คล้าย แต่มีที่มาไม่ต่างกันนัก กับอาณาจักรสุโขทัย..เพราะ นักประวัติศาสตร์สืบค้นสืบหา และสรุปไว้ ว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ไม่ใช่กษัตริย์ไทย องค์แรก.. ......................................................... อาณาจักรทางเหนือ ก่อนที่จะเป็นอาณาจักรล้านนา หรือเป็นมาแล้ว อาจจะมารุ่งโรจน์เอาในสมัย พระยามังราย ก็ได้ครับ..อิอิ ..คุณปลายตะวัน จุดประกาย ให้อยากทราบเกี่ยวกับ ตำนานสวรรณคำแดง และ ขุนหลวงวิรังคะ ซะแล้ว อิอิ .............................. ไม่แน่ใจว่า ตำนานสุวรรณคำแดง กับ อาณาจักรสุวรรณโคมคำ อันเดียวกันหรือเปล่าครับ เพราะ ไปค้นหาในเน็ต เจอ อาณาจักร สุวรรณโคมคำ....พ.ส. ๔-๕ อาณาจักร โยนกนคร ...พ.ศ. ๖๓๘- ๑๐๘๘ อาณาจักรเชียงแสน พ.ศ...๑๐๙๐-๑๑๘๑ อาณาจักรหิรัญเงินยาง พ.ศ. ๑๑๘๑-๑๘๐๕ ( อาณาจักรต้นราชวงศ์ ลวจังกราช ..พญามังราย ลำดับที่ ๒๕ ) อาณาจักรละโว้...พ.ศ. ๑๑๙๑-๑๔๗๐ พะเยา.....พ.ศ. ๑๑๙๐-๒๐๑๑ อาณาจักรหริภุญไชย(ชัย) พ.ศ. ๑๒๐๖-๑๘๓๕ อาณาจักร สุโขทัย พ.ศ.๑๗๙๒ - ๑๙๘๑ เชียงราย พ.ศ. ๑๘๐๕ - ๑๘๓๕ อาณาจักร ล้านนา พ.ศ. ๑๘๓๕ - ๒๑๐๑ อยุธยา พ.ศ. ๑๘๙๓ -๒๓๑๐ ..................................................... แบบว่าได้ข้อมูลอาศัย ปี การกำเนินของแต่ละแคว้นแต่ละอาณาจักร..ของ วิกิพีเดีย.. ..อาจักรทางเหนือ หากไม่นับชื่อนับเมือง.. หาก นับเอาเรื่องจารีตประเพณี แล้ว ที่เราเรียกว่า เป็นจารีตมาแต่อาณาจักรล้านนา..อันนี้น่าจะพอนับเอาได้ว่า มันมีมาก่อนหน้านั้นหลายพันปี.. บางอย่างบางช่วงอาจจะมาเจริญรุ่งโรจน์น่าจะมาเอาสมัยใดสมัยหนึ่งหรืออาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่ง..หุหุ ขอบคุณคุณปลายตะวันมากๆ เลย ที่เปิดโลกทัศน์ ให้ได้รับความรู้กันครับ
23 มิถุนายน 2553 10:08 น. - comment id 31363
คุณโคลอน ฯ ไม่พูดไม่จา อิอิ มาเยี่ยมก็ขอบคุณนักแล้วจ้า ป้าฯ...
23 มิถุนายน 2553 10:17 น. - comment id 31364
คุณน้ำตาลหวาน แหม ได้ความรู้ ดีมากครับกับผู้ร่วมรายการ อิอิ ทั้งลุงจุด และ คุณปลายตะวัน
23 มิถุนายน 2553 10:18 น. - comment id 31365
คุณใจปลายทาง เรื่องนี้ เคยทำเป็นละครไปแล้ว น่าจะเป็นช่อง สามนะ ไม่นานมานี้เอง.. แต่พี่กิ่งฯว่า ไม่เป็นดั่งนิยายที่เขียนสักเท่าใด อิอิ ส่วนเรียกลุง นี่ คงเป็นการทัก...ลุงจุดนะ แม่นบ่
23 มิถุนายน 2553 10:21 น. - comment id 31366
คุณโอ้ละหนอ อ้าวตอบข้ามไปได้ไงนี่ อิอิ (ขออภัย) กิ่งโศก นั่งเทียนเขียนล้วนๆ จ้า อิอิ เพราะทางเหนือ ไปแค่ ตาก สุโขทัย เท่านั้นนะครับ ส่วนเนื้อหา ก็ฟัง อ่าน แล้ว นำมาใส่ในแนวของกิ่งโศก ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับที่มาทักทายกัน
23 มิถุนายน 2553 10:42 น. - comment id 31367
เข้าไปหาอ่านตำนาน .. เจ้าหลวงปฐมกษัตริย์ล้านนา ตำนานสุวรรณคำแดง ขอบคุณคุณปลายตะวันอีกครั้ง หุหุ.. ลำดับนับกันไม่ถูก..
23 มิถุนายน 2553 12:57 น. - comment id 31369
แหม..เข้ามาบ้านนี้ถูกใจ จิงๆ พรพันดาว ชอบงานเขียนของ คุณทมยันตีนะคะ แต่งานเขียนท่านมักสอดแทรกจินตนาการเยอะไปหน่อย ผสมผสานกับประวัติศาสตร์บ้างเป็นเกร็ดความรู้ พอให้นึกฝันไปกับจินตนาการใกล้ตัวยิ่งขึ้น... พญามังราย สิ้นพระชนม์ด้วยสายฟ้าฟาดจริง คาดว่าสมัยโบราณ บริเวณคงโล่งเตียน เลยเป็นฉนวนให้ฟ้าฟาดลงมาได้ พรพันดาว ได้มีโอกาสไปสักการะบริเวณที่ ท่านได้สิ้นพระชนม์ที่บริเวณข้างอนุสาวรียืสามกษัตริย์ ซึ่งได้มีเจดีย์ขาวมาครอบไว้ เชียงใหม่ยังมีร่องรอยประวัติศาสตร์โบราณให้พบเห็นและศึกษาอยู่มาก เช่น วัดสวนดอก ที่เป็นสถานที่รวมสถูปปของเจ้านายทางเหนือไว้ทั้งหมด (รวมทั้งเจ้าน้อยสุขเกษม ในตำนวนเรื่อง มะเมี๊ยะด้วย) รูปท่านอ่ะ พระศิริโฉมมากเลยล่ะ ... วัดอุโมงค์ และวัดเจ็ดยอดก็น่าไปค่ะ ไว้วันหลัง พรพันดาว จะถ่ายรูปและหาประวัติศาสตร์เรื่องเล่าสถานที่ต่างๆเหล่านี้มาฝากค่ะ เผื่อมาเชียงใหม่ จะได้ไม่นึกแค่ว่า มาเยี่ยม หมาแพนดี้ อย่างเดียว ..อิอิ ...ชอบเพลงจังค่ะ ไม่ได้ฟังนานแล้ว เก่งจังนะคะ ไปหาเพลงเก่าขนาดนี้ได้ ตอนนั้น พรพันดาวน่าจะประมาณอนุบาล เปล่าเนี้ย แหะแหะ
23 มิถุนายน 2553 13:17 น. - comment id 31370
แหะ แวะมาอีกรอบครับ มาตอบคุณกิ่งฯ ประวัติเมืองโบราณของทางเหนือ ค่อนข้างยุ่งเหยิงจริงๆ อย่างที่ คห 25 ว่าไว้นั่นแหล่ะครับ ส่วนใหญ่จะผูงอิงเข้ากัน เป็นตำนาน ผี เทวดา ไปซะไม่น้อยเลยครับ ....................................... ตำนานสุวรรณคำแดง กับ อาณาจักรสุวรรณโคมคำ นั้นเป็นคนละอย่างกันครับ สุวรรณคำแดง เป็นตำนานที่เกี่ยวข้องใน แถบเมืองเชียงใหม่ โบราณ ส่วนอาณาจักรสุวรรณโคมคำ จะเป็นตำนานโบราณของเมือง แถบเชียงราย ครับ ซึ่งอาณาจักรสุวรรณโคมคำ จะอยู่บริเวณเชียงราย คาบเกี่ยวกับพื้นที่ทางเหนือของลาวในปัจจุบันครับ .................. อีกนิดนึงครับเกี่ยวกับเกล็ด ประวัติพญามังราย ในประวัติศาสตร์สมัยที่ ทัพเจงกิสข่าน ล่าอาณานิคมนั้น ตรงกับสมัยของพญามังรายครับ และพญามังรายของเรานี่แหล่ะ ท่านสามารถต้านทัพ เจงกิสข่าน และขับไล่ไปได้ และถ้ายิ่งศึกษาผลงานของพญามังราย ยิ่งน่าทึ่งในความสามารถของท่านครับ และการที่ท่านมาสร้างเมืองเชียงใหม่นั้น ก็เพื่อที่จะทรงขยายอาณาเขต ครอบคลุม อาณาจักรลำพูนในสมัยนั้น และก็ทรงทำสำเร็จด้วย ถ้าจะว่าไปแล้ว ทรงสามาถรวบรวม อาณาจักรที่รุ่งเรืองในโบราณ 3 อาณาจักรเข้าไว้ด้วยกันได้ คือ 1 เชียงราย 2 เชียงใหม่ 3 ลำพูน เรียกได้ว่าทรงรวบรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่นได้มากเลยครับ แถมยังแผ่อาณาจักรไปทางพื้นที่แถบพม่าในปัจจุบัน อีกครับ แถวๆเมืองเชียงตุง หรือ กินอาณาเขตเลยไปกว่านั้นอีก (ถ้าผมจำไม่ผิด ผมไม่แน่ใจว่า พญามังราย ท่านทรงสร้างเมืองเชียงตุงด้วยรึเปล่านะครับ)
23 มิถุนายน 2553 14:14 น. - comment id 31371
40
23 มิถุนายน 2553 23:53 น. - comment id 31374
เข้ามาเก็บเกร็ดความรู้ค่ะ เวียงกุมกามพี่ไปเที่ยวบ่อยค่ะ นั่งรถรางเที่ยว ถ่ายรูปและฟังไกด์ทั้องถิ่นแนะนำสถานที่บอกเล่าประวัติศาสตร์สนุกมากค่ะ คุณกิ่งขยันจังนะคะ ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่นำมาฝากกันค่ะ ขอบคุณคอมเม้นท์ที่มากสาระ ความรู้ อ่านทุกตัวเลย เก็บบเกี่ยวค่ะ ชอบศึกษาประวัติศาตร์ค่ะ รู้ที่มาจึ่งรู้ที่จะไป อิอิ
24 มิถุนายน 2553 08:39 น. - comment id 31375
คุณเทียนหยด ศิษย์น้องมาเงียบๆ แต่ได้ไข่ไปครอง อิอิ มความสุขในทุกๆวันจ้า
24 มิถุนายน 2553 08:47 น. - comment id 31376
คุณพรพันดาว แหม ดีจังได้ไปเที่ยว ได้ไปที่สถานที่ ฟ้าผ่าพญาเม็งราย... ..ช่วงหลังงานเขียนของป้าอี๊ด (ทมยันตี) มักจะออกมาทางแนว จิตวิญญาณ ..โดยแทรก แนว ชีวิตหลังความตาย หรือ ตัวแทนขององค์เทพฯ..เช่น ไวษณรี จิตา ราชาวดี ชามี มายา ฌาน ..อ่านดู ก็แทรกแนวสัจธรรม ของมนุษย์ได้ดีครับ.. ตอนนี้ผมสะสม งาน ทมยันตี (ลักษณาวดี โรสลาเรน)ได้หลายเรือง ส่วนมากมือสองครับ และงานอิงประวัติศาสตร์ อีกท่าน ของแก้วเก้า ว.วินิจฉัยกุล..ก็น่าติดตามนะครับ อิอิ ..ขอบคุณที่เข้ามาร่วมการนำเสนอ ถึงอดีต ของเมืองโบราณเก่าๆ ของไทย อ่อ ส่วนเพลง ..มีเก่ากว่านี้ครับ ขอบอก 55
24 มิถุนายน 2553 08:53 น. - comment id 31377
คุณปลายตะวัน สงสัยกิ่งโศก กำลังคุยกะ นักประวัติศาสตร์เสียแล้ว อิอิ. กิ่งโศก ชอบ อ่านนะครับ..ปกติอ่านนิยาย 55.. ขอบคุณเกร็ด ที่มาที่ไปเหล่านี้ นะครับ ..ส่วนเรื่องเมืองเชียงตุง..ที่อยู่ในรัฐฉาน พม่า เดิมเคยเป็นรัฐหนึ่งของไทย แต่มาเสียให้อังกฤษ ไป หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมืองเชียงตุง เท่าที่อ่านประวัติของพ่อขุนเม็งราย ...นั้นมีมา และเจริญเทียบเคียงอาณาจักรเชียงใหม่ ของพ่อขุนมังรายเลยแหละครับ พ่อขุนเม็งรายเลยไป ตีเอาเมืองนี้มา และให้ลูกๆ ไปครองเมืองนี้ มาอย่างยาวนาน ถือได้ว่าเป็นเมืองลูก ของ อาณาจักรล้านนา ของพ่อขุนมังราย...เพียงแต่ไม่ได้สร้างแต่ไปยึดมา อิอิอิ.. ..แหม วันสองวันนี้ ได้ความรู้เยอะเลย ขอบคุณมากครับคุณปลายตะวัน
24 มิถุนายน 2553 08:57 น. - comment id 31378
พี่แจ้นฯ สวัสดีครับพี่แจ้น ..ถือว่า มีผู้รู้ เข้ามานำบอกกล่าวกันนะครับ กิ่งโศก อาศัย เกาะเก็บความรู้ด้วย ครับ พี่แจ้น สบายดีนะครับ
24 มิถุนายน 2553 22:38 น. - comment id 31388
เอารูป เจ้าน้อยสุขเกษม ณ เชียงใหม่ มาให้ชมกันจ้า
25 มิถุนายน 2553 08:55 น. - comment id 31396
คุณพรพันดาว แหม..สงสัยว่าตำนานรักของเจ้าชายล้านนา กับตะละแม่ มะเมี๊ยะ แห่งเมือง.ตองอู ..โอ้ตำนานเรื่องนี้ ถือเป็นตำนานรักอมตะ ..(เรื่องจริง) ให้คนรำลือกันมากทีเดียว.. ภาพวาด มะเมี๊ยะ เด๋วลอง..นำเรื่อง ราวมาแบบย่อๆ.. ตอนนั้นเชียงใหม่เป็นประเทศราชของสยาม ทางเชียงใหม่ส่ง เจ้าดารารัศมี ซึ่งเป็นเจ้าอาของเจ้าน้อย ไปอภิเษกกับ ร. 5 เป็นการผูกสัมพันธ์ ตอนนั้นเจ้าดารารัศมีอายุแค่ 13 เอง...โอ้! จอร์จ นี่เรื่องจริงตามประวัติศาสตร์เลยนะ เจ้าน้อยถูกส่งไปเรียนที่ รร.เซนต์แพทริก เป็น รร.แคธอลิกของฝรั่งที่พม่า โดยแอบส่งไป ขี่ช้างไป เพราะตอนนั้นพม่าเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษซึ่งมีเรื่องกับไทยอยู่ เจ้าน้อยไปตอนอายุ 15 เพราะทางบ้านต้องการให้ได้ภาษาอังกฤษ เพราะค้าขายกะพม่า เจ้าน้อยเรียนอยู่หลายปี วันหนึ่งไปเดินเล่นที่ตลาด ได้พบมะเมี้ยะแม่ค้าสาวสวย ซึ่งเพิ่งมาจากตองอู เจ้าน้อยอายุ 19 มะเมี๊ยะอายุ 15 ก็ตัดสินใจแต่งงานกัน จนอายุ 20 เรียนจบถูกเรียกกลับเชียงใหม่ เจ้าน้อยเลยเอาเมียกลับมาด้วย โดยให้ปลอมเป็น เด็กรับใช้ชาย เอาเมียไปแอบในเรือนเล็ก โดยไม่รู้เลยว่าเจ้าพ่อเจ้าแม่ได้หมั้นเจ้าบัวนวลเอาไว้ให้ เจ้าน้อยไม่ยอมแต่งงาน เลยเปิดเผยว่ามีเมียแล้วคือมะเมี้ยะ เอามะเมี้ยะมากราบเจ้าพ่อเจ้าแม่แต่ไม่ได้รับการยอมรับ เรื่องนี้ไปถึงสยาม ร. 5 กะเจ้าดารารัศมีเห็นว่าไม่ควร เลยส่งผู้สำเร็จราชการมาเจรจา บอกว่าเจ้าน้อยจะมีเมีย กี่ คนไม่ใช่ปัญหาแต่ต้องไม่ใช่สาวพม่า เพราะว่าคนพม่า ถือสัญชาติอังกฤษ เดี๋ยวอังกฤษจะถือโอกาสแทรกแซง ว่าแต่งกะพม่า ก็ต้องถือว่าเป็นพม่าด้วย ไปอยู่กะเมียที่ พม่าก็ไม่ได้ ที่สำคัญเจ้าน้อย เป็นเจ้าชายของล้านนา ถูกวางตัวไว้ให้เป็นรัชทายาทล้านนา เท่ากับว่าสยามอาจต้องเสียเชียงใหม่ให้อังกฤษ ก็เลยบังคับส่งมะเมี้ยะกลับพม่า เจ้าน้อยสัญญาว่าอีก 3 เดือนจะไปรับมะเมี้ยะกลับ ทั้งคู่สาบานกันไว้ว่าจะไม่รักใครอื่น หากใครผิดคำสาบานขอให้อายุสั้น ตอนที่จะส่งมะเมี้ยะกลับพม่านั้นตรงนี้เป็นส่วนของตำนานเลย " ตอนนั้นมะเมี้ยะโพกผมไว้พอจะไปก็ก้มลงกราบเท้า เจ้าน้อยที่ประตูเมือง ชาวบ้านออกมามุงกันทั้งเมืองเพราะได้ยินว่ามะเมี้ยะงามจ๊าดนัก พอกราบเสร็จ ก็เอาผ้าโพกผมออก แล้วสยายผมเอามาเช็ดเท้าเจ้าน้อย จงรักภักดีบูชาสามีสุดชีวิต แล้วก็กอดขาร้องไห้ เจ้าน้อยเองก็ร้อง ทำเอาคนที่มามุงร้องไห้ ไปทั้งเมืองด้วยความสงสารความรักของทั้งคู่ " ต่อมาเจ้าน้อยโดนเรียกไปสยาม พอเข้าไปก็โดนจับแต่งงาน เจ้าดาราฯ จัดเจ้าบัวชุม ซึ่งเป็นพระญาติ และเป็นสาวที่สวยที่สุดในตำหนักเจ้าดารารัศมี ร่ำลือกันว่าเล่นดนตรีไทยเก่ง แต่ดูรูปแล้วถ้ามาสมัยนี้ ถือว่าหน้าตาธรรมดาอ่ะ ถ้าในสมัยที่ผู้หญิงไม่มีศัลยกรรมคงจัดว่าสวย แต่ที่นี่แน่ๆ มินิไซค์มากๆ สาวๆ สมัยนั้น ด้วยเหตุนี้เจ้าน้อยก็เลยต้องแต่งแล้วถูกกักอยู่ที่นั่น ตอนนั้นเจ้าพ่อของเจ้าดาราฯ สิ้นพระชนม์ พระญาติทางสยาม ไม่อนุญาตให้เจ้าล้านนาพระองค์ใดในวังขึ้นไปประกอบพิธีปลงพระศพ เป็นเรื่องการเมืองเตะถ่วงการแต่งตั้งเจ้าครองแคว้นคนใหม่เอาไว้ระยะหนึ่ง เจ้าอาของเจ้าน้อยได้ขึ้นเป็น เจ้าองค์ใหม่ เจ้าพ่อได้เป็นเจ้าราชบุตร(อุปราช) เท่ากับว่าเจ้าน้อยเป็นรัชทายาทอันดับ 3 ถ้าสิ้นเจ้าสองพระองค์นี้เจ้าน้อยจะครองเชียงใหม่ ก็ยิ่งไม่มีทางได้รับมะเมี้ยะกลับมา มะเมี้ยะรอเกิน 3 เดือนแล้วเจ้าน้อยไม่มาตามสัญญาเลยไปบวชชี เพื่อพิสูจน์รักแท้ว่าจะไม่มีคนใหม? ต่อมา...เมื่อได้ยินว่าเจ้าน้อยกลับเชียงใหม่แล้วเลยมาดักที่คุ้ม แต่เจ้าน้อยไม่ยอมออกมาพบ รอนานเท่าไรก็ ไม่ยอมออกมา จริงๆ แล้วเจ้าน้อยแอบดูอยู่ข้างหน้าต่าง ได้แต่ร้องไห้ไม่กล้าสู้หน้าที่ผิดสัญญา ก็เลยฝากให้ท้าวบุญสูงพี่เลี้ยง เอาแหวนทับทิม กับเงินอีก 1 กำปั่น( 800 บาท) ไปให้แม่ชีมะเมี้ยะ ทางด้านแม่ชีบอกว่าไม่มาขอรักคืน เพียงแต่มาถอนคำสาบานให้ เจ้าน้อยฝากมาบอกแม่ชีว่า เงินนี่ทำบุญตามแต่แม่ชีจะใช้สอย เรียกว่าบริจาคในฐานะโยมอุปฐาก ส่วนแหวนให้แทนใจว่า หัวใจอยู่กับมะเมี้ยะเสมอ แม่ชีเสียใจมาก รับไปแต่แหวนไม่รับเงิน สมัยก่อน 800 คงเยอะมากว่ะ 100 ปีก่อนคง 8 แสนล่ะมั้ง เงินเดือนคนสมัยนั้น 4 บาทเอง เจ้าน้อยหลังจากกันกับแม่ชีคราวนั้น.....ก็เอาแต่กินเหล้าไม่มีใจรักเจ้าบัวชุม ในที่สุดก็ตรอมใจตายหลังจากแต่งงานได้ไม่กี่ปีในขณะที่อายุแค่ 30 ปีเท่านั้นเอง ในบันทึกบอกว่าสิ้นพระชนม์ด้วยโรคพิษสุรา อีก 6 ปีต่อมาหลังจากพบแม่ชีมะเมี้ยครั้งสุดท้าย ส่วนแม่ชีมะเมี้ยะ... บวชจนสิ้นอายุขัยเมื่อ 73 ปี เศร้ามะ ? เรื่องนี้ไม่มีตัวอิจฉามีแต่คนหัวใจสลาย ผู้บันทึกเรื่องนี้คือ เจ้าบัวนวล คู่หมั้นคนแรกที่ถอนหมั้นไปหลังจากรู้ว่าเจ้าน้อยมีมะเมี้ยะ... ส่วนเจ้าบัวชุมไม่ผิดอะไรเลย แต่สามีไม่รักก็อยู่เป็นข้าบาทจาริกาจนอายุ 81 ปี เจ้าบัวนวลว่า ตลอดชีวิตเจ้าน้อยรักผู้หญิงคนเดียวจนสิ้นลม คือ มะเมี๊ยะหลังจากนั้นเรื่องของเจ้าน้อยกับมะเมี้ยะ ก็ถูกสั่งห้ามพูดถึงไปหลายปีเพราะเป็นเรื่องทางการเมือง ต้องปิดบัง รายละเอียดเลยหายไป เหลือแต่ตำนาน อุปสรรคความรักของเจ้าน้อยกับมะเมี้ยะ ไม่ใช่ฐานันดร ไม่ใช่เชื้อชาติ แต่เป็นการเมืองแท้ๆ เศร้าเนอะ ความรักในตำนานมักจบลงด้วยความเศร้าสลด ทั้งที่รักเดียวทั้งสองฝ่าย น่าสงสารจริงๆ เรื่องนี้มีแต่คนน่าสงสาร เจ้าบัวชุมเมียแต่งก็น่าสงสาร ทางเจ้าดารารัศมี มีบันทึกไว้แค่ว่าทรงไม่คิดว่าเจ้าน้อย จะปักใจมั่นกับมะเมี้ยะขนาดนี้ เจ้าดารารัศมีทรงคิดว่าหลายปีผ่านไป และได้ภรรยาที่ดีพร้อมก็คงลืม ความรักครั้งแรกได้ แต่เจ้าน้อยไม่ลืมจนสิ้นชีวิต เจ้าบัวนวล คู่หมั้น เมื่อแรกรู้สึกเสียหน้าแต่หลังจากนั้นก็รู้สึกเห็นใจและศรัทธาในรักแท้ของเจ้าน้อย จริงๆ แล้วเราแอบคิดว่า ถ้าเจ้าน้อยโกหก ให้มะเมี้ยะหนีเข้าเมืองเถื่อนแล้วปลอมเป็นสาวไทย ให้เป็น เมียบ่าว เรื่องก็จบแต่มันเป็นเพราะ...เจ้าน้อยต้องการมีภรรยาคนเดียว คือ...มะเมี้ยะ หายากมากผู้ชายสมัยนั้น เรื่องรักเดียวเนี่ยแต่ก็เป็นไปตามคำสาบานนะ ผิดรักไปแต่งกับหญิงอื่นเลยอายุสั้น รูปหล่อ รักเดียว รักจนตาย ยังกะนิยายเศร้าจริงๆๆๆ...ว่าแล้วก็เผื่อแผ่ความเศร้าให้คนอื่นบ้าง สังเกตมั้ยว่า ความรักที่เป็นตำนาน...มักจะมีจุดจบที่เศร้ารันทดใจ รักแฮ้ปปี้มันคงไม่กินใจพอที่จะเป็นตำนาน...สำหรับเราขอมีความสุขดีกว่าเป็นตำนาน..เฮ้อ...อ แต่น่าเสียดาย...ไม่มีรูปมะเมี้ยะ คาดว่าเป็นสามัญชนคนธรรมดาเลยไม่มีรูปถ่ายเก็บไว้เป็นหลักฐานบ้าง ไม่งั้นคงได้เห็นว่ามะเมี๊ยะงามจ๊าดแค่ไหน.... แต่บางทีการไม่เห็นหน้า... จินตนาการอาจทำให้มะเมี๊ยะสวยงามยิ่งในความทรงจำของผู้ที่ได้รู้เรื่องราวเธอก็ว่าได ณ วันนี้... 100 -;[ปีผ่านไป เจ้าน้อยกับมะเมี๊ยะ คงได้พบกันบนเส้นทางสายดวงดาวแล้ว ความรักครั้งหน้า...ขอให้ไร้อุปสรรคทั้งปวง สมกับที่รอคอยกันมาแสนนาน ...............................................
26 มิถุนายน 2553 14:58 น. - comment id 31415
Oh my god !!!! ผู้ชายไทยรูปหล่อขนาดนี้เลยเหรอคะ.. แซมมี่ กลับไทยด่วน...... ท่านพี่..รอน้องด้วย... ซ.ซ..ซ.แซม...
27 มิถุนายน 2553 21:04 น. - comment id 31416
หวัดดีคุณแซม หนุ่มไทย หาได้ด้อยกว่าใครในโลกก็หาไม่ จ้า อิอิ
28 มิถุนายน 2553 17:00 น. - comment id 31442
50
28 มิถุนายน 2553 22:25 น. - comment id 31447
งดงามมากครับปู่กิ่ง อยากอ่านแบบเต็ม ๆ บ้างจังนิ ป.ล.เรื่องมะเมี๊ยะ กะเจ้าน้อยเฮาเคย้ขียนเป็นกลอนลงแล้วทีนึงเด้อปู่ จำได้ก่อ? แม้นบุญเคยร่วมสร้างแต่ปางบรรพ์ ขอพบกันทุกชาติมิคลาดคลา เจ็บจนน้ำตาไหลใจสะท้าน ยังจำคำสาบานในวารก่อน ว่ารักเราจะมั่นนิรันดร มิคลายคลอนเปลี่ยนแปรแม้สักวัน ผู้ใดผิดวาจาที่ว่าไว้ จงมีอันเป็นไปให้แม่นมั่น พี่จำผิดสัญญาแสนจาบัลย์ เขากีดกั้นรักเราเศร้าอาลัย เห็นเจ้ายืนสะอื้นฝืนรันทด ยิ่งสลดหม่นหมองจนร้องไห้ น้องมาถอนคำสาบานพี่รานใจ โอ้กรรมใดใยวิบากมาพรากกัน ถอดฝากแหวนแทนใจให้นงนุช ว่ามิสุดแคลนคลายรักหมายมั่น แม้นวนเวียนเกิดดับกี่กัปกัลป์ ขอร่วมเรียงเคียงฝันทุกชาติไป ชาตินี้มีการเมืองเข้าเคืองขุ่น เขาวายวุ่นยากนักจักแก้ไข พี่ได้แต่กลืนกล้ำสุดช้ำใจ รันทดในชะตากรรมสุดช้ำทรวง พี่จำต้องครองคู่กับผู้อื่น ด้วยมิอาจขัดขืนโองการหลวง แต่ใจยังเฝ้าฝันถึงจันทร์จวง นางใดไม่อาจล่วงสู่ห้วงใจ มาดว่าน้ำตาไหลเป็นสายเลือด ใช่จะแล้งแห้งเหือดรักเจ้าได้ แม้นจำห่างร้างลาลับคลาไคล เวลาไป่เลือนรักเลยสักวัน ลมหายใจของพี่ที่เหลืออยู่ มอบแด่ยอดพธูแล้วแก้วขวัญ แม้นบุญเคยร่วมสร้างแต่ปางบรรพ์ ขอพบกันทุกชาติมิคลาดคลา แด่เจ้าน้อยศุขเกษม ณ เชียงใหม่และมะเมี๊ยะ
29 มิถุนายน 2553 08:17 น. - comment id 31450
ป้าโค ฯ มาแบบไร้คู่...แข่งแย่งไข่ อิอิ
29 มิถุนายน 2553 08:20 น. - comment id 31451
คุณสุริยันต์ฯ อิอิ อ่านเอาเพื่อบรรเทิง ก็ดีครับ ปกติ งานทมยันตี ผมอ่านหลายเรื่องและสะสม อยู่ หุหุ. แต่นักเขียนที่ ยกย่องตอนนี้ ก็ ..พนมเทียน แก้วเก้า ทมยันตี นี่แหละครับ หุหุ .....เรื่องมะเมี่ยะ ..นี่ก็คุ้นๆ ว่าใครแต่งกลอน ได้อ่านแล้ว ก็ท่านพี่สุริยันต์ นี่เอง งดงามยิ่งครับ ขอบคุณมากที่แวะมาเยี่ยมกัน