ปลาย...summer นี้ที่บ้านเรา
เสียงหัวเราะ
และแล้ว...ช่วงเวลาแห่งความอบอุ่นและความสุขก็ได้เริ่มหมดไป เหลือเพียงแค่สิ่งดีๆและความทรงจำกลับมาเท่านั้น บ้านคือทุกสิ่งทุกอย่าง คือศูนย์รวมแห่งความรัก และปัญหาที่จะพิสูจน์ให้ทุกคนรับรู้กับคำว่า สามัคคีคือพลัง
ปิดเทอมฤดูร้อนปีนี้แม้ฉันไม่ได้กลับบ้านเป็นเดือนๆเหมือนดังก่อน เพราะอยากหาประสบการณ์ในเมืองกรุงให้มากกว่านี้ และก็สมหวังแม้จะพบกับความท้อแท้บ้าง แต่บางครั้งฉันก็ลืมคิดไปว่ามีพ่อแม่ พี่น้องกำลังรอคอยการกลับบ้านของฉันอยู่ และแน่นอนฉันต้องกลับไปกับ summer อันแสนสนุกนี้
ฉันเดินทางเพียงหนึ่งคืนกว่าๆก็มาถึงบ้านเกิดที่ๆฉันจากมาเกือบปีมาคราวนี้ดูอะไรๆก็เปลี่ยนแปลงไปมากแล้วจิตใจของคนที่ฉันเคยรู้จักก็ได้เปลี่ยนแปลงไปด้วย แต่สำหรับจิตใจของฉันขณะนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ฉันอยากใช้ช่วงเวลานี้อยู่กับธรรมชาติที่ไม่เคยหลับใหลหรือหลีกหนีไปไกลออกจากอ้อมกอดอันอบอุ่นของฉันเลย
เช้าๆเช่นนี้ ริมฝั่งแม่น้ำโขงน้ำกำลังขึ้นสูงเพราะเมื่อคื่นฝนตกอย่างไม่ลืมหูลืมตาเมือเหลียวมองไปไกลจะเห็นภูเขาสูงตระหง่านฝั่งด้านสปป.ลาว ช่างสวยงามยากจะเอ่ย ลำน้ำโขงไหลช้าๆ สงบเงียบ-
มีเพียงเสียงนกหลายฝูงที่ทยอยกันออกหากนอย่างขะมักเขม้น ชาวประมงน้ำจืดบริเวณแถบนี้ไม่ค่อยจะมีปลาไว้ขาย เพราะกำลังเข้าฤดูวางไข่แล้ว ปลายฤดูร้อนช่วงนี้จึงไม่เหมาะกับการจับสัตว์น้ำเอาเสียเลย
แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำสายสำคัญของจังหวัดหนองคาย บ้านเกิดของฉัน แม่น้ำโขงหล่อเลี้ยงทุกสรรพชีวิตให้ดำรงอยู่อย่างสงบสุขไม่ว่าจะเป็นการทำเกษตรกรรม จับสัตว์น้ำ ใช้สำหรับทำน้ำประปาให้ทุกคนได้ใช้ และคนเฒ่าคนแก่เคยเล่าว่า ในคืนขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เป็นวันออกพรรษา จะ-เกิดปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เรียกว่า บั้งไฟพญานาค เป็นลักษณะลูกไฟสีส้มแดง ผุดขึ้นมาจากลุ่มน้ำโขงตลอดแนวของจังหวัดหนองคาย ชึ่งเชื่อกันว่า เป็นการแสดงปาฏิหาริย์ของเหล่าพญานาคชึ่งตามพุทธประวัติ มีว่า พญานาคมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก ครั้งเมื่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปโปรดพระมารดาบนสวรรรค์ชั้นดาวดึงส์ในช่วงเข้าพรรษา เมื่อทรงเสด็จลงมาสู่โลกมนุษย์ในวันออกพรรษา พญานาคจึงได้มีการเฉลิมฉลองในวันนั้น ด้วยการผุดลูกไฟขึ้จากแม่น้ำโขง ชึ่งเรียกว่า บั้งไฟพญานาค ในปัจจุบัน และฉันเชื่อว่าตำนานเหล่านี้จะไม่ถูกลบออกจากจิตใจของผู้คน ผู้ชึ่งได้ชื่อว่าเกิดเป็นลูกหลานของแม่โขงอย่างแท้จริง
ช่วงที่ฉันพักอยู่บ้านนั้น เด็กๆที่บ้านก็มาเยี่ยมเยียนฉันด้วย หลายคนก็โตกันแล้ววันเวลาก็ช่างเร็วเหมือนติดปีกเสียจริง และแม่ก็เล่าเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งในบ้านและนอกบ้านให้ฉันฟังบ่อยๆ แม่เล่าว่าสวนข้าวโพดของแม่ได้ถูกเก็บเข้าโรงงานหลายงวดแล้ว รวมถึงครั้งนี้ ฉันได้ไปร่วมงานอันแสนเหน็ดเหนื่อย แต่ก็สนุกมาก มีคนงานที่พ่อและพี่ชายจ้างมาเก็บข้าวโพดกันหลายคน และต่างคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รับจ้างทำงานให้กับชุมชน ยังดีกว่ารับจ้างทำงานในเมืองเสียอีกช่างเป็นประโยคที่น่าภูมิใจเสียจริง ฉันไม่นึกเลยว่าจะได้ยินคำพูดจากทุกคนที่เคยทำงานในเมืองมาก่อนแล้ว และฉันเองก็เคยรับจ้างทำงานในเมืองเหมือนกัน แต่ฉันคงพูดประโยคนี่ออกมาคงยากพอดู
วันนั้นอาหารที่เลี้ยงคนงานตอนเที่ยงเป็นอาหารพื้นบ้านที่นานๆครั้งฉันจะได้ชิมอาหารเลิศรสนั้น ไม่ว่าจะเป็น ซุปหน่อไม้-แกงหน่อไม้ แกงปลายางจากแม่น้ำโขง ส้มตำ ลาบ หรือแม้กระทั่ง อ่อมกบ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถเก็บภาพเมนูอาหารมาได้ เพราะเพียงไม่กี่นาทีอาหารทั้งหมดก็ถูกเก็บไว้ในท้องอันว่างเปล่าของทุกคน เพื่อเติมพลังสำหรับการทำงานต่อไป
และวันต่อมาฝนก็ตกลงมาเรื่อยๆ นี่คงจะเข้าฤดูฝนแล้ว แต่บางวันก็ร้อนจัด จนต้นไม้ใบหญ้าเหี่ยวเฉา คงเป็นสัญญาณบอกเหตุให้มนุษย์เราได้รับรู้กับสภาวะโลกร้อน ที่มนุษย์บนโลกกำลังประสบปัญหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แด่..พ่อและแม่ ทุ่งนา ป่าเขาที่บ้าน
จาก...เด็กแม่โขงสีครีม[เสียงหัวเราะ ของความเงียบ]