แต่ปางหลังยังมีกรุงกษัตริย์ สมมติวงศ์ทรงนามท้าวสุทัศน์ ครองสมบัติรัตนานามธานี อันกรุงไกรใหญ่ยาวสิบเก้าโยชน์ ภูเขาโขดเป็นกำแพงบุรีศรี สะพรึบพร้อมไพร่ฟ้าประชาชี ชาวบุรีหรรษาสถาพร ผมเอากลอนต้นเรื่อง พระอภัยมณี มาสำหรับเป็นอุทาหรณ์ว่าทัศนคติที่กำหนดให้ สัมผัสใน อันแพรวพราวเป็นคุณสมบัติสำคัญของ กลอนสุนทรภู่ นั้น น่าจะคลาดเคลื่อน เมื่อแบ่งวรรคแต่ละวรรคของกลอนแปดหรือกลอนตลาดซึ่งสุนทรภู่ใช้ประจำออกเป็นช่วงๆ ตามที่นิยมกันมาคือ OOOOOOOO ก็ถือเป็นแบบอย่างกันต่อๆมาว่าจะต้องมีสัมผัสในระหว่างคำที่ 3 กับ 4 และคำที่ 5 กับ 7 (หรือ 5 กับ 6 ก็อนุโลมให้) และบางคนเคร่งครัดถึงขนาดบอกว่าหากกลอนวรรคใดไม่มีสัมผัสในครบตามนี้ก็ถือว่าไม่ไพเราะ แต่ถ้ามีครบถ้วนเช่นที่กล่าวมาก็จะได้รับการยอมรับว่าตรงตาม แบบฉบับกลอนสุนทรภู่ขนานแท้ ตอนนี้ลองย้อนกลับไปอ่านกลอนต้นเรื่อง พระอภัยมณี อีกสักรอบ (หรือหลายๆรอบก็ไม่ผิดกติกา) ลองดูว่ามีวรรคที่เราโมเมว่านั่นคือแบบฉบับกลอนของสุนทรภู่กี่วรรค เอาแบบวรรคต่อวรรคกันเลย เริ่มจากวรรคแรก เห็นจะๆว่าช่วงท้ายวรรคไม่มีสัมผัสใน วรรคที่ 2 เหมือนกันกับวรรคแรก วรรคที่ 3 ได้มาหนึ่งวรรคละที่สัมผัสในไม่ขาดไป วรรคที่ 4 ถ้าช่วงท้ายถือตามเสียงโดยไม่ดูรูปสระ ก็เป็นอันอนุโลมได้ วรรคที่ 5 ปลอดสัมผัสในโดยสิ้นเชิง วรรคที่ 6 ช่วงหน้ายักเยื้องมาเล่นสัมผัสอักษร ถือว่าใช้ได้ วรรคที่ 7 ไม่มีสัมผัสในที่ช่วงหน้าวรรค สรุปว่ามีวรรคที่ถือว่าตรงตามแบบฉบับแค่ 3 วรรค ซึ่งไม่ถึงครึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วรรคที่ 5 ถึงกับไม่มีสัมผัสในเลยด้วยซ้ำ ความจริงแล้วกลอนของสุนทรภู่ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น พระอภัยมณี หรือเล่มอื่นๆ ก็มีวรรคที่มีสัมผัสในไม่ครบนี้อยู่มาก (ถ้าใครขยันและมีเวลาพอก็ลองไปนั่งค้นหาดู) แต่ดูเหมือนไม่ค่อยจะมีใครตั้งข้อสังเกต ด้วยว่าเมื่อเทียบจำนวนกันแล้ว วรรคที่มีสัมผัสในครบแห่งก็ยังมีมากกว่า ที่สำคัญก็คือแม้กระทั่งวรรคที่ไม่มีสัมผัสในเลยก็อ่านรื่นไม่สะดุดเสียด้วย บางคนอาจกำลังฉงนว่า แล้วมันน่าใส่ใจตรงไหน เขียนกลอนยาวๆ ขนาดนั้น มันก็ต้องมีที่ใส่สัมผัสในได้ไม่ครบบ้างเป็นธรรมดา ก็ขอบอกว่า ถ้ากลอนที่ผมยกมานี่อยู่กลางเรื่อง ก็คงเป็นธรรมดา แต่นี่เป็นต้นเรื่อง แปลว่าถ้าท่านจะเขียนให้มีสัมผัสในแพรวพราวขนาดไหนก็น่าจะไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอก แล้วทำไมสุนทรภู่ไม่ได้ใส่สัมผัสในให้แพรวพราวตรงจุดนี้ ? ห้ามตอบว่าเป็นเพราะตอนต้นๆอย่างนี้ เครื่องยังไม่ร้อน เพราะจะเป็นการตอบแบบกำปั้นทุบดิน แถมดูแคลนความสามารถของสุนทรภู่อีกต่างหาก ถ้าจะบอกว่าเป็นเพราะสุนทรภู่แต่ง พระอภัยมณี ในช่วงต้นๆ ของชีวิต ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะในนิราศเมืองเพชร ซึ่งเชื่อว่าเป็นนิราศเรื่องสุดท้ายในชีวิตท่านก็มีหลายวรรคที่เป็นอย่างนี้ เช่น 1) ถึงคลองเตยเตยแตกใบแฉกงาม........คิดถึงยามปลูกรักมักเป็นเตย 2) ถึงวัดบางนางชีมีแต่สงฆ์..................ไม่เห็นองค์นางชีอยู่ที่ไหน หรือหลวงชีมีบ้างเป็นอย่างไร...............คิดจะใคร่แวะหาปรึกษาชี 3) ถึงวัดบางนางนองแม้นน้องมี...............มาถึงที่ก็จะต้องนองน้ำตา 4) พฤกษาออกดอกลูกเขาปลูกไว้.............หอมดอกไม้กลิ่นกลบอบละอองฯ 5) สาธุสะพระองค์มาทรงสร้าง...................เป็นเยี่ยงอย่างไว้ในภาษาสยาม แต่มีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่ากลอนช่วงหลังของสุนทรภู่ วรรคที่มีสัมผัสในไม่ครบแห่งหรือไม่มีเลยจะเป็นวรรคคู่ของกลอน วรรคคี่ (ต้น,รอง) กับวรรคคู่ (รับ,ส่ง) ของกลอนนั้น แตกต่างกันตรงที่วรรคคี่จะมีเพียงคำท้ายวรรคเท่านั้นที่ต้อง รับ-ส่ง สัมผัสนอก กับวรรคอื่น จึงไม่มีการพันกันระหว่างสัมผัสนอกและสัมผัสใน ในขณะที่วรรคคู่เพิ่มคำรับสัมผัสนอกที่ตรงกลางวรรคเข้ามาซ้อนตำแหน่งกับสัมผัสในด้วย โอกาสพันกันก็มีมาก บางตำราถือว่า หากคำใดรับสัมผัสนอกซึ่งเป็นสัมผัสสระแล้ว หากรับ-ส่งสัมผัสสระเป็นสัมผัสในอีก ก็จะทำให้เลือกไม่ถูกว่าจะเอาคำไหนเป็นคำรับสัมผัสนอก จึงตำหนิว่าเป็น สัมผัสเฝือ จะเห็นว่าสุนทรภู่ท่านก็ไม่ค่อยจะเอาคำที่รับสัมผัสนอกไปสัมผัสในด้วยสัมผัสสระอีก แต่จะยักเยื้องเป็นสัมผัสอักษร หรือสัมผัสตกกระทบ และบางที ท่านก็ทิ้งสัมผัสในตรงช่วงนั้นไปดื้อๆ (ไม่รวมที่ท่านทิ้งสัมผัสในไปทั้งวรรค) มีข้อน่าศึกษาว่า ทำไมตรงจุดที่ท่านทิ้งสัมผัสในไปเสียจึงไม่มีอาการสะดุด ? ตรงนี้แหละเป็นจุดที่ผมเห็นว่าทัศนคติที่กำหนดให้ สัมผัสใน อันแพรวพราวเป็นคุณสมบัติสำคัญของ กลอนสุนทรภู่ นั้น น่าจะคลาดเคลื่อน เพราะผมสังเกตว่าท่านได้เอา สัมผัสใจ เป็นหลักยิ่งเสียกว่าสัมผัสใน เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า จุดเด่นประการสำคัญของกลอนสุนทรภู่อีกอย่างหนึ่งก็คือความคมคายของเนื้อความ พูดง่ายๆ คือกลอนของท่านเต็มเปี่ยมไปด้วยรสความ ที่ท่านบรรจงฉายผ่านคำจน กินใจ ผู้อ่าน และเมื่อใดที่ท่านต้องเลือกระหว่างสัมผัสในกับสัมผัสใจแล้ว ท่านเลือกอย่างหลังทุกครั้ง อาจมีวรรคที่ไม่ได้เล่นสัมผัสในจนแพรวพราวหรือแม้กระทั่งไม่มีสัมผัสในเลยแทรกปนอยู่ทั่วไปในกลอนสุนทรภู่ แต่ผมไม่เคยเห็นว่ามีสักวรรคที่ เสียความ ความต่อเนื่องสอดคล้องของเนื้อความ บวกด้วยความราบรื่นของจังหวะและเสียงในวรรคกลอนของสุนทรภู่นี่เองที่มาแทนที่สัมผัสในได้อย่างกลมกลืน จนเราไม่รู้สึกสะดุดเวลาอ่าน และกลอนหลายๆบทของท่านที่เราต่างจำขึ้นใจนั้น มิใช่เพราะ ความ ที่กินใจของมันหรอกหรือ ?
11 พฤศจิกายน 2548 18:08 น. - comment id 12414
คิดเอาเองว่า งานของบรมครูสุนทรภู่ ถึงจะไม่มีสัมผัสใน อย่างว่า ยังไง-ยังไงก็อ่านลื่นไหลไม่สดุด แต่ถ้าเป็น\"มือใหม่\" อย่างสุกรวดี....ไปไม่ถึงฝั่งแน่ ...ฮี่ฮี่...
11 พฤศจิกายน 2548 18:18 น. - comment id 12415
..นู๋เมย์แวะมาอ่าน นะคะคุณลุง.. ps. นู๋เมย์อาจจะเกเรไปซะหน่อย คุณลุงอย่าเพิ่งบ่นนู๋เมย์ล่ะกันค่ะ
12 พฤศจิกายน 2548 13:09 น. - comment id 12423
ขอบคุณค่ะ..
9 พฤศจิกายน 2548 20:16 น. - comment id 12433
แล้วคำที่สามกับคำที่แปดสัมผัสกันได้ไหมครับ คำที่ห้ากับคำที่แปดด้วยครับ
9 พฤศจิกายน 2548 21:25 น. - comment id 12436
ขอบคุณค่ะสำหรับคำแนะนำที่มอบให้
10 พฤศจิกายน 2548 16:03 น. - comment id 12440
ใช่แล้วครับผมเห็นด้วยผมคนนึงละที่ชอบสัมผัสใจ แต่งตามใจในแบบฉบับกลอนแปดเน้นแต่ฉันทลักษณ์ก็พอเคร่งเกินไปก็ไม่ไพเราะในบางที แต่งมันออกมาจากใจดีที่สุด ขอรับ
9 พฤศจิกายน 2548 09:55 น. - comment id 12467
ขอบคุณครับ มาตั้งใจอ่านครับ เมื่อยังเล็กนักคุณครูเคยยกตัวอย่างทำนองนี้ให้ฟังเสมอๆครับ แต่ปางหลังยังมีกรุงกษัตริย์ สมมติวงศ์ทรงนามท้าวสุทัศน์ ครองสมบัติรัตนานามธานี อันกรุงไกรใหญ่ยาวสิบเก้าโยชน์ ภูเขาโขดเป็นกำแพงบุรีศรี สะพรึบพร้อมไพร่ฟ้าประชาชี ชาวบุรีหรรษาสถาพร ... เป็นข้อสังเกตทีจริตผมยอมรับมานานแล้ว สัมผัสใจ
9 พฤศจิกายน 2548 12:23 น. - comment id 12468
ชอบคำว่า สัมผัสใจ จังครับ ครั้งหนึ่งอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เคยกล่าวไว้ว่า \"ถ้าหลงไหลถือเคร่งกับสัมผัสคำมากเกินไป ก็ทำให้เกิด คำด้าน ขึ้นมาได้\" \"คำด้าน\" คือคำที่มีแต่ \"สัมผัสคำ\" แต่ไม่ \"สัมผัสใจ\" นั่นเอง ขอบคุณคุณเวทย์ที่ชี้แนะครับ
9 พฤศจิกายน 2548 12:28 น. - comment id 12469
กั๊บป๋ม...
9 พฤศจิกายน 2548 09:22 น. - comment id 12477
ผมอ่านด้วยความขอบคุณอย่างยิ่งครับ
9 พฤศจิกายน 2548 15:50 น. - comment id 12481
ขอบคุณค่ะ ที่มอบสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนสมาชิก และต้องขอแสดงยินดีด้วยค่ะ ที่ลุงได้รับรางวัลชมเชยโครงการประกวดบทกลอนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ .. :)
9 พฤศจิกายน 2548 18:19 น. - comment id 12483
ไว้ครั้งหน้าจะพยายามเขียนบ้างครับ อิอิ
15 ธันวาคม 2548 10:59 น. - comment id 12881
ผมก็ชอบอ่านงานที่มีสัมผัสในครับ ไม่ว่าจะเป็นงานท่านภู่หรืองานคนอื่น ผมถือว่าการมีสัมผัสในเป็นการกรองถ้อยคำที่ต้องยกย่องผู้เขียนเป็นกรณีพิเศษ แต่ก็ต้องดูที่เนื้อหาด้วยครับ ตามน้น...