...เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ "ไม่นิยมอ่านกลอน"...

หมึกมรกต

...กลอนเก้าคำจำไว้ด้อยไพเราะ
เขียนให้เหมาะแปดคำเพชรน้ำหนึ่ง 
แต่ละวรรคหนักแน่นดุจแกนกลึง
กลอนจะซึ้งติดใจและให้คุณ
คำสุดท้ายวรรคแรกแยกพิเศษ
สามัญเขตหวงห้ามตามเกื้อหนุน 
ท้ายวรรคสองต้องรู้อยู่เป็นทุน
เอก-โทจุนจัต-วาประพนธ์
ท้ายวรรคสามวรรคสี่นี้จำมั่น
เสียงสามัญ-ตรีใช้ได้ทุกหน
สัมผัสซ้ำจำจดงดปะปน 
จงคิดค้นถ้อยคำที่จำเป็น
ไม้ไต่คู้ใช้กับไม้ไต่คู้
เมื่อฟังดูเด่นดีทั่งที่เห็น
เสียงสั้นยาวก้าวก่ายหลายประเด็น 
อย่าบำเพ็ญพ้องกันนิรันดร 
อย่าเขียนให้ใจความตามเพ้อนึก
จงตรองตรึกตระหนักเรื่องอักษร 
คติธรรมนำใส่ให้สังวร
รวมสุนทรถ้อยไว้ให้งดงาม 
จุดจบก็ขอให้กินใจหน่อย 
มิควรปล่อยเปะปะเหมือนสะหนาม
จบให้เด่นเห็นชัดจำกัดความ 
ให้ตรงตามเค้าโครงเรื่องโยงใย 
เขียนเสร็จสรรพกลับมาตรวจตราผิด
ตรวจชนิดเรียงตัวทั่วกันใหม่ 
เมื่อเห็นเพราะเหมาะดีจี้หัวใจ
จึงเผยให้ประชาชนตราตรึง
กลอนเก้าคำจำไว้ด้อยไพเราะ 
เขียนให้เหมาะแปดคำเพชรน้ำหนึ่ง 
แต่ละวรรคหนักแน่นดุจแกนกลึง
ผู้อ่านจึงจะชอบชมขอบคุณ...
........................ **..**....................... 
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า มีเพียงคนกลุ่มน้อยเท่านั้นที่ยังคงชอบบทกลอน
ชอบที่จะอ่าน ชอบที่จะแต่ง และก็ชอบ..ฯลฯ
นั่นนะสิ...แล้วทำไมคนส่วนใหญ่กลับไม่ชอบเช่นนั้น ทั้งๆที่บทกลอน
เป็นสิ่งที่มีคู่เมืองไทยมาช้านาน แต่กลับได้รับความนิยม น้อยลงเรื่อยๆอย่างน่าใจหายหากปล่อยให้เป็นเฉกเช่นนี้ต่อไป บทกลอนมิหายสาบสูญไปจากชาติไทยเลยฤา...
...หมึกมรกต ตระหนักในความสำคัญตรงจุดนี้เป็นอย่างดี จึงได้สอบถามความคิดเห็นของคนทั่วไปว่า...ทำไมจึงไม่ชอบอ่านกลอน...

เหตุผลอันดับ 1. ที่คนส่วนใหญ่ให้คำตอบ..บอกว่า บทกลอน ยากแก่การเข้าใจ เพราะอ่านแล้วไม่ค่อยรู้เรื่อง
เหตุผลอันดับ 2.คือ..บทกลอนไม่ต่อเนื่องเป็นเรื่องราว ทำให้ขาดความหนักแน่นของเนื้อหา ไม่เหมือน เรื่องสั้น หรือ นวนิยาย (ทั้งนี้อาจจะเป็นผลจาก ข้อ 1 เพราะผู้อ่านไม่รู้เรื่องว่าผู้แต่งต้องการสื่ออะไร ทั้งๆ ที่ผู้แต่งอาจจะแต่งได้คม แต่บาดตัวเอง)
เหตุผลอันดับ 3.คือ..บทกลอนล้าสมัย โบราณ ไม่เป็นปัจจุบัน 
เมื่อทราบเหตุผลดังกล่าวแล้ว ในฐานะที่คุณได้ขึ้นชื่อว่า เป็นนักกลอน คงจะทราบดีว่า จะทำอย่างไรเพื่อที่จะธำรงไว้ซึ่งความสุนทรียภาพของอักษรไทยตราบนิรันดร์
โอ้ชีวิตมนุษย์สุดแสนสั้น
ศิลปะเท่านั้นจีรังไม่จางหาย
อนันตกาลกว่าสิ้นชีวินวาย
งามเฉิดฉายยงอยู่คู่ขวัญกัลป์
เสกสรรค์สร้างสร่างโศกโลกมนุษย์
ให้วิสุทธิ์สันต์ยิ่งทุกสิ่งสรรพ์
สวยด้วยศิลป์สูงค่าสารพัน
คลายจาบัลย์ด้วยลักษณ์อักษรไทย
เธอ...วรรณกวีผู้วิศิษฏ์
จงนิรมิตมนต์กลอนอันอ่อนไหว
เสนาะสวรรค์จรดหล้าละมุนละไม
เลิศวิไลสมสยามนามอมร
มโนมัยลอยลิ่วปลิวฟ้า
ไหวลีลาหลากหลายลายอักษร
ผจงถ้อยร้อยถักสลักกลอน
ให้สุนทรสุนทรีย์ชูชีวัน
น้ำรุ้งร่วงโรยราวพราวโปรยเพชร
ดั่งกลเม็ดพริ้งเพริศอย่างเฉิดฉัน
รวมความงามความหมายไว้ด้วยกัน
เลอเลิศสรรพ์กุศลศิลป์กินใจเมือง
ปณิธานจารไว้ให้จำจด
เพื่อหยาดหยดความงามตามต่อเนื่อง
อ่อนละลวยพวยพุ่งสู่รุ่งเรือง
ให้ฟูเฟื่องอมตะอกาลิโกฯ				
comments powered by Disqus
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    28 พฤษภาคม 2548 09:58 น. - comment id 10831

    ผมคงต้องหันไปเขียน กลอน 12 
    
    เพราะยังไม่มี ขอบขัง มากนัก
    และอีกอย่างผมก็สร้างมันขึ้นมาต่อยอดภูมิปัญญาบรรพชน
    
    ความจริงผมเขียนมาหมดทั้ง กลอน 6
    กลอน 7  , กลอน 8 , กลอน 9 
    
    คงไม่ขีดกรอบ หากผมจะมีฉันทลักษณ์ของผม
  • Prim

    28 พฤษภาคม 2548 11:20 น. - comment id 10832

    ตำรากลอนโบราณ 
    กลอนสุภาพ ใช้คำได้ตั้งแต่ เจ็ด ถึง สิบ
    ไม่เรียกว่าผิดฉันทลักษณ์
    
    กลอนเก้าด้อยไพเราะ ?? ไม่เสมอไปมั้งงงงง!
    
    บางสำนวนไพเราะกว่ากลอนแปดที่ไร้สัมผัส
    
    หรือกลอนกลบทต่างไ จุดประสงค์คือเล่นคำ
    
    นักกลอนที่ศึกษามาในเชิงศาสตร์และศิลป์
    
    จะรู้ว่า อรรถรสและลีลา ต้องปรุงแต่งอย่างไร
    
    ในยุคสมัยนี้ การสร้างผลงานหลากหลายมาก
    
    มันจำกัดไม่ได้หรอกว่า กฎบังคับแบบไหนดี
    
    บางสำนวนไม่สัมผัสก็มีความหมายกินใจได้
    
    หลายสำนวนสัมผัสครบ แต่คำที่ใช้ไม่เข้ากัน
    
    ในเชิงอรรถศาสตร์.. 
    
            เหตุผลที่คนไม่ชอบอ่านกลอน มีอีกข้อ
    
    คือ..แต่งไม่เป็น ทำไม่ได้อย่างเขา (เลยไม่รู้ว่า
    
    จะอ่านไปทำไม..)มีข้อติติงมากมายหลายข้อ
    
    เพราะจิตใจไม่ละเอียดอ่อนพอต่างหากล่ะ
    
              48.gif ใครไม่ชอบ ก็ไม่ต้องอ่านอีก
    
    ใครชอบ ก็เขียนต่อไป...รับรองว่าไม่ดับสูญ
  • พระรอง

    28 พฤษภาคม 2548 21:06 น. - comment id 10835

    เอ้า...ท่านนักปราชญ์
    ไม่ทราบว่าบทที่ไหนเขาบัญญัติไว้
    เขากลอนคืองานศิลป์แขนงนึง มิได้เขียนรายงานการประชุม หรือเขียนใบสั่งยา
     จะต้องแม่นทุกอย่าง 
    เชิญท่านร่ายกวีไร้จิตวิญญาณ
    ต่อไปเถิด
  • ดาหลา & ปะการัง

    28 พฤษภาคม 2548 22:28 น. - comment id 10837

    กลอน ๘  สวยจริง  
    
    กลอน ๙   ไม่เคยเขียน
    
    แต่ เยนกลอนตาม ที่หัวใจร้อง  บอกมา
    
    แม่นิ่ม  เขียนจากใจ  ฉันทลักษณ์  ถูกบ้าง ไม่ถูกบ้าง
    
    แต่ มันเป็น งานของ.....หัวใจ  16.gif16.gif
  • ROBERT TNN ๚ะ๛

    28 พฤษภาคม 2548 22:48 น. - comment id 10838

     
    ยุคนี้เป็นยุคโลกาภิวัฒน์ อิสระเสรีในความคิด
    และการกระทำเป็นที่ใฝ่ฝันของทุกคนในสังคม
    ความบันเทิงที่อยู่ในกรอบระเบียบจนเกินพอดี
    มันไม่เหมาะกับยุคนี้อย่างแน่นอน กลอนก็เป็น
    ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นชัดที่มันถูกกักขังอยู่ใต้แบบ
    ฉันทลักษณ์ที่บังคับมันจนเกินพอดี มันขัดกับ
    ลัทธิเสรี จึงไม่มีคนนิยม เพราะมีความบันเิทิง
    อื่นที่เหมาะสมและให้จินตนาการได้ดีกว่า
    
          การอนุรักษ์ที่สุดโต่งเป็นการสร้างสรรหรือ
    ทำลาย  ตัวคุณเองก็บอกได้ในคำตอบของมัน๚ะ๛
    
    size> 
    61.gif
  • หมอกจาง

    28 พฤษภาคม 2548 23:34 น. - comment id 10839

    เงยหน้าขึ้นเถิดเจ้าพิมเพื่อน
    แก้มเปื้อนมาจะเช็ดน้ำตาให้..
    
    ( ขุนช้างขุนแผน)
  • ภูวดินทร์

    29 พฤษภาคม 2548 00:08 น. - comment id 10840

    36.gif6.gif11.gif16.gif
    
    
    ชอบหาอ่านกานท์กลอนทุกขอนบาท
    ใจอุกอาจมาดแต่งแข่งกับเขา
    ก็แต่งเองเพลงใจให้กับเรา
    คนอื่นเขาเฝ้าด่าก็ว่าเชิญ
    
    อยากฝึกแต่งแข่งตนทุกหนแห่ง
    แต่งด้วยแรงแห่งใจไม่ขะเขิน
    มาฝึกแต่งบ้านกลอนวอนให้เดิน
    จึงเพลิดเพลินเดินกลอนสลอนใจ
    
    
    เฮ้อ...!
    
    
    มาแวะอ่านกลอนที่ดี ๆ  ที่ ไพเราะครับ
    
    
    36.gif6.gif11.gif16.gif
  • ต่อง (ต้อง) ksg

    29 พฤษภาคม 2548 17:08 น. - comment id 10846

    **..  อืม  จริงครับ..
    
      บางคนไม่ถูกปลูกฝังมากับการสัมผัสกับงานร้อยกรอง  และน้อยคนที่จะแต่งกลอนได้เรียกว่า  \"อ่านแล้วลื่น\"  ไม่จำต้องดีเลิศมากอ่ะนะครับ...
    
      แต่แค่ไม่เพี้ยนไปจากหลักอ่ะฮับ...
    
      17.gif
  • อัลมิตรา

    30 พฤษภาคม 2548 10:22 น. - comment id 10849

     ..๏ แนวกวีหลายหลากมากรูปแบบ
    วางกฏแนบหลักเกณฑ์เน้นเงื่อนไข
    หากถือกรอบวางรอบครอบงำใจ
    คงเทียบใช่กะลา  อัตตาตน  
    
    ฤๅตัวเราลมแล้งแผลงพัดผ่าน
    ร่ายฟุ้งซ่านเป็นกลอนตอนสับสน
    ไร้สาระคุณค่าศรัทธาชน
    เพียงพร่ำบ่นลอบย้ำ คำกวี  
    
    เพราะเราคือเจ้าของครองลิขสิทธิ์
    จะยึดติดทำไมในวิถี
    เทียบรากหญ้าต่ำต้อยด้อยความดี
    จะสุนทรีย์แค่ไหนไม่อยากวัด
    
    อยากแหกกฏบทกวีที่คับแคบ 
    ขอเพี้ยนแบบสักคราอย่าเพิ่งขัด 
    อย่าตัดสินหมิ่นความหยามชี้ชัด 
    ว่าอ่อนหัดทำตาม  อำเภอใจ    
    
    หลากความคิดแนวกวีที่เปิดกว้าง
    อาจมีบ้างถูกผิดติดขัดได้
    ถึงเข้ารกเข้าพงหลงทางไป
    อย่าหวั่นไหวก้าวต่อมิท้อพลาง
    
    ขอเพียงใจส่องไฟในความมืด
    อย่าขี้ตืดอารมณ์พร่างพรมกว้าง
    จงสานฝันเถิดหนาอย่าเลือนลาง
    เพราะหนทางแห่งศิลป์ไม่หมิ่นกัน  ๚ะ๛
    
    
    อัลมิตราเป็นนายกลอนของตัวเองเสมอ .. หวังว่าความหมายในบทกลอน จะแสดงความเป็นตัวของตัวเองอีกครั้งให้ศิษย์น้องทราบ
    
    มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
  • กบในกะลา

    31 พฤษภาคม 2548 11:34 น. - comment id 10859

    ความคืดจิตใจคับแคบ และ ถือตนเป็นอัตตา
    ไม่น่าจะเข้ามาในวงวรรณกรรมให้หมองมัว
  • ผีเสื้อปีกบางฯ

    31 พฤษภาคม 2548 14:23 น. - comment id 10861

    ห่างหายจากบ้านกลอนไทยไปซะนาน
    เพราะความจำเป็นด้านการเรียน 
    แต่เข้ามาอ่านทุกครั้งที่ว่าง   
    
    สวัสดีค่ะ....พี่หมึกมรกต
    สบายดีนะคะ????
    ตอนนี้ไม่ค่อยได้เขียนกลอนมาโพสเลย
    แต่ถ้าเขียน  ส่วนใหญ่จะถนัดเขียน
    กลอนเก้าคำค่ะ   แหะๆๆๆ  เพิ่งจะทราบ
    ว่ามันไม่ไพเราะ
    
    อันความฝัน  มีมากมาย  หลายหลากเหลือ
    ฝันเป็นเบือ  จะมีใคร  ไปถึงฝัน
    มีทั้งหวาน  เค็ม..เปรี้ยว..ขม  บ่มชีวัน
    จะทิ้งฝัน  ได้อย่างไร  ไม่เสียดาย??
  • มหาชัย

    23 กุมภาพันธ์ 2551 15:29 น. - comment id 20384

    ...กลอนเก้าคำจำไว้ด้อยไพเราะ
    เขียนให้เหมาะแปดคำเพชรน้ำหนึ่ง 
    แต่ละวรรคหนักแน่นดุจแกนกลึง
    กลอนจะซึ้งติดใจและให้คุณ
    
    คำสุดท้ายวรรคแรกแยกพิเศษ
    สามัญเขตหวงห้ามตามเกื้อหนุน 
    ท้ายวรรคสองต้องรู้อยู่เป็นทุน
    เอก-โทจุนจัต-วาประพนธ์
    
    ท้ายวรรคสามวรรคสี่นี้จำมั่น
    เสียงสามัญ-ตรีใช้ได้ทุกหน
    สัมผัสซ้ำจำจดงดปะปน 
    จงคิดค้นถ้อยคำที่จำเป็น
    
    ไม้ไต่คู้ใช้กับไม้ไต่คู้
    เมื่อฟังดูเด่นดีทั่งที่เห็น
    เสียงสั้นยาวก้าวก่ายหลายประเด็น 
    อย่าบำเพ็ญพ้องกันนิรันดร 
    
    อย่าเขียนให้ใจความตามเพ้อนึก
    จงตรองตรึกตระหนักเรื่องอักษร 
    คติธรรมนำใส่ให้สังวร
    รวมสุนทรถ้อยไว้ให้งดงาม 
    
    จุดจบก็ขอให้กินใจหน่อย 
    มิควรปล่อยเปะปะเหมือนสะหนาม
    จบให้เด่นเห็นชัดจำกัดความ 
    ให้ตรงตามเค้าโครงเรื่องโยงใย 
    
    เขียนเสร็จสรรพกลับมาตรวจตราผิด
    ตรวจชนิดเรียงตัวทั่วกันใหม่ 
    เมื่อเห็นเพราะเหมาะดีจี้หัวใจ
    จึงเผยให้ประชาชนตราตรึง
    
    กลอนเก้าคำจำไว้ด้อยไพเราะ 
    เขียนให้เหมาะแปดคำเพชรน้ำหนึ่ง 
    แต่ละวรรคหนักแน่นดุจแกนกลึง
    ผู้อ่านจึงจะชอบชมขอบคุณ...
    
    ขอบคุณครับสำหรับ template บทกลอนที่ ผมหามานาน หลังจากได้ เคยอ่าน หนังสือเล่มเก่ามากครั้งหนึ่ง ซึ่ง รวมรวมและจัดพิมพ์จาก "ชมรม นักกลอน สาคร-สงคราม "
  • ตามกวี..

    20 เมษายน 2551 22:49 น. - comment id 20664

    สวัสดีค่ะคุณหมึกมรกต..
    
    อยากเริ่มต้นสืบหา  ชมรมนักกลอน สาครสงคราม ก็เลยลองเสริชหาดูทางเน็ต เพราะเมื่อ หลายสิบปีก่อน คุณตาเคยเป็นสมาชิกอยู่ที่ชมรมนี้ แต่ตอนนี้คุณตาเสียชีวิตแล้วค่ะ 10 กว่าปีแล้ว..
    
    อยากเก็บผลงานของคุณตา รวบรวมไว้ เนื่องจากกลอนรวมเล่มที่เคยมี (ที่เป็นผลงานคุณตา) ถูปลวกแทะเสียหายหมด..
    
    ไม่ทราบว่าหนังสือเล่มที่คุณมี มีบทกลอนของ บุญรอด สีดอกไม้ ไหมคะ? 
    
    แล้วจะแวะมาติดตามข่าวนะคะ ขอบคุณในความกรุณาล่วงหน้าค่ะ 1.gif
  • เด็กดื้อ

    1 ตุลาคม 2551 16:55 น. - comment id 21464

    ชอบกลอนมากๆครับ
    
    อยากเป็นบ้างจัง

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน