คนเคยหวาน รักหวาน กลอนว้านหวาน ความหวานจาร หวานนาน ไม่หวั่นไหว หวานก็หวาน หว่านหวาน จารหัวใจ เติมความหวาน หว่านไป ไม่จืดจาง หวานหัวใจ ชื่นใจ ได้ความหวาน ได้หวานจาร หวานใจ ไม่เมินหมาง หวานอย่างเคย เคยหวาน ไม่ผันจาง สองใจต่าง เติมหวาน หว่านเข้าใจ ผ่านวันหวาน ผ่านหวาน มานานหนา ผ่านเวลา กี่หวาน ไม่หวั่นไหว ยังเติมหวาน หวานกัน หว่านกันไป เติมรสรัก เต็มใจ ให้หวานกัน ยกระดับ ปรับหวาน จารให้เพิ่ม กระชับรัก หวานเติม เพิ่มทางฝัน ใจประชิด ติดแนบ แอบอิงกัน อย่าไหวหวั่น จารหวาน หว่านกว่าเดิม กลอนอะไร ทำไม มันว้านนหวาน อย่าได้กลัว น้ำตาล หัวใจเพิ่ม เติมหวาน หัวใจ ให้หวานเติม เพื่อช่วยเสริม ความหวาน หว่านลงใจ
แม้เพียงกาย ห่างกาย แสนไกลห่าง แม้กายต่าง ห่างกาย ใจโหยหา แม้เพียงกาย ห่างกาย ไกลกันนา แม้เพียงห่าง กายา ไม่ห่างใจ ใจเคียงใจ ไม่ไกล หมือนกายห่าง ใจเคียงข้าง ข้างกัน ไม่หวั่นไหว ใจเคียงคู่ เคียงข้าง ไม่ห่างไกล ใจเคียงใจ ข้างใจ แม้ห่างกัน แม้ไม่อาจ สัมผัส ถึงกายน้อง แม้ไม่อาจ ประคอง ร่วมนอนฝัน แม้ไม่อาจ เคียงกาย ร่วมสัมพันธ์ แต่ไม่อาจ แปรผัน ผันเปลี่ยนใจ วาเลนไทน์ ปีนี้ แม้พี่ห่าง แต่ใจต่าง รักมั่น ไม่หวั่นไหว แม้ห่างกัน ในวัน วาเลนไทน์ แต่หัวใจ ส่งไป ใกล้ใจเธอ ..มวลภมร..
แต่ใหนมา ชาวนา เขารู้อยู่ ว่าพวกปู ขาเก เกเรหนา กัดกินตอ ต้นข้าว แต่ไรมา ต้องเอายา เบื่อมา ฆ่าพวกปู หากเจอปู ที่ใหน ให้กำจัด ทำวิบัด ร้ายพอ กับพวกหนู ชอบอาศัย พักกัน อยู่ในรู ทั้งพวกหนู งูปู ต่างน่ากลัว ยุคสมัย เปลี่ยนไป มายุคนี้ ปูนามี เจอยา พาหายหัว ปูในนา เดี๋ยวนี้ ไม่น่ากลัว เพราะมันมัว เมายา พากันตาย พวกปูดำ จับทำ ปูดองสิ้น เอาตำกิน ส้มตำ ทำแซบหลาย เหลือแต่นาง ปูแดง ทำวอดวาย ทำฉิบหาย ร้ายกว่า ทุกศัตรู หรือต้องใช้ โครตยา มากำจัด สารพัด วิธีการ มันยังสู้ อาวุธคือ หน้าด้าน พาลน่าดู กูจะอยู่ รูกู ไล่ไม่ไป.. .....มวลภมร..วอนจับปู..
ตื่นขึ้นมา ยามเช้า เหงานิดนิด
บรรยากาศ สะกิด หัวใจเหงา
แล้วอาบน้ำ ถูกาย คลายใจเรา
แล้วฮัมเพลง เบาเบา พอผ่อนคลาย
จิบกาแฟ สักแก้ว แล้วค่อยว่า
แต่งกายา เตรียมตัว ไม่กลัวสาย
แล้วคว้าหมวก แว่นตา อย่างผ่อนคลาย
พาหนะ คู่กาย จักรยาน
มาร่วมแรง ร่วมใจ แล้วไปปั่น
เพื่อช่วยกัน ประหยัด มหาสาร
ปตท. ขายน้ำมัน แพงเอาการ
ปฏิรูป พลังงาน น่าจะดี (เอ..ว่าจะไม่มีการเมือง)
ออกกำลัง ปั่นมา ด้วยขาสอง
แต่ต้องมอง ซ้ายขวา ให้ถ้วนถี่
เดี๋ยวรถเมย์ เฉี่ยวเอา ไม่เข้าที
เลาะซ้ายที ขวาที ปั่นปั่นไป
ปั่นพอเหงื่อ ซึมซึม ก็ถึงที่
หอบสองที สามที แต่ยังไหว
นั่งพักหน่อย ก็หาย สบายใจ
แล้วก็ไป นั่งทำงาน ในห้องแอร์ (กิกิ)
ยุคแผ่นดิน สิ้นแสง แห่งทางฝัน
เหล่าเสนา นั่งบั่น แผ่นดินขาย
แทะแผ่นหิน ก๊าซน้ำมัน กันบรรลัย
เสพสบาย บนทุกข์ ของประชา
แม้กระดูก สันหลัง คนทั้งชาติ
ต้องอนาถ หัวใจ เป็นหนักหนา
ผู้ปกครอง นารี ปรี่มารยา
ทำประชา โศกสันต์ มันสบาย
ลุถึงกาล สมัย ชาวไทยพร้อม
เหล่าประชา รุมล้อม เสนาหมาย
พวกโกงกิน แทะชาติ จักวอดวาย
ต้องฉิบหาย ไร้ถิ่น แผ่นดินนอน
ต้องระเห็จ เตร็ดเตร่ เร่ร่อนพัก
ไร้เพิงหลัก พักกาย ไปสำส่อน
เป็นเพราะกรรม ทำไว้ ให้อาทร
ยามจะนอน ยังไม่อาจ จะหลับตา
เพราะเห็นเพียง ผลประโยชน์ โทษใครได้
โกงเท่าไร ไม่อิ่มหนำ ระยำหนา
ถึงเวลา คืนเขา เคล้าน้ำตา
มวลมหา ประชา จึงลงทัณฑ์