กลอนให้ข้อคิด

บทกวีสุดท้าย

ภีม


ทุกถ้อยคำที่จารผ่านอักษร
เป็นบทกลอนจากใจใฝ่สืบศิลป์
เพื่อนกวีทั่วไทยได้ยลยิน
ได้ถวิลร้องหาเมื่อลาจร
ทุกถ้อยคำคัดคั้นกลั่นจากใจ
ดุจสายใยผูกจิตมิตรอักษร
รวมกระแสแห่งรักลงวรรคตอน
ภาพสะท้อนข้างในฤทัยดล
เรียงร้อยพันวจีกวีสรรค์
เพื่อกำนัลมวลมิตรสัมฤทธิ์ผล
เสพย์งานศิลป์เริงรื่นชื่นกมล
เพราะทุกคนล้วนรักอักษรกานท์
ฝากบทกลอนเอาไว้ให้มวลมิตร
กลั่นจากจิตจารึกอย่างฮึกหาญ
หวังสถิตคู่ใจไปยาวนาน
แม้ล่วงผ่านเวลาอย่าลืมกัน
เมื่อถึงบทกวีที่สุดท้าย
จากสหายร่วมทางร่วมสร้างสรรค์
จบวรรคตอนถ้อยคำที่รำพัน
ขอลาพลันเพื่อนรักมวลนักกลอน ฯ

"ใบไม้บนพื้นทราย"

ภีม


ปลิดขั้วปลิวพริ้วล่วงร่วงบนทราย
เปื่อยสลายตามกาลที่ผ่านผัน
อากาศเย็นร้อนรุกทุกคืนวัน
เร่งบีบคั้นทำลายกลายเป็นดิน
เปื่อยผุพังไม่ยั่งยืนฝืนไม่ได้
สลายไปเปื่อยป่นจนหมดสิ้น
กาลเวลาขย้ำกล้ำกลืนกิน
ต้องพังภินท์เปื่อยป่นบนพื้นทราย
กลางคืนที่เหน็บหนาวดาวเต็มฟ้า
ส่องแสงจ้าสว่างต่างเฉิดฉาย
หยาดน้ำค้างฉ่ำเย็นเซ็นกระจาย
ระเหยหายเมื่อฟ้ารับตาวัน
ดินชุ่มฉ่ำน้ำค้างที่พร่างพรม
ยอดหญ้าล้อเล่นลมที่โลมผ่าน
ทุกทุกสิ่งเคลื่อนไหวไปตามกาล
ดั่งดนตรีขับขานแล้วจบลง
ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปรไม่แน่นอน
เป็นคำสอนให้ละโลภโกรธหลง
อย่ายึดมั่นอัตตาว่ามั่นคง
จักดำรงยั่งยืนฝืนอนิจจัง
เป็นปรัชญาใบไม้ให้ข้อคิด
ช่วยสะกิดตักเตือนเหมือนสอนสั่ง
เกิดมาแล้วชีวิตนี้ไม่จีรัง
ล้วนต้องพังแตกดับลับสิ้นไป ฯ

น้ำตาฟ้า

นิติ


นั่งมอง....ตรงขอบฟ้า
เห็นน้ำตา.......ฟ้าหลั่งริน
เห็นสายลม..น่าชื่นชม...ช่วยปลอบประวิน
แต่ฟ้าซิ......ไม่ค่อยเข้าใจ....ในความเป็นจริง
ไม่ยอมนิ่ง.....ไม่ช่างใจ .....ในโชคชะตา
ทันใดนั้น.....ฟ้าหยุดร้อง.......แล้วมองไปรอบๆเห็นทุกสิ่ง
พระอาทิตย์......มาบอกฟ้า......มาพักพิง
ขวัญเจ้าจงนิ่ง...พี่มาอิง.....จะชี้ทาง
เจ้าจะโศก....เศร้าสร้อยไป.....ใยเล่า
ไม่มีเขา....เจ้ามีพี่....ชี่ทางกว้าง
ถ้าเจ้าโกรธ....โลดโผนโจน....ทะยานไปต่างๆ
คนรอบข้าง....ต่างโศกเศร้า....เช่นเจ้าเอ๋ย

จะอยู่อย่างไร........

นิติ


+  อยู่กับดาวเหงากับเดือนเพื่อนคือสายลม
ด้วยอารมณ์จมอยู่ในความไม่ใคร
หันไปมองท้องฟ้าหาความใน
ดาวยิ่งไกลใจยิ่งห่างสุดอ้างว้างเหลือเกิน

"จากนี้ไป...ถึง...จุดสุดท้าย"

ภีม


จากนี้ไปเริ่มลิขิตชีวิตตน
เพื่อขุดค้นแสวงหาล่าความหมาย
จากนี้ไปอาจลำบากยากมากมาย
เพื่อนทักทายคือความเหงาเศร้าเสียใจ
จากนี้ไปอุปสรรคจักเหลือล้น
ต้องอดทนหนักหนาจะกล้าไหม
มองซ้ายขวาหน้าหลังหวังพึ่งใคร
จากนี้ไปไม่มีใครอยู่ใกล้เรา
จากนี้ไปพร้อมรับสรรพสิ่ง
จงทอดทิ้งความกลัวมัวอับเฉา
จากนี้ไปเพื่อนชีวิตใกล้ชิดเรา
มีเพียงเงาร่วมทางเคียงข้างกาย
จากนี้ไปเริ่มต้นค้นหาฝัน
เผื่อสักวันประสพพบความหมาย
จากนี้ไปอาจหวังตั้งมากมาย
จุดสุดท้ายอาจไม่ได้อะไรเลย  ฯ

คิดถึงบ้าน

ตัวเล็ก


ทุ่งข้าวเขียวชูรวงเรียวตระหง่าน
ดอกหญ้าบานต้อนรับหรือขับใส
ทุ่งนาคงรู้ว่าฉันกำลังจากไป
หิ่งห้อยบินไร้แสงแม้นกลางคืน
เดินเดี่ยวเดียวดายกลางทุ่งมนุษย์
ไร้จุด-ไร้พลังความหวังสลัว
อยากกลับไปสู่อ้อมกอดระริกรัว
ไอดินกลิ่นแดดกลั้วไอรัก
ไอรักจากบ้านเกิดที่ปรารถนา
ไอเวลาไอละมุนกรุ่นกลิ่นหวน
คิดถึงแม่-คิดถึงเพื่อนแสนรัญจวญ
ได้แต่ครวญระบายหมายทดแทน
รออีกหน่อยเถิดหนาบ้านนาที่รัก
สักวันหนึ่งฉันจะกลับไปหา
กลับไปซุกตักอุ่นชุนเวลา
กลับไปแล้ว...จะไม่มาอีกเลย

แด่เธอ...ผู้ให้ทุกอย่าง

ปีกฟ้า


มองดวงดาวพราวตากลางฟ้ากว้าง
ใจเวิ้งว้างเริ่มกลัวขลาดหวาดหวั่นไหว
เหงาปล่าวเปลี่ยวเดียวดายเศร้ากายใจ
จำจากไปไกลจากเธอด้วยน้ำตา
เหมือนความฝันผันผ่านอยู่นานเนิ่น
รักกว่าเกินเดินจากไปใจผวา
เหลือแค่เพียงเสียงของเธอเพ้อพร่ำมา
แล้วเวลาคงลบเลือนกลบเกลื่อนจาง
จากวันนี้จักมีใครห่วงใยอีก
ดุจถูกฉีกความผูกพันเป็นฝันค้าง
มองรอยยิ้มพริ้มร่องรอยค่อยเลือนลาง
ความอ้างว้างปลิวแทรกซ่านผ่านสู่ใจ
เพราะเธอคือผู้สร้างฉันในวันก่อน
เธอช่วยสอนช่วยแนะนำช่วยแก้ไข
เธอจักคือภาพทรงจำย้ำดวงใจ
เธอผู้ให้เพราะเธอคือจุฬา...
หน้า / 16  
ทั้งหมด 262 กลอน