ทุกถ้อยคำที่จารผ่านอักษร เป็นบทกลอนจากใจใฝ่สืบศิลป์ เพื่อนกวีทั่วไทยได้ยลยิน ได้ถวิลร้องหาเมื่อลาจร ทุกถ้อยคำคัดคั้นกลั่นจากใจ ดุจสายใยผูกจิตมิตรอักษร รวมกระแสแห่งรักลงวรรคตอน ภาพสะท้อนข้างในฤทัยดล เรียงร้อยพันวจีกวีสรรค์ เพื่อกำนัลมวลมิตรสัมฤทธิ์ผล เสพย์งานศิลป์เริงรื่นชื่นกมล เพราะทุกคนล้วนรักอักษรกานท์ ฝากบทกลอนเอาไว้ให้มวลมิตร กลั่นจากจิตจารึกอย่างฮึกหาญ หวังสถิตคู่ใจไปยาวนาน แม้ล่วงผ่านเวลาอย่าลืมกัน เมื่อถึงบทกวีที่สุดท้าย จากสหายร่วมทางร่วมสร้างสรรค์ จบวรรคตอนถ้อยคำที่รำพัน ขอลาพลันเพื่อนรักมวลนักกลอน ฯ
ปลิดขั้วปลิวพริ้วล่วงร่วงบนทราย เปื่อยสลายตามกาลที่ผ่านผัน อากาศเย็นร้อนรุกทุกคืนวัน เร่งบีบคั้นทำลายกลายเป็นดิน เปื่อยผุพังไม่ยั่งยืนฝืนไม่ได้ สลายไปเปื่อยป่นจนหมดสิ้น กาลเวลาขย้ำกล้ำกลืนกิน ต้องพังภินท์เปื่อยป่นบนพื้นทราย กลางคืนที่เหน็บหนาวดาวเต็มฟ้า ส่องแสงจ้าสว่างต่างเฉิดฉาย หยาดน้ำค้างฉ่ำเย็นเซ็นกระจาย ระเหยหายเมื่อฟ้ารับตาวัน ดินชุ่มฉ่ำน้ำค้างที่พร่างพรม ยอดหญ้าล้อเล่นลมที่โลมผ่าน ทุกทุกสิ่งเคลื่อนไหวไปตามกาล ดั่งดนตรีขับขานแล้วจบลง ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปรไม่แน่นอน เป็นคำสอนให้ละโลภโกรธหลง อย่ายึดมั่นอัตตาว่ามั่นคง จักดำรงยั่งยืนฝืนอนิจจัง เป็นปรัชญาใบไม้ให้ข้อคิด ช่วยสะกิดตักเตือนเหมือนสอนสั่ง เกิดมาแล้วชีวิตนี้ไม่จีรัง ล้วนต้องพังแตกดับลับสิ้นไป ฯ
นั่งมอง....ตรงขอบฟ้า เห็นน้ำตา.......ฟ้าหลั่งริน เห็นสายลม..น่าชื่นชม...ช่วยปลอบประวิน แต่ฟ้าซิ......ไม่ค่อยเข้าใจ....ในความเป็นจริง ไม่ยอมนิ่ง.....ไม่ช่างใจ .....ในโชคชะตา ทันใดนั้น.....ฟ้าหยุดร้อง.......แล้วมองไปรอบๆเห็นทุกสิ่ง พระอาทิตย์......มาบอกฟ้า......มาพักพิง ขวัญเจ้าจงนิ่ง...พี่มาอิง.....จะชี้ทาง เจ้าจะโศก....เศร้าสร้อยไป.....ใยเล่า ไม่มีเขา....เจ้ามีพี่....ชี่ทางกว้าง ถ้าเจ้าโกรธ....โลดโผนโจน....ทะยานไปต่างๆ คนรอบข้าง....ต่างโศกเศร้า....เช่นเจ้าเอ๋ย
จากนี้ไปเริ่มลิขิตชีวิตตน เพื่อขุดค้นแสวงหาล่าความหมาย จากนี้ไปอาจลำบากยากมากมาย เพื่อนทักทายคือความเหงาเศร้าเสียใจ จากนี้ไปอุปสรรคจักเหลือล้น ต้องอดทนหนักหนาจะกล้าไหม มองซ้ายขวาหน้าหลังหวังพึ่งใคร จากนี้ไปไม่มีใครอยู่ใกล้เรา จากนี้ไปพร้อมรับสรรพสิ่ง จงทอดทิ้งความกลัวมัวอับเฉา จากนี้ไปเพื่อนชีวิตใกล้ชิดเรา มีเพียงเงาร่วมทางเคียงข้างกาย จากนี้ไปเริ่มต้นค้นหาฝัน เผื่อสักวันประสพพบความหมาย จากนี้ไปอาจหวังตั้งมากมาย จุดสุดท้ายอาจไม่ได้อะไรเลย ฯ
ทุ่งข้าวเขียวชูรวงเรียวตระหง่าน ดอกหญ้าบานต้อนรับหรือขับใส ทุ่งนาคงรู้ว่าฉันกำลังจากไป หิ่งห้อยบินไร้แสงแม้นกลางคืน เดินเดี่ยวเดียวดายกลางทุ่งมนุษย์ ไร้จุด-ไร้พลังความหวังสลัว อยากกลับไปสู่อ้อมกอดระริกรัว ไอดินกลิ่นแดดกลั้วไอรัก ไอรักจากบ้านเกิดที่ปรารถนา ไอเวลาไอละมุนกรุ่นกลิ่นหวน คิดถึงแม่-คิดถึงเพื่อนแสนรัญจวญ ได้แต่ครวญระบายหมายทดแทน รออีกหน่อยเถิดหนาบ้านนาที่รัก สักวันหนึ่งฉันจะกลับไปหา กลับไปซุกตักอุ่นชุนเวลา กลับไปแล้ว...จะไม่มาอีกเลย
มองดวงดาวพราวตากลางฟ้ากว้าง ใจเวิ้งว้างเริ่มกลัวขลาดหวาดหวั่นไหว เหงาปล่าวเปลี่ยวเดียวดายเศร้ากายใจ จำจากไปไกลจากเธอด้วยน้ำตา เหมือนความฝันผันผ่านอยู่นานเนิ่น รักกว่าเกินเดินจากไปใจผวา เหลือแค่เพียงเสียงของเธอเพ้อพร่ำมา แล้วเวลาคงลบเลือนกลบเกลื่อนจาง จากวันนี้จักมีใครห่วงใยอีก ดุจถูกฉีกความผูกพันเป็นฝันค้าง มองรอยยิ้มพริ้มร่องรอยค่อยเลือนลาง ความอ้างว้างปลิวแทรกซ่านผ่านสู่ใจ เพราะเธอคือผู้สร้างฉันในวันก่อน เธอช่วยสอนช่วยแนะนำช่วยแก้ไข เธอจักคือภาพทรงจำย้ำดวงใจ เธอผู้ให้เพราะเธอคือจุฬา...