กลอนอกหัก รักหวานซึ้ง

วันว่างๆ กับความคิดจางๆ

พรรณนิล


กับบางสิ่งที่อยู่ภายใน
กับความในใจที่พรั่งพรู
กับความรู้สึกที่เป็นอยู่
กับทุกอณูของความคิด
รัก
แต่รู้ว่าต้องทำใจ
ถึงจะรักเธอมากมาย
แต่สุดท้ายก็ต้องร้างลา
วันนี้..ทรมานใจหนักหนา
เจ็บปวดเกินกว่าจะรับไหว
เพราะรู้ว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร
จึงขออนุญาตทำใจซะตั้งแต่วันนี้
ขอโทษ
อาจต้องห่างหายแต่ใช่หน่ายหนี
โปรดรับรู้ไว้นิดนะคนดี
คิดถึงเธอทุกนาทีที่หายใจ
More than word can say.

ขอโทษ..ที่หวังดี

พจนา


ฉันหวังดี  กับเธอ  มากเกินไป
เพราะเหตุนี้  ใช่ไหม  จึงโกรธฉัน
ไม่ตั้งใจ  ทำให้  เธอรำคาญ
เธอคงเห็น  ว่าฉัน  ตัววุ่นวาย
ถ้าเช่นนั้น  ก็คง  พอกันที
ฉันจะไม่  หวังดี  ชี้ทางให้
ชีวิตเธอ  จะเดิน  ไปทางใด
ฉันจะไม่  สนใจ  ตัวใครตัวมัน

แอบ..(รัก)

พจนา


เธอรู้ไหม  ตอนนี้  มีใครแอบ ?
เธอรู้ไหม  ใครแอบมอง  ตอนเธอเผลอ ?
เธอรู้ไหม  ว่าใคร  แอบชอบเธอ ?
คนที่แอบ  รักเธอ  คือฉันไง !!
เธอรู้ไหม  ฉันหวั่นไหว  ในดวงจิต
ไม่รู้ว่า  เธอคิด  เหมือนฉันไหม
อยากจะเอ่ย  เปิดเผย  ความในใจ
แต่กลัวเสีย  เธอไป  ตลอดกาล

Is this love?

Saran


แอบเพ้อแอบชอบแอบหลง
ละเมอพะวงห่วงหา
เฝ้าคอยรอยยิ้มนั้นมา
ติดตาตรึงใจดังเคย
เมื่อแรกที่ได้สบตา
ก็พาให้ใจหวั่นไหว
เมื่อแรกได้พบสบใจ
โลกพลันสดใสสวยงาม
ไม่เห็นแม้เงาวันนี้
วันที่ท้องฟ้ามัวหมอง
คนที่หัวใจเฝ้ามอง
ตอนนี้เธออยู่หนใด
รู้ไหมว่าใครคอยห่วง
รู้ไหมว่าใครคอยหวง
รู้ไหมมีใครแอบทวง
เฝ้าห่วงอยู่ทุกคืนวัน
คนที่เฝ้าคอยเป็นห่วง
คนทีเฝ้าคอยห่วงหวง
คนที่มีเธอเต็มทรวง
คนนั้นคือฉันรักเธอ

ยามชัง

วิหก หลงลม


เมื่อยามรักหวานซึ้งตราตรึงจิคร
หนักเบานิดยังอภัยให้เสมอ
ทุกค่ำคืนหลับฝันพลันละเมอ
โทรหาเธออยากฟังคำจำนันจา
ก่อนเคยโทรบอกมาว่าคิดถึง
คำซึ้งซึ้งยังจำครวญคร่ำหา
ส่งข้อความถามสุขทุกเวลา
อยากเห็นหน้าทุกนาพี่ได้ยิน
มาครานี้โทรไปไม่ค่อยรับ
ไม่โทรกลับเหมือนเก่าเล่าโฉมฉิน
หรือปิดเสียงเกรงใครจะได้ยิน
หรือกลัวใครติฉินพานินทา
สุดระทมขมขื่นไม่ชื่นจตร
รักเป็นพิษคนใจดำทำเสียหน้า
ไม่บอกกล่าวเล่าแถลงชี้แจงมา
เจ็บอุราเพราะเหตุอาเพศใจ
พี่บอกรักก่อนหน้าว่าปากหวาน
มารำคาญตอนนี้มีที่ไหน
ใยไม่เอ่ยขุ่นเคืองเรื่องความใน
เปิดเผยใจให้รู้ดูคนดี
พี่ผิดไรหรือใจน้องแปลเปลี่ยน
ชายอื่นเวียนจีบสาวเล่าโฉมศรี
จึงตัดรักตัดใยตัดไมตรี
ตั้งหลายปีปลูกรักบ่มพลันล้มคลืน

ขอใครสักคน

ร้อยฝัน


พายุฝนกระหน่ำมาเวลาค่ำ
เหมือนตอกย้ำความเหงาอยู่เปล่าเปลี่ยว
หนาวจนสั่นงันงกอยู่อกเดียว
เหงาจริงเจียวเวลานี้ไม่มีใคร
มืดกว่ามืดตะวันลับไฟดับแล้ว
แสงวับแววแห่งเทียนเวียนมาใกล้
ส่องทางเดินพอมองเห็นเป็นอย่างไร
มิส่องใจที่มืดดำช้ำมานาน
นั่งชันเข่าคุดคู้อยู่ในห้อง
ฟังเสียงร้องกบเขียดมันประสาน
ยิ่งตอกย้ำฤทัยให้ร้าวราน
น้ำตาพาลรินร่วงรดดวงใจ
เหมือนตอกย้ำย้ำว่าช้ำให้ช้ำหนัก
ดั่งสลักแน่นถึงรากยากถอนได้
กายสั่นหนาวใจกลับร้อนดังฟอนไฟ
ที่ลุกโชนมอดไหม้ไปทั้งดวง
หมดหนทางแก้ไขใจดวงร้าว
คงถึงคราวอับจนโดนมัดบ่วง
โยนทิ้งลงทะเลเล่ห์คนลวง
ยากจะท้วงติงอย่างไรให้ใครฟัง
จึงทนเหงาเดียวดายอยู่อย่างนี้
อย่างที่มีชีวิตจิตสิ้นหวัง
สุขเพียงกายแต่ใจไร้พลัง
ขอสักครั้งจะรอขอใครสักคน

ให้เธอ

cool-hearted


ปลายปากกา สู้ตัวอักษร
ท่วงทำนอง อาจไม่พลิ้วไหว
หากความอ่อนโยน ที่ให้หมดใจ
บอกเธอเอาไว้ "ฉันรักเธอ"
อีกปีแล้วนะ โตขึ้นอีกแล้ว
"สุขสันต์วันเกิด" แผ่วๆ นะเออ
รอยยิ้มยินดี จะมีให้เสมอ
หากวันใดได้พบเจอ "จะขอหอมแก้มเธอสักที"
อิอิ

กว่าจะลืม...

ภิรวดี


กี่นาทีที่ใจหม่นทนกล้ำกลืน
กี่วันคืนที่ขื่นขมระทมเศร้า
กี่เดือนปีที่เธอจากพรากรักเรา
กี่ค่ำเช้าที่ฉันเหงาเฝ้าตรอมตรม
วันเวลาพาปัดเป่าบรรเทาเจ็บ
ใจหนาวเหน็บเคยเก็บทุกข์เริ่มสุขสม
ความหมองหม่นโดนพัดไปกับสายลม
ใจที่จมและขมขื่นเริ่มตื่นมา
แล้ววันหนึ่งถึงอีกวันฉันเริงรื่น
จิตสดชื่นยืนแหงนมองบนท้องฟ้า
ไม่ทันไรใครคนหนึ่งเดินเข้ามา
เอ่ยคำว่า "ขอโทษนะ..อย่าโกรธเลย"
ลืมไปแล้วหรือคนดีหลายปีก่อน
ฉันอ้อนวอนไม่ให้ไปใยเธอเฉย
แล้วกลับมาขอให้รักเป็นเหมือนเคย
อยากชดเชยที่เคยทำฉันช้ำใจ
ฉันไม่โกรธโทษเธอหรอกบอกให้รู้
ใจฉันสู้อยู่ทุกวันไม่หวั่นไหว
ฉันลืมเศร้า ลืมเจ็บช้ำ ลืมทุกข์ใจ
เธอเป็นใคร อยู่ไหนนั้น ฉันก็ลืม

จบสิ้นแล้ว

ไม้หอม


เหงาอย่างที่ไม่เคยเหงา
รู้สึกว่าความเป็นเราเริ่มห่างหาย
เธอเปลี่ยนไปแล้วทั้งใจกาย
และในสุดท้ายฉันไม่เหลือใคร
หากฉันเคยทำอะไรผิด
ทำให้ชีวิตเธอสั่นไหว
ขอโทษเธอด้วยจากหัวใจ
และนับจากนี้ไปเลิกผูกพัน
จะไม่ก้าวเข้าไปยุ่งเกี่ยว
จะขออยู่คนเดียวกับห้วงฝัน
จะไม่รักเธอแล้วลาจากกัน
จะจบสิ้นความผูกพันที่มีมา
หลั่งน้ำตาอีกครั้งคงไม่แปลก
หลั่งลงมาเพื่อแลกความห่วงหา
หลั่งลงมาลบล้างความศรัทธา
หลั่งลงมาเพื่อฆ่าเจ้าหัวใจ
จบสิ้นแล้วความรักความผูกพัน
นับจากนี้เธอฉันเลิกหวั่นไหว
เราต่างคนต่างเดินบนทางไกล
และต่างใจหัวใจคนละดวง

ครวญ

วิหก หลงลม


สุริยาแสงอ่อนก่อนลาลับ
กระทบกับเหลี่ยมภูผาพาใจหวิว
ลมโบยโบกโยกใส่ใบไม้ปลิว
แว่วหวีดหวิวดั่งเพลงบรรเลงมา
เมื่อสิ้นแสงสุรีย์ที่สาดส่อง
ฟ้าไม่หมองเพราะดาวเดือนเกลื่อนเวหา
ระยิบยับสาดแสงส่องท้องนภา
แว่วนกกากึกก้องร้องสำนวน
วิเวกแว่วเรไรก้องไพรพฤก
ยามดื่นดึกเหงาใจให้สุดหวน
ดุเหว่าแว่วดังมาข้ารัญจวน
ชะนีครวญผ่านป่ามาแต่ไกล
ท้องนภามีดาวเดือนเป็นเพื่อนชิด
แนบสนิททั้งราตรีไม่หนีไหน
โอ้ตัวเราไร้คนข้างอ้างว้างใจ
น้องอยู่ไหนอยากรู้ข่าวสาวคนดี
โทรไม่ติดปิดเครื่องเรื่องไรหนอ
เหตุผลพอบอกพี่หน่อยอย่าคอยหนี
สุขสบายไข้ป่วยช่วยบอกที
รู้ไหมพี่แสนห่วงยอดดวงใจ
ยามค่ำคืนดื่นดึกไม่นึกหลับ
เฝ้าสดับเรื่องราวสาวรู้ไหม
ถึงความหลังครั้งก่อนสะท้อนใจ
ใยทำได้ลงคอหนอใจคน
น้ำใสอุ่นไหลปราดลงอาบแก้ม
เหมือนเหล็กแหลมแทงใจวันหลายหน
แสนเจ๊บแปลบแทบขาดใจให้สุดทน
แสนหมองหม่นอ่อนใจไร้เรี่ยวแรง
ขอโทษนะครับชุดนี้แก้ไขและเพิ่มเติมนิดนึงขอบคุณพี่ไหมไทยที่เอามาลงให้ผมก่อนผมสมัครได้ครับและได้เปลี่ยนชื่อเป็น    วิหก  หลงลม
ผมเพื่อนใหม่เพื่อนๆทุกคนช่วยออกความเห็นหน่อยนะครับ

วันเวลา กับ หัวใจ

ราตรีน้ำแข็ง


จากวันนั้นที่เธอบอกลา.....
ให้เหตุผลว่าเราห่าง
ความเข้าใจเราสวนทาง
จึงต้องแรมร้างไปจากกัน
แต่แล้ววันนี้เธอกลับมา...
บอกว่ายัง รักฉันเสมอ
กลับมาพรอดพร่ำว่า “ฉันรักเธอ”
บอกคิดถึงเสมอจะเป็นจะตาย
ขอโทษเถอะนะคนดี...
ขอถามอีกทีจะได้ใหม ?
เพราะลิ้นเธอไม่มีกระดูกหรืออย่างไร
จึงได้กลับไปกลับมา...อย่างง่ายดาย
จากวันนั้นจนถึงวันนี้...
ความรู้สึกที่มี มันจางหาย
แม้แต่ความเหงาหรือเดียวดาย
ก็ไม่มีความหมายกับ..หัวใจ

อยากจะขอ....เบอร์โทร

ฝนฟราวฟ้า


อยากจะขอเบอร์โทรใจจะขาด
แต่ใจขลาดไม่กล้าที่จะขอ
เพราะหัวใจฉันนี้ไม่กล้าพอ
ได้แต่รอ.....แต่รอจนท้อใจ
ขอเพียงแค่ส่งเบอร์มาที่บ้านนี้
บ้านเลขที่ดูข้างล่างอย่าหวั่นไหว
30/6  คนใกล้ตาแต่ไกลใจ
หวังเพียงให้เธอเห็นใจฉันสักครา
กว่าจะเจอกันทีมันยากยิ่ง
ด้วยภาระและความจริงยังกังขา
เธอมีงาน ฉันมีงานยากนำพา
ด้วยเวลาจำกัดไม่ได้คุย
จึงขอฝากวอนผ่านบทกลอนนี้
เธอคนดีจะว่าอะไรไหม
เพียงแค่เบอร์ 10 หลักจากหัวใจ
คงให้ได้ไม่ขัดข้องใช่ไหมเธอ

คอยอ้าย...คืนนา

ครูพิม


วิทยุบอกข่าวถึงคราวยุ่ง
ว่าเมืองกรุงมีขบวนให้ชวนหวั่น
เป็นห่วงอ้ายหลายมื้ออยู่คือกัน
ย้านอ้ายนั้นหลงทางร่วมสร้างกล
อ้ายคนดีมีสุขหรือทุกข์หนอ
ข้อยคนรอขอวอนก่อนหน้าฝน
ให้อ้ายเมือบ้านนามาเบิ่งยล
โขงเอ่อล้นท้นฝั่งเคยนั่งเคียง
มาซ้อนปลาซิวน้อยก้อยไข่มด
มานั่งซดต้มไก่ข้างใต้เถียง
มาเบิ่งควายหลายโตร้องซ้องสำเนียง
มาฟังเสียงไก่ขันประชันคอ
ส่วนพ่อแม่แท้อ้ายจงหายห่วง
ไข้เพิ่นซ่วงดีไวได้ยาหมอ
เพิ่นบอกข้อยให้ท่าตั้งตารอ
วันเฮาพ้อพบกันเป็นวันดี
อ้ายอย่าเบิ่งสาวได๋ให้ข้อยช้ำ
สัญญาย้ำฝากไว้อย่าหน่ายหนี
ย้านอ้ายพ้อสาวงามยามราตรี
ข้อยคนนี้ขออ้ายอย่าหลายใจ
วิทยุบอกล่าวข่าวบางกอก
ส่งคำหยอกบอกก่อนอย่าอ่อนไหว
หลูโตนข้อยผู้ท่าให้มาไว
สร้างฝันไว้วันลา…เจ้าอย่าลืม..เด้อ
ภาษาถิ่น อีสาน
อ้าย     หมายถึง  พี่
หลายมื้อ  หมายถึง  หลายวัน
ข้อย     หมายถึง ฉัน  น้อง
มาเบิ่ง   หมายถึง  มาดู
ก้อยไข่มด หมายถึง  ยำไข่มดแดง
เถียง   หมายถึง  กระท่อม
ไข่เพิ่นซ่วง หมายถึง  อาการเจ็บป่วยดีขึ้น
เฮา  หมายถึง  เรา
พ้อ   หมายถึง  พบ
ย้าน  หมายถึง  กลัว
หลูโตน  หมายถึง  สงสาร
ครูพิม
๒๘ มีนาคม ๒๕๕๒

..อ้ายคนดี..

ครูพิม


อ้ายคนดีมีงานที่สานก่อ
ลำบากบ่อท้อไหมใจฝากถาม
โขงยามแล้งแห้งขอดคึดฮอดยาม
โขดหินงามวามวับจับแสงจันทร์
อ้ายคนดีมีไผข่างใจบ่
น้องยังรอพ้อพบประสบขวัญ
ยามเมื่อยขาล้าท้อต่อชีวัน
ขอให้ฉันเป็นแรงแห่งศรัทธา
อ้ายคนดีมีปัญหาอย่าลืมข้อย
ผู้เฝ้าคอบปลอบขวัญแก้ปัญหา
ยามอ้ายท้อขอเพียงส่งเสียงมา
ตักน้องยารออ้ายให้หนุนนอน
อ้ายคนดีปีไหนอย่าได้เปลี่ยน
หัวใจเพียรเขียนรักส่งฝากอ้อน
ร้อยเรียงคำนำรักฝากสุนทร
บนลานกลอนแห่งนี้ที่สัญญา
อ้ายคนดีอยู่ไกลอย่าได้หวั่น
รักเรานั้นมั่นคงส่งใจหา
อดีตที่พานพบประสบมา
เป็นบทท้าสองใจให้ก้าวเดิน
อยากให้อ้ายคนดีสุดที่รัก
ได้ประจักษ์รักเราดุจเขาเขิน
พายุร้ายกรายมากล้าเผชิญ
เราจะเดิน...เพลินไป...ไม่ปล่อยมือ......
ครูพิม
๒๔ มีนาคม ๒๕๕๓

...จำไกล..เพราะใจรัก..

ครูพิม


ตะวันล้าลาลับกับโค้งฟ้า
หวั่นผวาคราไกลหัวใจเอ๋ย
สงสารนักรักเราที่เฝ้าเชย
จำใจเอ่ยคำลาด้วยอาลัย
ตาสบตาครากล่าวถึงคราวจาก
เพราะรักมากยากข่มอารมณ์ไหว
กลืนน้ำตาบ่ารินแทบสิ้นใจ
รักกว่าใครใจข่มยอมตรมตรอม
เถอะเมื่อถึงซึ่งพร้อมยอมจำนน
ที่ทุกข์ทนพ้นสิ้นเหลือกลิ่นหอม
ยอมถอยร้างห่างไกลใช่ยินยอม
รักถนอมออมไว้เพียงใจเรา
รักยังคงตรงมั่นในฝันสวย
รักยังช่วยด้วยห่มเพื่อข่มเหงา
รักยังแรงแฝงเร้นเห็นเพียงเงา
รักยังเฝ้าดูแลแม้ห่างไกล
จูบประทับรับไว้เพียงใจนี้
ล้านวจีบันทึกผนึกไว้
ห้วงคิดถึงตรึงจิตสนิทใน
ทุกห่วงใยบันทึกจารึกรอย
ตะวันล้าลาไกลจำใจฝืน
เก็บรักคืนตื่นตนจำร่นถอย
ส่งเขาคืนชื่นรักที่จักคอย
เก็บเพียงถ้อย...;ร้อยไว้...ในสัญญา
ภาพถ่ายจากโรงแรมแอมบาสเดอร์หาดจอมเทียนพัทยา
วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๓
ครูพิม
๒๐ มีนาคม ๒๕๕๓

๏ เพลงยาวคิดถึงสาวนาฏศิลป์ ๏

ศรีอักษรลักษณ์


....ได้ประสบพบหน้าเพียงคราหนึ่ง
ครวญคะนึงถึงนางไม่ห่างหาย
โอ้กระนี้หรือว่ารักปักใจกาย
จะวางวายเสียเปล่าไม่เข้าการ
ก็ตัวเราเล่าก็เป็นชายชาติ
ต้องอำนาจพิษรักเข้าหักหาญ
เหมือนเสียทีทีใจอาลัยลาน
ไม่สืบสานต่อบ้างนี่อย่างไร
แต่พบกันครั้งแรกก็ริรัก
ถึงกระนั้นอกจะหักเสียให้ได้
ไม่ทันเริ่มก็คงแพ้แล้วแน่ใจ
รูปไม่งามทรามวัยคงไม่รัก
หล่อนอยู่สายนาฏศิลป์ได้ยินชื่อ
ออกเลื่องลือทุกเหล่าเขารู้จัก
จนพี่ได้พานพบประสบพักตร์
จึงต้องศรกามปักลงกลางใจ
จนละเมอเพ้อวับขับเพลงยาว
โอ้ว่าสาวสุรางค์นางชั้นไหน
เป็นดอกฟ้าที่เขาลือหรือว่าไร
แม้นเด็ดได้จะถนอมเป็นจอมนาง
นี่เสียดายเป็นชายอาลัยเปล่า
คิดเอื้อมเอาพฤกษ์พุ่งเมื่อรุ่งสาง
จะดั้นเมฆได้ที่ไหนใช่เทวางค์
จึงครวญครางขับลำคำโศกเอย ฯ

ละคร..รักผ่าน..ม่านน้ำตา

ครูพิม


เพราะละครตอนรักประจักษ์มั่น
ชื่นชีวันสันต์สุขสนุกสนาน
เต็มไปด้วยความหวังสะพรั่งบาน
และตระการหวานหอมคอยล้อมใจ
เพราะละครตอนเก่าเพียรเฝ้าหวัง
ว่ารักยังดั่งดาวพราวไสว
สุขสว่างกลางวิถีมีความนัย
สื่อมาให้เราหวังตั้งตารอ
เพราะละครตอนนั้นฝันยังสวย
รักคอยช่วยต่อเติมเสริมอีกหนอ
หวานและชื่นขื่นหายหมายพะนอ
คอยเคลียคลอล้อเล่นเห็นทุกวัน
เพราะละครตอนนั้นมันยังใหม่
ทุกห้วงใจสวยงามด้วยความฝัน
คอยอาทรห่วงหาสารพัน
เกี่ยวก้อยกันนั้นเดินเพลินร่วมทาง
เมื่อละครดำเนินและเดินเรื่อง
ดูเปล่าเปลืองเวลาคราเมินหมาง
คำเคยอ้อนย้อนร้ายคล้ายอำพราง
เขาปล่อยวางอ้างเหงาเท่านั้นเอง
เมื่อละครตอนจบพบบาดแผล
จึงอ่อนแอแลเศร้าเขาข่มเหง
คำตำหนิติเตียนเล่าเขาบรรเลง
เป็นบทเพลง...รักผ่าน...ม่านน้ำตา...
ครูพิม
๓ มีนาคม ๒๕๕๓
หน้า / 50  
ทั้งหมด 839 กลอน