บุญเพรงนำ น้อมจินต์ ถวิลหวัง ร่มบุญยังร่มรื่นชวนชื่นหวาน แต่รอยกรรมนำติดประชิตมาน ในรอยกาล ผ่านผัน วันคำนึง ล่องลอยในความฝันที่ดั้นหา ด้วยศรัทธาคราไกล อาลัยถึง เพียงหนึ่งนัยใคร่ร้อยรอยคำนึง อีกฟากหนึ่ง พึงคอย แม้นรอยคำ ย้อนยลพจน์รสคำที่พร่ำขาน พจมานหวานประหนึ่งรสผึ้งฉ่ำ อาบด้วยหวง ห่วงหา พาจดจำ รสถ้อยย้ำ นำวาง บนทางใจ > บุญเพียงพบ ซบคำ ลำนำร่าย ร้อยรสถ่ายจากจินต์ถวิลไหว โอบคนล้าคราท้อ..พ้อห่วงใย ฟากฟ้าไกล กางกั้น คอยบั่นทอน ระลอกคลื่นกลืนทรายแล้วหมายกลบ ซาดซัดลบทบม้วนล้วนกัดกร่อน คอยเกาะกินเนื้อใจ จนไหวคลอน เกินจะย้อน..ถอนร้าง ไปห่างตา img src = http://i342.photobucket.com/albums/o413/cindrellas_album/Beach/94.gif> ครูพิม ๒๓ มกราคม ๒๕๕๔ ขอบคุณภาพสวยจาก กูเกิ้ล
มองภาพถ่ายของเธอใส่ชุดครุย เป็นเพื่อนคุยในวันที่หวาดไหว แม้บัดนี้ มิมีเธอ อีกต่อไป แต่ก็ยังแย้มยิ้มได้กับภาพเธอ นั่นจิ๊กซอว์เธอต่อรักสลักใจ ยังซ่อนงามความนัยสมัยเสมอ เห็นทุกคราวฝันทุกครั้งยังละเมอ เธอแสนสวย เลิศเลอ ทุกเวลา วันเธอรับปริญญาในครานั้น ฉันตื่นเต้นตื้นตันเป็นนักหนา จับรถด่วน ขบวนสุดท้ายสายยะลา ให้ทันวันที่รอท่าปัตตานี จากวันนั้นจนวันนี้เก้าปีกว่า ภาพถ่ายเธอที่ตรงหน้า ณ.ตรงนี้ ที่ซึ่งกายหายห่างร้างไมตรี แต่ฉันมีมากมายไม่หายไป บางทีเผลอ ยังเพ้อ เอ่ยถามทัก ว่า "ยอดรักเธอเหนื่อยหนักบ้างหรือไม่" ในวันนี้คนดีเป็นอย่างไร มีหรือไม่ใครดูแลถ้าแพ้มา มีชายหนุ่ม มองรูปคุณ ยังอุ่นจิต แม้วันหนึ่งเคยพ่ายพิษรักนักหนา วันคนรัก เผยฝากออกปากลา กลายเป็นคนแปลกหน้าแปลกหัวใจ เคยเศร้าสร้อยงานการคร้านจะคิด ชังชีวิตหน่ายชีวาไม่กล้าไข- ความท้อทดหมดหวังพลังชัย ปล่อยให้วันให้วัย ช่วยเยียวยา มองภาพถ่าย เธอใส่ครุยในครานี้ อาจมีบ้างบางทีที่โหยหา แต่ฉันมี ความสุข นะเธอนะ ! ได้คิดถึงปรารถนาที่หัวใจ ยังจำได้วันที่เคยทุกข์ท้อ เธอช่วยติช่วยต่อพลังให้ ขอขอบคุณ สัมพันธ์รัก สลักไว้ ช่วยทำให้ เข้าใจในรักแท้ วันที่ฉันนั้นยังคิดถึงเธอ รู้เพ้อเจ้อถึงอะไรมิได้แน่ ภาพงดงาม ทุกความหมายฉันฉายแล รู้เถอะแค่ ใจระลึกรู้สึกมี ว่าครั้งหนึ่งฉันเคยมีความรัก และดีงามยิ่งนัก รักหรือนี่ เธอคือ คนแรกที่ฉันมี เป็นคนเดียว ตรงนี้เส
ฤาผืนแผ่นดินนั้นจะสั่นไหว เพียงเพราะลมปากใครที่ไหนนั่น ถ้าเรารักจริงแท้แน่นิรันดร์ ไม่มีวันหรอกที่มีห่างไกล ฤาว่าผืนน้ำนั้นจักแห้งเหือด มีรอยเลือดรอยน้ำตาโถมบ่าไหล มาชะล้างรักสกาวของเราไป เหลือแต่ความหมองไหม้ในดวงตา ฤาว่าผืนฟ้านี้ไร้ที่รัก เจ้าจึงผลักไสส่งลงใต้หล้า หรือไม่รักข้าแล้วแก้วชีวา จึงตัดสร้อยเสน่หาข้าเช่นนี้ เมื่อเรายิ่งห่างเหินเมินหน้ากัน รักเรานั้นก็ยิ่งออกวิ่งหนี เมื่อใกล้กันแต่ไม่เคยเอ่ยวจี ก็เหมือนมีกำแพงกั้นเรานั้นไกล หันหน้ามาพูดกันสักครั้งเถิด เรื่องที่เกิดหากเพราะว่าข้าหวั่นไหว ทำให้เจ้าปวดร้าวเศร้าดวงใจ ข้าขอโทษเจ้าโปรดให้อภัยกัน เห็นแก่รักเราเถิดหนายอดยาหยี จะไม่มีอีกแล้วแก้วจอมขวัญ ข้ามั่นรักเจ้านี้เท่าชีวัน โปรดยกโทษให้กันนะที่รัก!
เคยจับเจ่าหลาบจำกับความเจ็บ เขียนมันเก็บเป็นกลอนตอนสิบหก คงเหลือเพียงรอยจางดูร้างรก ฝุ่นเปื้อนเปรอะสกปรกแปดศกปี ชักลิ้นชักอย่างละมุนยังฝุ่นคลุ้ง มีฝูงยุงพุ่งออกมาพากันหนี โอ้เจ้ายุงอย่าถือโกรษขอโทษที ที่รุกรานสถานที่ที่เจ้าครอง เศษกระดาษ-กระจัดกระจายมิได้จัด จับยัดยัดสุมสุมเอาพร้อมข้าวของ กองกระดาษขาดฉีกอีกหนึ่งกอง คือสุดท้ายอันหมายปองขอมองชม เพลินรอยทดบทกวีทีละหน้า ล้วนขีด 'ฆ่า' ด้วยจิตข้ามันขื่นขม เปลี่ยนสำนวนปรวนแปรแล้วแต่ลม เหมือนอารมณ์แปรปรวนล้วนแต่เลว บ้างร้อยเรียงไพเราะเพราะคัดใหม่ หากเขียนได้มินานนมก็ล้มเหลว คนอย่างข้าจับจดโทษข้าเลว จึงแหลกเหลวดั่งโคลนเลนเช่นชีวิต เพียงบทเดียวบาทเดียวรวดเดียวจบ สมบูรณ์ครบคล้องจองครรลองจิต บรรทัดเดียวสองวรรคจากชีวิต ขึ้นต้น'ดิส...' ชื่อเจ้าตามด้วยนามสกุล นามเจ้าเพราะกว่ากวีแห่งสวรรค์ แม้นออกเสียงเพียงโลกันตร์ก็พลันหมุน เปี่ยมสัมผัสนอกในอันหวานละมุน ทั้งทารุณ-การุญข้ามานานปี กลอนเก่าเก็บบทนี้แปดปีกว่า เขียนขึ้นมาไว้ประจักษ์เป็นสักขี เพียงบทเดียวรักเดียวคือเจ้านี้ ผู้เป็นอนุสาวรีย์แห่งหัวใจ
จ่อมจมอยู่ในห้องเหมือนกรงแคบ ใจยังแอบความช้ำระกำไว้ กายหนาวลมแต่อกร้อนดั่งฟอนไฟ ที่เผาไหม้ฤทัยไปทั้งดวง น้ำค้างแห้งเหือดหายคลายความหนาว แต่อกร้าวยังโศกตรมจมติดบ่วง น้ำตารื้นเพราะจำน้ำคำลวง ที่ตักตวงเติมเต็มไว้ในอุรา จะก้าวเหินเดินออกนอกกรงขัง เพียงลำพังอย่างไรให้กังขา ไม่อยากฝืนยืนต่อไปไร้น้ำยา กลืนน้ำตาทุกหยดจนหมดแรง จะจากกลัวจะเจ็บจนจดจำ ยิ่งถลำลึกไปดั่งใครแช่ง ยามผิดหวังชิงชังเริ่มสำแดง ใจที่แกร่งด้วยคิดดีกลับลี้ไกล ในสำนึกตรึกตรองกรองอีกชั้น อยากห้ำหั่นให้รู้ทนอยู่ได้ อยากจะฆ่าทรมานให้คลานไป เผาด้วยไฟนาบเหล็กร้อนก่อนหมดลม แต่ความจริงแค่เห็นหน้าพาใจอ่อน แค้นกลับผ่อนด้วยหวังยังสุขสม เพียงอ้อมกอดปลอบขวัญวันทุกข์ตรม ก็ชื่นชมแม้นจะม้วยด้วยคำลวง
อื้ออึงเสียงสังสรรค์งานวันเกิด เครื่องเสียงพันธุ์ชั้นเลิศเปิดเพลงหวาน เสียงสรวลเสเฮตึงถึงหน้างาน บ่งบอกการสมโภช..โคตรรื่นเริง ภาพแขกเหรื่อเริ่มคล้อยทยอยครบ เข้าสมทบทั่วลานงานเถลิง เขาเปิดตัวต้อนรับกับชั้นเชิง จุดบันเทิงเท่าพลุอายุน้อง จากลานโล่งโจ๋งครึ่มอึมครึมหม่น บัดนี้คนคลาคล่ำร่ำฉลอง โต๊ะจีนตั้งฝั่งหนึ่งยาวถึงคลอง อีกฝั่งมองมืดดำสุดกำแพง พิธีกรก็หมั่นกลั่นคำพูด การดึงดูด เวที-เสียง-สี-แสง ลำเลียงไหลไขลานการแสดง ก่อนเจ้าภาพแจกแจงความเปรมปรีดิ์ ที่ริมรั้วเลยพ้นต้นลั่นทม พี่ยืนก้มเกาะรั้วกลัวแสงสี ยิ้มกับงานเริงรื่นค่ำคืนนี้ นึกถึงปีกลายก่อนตอนร่วมงาน พี่อยู่ในฐานะคนสนิท ใครก็อิจฉาดูคู่เราหวาน นึกไม่ถึงหนึ่งปีที่ไม่นาน จะถึงคราวร้าวรานแหลกลาญรัก พี่มองลอดลั่นทมหนาวลมพัด เห็นการกวัดแกว่งไกวของใบกวัก โบกใบลาเหมือนไล่..เสียใจนัก จำต้องหักใจห้าม..ในยามนี้ อึกทึกชั่วครู่หูแทบแตก พี่กลับแปลก..เหมือนหู..อยู่ป่าผี เงียบวังเวงเพลงหนึ่งจึงเริ่มคีย์ ธรณีกันแสงแฝงที่ใจ ก่อนจากลางานมงคลในหนนี้ ขอหน่อยพี่พิศมองน้องได้ไหม อยากฝากคำอวยพรก่อนลาไกล ประทับไว้แม้นน้องไม่ต้องการ ยิ่งอยู่ยิ่งตอกย้ำความช้ำเศร้า เห็นภาพเขา-น้องถือมือประสาน อมยิ้มเขินเดินที่เวทีปาน- กระทืบเหยียบกลางลานมานเพพัง ขณะที่พี่กลั้นกัดฟันข่ม ความระทมที่ใจเริ่มไล่หลัง ขณะน้องยิ้มหัว..หลังรั้วบัง คนสูญสิ้นกลิ่นหวัง..กำลังครวญ
อยากย้อนคืนเวลาผ่านมากลับ ไม่อยากนับวันคืนขมขื่นหมอง คืนสองเรามายังนั่งปรองดอง หยุดความหมองแล้วหันหน้ามารักกัน หยุดเวลาไว้ตรงนี้ตรงที่รัก แล้วจะปักใจแน่ไม่แปรผัน ขอย้อนกลับเหมือนเอ่ยเคยผูกพัน หนึ่งร้อยพันขอโทษอย่าโกรธเลย ขออภัยคนไม่ดีทำทำผิด ไม่ได้คิดจงใจใคร่เฉลย แค่อยากหยอกคนดีเหมือนที่เคย ไม่คิดเลยหรอกว่ามาโกรธกัน ยามฝนตกกลางดึกระทึกจิต เฝ้าครุ่นคิดถึงวันวานที่ผ่านผัน วันเศร้าเศร้าเริ่มเข้ามาหาทุกวัน ใจหวาดหวั่นถึงวันเหงาเศร้าจังเลย
วันนี้วันเกิดใครฉันไม่รู้ เท่าที่ดูฉันไม่ได้มีความหมาย มีคนอื่นอีกร้อยพันนั้นมากมาย แล้วทำไมต้องมาคิดเรื่องของเธอ คนเราเมื่อมีค่าเวลาหนึ่ง ใครคนนั้นย่อมคิดถึงอยู่เสมอ เมื่อหายห่างร้างไปอยากได้เจอ เฝ้าเพ้อเฝ้าครวญช่างป่วนใจ แต่เมื่อเวลานี้ไม่มีค่า ต่อให้ร้อยเล่ห์มารยาที่หาได้ ก็ไม่อาจฉุดรั้งให้ชั่งใจ ว่าใครคนนี้ดีต่อเธอ เวลาเปลี่ยนใจคนย่อมวนเปลี่ยน ใจเธอเวียนเปลี่ยนไปได้เสมอ ยิ่งไกลห่างยิ่งห่างไกลไร้ทางเจอ สุขสันต์วันเกิดนะเธอ...คนหลงลืม
ก่อกองฟืนผิงไฟไล่ลมหนาว เล่าเรื่องราวผ่านเพลงบรรเลงหวาน ท่องทำนองโศกเหงาแกมร้าวราน ไหวสะท้านผ่านพรมลมรำเพย ใกล้ยี่เป็งเร่งรอต่อเติมรัก หวั่นใจนักสะทกสั่นอกเอ๋ย ลมหนาวล่องท่องถามตามคุ้นเคย ไม่คิดเลยจะลับกับวันเดือน ปากรำพึงรำพันว่าฝันเฝ้า ใจของเจ้าใหลหลงคงไม่เหมือน ท่ามค่ำคืนดึกดื่นชื่นชมเดือน คงมีเพื่อนเชยชิดสนิทใจ สายลมหวนหอบข่าวร้าวรานบอก ลุ่มเจ้าพระยาเขาหลอกรู้บ้างไหม ยกคำอ้างช่องว่างความห่างไกล แล้วปันใจเป็นอื่นในคืนลวง
รักสองเรา จืดจาง หรืออย่างไร ทำไมเธอ เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเก่า มีใครมา กั้นกลาง ระหว่างเรา ความรักของ สองเรา จึงเหงาไป เพราะเธอมี คนใหม่ ในดวงจิต หรือว่าฉัน ทำผิด ที่ตรงไหน ได้โปรดเถิด บอกฉัน ให้เข้าใจ ว่าสิ่งใด ที่ใจ เธอต้องการ ถ้าฉันผิด ฉันก็พร้อม จะขอโทษ วอนหายโกรธ และยกโทษ ให้แก่ฉัน แต่ถ้าเธอ พบรักใหม่ ใจต้องการ ฉันจะไม่ ขอทัดทาน หลีกทางเธอ
ยิ้มรับโสด กับน้ำตา ผสมเหล้า มันช่างเข้า กลมกล่อม หอมหวาน รินใส่ปาก ฝากน้ำใจ ให้วันวาน ที่เนิ่นนาน ต้องล้ม เพราะลมคน ฉลองความโสด อย่างชื่นสม นั่งภิรมย์กับรสเหล้า อย่างสับสน เพราะภาพเก่ามันเศร้า เข้าเยือนยล จนตาจน โทรมร่าง ทรมาร ฝืนหัวเราะ ยิ้มเย้ย เลย ร้องไห้ ถามหัวใจ ไยเศร้า ไม่อาจหาญ ทั้งที่รู้ ว่ารักนี้ ที่ทรมาร ยังอาจหาญ ไปเลยเส้น เป็นรักกัน รักด้านมืด ในมุมอับ จับต้องยาก เพียงรักฝาก เพียงลม มาห่มฝัน เพียงชั่วครู่ ชั่วครั้ง ที่รักกัน ไม่มีวัน จะชื่น ได้รื่นรมย์ นำน้ำเหล้า เคล้าน้ำตา มาไล่รัก ที่โซมนัก เพราะไข้ใจ ให้ขื่นขม รักเอ่ย จงถอนพิษเจ้าไปให้นานนม ฝากรักขม กับน้ำเหล้า เคล้าน้ำใจ ฯขุนพ่ายสุรา
แอบมอง...แอบเห็น... เธอเป็นดั่งชายในฝัน ทั้งเงียบ...ทั้งนิ่ง...น่ารักจัง แอบมองเธอกี่ครั้งก็ยังประทับใจ ได้ข่าวว่า...หัวใจเธอว่างอยู่... อยากบอกให้รู้ว่า ...หวั่นไหว หากที่ตรงนั้น...เป็นฉันอยู่ข้างใน คงสุขใจ...กว่าครั้งไหนที่ผ่านมา
ฝันร้าย มิติที่ฉันอยู่คือโลกกว้าง ที่กระจ่างแจ่มแจ้งแถลงไข นี้คงเป็นโลกลวงหรือยังไง ทำไมใจเจ็บช้ำตอกย้ำจริง บ้านหลังนี้คงจะเป็นภาพลวง ทั้งหมดปวงคงจะลวงหลอนทุกสิ่ง ในโลกที่เขียนกลอนอยู่คงไม่จริง เพราะมันยิ่งโหดร้ายเหลือคณา หน้าจอคอมที่เขียนกลอนคงหลอนฉัน นี้คงฝันร้ายแน่แท้แสนอ่อนล้า ไม่อยากทำอะไรทุกเวลา ในโลกหล้าลวงหลอกฉันทำไม? ฉันคงตื่นนอนอีกไม่ช้านี้ ชีวีที่โหดร้ายอาจไม่ใช่ เอ..ชีวิตจริงเรานั้นเป็นอย่างไร ฉันเป็นใครกันแน่แผ่บอกหน่อย โลกที่เธอรักเขามากกว่าฉัน เธอรักกันดูไม่จะด่างพร้อย เธอรักเขาตามติดดั่งเงารอย ฉันแค่คอยมองดูเธอแต่ห่างไกล เวลาเขาป่วยไข้ใจเจ็บปวด เธอก็พรวดตามหาไปอยู่ใกล้ ถามสารทุกข์สุขดิบเป็นอะไร ฉันเป็นไงไม่มีใครมาหาเลย เวลาฉันเจ็บปวดระทมไข้ ไม่มีใครแลเหลียวไม่มีเลย ในโรงเรียนปวกหัวอย่างไม่เคย ไม่มีเลยใครเคยรักมาหาเรา คงจะมีแต่พ่อและก็แม่ ฉันมีคนดูแลเพียงแค่นี้ คิดในใจเออ..มันก็ยังดี ทุกนาทีมีพ่อแม่ก็สุขใจ เวลาหิวท้องกิ่วไร้เงินทอง ไม่มีของขนมนมจากใคร นั่งหิวเศร้าคนเดียวเปลี่ยวเหลือใจ ไม่มีใครมาใส่ใจหิวหรือยัง เธอห่วงหาอาวรณ์เขาตลอด ได้ถักยอดสายใยรักให้เหนี่ยวรั้ง ฉันได้แค่ร้องไห้เศร้าโศกสัง อยุ๋ในห้วงภวังค์แสนชังเกลียด ถ้าเธอซื้อขนมให้แก่เรา จะจมเจ่าอยู่กับมันค่อยละเลียด กินช้าช้ารับรสอย่างละเอียด ไม่ชังเกลียดเป็นไปได้จะเก็บไว้ แต่รู้ว่าเธอส่งขนมแก่เขา ได้ผ่อนเพลา
เมื่ออดีตกาลนานมาแล้ว ยังมีแมวตัวน้อยคอยล่าหนู เหมือนชีวิตผ่านมาโหดน่าดู แสนอดสูคิดไปคล้ายกับแมว เรื่องดื่มเหล้าเจ้าชู้รู้ทุกอย่าง ชอบแต่สร้างปัญหาคาห้องแถว ชอบสนุกเรื่อยไปไม่เปลี่ยนแนว ลืมน้องแก้วคนดีที่ปลายทาง มาวันนี้พี่ยามาขอโทษ อย่าได้โกรธพี่หนอขอสะสาง ขอโอกาสพี่ชายได้ไหมนาง จะขอสร้างทางฝันนั้นทดแทน ไม่มีเจ้ารู้ไหมใจจะขาด แสนอนาถใจนักรักหวงแหน ต่อไปนี้ใจพี่มีคลอนแคลน จะเกี่ยวแขนคล้องใจไปด้วยกัน
ร้อยสำเนียงเสียงกลอนอันอ่อนหวาน กล่อมดวงมานบานแย้มให้แจ่มใส ร้อยลำนำคำอ้อนมาก่อนใคร รับวันใหม่ใสสดช่างงดงาม ฟังสิฟังดังว่าไก่ฟ้าขัน ฟังสินั่นขวัญใจจะไหวหวาม ฟังละมุนอุ่นเอื้อทุกเนื้อความ ฝากนิยามความรักประจักษ์ใจ ดื่มกาแฟสักถ้วยด้วยกันนะ ที่รักจ๊ะชอบทานหวานใช่ไหม หากสายลมหัวเช้ายังหนาวไป มาแนบในอกพี่เถิดศรีแพร บรรจงจูบพรมไล้ตามไรผม สูดดอมดมกลิ่นกรุ่นอุ่นกระแส ตัวเจ้าสั่นกว่าเดิมเริ่มปรวนแปร แล้วกาแฟก็ราดตักผลักกระเด็น! ตกบ้าน 14/9/53
ขอบคุณนะ กับรัก ที่มีให้ ขอบคุณใจ ที่ให้ กันวันนี้ แต่ขอโทษ ที่ทำได้ เท่าที่มี เพื่อนคำนี้ เท่านั้น ที่ให้เทอ ไม่ได้เกลียด ที่เทอ เป็นแบบนั้น แต่ใจฉัน ไม่ว่าง เข้าใจไหม แล้วก็รัก คนนั้น มากกว่าใคร ไม่อยากให้ ความหวัง ทำร้ายเทอ เทอยังมี ชีวิต ที่ดีกว่า วันข้างหน้า อาจเจอคน ดีกว่าฉัน อย่าเสียใจ ถ้าเป็นได้ แค่เพื่อนกัน เพื่อนคำนั้น ยาวนานกว่า ใช่ไหมเทอ