กลอนอกหัก รักหวานซึ้ง

เพียงแค่คิด

คนกรุงศรี


เมื่อรู้ว่า ดวงจิต  เธอคิดถึง
ก็ตราตรึง ซึ้งใจ ให้วาบหวาม
ถ้อยวลี ที่เอ่ย เฉลยความ
สอนสั่งตาม ใจที่ มีอาทร
เรามุ่งมั่น สัญญา ว่ามิหน่าย
จะไม่คลาย เมตตา อย่าสังหรณ์
แต่ส่วนลึก ดวงใจ ยังไหวคลอน
เมื่อคิดย้อน ก็พรั่น หวั่นฤทัย
หวนขึ้นมา คราใด ก็ใจหาย
กลัวกลับกลาย เปลี่ยนผัน สุดหวั่นไหว
เขาคนนั้น ฉันรู้ แม้อยู่ไกล
เคยชิดใกล้ เคียงกัน เมื่อวันวาน

แพ้ใจเธอ

คนกรุงศรี


ฟังเสียงขลุ่ย โหยหา พาใจหวน
จึงรัญจวน รักจาง อย่างใจหาย
รู้ว่าเจ็บ เหน็บร้าว หนาวใจกาย
แต่ก็สาย แล้วหนอ ท้อใจเกินคำสัญญา ยังอยู่ คู่ใจสาว
ครั้งที่กล่าว เธอให้ ด้วยใจเขิน
มาวันนี้ เหตุใด ดวงใจเมิน
ต้องเผชิญ ความหม่น จนใจตรม
อยากบอกว่า ยามนี้ มีใจภักดิ์
เกรงเจ็บหนัก หมองไหม้ จนใจขม
กลัวจะจาก พรากไป จนใจซม
ทุกข์ระทม จริงแท้ แพ้ใจเธอ
พอดวงจิต คิดไป พาใจหน่าย
ยังเสียดาย ตัวที่ มีใจเผลอ
ต้องผิดหวัง เพราะเขลา เราใจเบลอ
จึงมาเจอ คนซื่อ หรือใจเก
บางครั้งที่ คิดถึง จึงใจหม่น
เจ็บเสียจน หม่นไหม้ ดวงใจเขว
เพราะยังจำ สัญญา พาใจเซ
เพราะรวนเร หรือไม่ ดวงใจนี้แว่วเสียงขลุ่ย อีกคราว สาวใจหวั่น
อยากลืมวัน เคยรัก หักใจหนี
ทนระทม ตรมเศร้า เข้าใจดี
ด้วนมิมี คนใด รู้ใจเรา

สัญญา

คนกรุงศรี


เมื่อครานั่ง คะนึง คิดถึงน้อง
สายตาจ้อง มองจันทร์ อันเจิดจ้า
เย็นลมพัด ผ่านพลิ้ว หวิวใจพา
ปวดอุรา ใจเรา เหงามารุม
สัญญากัน วันก่อน คำอ้อนกล่าว
แอบอิงสาว เดือนส่อง กองไฟสุม
ชิดเคียงกัน  แอบกอด สอดมือกุม
ตักอ่อนนุ่ม ขอนอน อยากอ้อนนาง
จะไม่พราก จากพี่ ชาตินี้พร้อม
เราจะยอม หมองยิ่ง ทุกสิ่งอย่าง
แม้ปวดเจ็บ ในใจ ไม่จืดจาง
คำมั่นต่าง ซื่อตรง จงคิดตรอง

หมดหมอง

คนกรุงศรี


คนหม่นหมอง ปองใคร ไหนสงสาร
แน่ะดวงมาน น้อยน้อย เฝ้าคอยหา
มองคนดี มีจิต คิดเมตตา
ช่วยรักษา แผลใจ ให้คลายตรม
อยู่ในท่าม ความเหงา โอ้เราเอ๋ย
กระไรเลย มิชื่น ยังขื่นขม
รอความหวัง กำลังใจ ไว้เชยชม
พบเพียงลม ลวงล่อ สุดท้อใจ
หลับตานั่ง ตั้งสติ ทิฐิมั่น
ต้องฝ่าฟัน อุปสรรค จักแก้ไข
ความหม่นหมอง ต้องปล่อย ล่องลอยไป
ทิ้งให้ไหล ลอยตาม ลำวาริน

เธอคือบุปผา

คนกรุงศรี


เป็นบุปผา ชูก้าน บานสดใส
รับอุทัย ยามอรุณ ละมุนหอม
ภุมริน บินวน เยี่ยมยลตอม
เพียรดมดอม รสสุคนธ์ บนกลีบบาง
เธออยู่สุง สุดคว้า โน้มมาชิด
แม้มีจิต เคียงคู่ มิรู้ห่าง
ในความจริง ดุจเหมือน จะเลือนลาง
เปรียบเส้นทาง สายนั้น ขนานไป
ก็คิดว่า แม่นมั่น สัญญารัก
จึงประจักษ์ แน่แท้ แต่หวั่นไหว
มองตัวเอง แล้วเล่า เศร้ากระไร
กลัวหัวใจ ยับย่อย ด้วยรอยตรม

หายสงสัย

คนกรุงศรี


ภาระกิจ ติดพัน ตัวปัญหา
จึงพบหน้า ไม่บ่อย น้อยกว่าเก่า
ความผูกพัน เจือจาง ดูบางเบา
สงสารเขา เสียนัก จำหักใจ
อนาคต วาดฝัน วันข้างหน้า
เราคิดว่า หมดจด แลสดใส
แม้คิดถึง มิหวง แต่ห่วงใย
เพราะเชื่อใน ความซื่อตรง คงเหมือนเคย
แต่ความจริง เรานั้น สำคัญผิด
ไม่ได้คิด เพราะเขลา ใจเราเอ๋ย
พอพบฉัน เมื่อเช้า เขาเฉยเมย
สักคำเอ่ย ถามไถ่ ยังไม่มี

ชั่วนิรันดร์ อาจนานยาว-หนาวกว่าเดิม

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


เธอเลิกรักหักสัมพันธ์ในวันก่อน
กลับมานอนหมองไหม้ใจหมองหมาง
คงต้องลาคราต้องไกลในเส้นทาง
ต้องลาร้างจางจากกันนิรันดร์ไป
เป็นนิรันดร์ที่แสนยาวแสนหนาวเหน็บ
หากนับเจ็บเจ็บปวดป่นทนไม่ได้
หากนับหนาวหนาวก็ใกล้จับใจวาย
ที่สุดร้ายคือไม่มีที่สิ้นเลย
ฤดูหนาวไม่สิ้นสุดมีจุดเริ่ม
และต่อเสริมเติมต่อไปไร้เฉลย
ว่าต้องหนาวนานแค่ไหนใจไม่เคย
ความเศร้าเอ๋ย คงครองใจไปนิรันดร์
ขอได้ไหม แค่คำลวงว่าห่วงบ้าง
เพื่ออำพรางบางห้วงใจให้เหหัน
หากหวงแค่แม้คำลวงว่า ห่วงกัน
ชั่วนิรันดร์ อาจนานยาว-หนาวกว่าเดิม

สงสัย

คนกรุงศรี


เคยห่วงหา อาทร เมื่อก่อนนั้น
ยังจำมั่น มิเลือน คำเตือนสอน
สิ่งถูกผิด แนะกัน ทุกขั้นตอน
หลายวันก่อน ดูห่าง เหมือนร้างลา
เวลาเปลี่ยน เวียนไป ใจเธอเล่า
แปรหรือเปล่า สงสัย ใคร่ค้นหา
เคยสุขสันต์ วันก่อน ตอนพูดจา
สนทนา หยอกกัน ฉันสุขใจ
วันนี้ห่าง ร้างไป มิใคร่เห็น
เช้าจรดเย็น รอเขา เฝ้าสงสัย
ถ้างานเยอะ ยุ่งนัก หนักเกินไป
หยุดคิดถึง ฉันไว้ ก็ได้เธอ

อกหัก

nomi


ยังรักเธอเสมอ     แต่ว่าเธอไม่สนใจ
ฉันยังคอยห่วงใย แต่ในใจเธอไม่รัก
ฉันยังอยากรู้จัก    ว่าเธอนั้นคิดยังไง
เพราะเธอจากฉันไป และในใจเธอไม่แคร์

รักไม่ใช่...

กวีปกรณ์


คงได้ยินเรื่องราวเธอที่รัก
ยังชื่นสุขทุกข์หนักรับรู้เสมอ
กับรักใหม่ไม่นานที่พบพบเจอ
เฝ้ายินดีกับเธอทุกคืนวัน
เมื่อได้พานได้พบคนที่ใช่
เขาที่มอบสิ่งใดได้ดั่งฝัน
ชายคนนี้มีเพียงรักให้กัน
เพราะรักนั้นใช่ทุกสิ่งฉันเข้าใจ
ที่รัก
อย่าคิดหนักเรื่องเราดีกว่าไหม
พบเจอกันทักทายบ้างเป็นไร
สองเรานั้นห่างไกลเพียงสัมพันธ์
ส่วนตัวฉันตอนนี้ดีเหมือนเดิม
อาจมีเพิ่มความเหงาเข้าข่มขวัญ
กว่าผ่านพ้นคืนว้างอย่างบางวัน
ดุจดังฉันดั่งดาวหนาวค่ำคืน
ขอยอมรับตามตรงว่าคิดถึง
ความคำนึงมีให้ไม่อาจฝืน
มอบยิ้มให้แต่ใจน้ำตารื้น
บ่อน้ำตาตันตื้นแต้มทรวงใน
เพราะเธอคือคนที่ใช่สำหรับฉัน
เพราะเธอคือคนปลอบขวัญวันอ่อนไหว
เพราะเธอคือความคิดถึงยามห่างไกล
เพราะเธอคือความห่วงใยในทุกยาม
แล้วคำเธอที่บอกล้วนเป็นจริง
รักไม่ใช่ทุกสิ่งที่ไถ่ถาม
ไม่ใช่เธอ ไม่ใช่ฉัน ทุกผู้นาม
รักไม่ใช่ทุกความนามารมณ์
รักของฉัน ของเธอ ไม่เหมือนกัน
เราต่างคนต่างปั้นตามใจสม
สร้างสรรค์รักสวยงามแล้วชื่นชม
แต่งเติมตามความนิยมในยามนั้น
จนถึงวันที่เธอจากฉันไป
น้ำตานองร้องไห้หัวใจสั่น
ด้วยยอมรับและเข้าใจไม่โกรธกัน
รักไม่ใช่ เธอ-ฉัน ไม่ยั่งยืน
ยังรับรู้เรื่องราวข่าวของเธอ
สุขและทุกข์ที่เจอปลุกเราตื่น
รักไม่ใช่ความฝันยามค่ำคืน
รักอาจเป็นเพียงฟืนช่วยเติมใจ

มีอะไร ก็บอกมา

แทนคุณแทนไท


ถ้าน้องเจ็บ
พี่ไยจักจะเก็บอารมณ์ไหว
น้ำตาว๊ะ เป็นบ้าไหลทำไม
หรือบอกความขื่นไข้ในใจเรา
เขาไม่รักเราอย่างที่ควรรัก
แน่นอนนัก ผลักเราเป็นคนเศร้า
ความทุกข์นั้นแม้เพียงแค่แผ่วเบา
แต่สะท้านสะเทือนเข้าไปถึงทรวง
เมื่อน้องเจ็บ
ไยพี่ต้องกดเก็บความเป็นห่วง
ถ้อยที่เคยพร่ำย้ำทุกสิ่งปวง
มาถามทวง ว่ายังจำสักคำไหม
คนหมองหม่น
ไม่แปลกหรอกหากหมองจนอยากร่ำไห้
เพราะบางคนยังแกล้งแสดงใจ
ร้องร่ำไห้ได้ทั้งที่ไม่มีใจ
ไม่ถามว่าวันนี้ สบายดีหรือ
เพราะข้อความที่สื่ออารมณ์ไว้
ในนามของคนที่คอยห่วงใย
ขอถามว่า มีอะไรก็บอกมา

รักเขานานๆ

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


เพราะรักดอกจึงบอกมาว่ารักมาก
ต้องจำพรากจากนี้ไป  ไม่มีหวัง
ยินบ้างไหมใจยังเต้นเป็นเสียงดัง
เพียงลำพังยังรำพึงคิดถึงเธอ
วันผ่านไปใจไม่ผ่านไม่ผันเปลี่ยน
วันผ่านเวียนเพียรระลึกนึกเสมอ
เทียบวันเก่าเท่าวันก่อนตอนเราเจอ
น้ำตาเอ่อปริ่มๆรื้น ชื้นนัยน์ตา
ยังรักมาก มากเท่าที่พี่เคยรัก
ใจยังภักดิ์ แม้ไม่คาดปรารถนา
ว่าคนดีจะมีวันหันกลับมา
รู้ดีว่าสิ้นแล้วแววหทัย
เมื่อความรักหักบิ่นสิ้นความรัก
ใจเคยภักดิ์กลับแพ้เขาที่เข้าใกล้
เคยคิดแค่ รักแท้จะชนะใจ
ไม่เตรียมไว้ รักจะพลาดเกินคาดเดา
รักเขาแล้วก็รักไปให้หมดดวง
อย่าเป็นห่วงดวงใจใครจะเหงา
ให้สมที่พี่ยอมใจให้ซบเซา
อย่าสนใจใครจะเศร้า ..รักเขานานๆ

ดื่มด่ำภาพปลาบปลื้มยังดื่มด่ำ ในคืนค่ำฟ้าสวยมากหลากแสงสี

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


อยู่เพื่อเศร้าไปวันๆเท่านั้น ..เศร้า
มวลความเหงาทั้งมวลหวนสู่สิง
ประหวั่นรัก จักลดละไม่ประวิง
ยังด่ำดิ่งเคยดื่มด่ำคำหวังดี
ดื่มด่ำภาพปลาบปลื้มยังดื่มด่ำ
ในคืนค่ำฟ้าสวยมากหลากแสงสี
จำภาพนั้นมั่นฉมังดั่งฝันดี
ในวันที่คืนฝันไม่ผันแปร
ฝันกับจริงแยกไม่ได้คล้ายจริงนั่น
จริงหรือฝันก็สุขศานต์สนานแน่
เชื่อว่ารักหนักหน่วงทั้งดวงแด
คือรักแท้ แม้ผ่านผันยังมั่นใจ
ดั่งสายน้ำไหลไปไกล ไม่กลับหวน
เวลาผวนไม่ผันหากลับมาได้
แต่รออยู่ ด้วยใจหวังประทังไว้
เป็นหยาดฝนหล่นมาใหม่ ..ในต้นธาร

ขอโทษ

ปติ ตันขุนทด


พุทธองค์ว่าไว้           รักกัน
ยามเมื่อพลัดพรากพลัน   ห่วงเศร้า
เห็นตกแก่ตัวฉัน             หนักแน่
พลัดคู่สวาทเคล้า            ครุ่นเฝ้าโศกหา
นอนในกระท่อมร้าง        โนนนา
อกเปลี่ยวทุกข์ทรมา       หม่นไหม้
จิตสับส่ายโหยหา            มิตรแม่
ผิดพี่ขอโทษไว้               อย่าได้ลาหนี

ขอโทษ

ทะเลลม


อยากขอโทษ ที่เคย เมินเฉยให้
บอกจากใจ สำนึกผิด ที่คิดถึง
อาจปล่อยปละ ละเลย ไปนิดนึง
จึงบอกหนึ่ง คำนี้ ว่าเสียใจ
อาจจะห่าง เหินไป ไกลสักหน่อย
ใจดวงน้อย ไม่เคยห่าง จากไปไหน
ยังคงอยู่ กับเธอ เสมอไป
จะกังวล ไปใย ล่ะแก้วตา

เจ็บเท่าไหร่ให้เจ็บจัดชัดไปเลย เพื่อคุ้นเคยให้เจ็บจำคำ เจ็บใจ

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


เรามีชีวิตเพื่ออะไร..
เพื่อทุกข์ใจไปวันๆเช่นนั้นหรือ
โหมแต่เศร้าเก่าก่อนย้อนกระพือ
ให้อึงอื้อว่าเราแพ้ให้แก่ใคร
แพ้แก่รักไม่พักวางอย่างขี้แพ้
ทวนเพียงแค่เรื่องโศกศัลย์อันหม่นไหม้
เก็บแต่ภาพที่เจ็บจัดอย่างชัดใจ
แล้วเมื่อไหร่นะเมื่อไรใจจะลืม
หลงภาพลวงปวงเหล่านั้นว่ามันแท้
เฝ้าฝันแต่เพียงภาพอันปลาบปลื้ม
หลงภาพลวง แค่ที่เขาให้เรายืม
ดิ่งด่ำดื่ม งมเหงาใจไม่งอกเงย
..ยังคงย้ำคิดย้ำทำย้ำคำว่า
รักแสนรักเป็นนักหนาแก้วตาเอ๋ย
เจ็บเท่าไหร่ให้เจ็บจัดชัดไปเลย
เพื่อคุ้นเคยให้เจ็บจำคำ เจ็บใจ

สุริยัน

สุนทรวิทย์


สุริยัน  อันเจิดจ้า
ร้อนแรงกล้า  บนฟ้าไกล
สาดแสง  แดงอำไพ
โลมลูบไล้  ไผทดล
เมทนี  อาบสีสัน
ป่าอรัณย์  พลันโสภณ
ละหาน  สายธารชล
ทั่วมณฑล  ยลงดงาม
ชีวิต  จิตรกำเนิด
สิ่งประเสริฐ  ก่อเกิดตาม
วิเศษ  พื้นเขตคาม
อภิราม  ยามทิวา
รวี  ศรีอดุลย์
แผ่ไออุ่น  พสุนธรา
เกื้อหนุน  คุณนานา
ต่อโลกา  เหมือนอาทร
ขาดแสง  แห่งตะวัน
โลกโศกศัลย์  นิรันดร
ดุจชาย  ไร้บังอร
แทบม้วยมรณ์  นอนปวดใจ
ทินกร  แม้ร้อนนัก
ไหนเทียมรัก  ปักทรวงใน
หลงเจ้า  เฝ้าห่วงใย
เหตุไฉน  เมินไมตรี
หทัย  มิใหญ่หลวง
ใช่เปรียบสรวง  ดวงสุรีย์
มีเพียงรัก  และภักดี
ซึ่งพร้อมที่  พลีเพื่อเธอ
หน้า / 50  
ทั้งหมด 839 กลอน