เหมือนโดดเดี่ยว เดียวดาย อยู่ปลายหล้า อยากมองหา สักคน บนความหวัง เป็นเพื่อนปลอบ มอบใจ ให้พลัง แลหน้าหลัง ยังหม่น ทนเอกาคนเคยชิด เชยใกล้ เขาไกลห่าง ความอ้างว้าง จับจอง เฝ้าปองหา ตีสนิท ติดอยู่ คู่กายา ก็ดีกว่า เพื่อนใจ ไม่ปรานีอยู่กับเงา เหงาเอ๋ย อย่าเลยจาก เป็นเพื่อนยาก อย่านะ คิดผละหนี คงเพียงเจ้า เท่านั้น มั่นคงดี เลิกหวังมี คนไหน ใครเขามองมองนภา ราตรี ที่เวิ้งว้าง ยลแล้วช่าง เหว่ว้า ยิ่งพาหมอง ดารามี ดาวเดือน เป็นเพื่อนครอง เราก็ปอง ผองเพื่อน เหมือนดาวจันทร์ฝากหัวใจ ผ่านฟ้า ดาราเอ๋ย อย่าละเลย โปรดด้วย จงช่วยฉัน นะน้ำใจ เพียงนิด คิดแบ่งปัน ถ้าใครนั้น เมตตา ช่วยพาทีวอนสายลม ล่องลิ่ว พัดพลิ้วผัน อย่าเย้ยหยัน เยาะเย้า ตัวเรานี่ แม้แรมร้าง สิ้นไร้ คนใยดี ก็ยังมี เดียวดาย ช่วยคลายตรม
เชิญมาฟังปรัชญาแฝงแห่งวงเล่า ว่าด้วยเรื่องความเมา และความรัก ประสบการณ์ผ่านประสบ พบประจักษ์ หน่วงใจนักไม่พักเก็บ เจ็บไว้จำ ค่ำคืนคลื่นความจำคว่ำเรือใจ ใครนะใคร บอกรักเราทุกเช้าค่ำ เหมือนแสงวับแล้วกลับวาย กลายกลับคำ ปล่อยคนช้ำร่ำสุราน้ำตาริน .. เราร่ำดื่มให้ลืมค่ำที่ร่ำดื่ม เศร้าเพื่อลืม ดื่มให้คล้ายลืมได้สิ้น แต่ยังย้ำคำที่เอ่ยให้เคยชิน ยังได้ยินที่ตอกตำย้ำตัวตน เป็นคนเมาก็อยู่ส่วนที่ล้วนเมา เป็นคนเศร้าก็จงเศร้าอย่าสับสน หากข้ามเส้นจะผิดหวังในวังวน อย่าหวังพ้นจากพ่ายแพ้แม้เมามาย คนไหนเมา.. เขาคนไหน.. ใครคนเมา.. ดื่มความเศร้าเคล้าสุราคว้าความหมาย คงความจำย้ำเย้ยหยันอันตราย เจ็บเจียนตายแต่คล้ายเหมือนจะเตือนตน ว่าถ้าอยากลืมรักสิ้นอย่ารินเหล้า เมื่อใดเมา อาจลืมรักได้สักหน แต่เมื่อตื่นลืมตามาพบตน คงไม่พ้น เห็นคนเศร้าเข้าเต็มตา เมื่ออยากจำกลับลืมไปไม่อาจจำ แต่เรื่องช้ำเหมือนย้ำใจไปชาติหน้า ยิ่งอยากลืมเธอเท่าไหร่ในอุรา ยิ่งชัดว่า ..หัวใจมันไม่ลืม
เสียงแว่วไหวโลมไล้"ความรู้สึก" สุดจะนึกให้ออก เสียงใครหนอ เหมือนลอยลม ห่มใจ นวลละออ แล้วเคล้าคลอ บรรเลง เพลงเบาเบา ..หลับหรือยัง คนดีพี่จะกล่อม.. เสียงละมุนละม่อม ล้อมคนเหงา หอมอบอุ่น กรุ่นกาย ชายบังเงา เป็นเจ้าเข้า เจ้าของ น้องเมื่อไร ..รับเสียเพรียกเรียกหาอย่าห่างหาย ขอให้ชายคุ้มครอง ยามหลับไหล เอื้อมมือคว้า เสียงเรียกของหัวใจ ผวา!ใน ความฝัน..อันตธาน ..คนในฝัน รูปงามตามนิมิต สิงสถิตย์ หนใด ขอไขขาน จากสวรรค์ ชั้นไหน ในวิมาน ราตรีกาล ค่อนคืน ชื่นฤดี ..อธิฐานผ่านภพที่ซ่อนเร้น สิ่งที่เห็น ในฝัน มันถ้วนถี่ ยังจำเสียงเรียกย้ำ พร่ำวจี รอน้องพี่..ในฝัน ..มิผันแปร
ก่อนจะลาร้างกันในวันนี้ ขอคนดีช่วยฟังอีกครั้งหน ขอจากใจอาภัพและอับจน ไม่เคยพ้นจากความหลังสักครั้งคราว อยากจะบอกนักหนาว่าหนาวอยู่ อยากให้รู้นักหนาว่ามันหนาว ถอนหายใจยังเห็นเป็นสายยาว เหมือนความร้าวรานนี้มีตัวตน หนาวหนักหนาสาหัสนักเมื่อรักหาย กลับมากลาย สลายวับให้สับสน หนาวหนักแท้แม้เป็นเดือนเมษายน จะดั้นด้นหนีหนาวนี้ไปที่ใด ไปทะเลที่แดดจัดถนัดแจ้ง ยังหนาวแรงขึ้นทุกที ร้อนที่ไหน เพราะทะเลเตือนวันครั้ง ยังฝังใจ ว่าเคยบอกรักใครใกล้ทะเล ขึ้นเขาอิงผิงไฟกองใหญ่นัก หวังผ่อนรักพักอุราคราว้าเหว่ เห็นเปลวไฟไหววิ่งยิ่งรวนเร ไม่อาจลืมรักเร่ ..เกเรเรา หนาวหนักนัก หนาวเจียนใจใกล้จะขาด หวิวใจหวาดสะท้านไหวใจขลาดเขลา ร้างรัก ก็ร้างไร้ไออุ่นเรา.. กอดความเศร้า ..หนาวน้ำตา เมษายน
เราก่อสร้างดินแดนที่แสนเศร้า แล้วก็เฝ้าอยู่อาศัยในที่นั่น อย่างรางเลือนเชือนแชไม่แลกัน วันผ่านวัน ผันผ่านเลื่อนเป็นเดือนปี ต่างคนต่างก็เหงาในเงาตน ต่างสับสนในหนทางระหว่างที่ ต่างรำลึกนึกหวนทวนฤดี แปลกตรงที่.. ใจอ้างว้างไม่ต่างกัน ความฝัน.. ทำให้ใจใฝ่หารัก แต่แปลกนัก รักลวงล่อก็ด้วยฝัน หากเพียงแต่แค่ใจเรารู้เท่าทัน ว่ารักนั้น ฝันไปไม่ใช่จริง คงไม่ต้องทุกข์หนักเพราะรักล่ม คงไม่จมจ่อมเศร้าเฝ้าสู่สิง คงไม่เจ็บเก็บความจำย้ำความจริง คงไม่ทิ้งให้ฝันคว้างต้องหมางเมิน ดูดาว.. ดาวก็พร่างอย่างเรืองรอง แต่ใจหมองครองเศร้าเราห่างเหิน ประหวั่นนักรักลดละสุดประเมิน เจ็บใจเกินกว่าจะกลั้น วันจากไกล มองดาววันเดียวแท้เห็นแค่แสง จะเห็นความเปลี่ยนแปลงก็หาไม่ ต้องมองดาวทุกคืนค่ำประจำไป มองเพื่อให้เห็นซึ้ง ..ถึงผู้มอง ความเปลี่ยนแปลง.. เป็นนิรันดร์ เป็นเช่นนั้นทุกยามห้ามผยอง อย่าไปยึดติดสิ่งใดที่ใจปอง เพื่อไม่ต้องตั้งคำถาม ..ความเปลี่ยนแปลง..
แค่คำแรกเพียงคำเดียวออกจากปาก ใจดุจหัตถ์บิดกระชากและทืบถม เสี้ยวปีติที่พบเธอกลับทุกตรม ข่มความขมที่แผ่ซ่านไปทั้งใจ ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่แลเห็น แสร้งเอ่ยทักเหมือนเคยเป็นอย่างสดใส ทั้งน้ำตาหลั่งเป็นสายอยู่ภายใน ฝืนรีบไปให้พ้นหน้า... กลัวรำคาญ... วันเกิดเหตุ วันพุธที่ 2 พฤษภาคม 2555 ที่ห้องสมุดชั้น 4 Wednesday 5.27 p.m., May 16, 2012
จากคนหนึ่งแล้งหวัง ฝังใจเจ็บ จากคนเหน็บหนาวรัก ..ที่หักหาญ จากสตรีแสนเศร้า..เหงาบนลาน เขียนกลอนกานท์..ผ่อนโศกวิโยกครวญ ได้รับฝาก..ยาใจ.มารักษา ได้ลบคราบน้ำตา ..ที่ไห้หวล เติมใจรัก ให้ลืมคนเรรวน ขอเนื้อนวล หายโศก โลกสีเทา ยื่นมือน้อย ร้อยใจมาด้วยจิต ของมิ่งมิตร คนไกล ไล่ความเหงา ที่พร้อมเพรียก เรียกหาคำว่าเรา ที่หายไปนานเนา..เหงาจนชิน ยาหัวใจ ไกลพ้นคนคิดถึง ฝากคำซึ้ง รื่นหู มิรู้สิ้น ว่า ทั้งรักทั้งห่วง..เป็นอาจิณ น้องยลยิน เสียงนี้..มิเบื่อเลย ระยะการเดินทางของ..ความรัก เหนื่อยและหนักมานาน..คร้านจะเอ่ย ยาหัวใจ..ครานี้.หวังลงเอย หากกลายเป็น..คนคุ้นเคย..อย่าเลยไกล
.แหงนมองจันทร์พร่างพรายสายลมหนาว ช่วยรับฝากจากสาว..ที่คิดถึง ทั้งหนาวเนื้อเจือใจ..ใคร่คำนึง ฝากรำพึงถึงชายที่หมายปอง เพลานี้ยามหนาวร้าวดวงจิต เพราะมิ่งมิตรอยู่ไกล..ใจเศร้าหมอง สไบแพรห่มเนื่อเรื่อเรืองรอง คอยประคองผิวงาม.ยามหนาวมา จักรอพี่อยู่เรือนมิเบือนจร อรชรรักฝากปราถนา สายลมหนาวผ่าวไล้ใจพี่ยา ทุกเพลารอพี่นี้กลับเรือน พรมแป้งร่ำแนบเนื้อเพื่อรอพี่ สไบสีงามตาหาใครเหมือน ผมสยายเงาวับรับแสงเดือน อย่าแชแชือนลืมรัก..จักระทม สายลมหนาวดาวเดือนเตือนพี่กลับ อย่าลาลับเนิ่นนานพานขื่นขม เฝ้าถนอมกายใจให้ชื่นชม ฝากสายลมห่มรัก..จักหนาวคลาย
** ก่อนเคยหวาน หวานหวาน หวานหว้านหวาน พอหวานนาน แม้หวาน มิเสื่อมถอย เพียงแต่หวาน หวานนาน กาลเลื่อนลอย แม้ยังหวาน พาลกร่อย ด้วยความชิน **แต่ความหวาน หวานหยด ลดไม่ได้ หากลดไป หวานหาย คลายหมดสิ้น คนรับหวาน เคยรับหวาน เป็นอาจิณ โอ้ชีวิน อดหวาน พาลสิ้นใจ **หากยังต้อง ปรุงหวาน ให้หวานชื่น ให้กลมกลืน กลมกล่อม ถนอมไว้ ปรับปรุงแต่ง ชีวิต บำรุงใจ เพิ่มความใหม่ สร้างสรร ให้กันเอง **ปรับความคิด ชีวิต ให้ใสสด มีเพิ่มลด แต่แต้ม แจ่มแจ๋วเจ๋ง ให้สมดุล จุลเจือ ให้ใจเอง เพื่อบรรเลง เพลงหวาน จานเผื่อกัน **เมื่อความหวาน ยังต้องหวาน อย่าพาลลด ต้องหวานสด หวานเพิ่ม ต่อเติมฝัน อย่าใด้ขาด ความหวาน ให้แก่กัน เพื่อสองใจ คู่นั้น หวานไม่คลาย 13 พฤษภาคม 2555 18:10
ถึงฉัน... ดอกไม้กับแจกัน ดอกไม้ที่มันดูสวยมาใส่แจกัน ได้ถามมันไหมว่าโดนบังคับ หรือสมัครใจ มีคนพรากมันมา อำลากิ่งก้านใบแหละสุดท้าย มาร้องไห้บนแจกัน แหละฉันก็รู้ว่าเธอก็รักก็ห่วงเท่าไรจะไปทางไหน ก็มีเธอเคยบอกกับฉัน ใจจริงก็รักเธอ ทั้งรักและผูกพัน แต่มันทน ทำตามต่อไปไม่ไหว แค่อยากเป็นตัวเอง อยากเป็นตัวฉันคนเดิม อย่าเติมอะไรลงไป ฉันเคยเหนื่อยใช้ชีวิตหนักๆ มีรักก็อยากให้ผ่อนคลาย อยากให้รักฉันอย่างที่เป็นฉันจริงๆอย่าทำให้เป็นใครๆ รักเธอมากที่สุด แต่มันก็ต้องจากไป วันนี้ฉันขอจากไป ฉันขอไปเป็นตัวเอง อย่าคิดว่า ฉันไม่รักไม่ห่วงใยใคร แค่ขอไปใช้ชีวิตคนเดียว ในแบบลำพัง วันหนึ่งหากพบตัวเองวังเวงหมดหนทาง และสุดท้ายดอกไม้จะกลับมาหาแจกัน จากเธอ จากแจกันถึงดอกไม้ ฉันก็แค่แจกันที่อ่อนไหว เพียงอยากให้ใครดูแลบ้าง ไม่ต้องสบตา ไม่ต้องร่วมทาง ขอเพียงไอบางความอุ่น ..เกิ้อหนุนกัน รักฉันไม่จำเป็นต้องเลิศหรู ไม่ต้องหวานทุกอณูอย่างในฝัน แค่เรามีกันและกัน..สัญญานะ.. จะไม่ไหวหวั่น หากเธอมั่นคง เธอเป็นดอกไม้ ฉันเป็นแจกัน ชีวิตในบางวันอาจไม่ดังประสงค์ เพียงดอกไม้ยังอยู่ ยามแจกันล้มลง คอยเก็บเศษผงเพื่อ.. ต่อเติม..... ฉันมิอาจจะบังคับใคร ใคร หวังเพียงแค่บางหัวใจมาใส่เสริม เพิ่มความหวามไหวให้กับใจดวงเดิม เพื่อเต็มเติมบนทางเดิน... ที่เดียวดาย หากดอกไม้ไม่อยู่คู่แจกัน ชีวิตในบางวัน อาจหมดความหมาย คงมีเพียง เหงา เศร้า
ลมฝน เจ้าจะพัดความหม่นไปถึงไหน ฝากคิดถึงติดตามยามเจ้าไป ส่งให้คนไกลตาด้วยอาทร คนเหงา ใยจึงโศกเศร้าไม่หยุดหย่อน หรือรอใครด้วยใจที่อาวรณ์ ไม่เคยรู้ร้อนหนาวใดในค่ำคืน เงารัก ยิ่งประจักษ์ว่ายากเกินจะฝืน หลงเพียงเงาโศกเศร้าเฝ้ากล้ำกลืน มิอาจยืนต้านความรักที่หนักใจ กับดักหัวใจ กระไรหนอใจเอ๋ยเลยอ่อนไหว หลงในกลมนต์ดำหรืออย่างไร พลาดพลั้งไปในหลุมรักกับดักรอ
ทุกครั้งที่ใจเจ็บและเหน็บหนาว มีเรื่องราวหลายหลากมากปัญหา อยากให้ลืมความเจ็บจนเหน็บชา คงต้องการเวลารักษาใจ อยากให้เป็นเหมือนวันจันทร์กระจ่าง ฟ้าสว่างด้วยดาวพราวไสว วันที่รักโอบเอื้อด้วยเยื่อใย วันที่ความห่างไกล...ใช่ต้นตอ เมื่อไม่อาจทำได้ดังใจคิด ฉันใช้สิทธิ์นิดหนึ่งพึงร้องขอ ถ้าความเข้าใจกันมันไม่พอ จะให้รออย่างนี้อีกกี่วาร จะไม่กล่าวคำว่าขอลาก่อน แม้บทกลอนจากใจก็ไม่หวาน ระยะทางห่างไกลใจจึงราน คิดถึงบ้าน...มวลมิตร...คิดถึงเธอ คำอำลาวันนี้ไม่มีให้ แม้ว่าใจยังหวงห่วงเสมอ หากคราใดได้พบประสบเจอ จะไม่เผลอวอนว่าอย่าจากไป จะไม่ลืมใจเจ็บที่เหน็บหนาว ทุกเรื่องราวร้าวรานเกินทานไหว จนอยากมีคำถามว่าทำไม คนปราชัยเป็นฉันอยู่นั่นเอง
ใครคนหนึ่ง ซึ่งคอย จนหงอยเหงา แอบนั่งเศร้า เฝ้ามอง คอยจ้องหา มีเพียงหวัง ยังจำ คำวาจา คงย้อนมา สักวัน ดั่งฉันคอย คำสั้นสั้น วันนี้ ที่ได้รับ เหมือนว่าซับ น้ำตา คราเหงาหงอย ก็บ่อยครั้ง นั่งคิด จิตเหม่อลอย จนค่อยค่อย เจียมใจ ไม่ลืมตน อยากจะหัก ห้ามใจ มิให้คิด รู้ไร้สิทธิ์ แต่ใน ใจสับสน ใต้สำนึก ของฉัน นั้นกังวล คิดถึงปน ห่วงใย ให้อาทร
เส้นเลือดโปน โดนแยง แทงด้วยเข็ม น้ำเกลือเต็ม สายไหล ไปผสม เห็นคุณหมอ รอกรีด ใบมีดคม เพียงสูดดม ยาสลบ ก็ซบไป ตื่นอีกครั้ง ยังมี ชีวิตอยู่ จับแขนดู เขย่า ตัวเราใช่ ขยับร่าง ร้าวรวด ปวดเหลือใจ เหลียวหาใคร ไหนซึ่ง พอพึ่งพา มองด้านข้าง ว่างเปล่า คนเฝ้าไข้ คนเตียงใกล้ ใครมอง ต้องอิจฉา เธอประคอง คอช้อน ช่วยป้อนยา ต้องเบือนหน้า กลับไป ไม่อยากดู วันก่อนเอ๋ย เคยเรา คนเฝ้าไข้ เข้านั่งใกล้ ข้างเตียง เคียงเธออยู่ ภาพฝังใจ หนหลัง ยังพรั่งพรู วันนี้รู้ อย่างเดียว ว่าเปลี่ยวใจ อยากยืนยง คงอยู่ สู้ไม่ถอย มีคนคอย อยู่หลัง เราบ้างไหม ชีวิตยัง มิสิ้น ต้องดิ้นไป มิเพื่อใคร เพียงตน ทนเรื่อยมา เนื้อร้ายปวด รวดร้าว หมอเอาออก ความช้ำชอก ยังชิด ติดตามหา ความเดียวดาย เกาะกุม สุมกายา อยากรักษา มีไหม ใครช่วยที
ดอกฟ้าเอยเจ้าสูงไปไกลลับตา สุดปัญญาจะเหนี่ยวโน้มลงมาหา เป็นดอกไม้ที่งดงามบนนภา ไม่คู่ควรจะลงมาสู่แดนดิน � �เกสรงามสีสวยดั่งดวงหน้า กลีบดอกฟ้าหอมหวนชวนถวิล หมู่แมลงแฝงใกล้หวังราคิน เวียนวนบินหมดสิ้นต่างเฝ้ามา � �เปรียบบนนั้นไกลเหลือเกินจะไขว่คว้า เหวกับฟ้ามิอาจเอื้อมแตะถึง เหลือแค่เพียงห่วงใยครุ่นคำนึง จากผู้ซึ่งอยู่ไกลที่เฝ้ามอง � �ขอให้เธอเจอรักมิลวงหลอก อย่าได้ชอกเจ็บช้ำเศร้ามัวหมอง แม้นน้ำตาของเธอไหลเอ่อนอง มีอีกคนที่ต้องเจ็บปวดใจ � �ถึงอย่างไรยังรอเพื่อคอยถาม กี่หมื่นล้านโมงยามไม่ไปไหน ต่อให้นานตราบนานแม้สิ้นใจ หวังเพียงให้สักครั้งเธอเหลียวมอง
อยากให้รู้ว่ารักและคิดถึง จึงทำซึ้งหยิบปากกาออกมาเขียน กลั่นเป็นคำจากใจแล้วร้อยเรียง ด้วยสำเนียงเรียบง่ายแต่ใจจริง � �ย่อหน้าแรกส่งผ่านความรู้สึก ลึกลึกแล้วข้างในฉันใจหาย ถึงวันนี้ไร้เธอแนบเคียงกาย หนาวไม่วายทุกวันคืนทุกคืนวัน � � ย่อหน้าสองเขียนถึงความห่วงใย ที่มีให้ไม่จางแม้กาลผัน ต่อให้นานดาวหมดฟ้าร้างรากัน หัวใจฉันยังคงอยู่ที่เธอ � �หน้าถัดมาหัวใจมีคำทัก ว่ายังรักคอยห่วงอยู่เสมอ แม้ตัวไกลไร้โอกาสผ่านพบเจอ หลงละเมอถึงเธอทุกคืนวัน � �รอยยิ้มนั้นคงอยู่ที่ตรงนี้ ยิ้มทุกทีเมื่อเธอยิ้มให้ฉัน ไม่เคยหมดมีให้ทุกทุกวัน แม้ห่างกันแต่ใจไม่เดียวดาย � � ย่อหน้าท้ายลงท้ายคำว่ารัก ให้ประจักษ์ให้รู้แจ้งถึงความหมาย ปิดผนึกใส่ซองแนบดวงใจ วอนสายลมส่งไปให้ถึงเธอ � �ส่งถึงเธอผู้ซึ่งเป็นที่รัก จดหมายฝากจากใจมีคำถาม แม้นเธออ่านครั้งใดเห็นข้อความ ตอบกลับมาถึงฉันด้วยใจเธอ
เคยพลาดหวังอย่างนี้แล้วกี่ครั้ง หมดพลังไร้ค่าสิ้นราศี เมื่อห่างกันด้วยกาลนานเป็นปี จะวันนี้...หรือวันไหน...ก็ไกลกัน ความทุกข์ท้อถาโถมประโคมใส่ ทุกห้องใจอ่อนเพลียและเสียขวัญ ต้องขมขื่นกลืนกล้ำร่ำจาบัลย์ มีชีวันชอกช้ำอย่างจำทน เหนื่อยเหลือเกินหัวใจยามไกลห่าง ทุกทิศทางคว้างไปในทุกหน ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวเปลี่ยวกมล ไร้แม้คนคอยหวงเป็นห่วงใย ขออย่ามีรักเล่ห์เที่ยวเร่รัก แล้วจมปลักกับวันอันตรมไหม้ น้ำตาหยาดหยดลงตรงกลางใจ นานเท่าใดจะเป็นเหมือนเช่นเดิม