กลอนอกหัก รักหวานซึ้ง

ใครเล่า เราคอย

คนกรุงศรี


เมื่อใจเหงา เราเอ๋ย นั่งเฉยนิ่ง
มิสุงสิง กับใคร เหมือนไหม้หมอง
คิดถึงคน อยู่ไกล ที่ใฝ่ปอง
เคยเคียงครอง สองเรา ว่าเข้าใจเมื่อคืนก่อน ตอนวัน ที่จันทร์ผอม
เอาแขนอ้อม โอบเจ้า รั้งเข้าใกล้
ยังชวนชี้ ชมจันทร์ อันอำไพ
แล้วลาไป ปล่อยเรา หยอกเย้ากันค่ำนี้จันทร์ นั้นดับ ลับไปแล้ว
ลมเหนือแผ่ว โชยมา พาหนาวสั่น
มิเพียงกาย ใจเล่า หนาวอนันต์
เธอคนนั้น อยู่ไหน ให้เราคอยอยากจะกู่ ก้องฟ้า ว่าคิดถึง
หวังวันหนึ่ง ตัวเรา คลายเศร้าสร้อย
คืนนี้ฝาก คำฟ้า พาล่องลอย
แต่กลับหงอย เหมือนว่า มิปรานีดาวกระพริบ หยิบไหว คล้ายเย้ยยั่ว
ฟ้ามืดมัว พาเรา เหงาเหลือที่
ขลุ่ยบรรเลง เพลงเศร้า ร้าวฤดี
ฟังดนตรี ใครครวญ รัญจวนจริง
ก็แล้วใคร ไหนหนอ เรารออยู่
เธอจะรู้ ไหมเล่า เจ้ายอดหญิง
ลืมความอุ่น เคยแนบ ครั้งแอบอิง
ฤๅเจ้าทิ้ง คำว่า... สัญญากัน
คนกรุงศรี ฯ
กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา

เธอหายไปไหน ?

แทนคุณแทนไท


วันนี้เสี่ยง ถ้อยรสพจน์มามอบ
เป็นเพราะรักเพราะชอบไม่ใช่หรือ
ฉันเกรงการเป็นดังคำคนลือ
จะสิ้นชื่อแล้วหนาบ้านกลอนไทย
เห็นสหาย หายหน้าแล้วใจหาย
มีแต่เพียงสร้อยสายระบายไว้-
-คนสร้างฝันวันนั้นเคยหวั่นใจ
วันนี้ไยจากไกลเหมือนไม่มี
เพื่อนเอ๋ย
ถิ่นนี้เคยปลอบปลุกทุกส่วนศรี
ฉันคอยเธอกลับมานะคนดี
ทั้งหมดนี้ฉันพิสูจน์พูดจากใจ
คิดถึงเธอ
ฉันพกเพ้อละเลอหาเหมือนบ้าใบ้
นิทานในหุบเขาฝนโปรยไพร
ยังจำกันได้ไหม คนใจดำ
ฉันกล่าวคำเช่นนี้ใช่ดีหนา
ทุกคำว่า เธอให้ก็ใจส่ำ
ฉันหยาบคายเธอล้ำในน้ำคำ
และระยำ เอ่ยได้ไม่อายนา
ถ้าผ่านมาอย่าหาว่าทวงถาม
แค่คิดห้ามใจยากลำบากหนา
เมื่อคืนนี้ฝนตกมาจากฟ้า
เช้าขึ้นมามิรู้ลาไปเมื่อใด
เหลือเม็ดฝนที่หล้นจากบนฟ้า
เหลือฝันเคยสวยกว่า ฝันครั้งไหน
เหลือจอกเหล้า จิบจอกเคยหยอกใจ
เหลือเพียงรอยอาลัยในไมตรี
จากวันนั้น มาวันนี้ ที่ว่างเปล่า
ฉันเงียบเหงาอ้างว้างอย่างเหลือที่
โลกนี้ช่าง ต่างแตก แปลกสิ้นดี
ทุกส่วนศรี เคยมีไม่เหลือเงา
ไม่เป็นไรวันนี้ไม่มีแล้ว
มณีแก้วแววใสในวันเก่า
มีแต่เพียงคำมั่นอันอ่อนเยาว์
ของคนเขลา เบาสติดำหริลวง
"เธอจากไปไหนหน่อยคอยชะแง้
เหมือนอกแม่ห่วงบุตรที่สุดหวง
บรรดาอันตรายใดประดาปวง
จริตห่วง นักหนานิจจาใจ"
อย่าถาม...
ว่า "มิตรภาพ" นั้นงดงามสักเพียงไหน
แม้บางสิ่งจะหมุนผ่านตามกาลไป
แต่ "รู้สึก" ในหัวใจยัง "คงเดิม"..
วันนี้เสี่ยง ถ้อยรสพจน์มามอบ
มิหวังได้คำตอบอะไรเพิ่ม

จะบอกอย่างไร

ร้อยฝัน


จะบอกกับหัวใจอย่างไรหนอ
สิ่งที่ทำสิ่งที่รอมันท้อไหม
สิ่งที่คิดสิ่งที่หวังเป็นอย่างไร
สิ่งที่ใจผูกพันนั้นไม่จริง
เป็นเพียงแค่บางเวลาของความเหงา
คำว่าเราใช่สำคัญไปทุกสิ่ง
เมื่อถูกความไกลห่างมาอ้างอิง
ดังถูกทิ้งให้อ้างว้างบนทางตัน
ผ่านมาแล้วก็เลยไปไร้จุดหมาย
มีเริ่มต้นแต่ไร้ปลายใช่ไหมนั่น
ที่เห็นเป็นเศษซากหากผูกพัน
ที่มีกันแต่เพียงเยื่อแต่ไร้ใย
หากจะจบ ใจจะเจ็บหรือไม่หนอ
หากจะรอก็จะพบกันอีกไหม
หากเดินจากก็คงเจ็บเกินทำใจ
นานเท่าใดหนอใจนี้จะดีเอง

มองเงา

คนกรุงศรี


ด้วยบทถ้อย ร้อยกานท์ ที่ขานไข
สิ้นกะใจ ไมตรี เหมือนหนีหาย
ก็ถึงกับ สับสน ปนวุ่นวาย
เกิดความอาย แอบหน้า หลบฟ้าดิน
อยู่อย่างคน หม่นมัว ชั่วชีพเหลือ
ใครกูลเกื้อ เผื่อใจ เอาไว้สิ้น
ช้ำมาบ่อย แบบว่า จนชาชิน
ปองถวิล สิ่งใด ไร้ทุกคราเหลียวมาจ้อง มองเงา โอ้เราเอ๋ย
ทุกคำเอ่ย ออกไป ล้วนไร้ค่า
อีหรอบเดิม อีกครั้ง ดั่งเคยมา
นอนเยียวยา รอยแยก ที่แหลกลาญมิเคยหมาย ใครมา รักษาแผล
คงเพียงแต่ เวลา มาผสาน
น่าชิงชัง ช่างเขลา จริงเจ้ามาน
ที่อาจหาญ ไขว่คว้า เกินค่าตน

ฝนไม่ได้ทำให้เจือจาง

อาบูไซยาบ


พายุพัด พสุธา เวหาสนั่น
ปลายวสันต์ ต้นเหมันต์ ช่างหวั่นไหว
ระทึกคลืน คลั่งคล้าย จะขาดใจ
พลันร่ำไห้ ด้วยความหวาด ซึ่งขลาดเกรง
ฟ้าคำราม ราวว่า จะเคลื่อนโลก
เอาความโศก โศกา มาข่มเหง
เอาสายฝน ที่หล่นหยาด เร่งบรรเลง
ให้วิเวกเหวก วังเวง ไปพร้อมกัน
หวังร่ำร้อง ฝากฟ้า และฝากฝน
ฝากบอกใคร ใครอีกคน ที่ลืมฉัน
ว่าความเหงา เศร้าโศก ในคืนวัน
ฝนไม่ได้เจือจางมัน และฟ้าไม่เคยปล่อยฉัน ละทิ้งมัน ได้....เลยสักที!!!!

ความทรงจำ

แย้ม ไกลวันเกิน


ผลสุดท้ายคล้ายว่าเป็นยาพิษ
ขอรับผิดรับผลฉันคนเขียน
จักเผาไหม้ตัวเองเปล่งแสงเทียน
ส่องบทเรียน สู่ตระหนัก เพื่อนนักกลอน
เจตนาหรือไม่ ใช่ข้ออ้าง
เป็นผู้สร้าง ขอรับผิด รับพิษก่อน
นับแต่นี้ต่อไปไม่เขียนกลอน
จะจากจร เจ็บกลืน กลับคืนรัง
(เพลงเริ่มต้น-"เธออยู่ไหน")
เธออยู่ไหน,ใครคนนั้น,ฉันอยู่นี่
เป็นวลี ที่รำพัน กันลับหลัง
เนิ่นนานปี ไม่มีใคร เคยได้ฟัง
เพียงลำพัง รับรู้กัน กับจันทรา
ฝากบอกใครคนนั้นนะจันทร์ไสว
เธออยู่ไหนใช่ถามเพื่อตามหา
ฉันอยู่นี่ก็ใช่อยากให้มา
คล้ายเป็นคำอำลาด้วยอาวรณ์
คงจะไม่มีวันพบกันแล้ว
ขอบคุณแวว ความห่วงใย ในวันก่อน
เธออยู่ไหนไม่สำคัญนิรันดร
เพราะทับซ้อนฉันอยู่นี่อยู่ที่เดิม
เพลง "เธออยู่ไหน" ต้นฉบับ

ใครคนนั้น

คนกรุงศรี


ใครคนหนึ่ง คนนั้น ฉันคิดถึง
คนที่ซึ่ง ทำให้ ใจสับสน
มิยินเสียง มิเห็นหน้า พากังวล
เคยสุขล้น เมื่อไร ได้พาที
มาหายห่าง ร้างกัน บอกงานเยอะ
จะพบเจอะ อีกไหม เมื่อไรนี่
หรือลืมเลือน เราไป มิใยดี
ทิ้งวลี กานท์กลอน แต่ก่อนมา
ถ้างานหนัก พักกาย สนใจด้วย
เกรงจะป่วย ห่วงถึง จึงถามหา
หรือว่ามี คนใกล้ ใครป้อนยา
ขอโทษที หากถ้า ว่าวุ่นวาย

สมควร!!!!

อาบูไซยาบ


ความเจ็บปวด ร้าวรวด ในทรวงลึก
ยังผนึก ย้ำเตือน ไม่เลือนหาย
จากวันคืน เลือนวันเดือน จนวันตาย
ความร้าวราน ที่เลวร้าย คอยติดตาม
ความเวิ้งว้าง ที่ยังคง ความว่างเปล่า
ความบางเบา ที่ความเศร้า เฝ้าคอยถาม
ความช้ำชอก ที่ยังหลง คงความงาม
แม้ใครห้าม ก็ไม่เชื่อ "สงสารทรวง"
เขาบอกรัก ก็หลงรัก เพราะใจรัก
เขาปล่อยปลัก ก็จมปลัก ไม่ทักท้วง
เขาบอกชอบ ก็ไม่รู้ เขาหลอกลวง
เขาแกล้งห่วง ก็คิดว่า เขาหวังดี
ด้วยความหลง งมงาย ในรูปลักษณ์
จึงเจ็บหนัก เพราะพิษรัก หมดทางหนี
จึงตรอมตรม สมอยาก เพราะอยากมี
ที่ปวดร้าว อย่างนี้   ก็ดี......สมควร!!!!

ฝากดิน สิ้นหวัง

คนกรุงศรี


นั่งกอดเข่า เจ่าจด หมดความหวัง
น้ำตาหลั่ง ล้นทรวง ไห้ห่วงหา
ชีวิตนั้น รันทด หมดราคา
อายทั้งฟ้า และดิน หมดสิ้นกัน
ด้วยจินต์นั้น มิได้ หมายปองฟ้า
ศักดินา สูงส่ง ตรงขวางกั้น
จึงอยู่อย่าง ปุถุชน คนสามัญ
แม้ความฝัน ยังไม่ สมใจปอง
ประตูใจ ใส่ดาน เธอขานไข
หรือมีใคร ไหนเล่า เป็นเจ้าของ
จึงแหนหวง มิให้ ได้จับจอง
ทั้งสี่ห้อง ใครอยู่ อยากรู้จัง
เมื่อฝากใจ ไม่พร้อม จะน้อมรับ
สักนิดช่วย ดักจับ ส่งกลับหลัง
อย่าดุด่า หยามเหยียด และเกลียดชัง
จะจับขัง เอาไว้ มิให้กวน

ฉันก็...

อาบูไซยาบ


หลายปีแล้วที่... เธอจากไป ไม่เคย จะหวนกลับ
หลายปีแล้วที่... เธอทิ้งลับ ไม่แม้ จะกลับหลัง
หลายปีแล้วที่... เธอเดินไป ดั่งตกอยู่ ในภวังค์
หลายปีแล้วที่... เธอทิ้งได้ แม้กระทั่ง...คนรักเธอ
ทุกๆปี...           ฉันยังคง นั่งอยู่ ตรงที่เก่า
ทุกๆปี...           ฉันยังใส่ เสื้อคู่ของเรา อยู่เสมอ
ทุกๆปี... ...       ฉันยังหา ของขวัญให้ สำหรับเธอ
ทุกๆปี...           ฉันยังเผลอ เรียกชื่อเธอ กับใครๆ
ทุกๆเดือน...     ฉันยังรอ ออมแขน เธอสวมกอด
ทุกๆเดือน...     ยังพร่ำพรอด ถึงเธออยู่ เธอรู้ไหม
ทุกๆเดือน....    ยังคิดถึง ยังตราตรึง ยังซึ้งใจ
ทุกๆเดือน....    ไม่รู้นาน แค่ไหน เธอถึงจะกลับมา
ทุกๆวัน....       ฉันยังคง เก็บรองเท้า คู่เก่าๆ
ทุกๆวัน....       ฉันยังคง ติดรูปเรา ไว้เต็มฝา
ทุกๆวัน...        ฉันยังคง นั่งรอเธอ ทั้งน้ำตา
ทุกๆวัน.....     ถึงแม้เธอ ไม่กลับมา ฉันก็......จะรอ
****หลายครั้งเหลือเกินที่ต้องทนทุกข์กับการรอคอยที่ไม่มีวันมาถึง.....****

แก้วโรย

din


ก็ห่างหายหลายวันนะขวัญเจ้า
ฝนตั้งเค้าปวดแปลบแสบไฉน
มันมืดมนหม่นมิดทุกทิศไป
จะหาใครปลอบขวัญนั้นยากเย็น
ที่ห่างห่ายนั้นไซร์ใช่ไปเที่ยว
แต่โดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เห็น
ไหนล่ะคนเคยฝันฝากประเด็น
เธอหลบเร้นอยู่ไหนไยไม่มา?
อยากปัดกวาดเช็ดถูห้องใจให้
ทั้งทรวงในเฝ้าแลชะแง้หา
เกรงเธอมีไม้อื่นไว้ชื่นตา
ทิ้งแก้วให้โรยราลงคาดิน

ถึงคนไกล

ร้อยฝัน


ใบไม้ปลิวร่วงหล่นบนทางเท้า
ยามแดดเช้าต้องกายจึงคลายหนาว
เสียงน้ำหล่นบนหลังคามาเกรียวกราว
บอกเรื่องราวของวันใหม่ในไม่ช้า
กรุ่นควันไฟจากฟืนคืนชีวิต
ย้ำให้คิดถึงวันเก่าเฝ้าโหยหา
หอมข้าวนึ่งกรุ่นกรุ่นอุ่นอุรา
ดังหนึ่งว่าวันวานไม่ผ่านไป
อยู่แดนไกลสุขสบายหรือไม่หนอ
คนทางนี้เฝ้ารอพอรู้ไหม
ฝากคิดถึงนำพาหาคนไกล
อยู่อย่างไรยังห่วงหายังอาทร
ก่องข้าวเหนียวยังรออยู่หนอเจ้า
ทุกค่ำเช้าจำได้ไหมใครพร่ำสอน
ในคืนค่ำขอย้ำคำกล่อมนอน
เสียงลำกลอนยังรอขอเธอคืน

ฝากใจไว้กับดิน

คนกรุงศรี


ประสบการณ์ ผ่านผัน หลายวันคิด
มีแต่ผิด กับผิด และผิดหวัง
จนหัวใจ รันทด หมดกำลัง
เพียงว่ายัง อยากอยู่ สู้ชีวี
ช้ำมากมาย หลายครา ก้มหน้าหลบ
บ่อยพอพบ แล้วพราก เธอจากหนี
สำรวจตัว ทั่วไป กระไรดี
หมดแววมี ทีท่า ว่าสมใจ
เพราะมองดาว พราวฟ้า สูงค่านัก
ห่างเกินจัก สุดคว้า เอามาได้
จึงความหวัง ขาดผล็อย หลุดลอยไป
อยากหาใคร ปลอบกมล คนเดียวดาย
เลิกมองฟ้า จะไย ใฝ่ถวิล
ขอมองดิน สักครา คงว่าหมาย
จึงเสงี่ยม เจียมไว้ ทั้งใจกาย
จะมลาย อีกครั้ง ก็ช่างมัน
เพียงว่าดิน มีจิต คิดสงสาร
แบ่งเศษทาน เสี้ยวใจ ได้ไหมนั่น
ขอสักนิด ที่เหลือ เผื่อแบ่งปัน
มิเดียดฉัน นั้นหนอ พอบรรเทา
ผิดหวังฟ้า ฝากดิน ตั้งจินต์ไว้
มีเมตตา หรือไม่ ตามใจเขา
จะสดชื่น หรือช้ำ จำทนเอา
สงสารเรา ไหมหนอ รอวจี

บ่วงรัก

เจ้าพานทอง


บ่วงเอ๋ยบ่วงใดเล่าเฝ้าพันผูก
ให้ทุกข์ให้สุขสักเพียงไหน
ยามนี้ยามที่ไม่มีใคร
มาร้อยใจมารวมรักบ่วงภักดี
ขอแค่เป็นคนไม่สนทรัพย์
ไม่ลวงลับเล่นเสน่ห์แล้วเร่หนี
มีไหมอยู่ที่ใดหนอคนดี
พร้อมพลีพร้อมจะบ่วงสู่ห่วงใจ
เทียวมองลองหาใช่ว่าเจอ
ที่เผลอแอบรักก็ผลักไส
หลงแต่เขาเราก็ขมตรมหัวใจ
หลงบ่วงไฟได้เห็นผลเมื่อจนตัว
แล้วก็ท้อรอใครสักคนมา
ฉุดชะตาอาภัพกลับความชั่ว
เป็นชมชื่นรื่นใจไม่ต้องกลัว
จะปอกลอกจะหลอกตัวให้ตายตรม
บ่วงดีดีมีไหมที่ไหนขาย
อยากจะได้มารัดร้อยค่อยคลายขม
ขอบ่วงรักด้วยใจได้นิยม
สบอารมร์สมจินต์สิ้นรอคอย

รอ

ร้อยฝัน


เวลาผ่าน ดึกดื่นไป เท่าใดแล้ว
ยามดวงแก้วร้าวรานยิ่งนานกว่า
ยามความรักล้มพับไปกับตา
ดั่งดาราหล่นกราวจากราวฟ้า
นั่่งคุดคู้กอดเข่าเฝ้าเจ่าจุก
มิอาจปลุกความสดใสในใบหน้า
ความอ่อนแรง แฝงไว้ในแววตา
ดังหนึ่งว่าโลกช่างร้ายทำลายเธอ
จ่อมจมอยู่ทุกวันกับความเหงา
กอดความเขลาเคียงคู่อยู่เสมอ
เหมือนความสุขผ่านไปไม่เคยเจอ
ไม่มีเธอจะวันไหนยังไกลกัน
หลับตาลงคงเห็นเช่นวันก่อน
ยังอาวรณ์ด้วยใจยังใฝ่ฝัน
อ้อมกอดอุ่นจะคืนใกล้ในสักวัน
ขอยืนยันจะส่งใจไปใกล้เธอ

ความคิดถึง...ไม่เคยจาง

din


หลังพิงฝาตาหลับกับหยาดฝน
ที่โปรยหล่นหยาดพร่างมิสร่างสาย
มันเย็นเยียบเหมือนว่าจะบ้าตาย
เหมือนดังคล้ายคมมีดกรีดดวงแด
หลังพิงฝาตาหลับกับความหนาว
ทุกเรื่องราวตอกย้ำซ้ำรอยแผล
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันผันแปร
ย้ำรอยแพ้แผลพิษปลิดดวงใจ
หลังพิงฝาตาหลับกับลมร้อน
ยังอาทรถึงอยู่รู้บ้างไหม?
ระยะทางห่างกันหลายพันไมล์
แต่คิดถึงห่วงใยไม่เคยจาง

คนบุญน้อยคอยบุญหนุนแม้บุญน้อย คว้างยังคอย เอ่ยคำยากที่อยากเอ่ย

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


ฉันเก็แค่นักกลอนผู้อ่อนด้อย
เพียงแต่คอยเก็บเศษฝันเขาปันหว่าน
กอบมากำทำเป็นกลอนตอนร้าวราน
เพื่อประจาน ที่เจ็บใจให้จารจำ
เลิกร่ายกลอนร่อนหารักที่มักผิด
เพราะหัวจิตหัวใจเจ็บ ยังเป็นจ้ำ
ชอบนัก.. มักวางใจให้เขาทำ
แกล้งกระหน่ำ กรรมหนักนักรักกระเทือน
โปรดเมตตาอย่ามาหว่าน หวานเข้าใส่
เจ็บแสบรักเข้าไส้ ใครจะเหมือน
วันจะผ่าน นานกี่หนพ้นปีเดือน
เจ็บไม่เลื่อนไปจากใจอย่างไรเลย
คนบุญน้อยคอยบุญหนุนแม้บุญน้อย
คว้างยังคอย เอ่ยคำยากที่อยากเอ่ย
เคยไหมเล่า จะเคยไหมใครเล่าเคย
เพียงลมเผยพลิ้วพร่าง แทบวางวาย
หน้า / 50  
ทั้งหมด 839 กลอน