เธอถามว่าฉันรักเธอมากเพียงใด จะเชื่อไหมถ้าบอกไปเหมือนในฝัน แม้เนินนานกาลผ่านไปใจตรงกัน โปรดมองจันทร์แทนใจฉันไม่ผันแปร ประทับใจใครจุมพิตยังคิดถึง ตราบตราตรึงคนึงครวญใต้นวลแข ความหลังเตือนเดือนรูปเคียวเฝ้าเหลียวแล ยังแน่วแน่ไม่ปรวนแปรแม้ไกลกัน
นั่งเหม่อลอย ลำพัง ริมฝั่งน้ำ ดวงตะวัน แดงช้ำ ชิดขอบฟ้า ระเรื่อแดง แสงหม่น สนธยา ผิวธารา เรื่อแดง แสงเดียวกัน ทั้งผืนฟ้า ผิวน้ำ ยามโพล้เพล้ คล้ายหักเห หักห้าม ทุกความฝัน ผูกความหวัง รั้งพ่วง ดวงตะวัน ท้ายก็พลัน วูบดับ แล้วลับเลือน เหลือความหลัง คั่งค้าง กลางสายน้ำ ลอยคำถาม แสนไกล...อยู่ไหนเพื่อน? ฉันอยู่นี่ ที่ใหม่ ไกลจากเรือน อยู่เสมือน ต้นไม้ ใกล้ฝั่งชล.....แย้ม เราเหม่อลอยลำพังริมฝั่งน้ำ สุดชอกช้ำดวงใจไปทุกหน รินน้ำตาไหลหยดรดกมล คิดถึงคนอยู่ไกล...ไยไม่มา?.....din รินความหวังทั้งหลายเป็นสายน้ำ คอยทวงถามถึงเธอเสมอว่า กลับมาเถิดคนดีที่ลับลา สายน้ำตาสายนี้ยังมีเธอ....แย้ม เห็นนกบิน ผินลับ กลับรังรัก สร้างน้ำหนัก หน่วงใจ ให้เสมอ ความไร้คู่เคียงข้าง อย่างที่เจอ ได้แค่เพ้อ เพียงนก บินวกวน....ย้อย พี่ครวญคร่ำเคลิ้มคล้อยละห้อยโหย อาดูรโดยเดียวดายมาหลายหน ตากน้ำตาผ้ายับกับมือตน คิดถึงคนเคยเคียงมากเพียงใด....กวีน้อยเจ้าสำราญ ทุกราตรี ที่หวัง ยังคงเก้อ จะให้เพ้อ รำพัน ถึงวันไหน? ตากน้ำตาผ้ายับ ซับอาลัย เสียดหัวใจ ซ้ำซ้อน นอนละเมอ....แย้ม ญ... เพียงยินเสียงครวญคร่ำที่พร่ำบอก เกรงลวงหลอกให้ใจต้องไผลเผลอ ความคิดถึงเลอค่ามันพร่าเบลอ จึงต้องเก้อรอพี่ที่ฝั่งชล....din เห็นเรือแจว แววหวัง น้องยังอยู่ หวังพี่กู่ เรียกหา มาสักหน เมื่อเรือน้อย ลอยลับ ก็อับจน ความมืดมน ยังเสมือน เป็นเพื่อนแทน...แย้ม
แสงสีทองทาบทาขอบฟ้ากว้าง มองเลือนลางผ่านม่านน้ำตาไหล โชคชะตาฟ้าลิขิตผิดอันใด ดวงหทัยหมองหม่นอับจนทาง แสงสีทองกลายเป็นสีเทาหม่น หยดน้ำฝนเป็นกรดรดเรือนร่าง หวานตาลสดพลันเจื่อนจนเจือจาง ไร้หนทางก้าวย่ำน้ำตาคลอ หน้าซบหมอนสะอื้นกลืนความทุกข์ คลำหาสุขซุกซ่อนอยู่ไหนหนอ คนสิ้นหวังโหยหาตั้งตารอ เฝ้าวอนขอสุขเพียงเสี้ยวเยียวยาใจ ขอเพียงพบสุดที่รักสักครั้งหนึ่ง ขอเพี้ยงครึ่งเสี้ยวนาทีที่สดใส ขอเพียงหลับตาปิดสนิทใน ขอเพียงใจได้ทำตามสัญญา ขอเพียงมีลมหายใจจนได้พบ ขอเพียงจบด้วยสมมาตรปรารถนา ขอเพียงได้สวมกอดยอดชีวา ขอเมตตาฟ้าดินก่อนสิ้นลม.
๏ สวัสดี...รอยยิ้มที่คิดถึง ที่เป็นหนึ่งพิมพ์ใจอยู่ไม่หาย เสมือนรอยลงรัก...ฉลักลาย ทรงความหมายงดงาม...เมื่อยามมอง ๏ ณ รอยยิ้ม...สบายดีไหม... ฝากถามไปถึงคนเป็นเจ้าของ จากวันนั้นผ่านวันตามครรลอง พาเราสองพบพานแล้วผ่านไกล ๏ แต่โปรดรู้...มีหนึ่งคิดถึงนัก กี่ร้อยสักอักษรออกปราศรัย คงมิเทียบเสียงระรัวของหัวใจ เฝ้ารอใครส่งยิ้มมาอีกครั้ง ๏ รู้ไหมในระหว่างที่ห่างหาย ความเดียวดายเหมือนเงา..เฝ้าคอยสั่ง อย่าเลยนะ...อย่าให้เพ้อเพียงลำพัง อย่าให้ตั้งตาเก้อชะเง้อคอย ๏ แอบยิ้มอยู่ไกลไกล..ใช่หรือเปล่า หรือแอบเฝ้าเหมือนเคย...ไม่เอ่ยถ้อย บางครั้งสัมผัสรู้ถึงร่องรอย ก็ยิ่งพลอยกระวนกระวายใจ ๏ แม้ท้องฟ้าวันนี้...ที่ปรากฏ จะสวยสดด้วยยาม...สีครามใส แต่หากมีเมฆขาว-รอยยิ้มใคร ยิ่งพลอยให้โลกนี้...ชื่นชีวา ๏ ผ่านรอบคืนเพ็ญงาม...เฝ้าถามไถ่ ฝากความไปถึงเขาจันทร์เจ้าขา หนึ่งคงรออีกคน...ร่วมสนทนา ก่อนนิทราลากัน..."จงฝันดี" ๏ แม้คืนนี้จันทร์ฟ้าที่ปรากฏ รอบทรงกรดเรืองแซมเติมแต้มสี คงเป็นสรวงตื่นตาแห่งราตรี ถ้าเพียงมีเธอเย้า...ร่วมเงาจันทร์ ๏ ปฐมบทความดี...ที่มีให้ คงตรึงใจเสมอกาลที่ผ่านผัน จึงห่วงหาคำนึงอยู่ถึงกัน เพียงเธอนั้น..นะคนดี...ทุกที่ไป ๏ คิดถึงนะรอยยิ้ม... ร่างรอยพิมพ์บรรจงมาส่งให้ พร้อมบทเพลงมอบเคียงเพียงหนึ่งใคร ฉันดีใจที่มีเธอ...เสมอมา...
กุหลาบแดง เคยได้ หลายปีผ่าน ทวนเหตุการณ์ วานวัน นั้นสดใส แทนคำรัก ที่บอก ออกจากใจ จะอื่นใด สุขสันต์ นั้นมิปาน หวังว่าสุข คงสม ภิรมย์หมาย ด้วยมิคลาย คำมั่น แม้วันผ่าน หากลิขิต ของฟ้า พาร้าวราญ เจ็บดวงมาน เกินจัก หักใจลง กุหลาบแดง ดอกสุดท้าย จำได้มั่น แม้ว่าวัน นี้ยุ่ย เป็นผุยผง แต่ภาพตาม ความหลัง ยังมั่นคง อยู่ยืนยง อย่างผ่าน เพียงวานวันมองกุหลาบ สีแดง แทงใจช้ำ หวนคิดถึง ถ้อยคำ ที่จำมั่น นับหลายปี ที่เหงา เศร้าอนันต์ แล้วใครกัน นั้นไหน เข้าใจเรา อยากจะลืม ความหลัง ที่ฝังลึก ความรู้สึก สับสน ปนหมองเหงา รับความจริง ปล่อยวาง ให้บางเบา แล้วใครเล่า เขาหมาย ช่วยคลายตรม กุหลาบแดง วันนี้ มีไหมหนอ แอบคอยรอ เราหวัง ยังสุขสม แต่คิดไป ใจหนอ ท้อระทม ใจที่ซม มีไหม ใครเยียวยา
เป็นเพียงแค่กาแฟในถ้วยเก่า ที่ไม่เร้าเร่งให้ใครคิดถึง แต่เต็มเปี่ยมด้วยรักปักตราตรึง และลึกซึ้งอยู่ในถ้วยใบเดิม คงเป็นแค่กาแฟในถ้วยเก่า ไม่เทียบเท่าถ้วยใหม่ให้แต่งเสริม หวานละมุนกรุ่นละไมในถ้วยเดิม ไม่เหิมเกริมขันแข่งแก่งแย่งใคร ถึงไม่ใช่กาแฟที่หอมกรุ่น แต่อบอุ่นดวงกมลจนหลงใหล เป็นกาแฟถ้วยเก่าที่เร้าใจ หอมอบอวลอยู่ในหัวใจเดิม
เธอเป็นใครอยู่ที่ไหนฉันไม่รู้ เธอคือผู้ปลุกชีวันฉันขึ้นใหม่ ปลุกจากความอ่อนล้า ความปราชัย ปลุกหัวใจปลุกฝันฉันกลับคืน กำลังใจ ไมตรี ที่เธอมอบ คือคำตอบหัวใจแบบไม่ฝืน รู้ตัวว่า รักเธอแล้วแก้วขวัญยืน ไม่มีอื่นแอบแฝงเคลือบแคลงใจ ...ยิ้มกับคำออดอ้อนผ่านกลอนหวาน สุขกับการต่อคำย้ำชิดใกล้ แม้อยู่ห่างต่างถิ่นแผ่นดินใด เหมือนไม่เคยห่างไกลไปจากกัน ความรู้สึกตราตรึงคะนึงอยู่ เธอรับรู้ แค่ไหน ไม่คิดฝัน เพราะมีเธออยู่ในใจทุกวัน จึงผูกพันกับใจไว้เรื่อยมา เธอเป็นใคร อยู่ที่ไหน..ไม่ต้องตอบ เธอจะชอบฉันหรือไม่...ไม่เคยว่า แม้ชาตินี้ไม่ได้พบ ได้สบตา ปารถนาหัวใจ...ใช่ครอบครอง ขอ อนุญาตได้ไหม ให้ฉันรัก ให้ฉันพักกมลไว้ ในหอห้อง ไม่ต้องมีพิธีใดไปรับรอง (แค่)เปิดใจมองสักนิดก็...พอใจแล้ว...
แอบรักสมัครสมร เขียนกาพย์กลอนอ้อนรำพัน สาวเวียงเชียงแสนนั้น หันเห็นหน้ามาในรถ งามพักตร์เจ้าผ่องพริ้ง รักเจ้าจริงจิตจับจด ต่ำต้อยด้อยทรัพย์ยศ จึงต้องงดอดออมใจ มณีวรรณฉันสืบแล้ว เจ้าดวงแก้วอยู่แถวไหน จักด้นค้นหาไป ในเชียงแสนแดนคนงาม เทียวไปในทุกที่ ในบุรีมีเขตคาม ถึงไหนได้ไถ่ถาม ไม่ได้ความสิ้นทั้งปวง จึงเที่ยวถิ่นเชียงแสน เป็นดินแดนดังแมนสรวง ชาวชนคนทั้งปวง ทรวงโสมนัสพระรัตน์ตรัย พระธาตุจอมกิตติ เป็นสิริเลิศวิไล งามตาพาเพลินใจ ใครเที่ยวชมก้มนมัสการ แลโขงลำโค้งขด ยังปรากฏยศยืนนาน เห็นเรือล่องสำราญ ย่านไทยลาวทุกเช้าเย็น แม่ค้าหาอาหาร มาบริการล้วนรถเข็น ริมโขงยามเย็นเย็น เห็นคนนั่งสั่งซื้อกิน มีมากหลากหลายร้าน ขายมานานเป็นอาจิณ หญิงชายจ่ายออมสิน กินต้มย่างอย่างโอชา เรือจีนจอดเรียงลำ เขาขนนำสินค้ามา ค้าขายได้ราคา พากกันรวยด้วยกำไร พิพิธภัณฑ์ฉันเดินดู ได้เรียนรู้หลากหลายนัย ตำนานท่านเล่าไข ทำให้รักศักดิ์เชียงแสน ทัศนาวัดป่าสัก เงื่อนงามนักในดินแดน เจดีย์มีแบบแปลน
> ยลยินคำ..เธอกล่าว..แสนร้าวจิต โอ้มิ่งมิตร..หม่นหมอง..ต้องกำสรวญ ด้วยคนรัก..หักอาลัย..ใจเรรวน จึงคร่ำครวญ..เสียหลัก..เพราะรักลวง เธอยิ่งเศร้า..ฉันยิ่งร้าว...ปวดใจลึก แทบสะอึก..ยามเธอเหงา..เฝ้าหวงห่วง ดั่งไฟเผา..เร้ารุม..สุมกลางทรวง ถูกเล่ห์ลวง..ตอกย้ำ..ช้ำเจียนตาย รู้บ้างไหม..คนทางนี้..ใช่หนีห่าง ไม่เคยร้าง..ทอดทิ้ง..แล้วชิ่งหาย ยังวนเวียน..ห่วงใย..ไม่เสื่อมคลาย ขออย่าได้..ทดท้อ..ต่อชะตา มาปลุกขวัญ..ปลอบเหงา..มาเร้าจิต ขอเธอใช้..ชีวิต..อย่างคุ้มค่า สิ่งเลวร้าย..ผ่านลับ..อย่ากลับมา ซับน้ำตา..ที่หยดไหล..ให้เจือจาง เมื่อความรัก..จากไป..ใจคงช้ำ แผลถูกย้ำ..รอยเก่า..เศร้าหมองหมาง สงสารเธอ..ยิ่งนัก..รักอับปาง ใครนะช่าง..ใจดำ..ทำอกตรม หยุดเถิดหนา..ความเศร้า..แต่คราวก่อน อย่าให้ย้อน..หวนคืน..ความขื่นขม ขอให้สิ่ง..หรรษา..น่าภิรมย์ จงประพรม..หัวใจ..ให้ชื่นบาน.... เป็นกำลังใจให้เสมอ แอบมาดูอยู่ห่างๆค่ะ.... กุหลาบขาว
ลืมแล้วหรือสัญญาเมื่อครั้งก่อน ที่ออดอ้อนคำหวานหว่านความฝัน จะขออยู่คู่เคียงนิจนิรันดร์ มิมีวันพรากไกลให้ร้าวราน เพียงผ่านไปมินานพานลืมคำ ปล่อยให้ช้ำร่ำไห้ไร้สงสาร สุดจะฝืนกลืนกล้ำทรมาน กับวันวานผลาญใจให้ระทม ต้องทนทุกข์อกตรมขนาดไหน ไยทิ้งไปให้ช้ำสุดขื่นขม คำสัญญาเก่าก่อนดั่งลอยลม ถูกพลิ้วปมพัดหายไกลลับตา ยามห่างไกลใจหวั่นสั่นสะท้าน ยอดดวงมานห่างหายให้ห่วงหา สุดระทมหมองไหม้ในอุรา โปรดรู้ว่าข้าคอยแสนน้อยใจ หากเมตตาปราณีและสงสาร อย่าปล่อยให้ทรมานนานได้ไหม คำสัญญาเก่าก่อนช่างลืมไป แม้ห่างไกลใจข้ายังเฝ้าคอย เจ้ารู้ไหมข้าคิดถึงจนร้าวลึก ยิ่งตกดึกยิ่งเศร้าจนเหงาหงอย สุดแสนว้างว้าเหว่ให้เลื่อนลอย คอย คอย คอยคนไกลได้กลับมา อธิฐานผ่านนภาราตรีนี้ ให้คนดีคืนกลับเรือนเคหา ขอ ลม ฝน บนฟ้าเดือนจันทรา โปรดเมตตาปราณีที่ข้าคอย ณ พื้นดินถิ่นนี้ที่หนาวแล้ว ขอดวงแก้วคืนกลับอย่าคิดถอย คืนกลับมาเถอะนะแม่ยอดกลอย กลับสู่รอยพื้นดินสูดกลิ่นไอ ลมพัดผ่านพื้นดินกลิ่นไอเก่า นั่งจับเจ่าเฝ้าคอยข้างคันไถ รอไออุ่นคนเคยที่ห่างไป กลับคืนสู่บ้านไร่ตามคำวอน ลมเหมันต์พัดมาพาหนาวสั่น ใจหวาดหวั่นกั้นกลัวหัวถึงหมอน อกสะท้อนทุกข์ทนจนร้าวรอน อยากขอพรเพื่อให้เจ้าคืนมาฯ จากเสาร์ที่เศร้าใจ เดือนมกรา ๕เดือนอ้าย
ท่ามแสงเทียนวิบวับระยับแสง มิอาจแข่งดวงดาวที่พราวใส เย็นน้ำค้างพร่างพรมลมโชยไป หนาวถึงใจดวงนี้ที่รอคอย ลมหนาวพัด พัดผ่านสะท้านผิว ใบไม้ปลิวลอยคว้างอย่างเหงาหงอย ตามทำนองเพลงเศร้าเจ้าล่องลอย ดั่งเรือน้อยล่องไปในสายชล กระชับผ้าโอบอุ่นที่คุ้นชิน หอมกรุ่นกลิ่นจางจางอย่างสับสน เมื่อใดหนอคนไกลจะได้ยล ฤาต้องทนทุกข์สิ้นกินน้ำตา ขอวงแขนแข็งแรงแกร่งคู่นั้น โอบกอดฉันเอาไว้ใกล้เถิดหนา คงลืมสิ้นทุกข์ใดได้เจอมา ขอเวลาเราอยู่เคียงคู่กัน อย่าเป็นเพียงแค่เพ้อท่ามลมหนาว ลืมตาตื่นร่วงกราวราวกับฝัน ใช่เป็นเพียงแค่ถ้อยร้อยรำพัน ไม่มีวันเป็นจริงได้ดั่งใจปอง
เธอบอกว่าความผิดทั้งหมดอยู่ที่เธอ ความผิดที่ทำให้ฉันต้องเจอกับความผิดหวัง เธอบอกว่าเธอผิดที่ทำให้ความรักของเราต้องพัง เธอขอร้องให้ฉันมอบโอกาสให้อีกครั้ง...เพื่่อรักของเรา ฉันอยากจะถามเธอกลับไป...ว่า ที่ผ่านมาเธอนอกใจฉันไปมีเขา แล้วยังเหลืออีกหรือความรักเรา เพราะถ้าเธอรักคนเก่าจะมีคนใหม่ทำไมกัน ฉันอาจจะเจ็บปวดมากมาย แต่วันนี้มันสายเกินไปที่จะกลับไปสานฝัน ความรักที่เคยมีมากล้น...ถูกความอดทนมาแทนที่มัน จนความรักที่เคยมีให้เธอนั้น บัดนี้มันเหลือแค่..เคยห่วงใย อย่าให้ฉันต้องกลับไปเจ็บอีกเลย ปล่อยคนคุ้นเคยให้เป็นอดีตไปได้ไหม กับผู้หญิง 1 คนที่เธอเคยสาบานจะรักไปจนตาย เพราะวันที่เธอนอกใจ...ผู้หญิงคนนี้ก็ได้ตายจากไปแล้ว...ทั้งเป็น
ผ้าห่มกรอม พร้อมรับ กับลมล่อง กอดเข่ามอง จ้องฟ้า เมื่อคราหนาว จันทร์เสี้ยวหงาย คล้ายเหมือน เป็นเพื่อนดาว ก่อนย่างก้าว หลบแถว แนวพนาลมเหนือพัด ซัดกาย คล้ายเตือนย้ำ คิดถึงคำ คนหนึ่ง ซึ่งห่วงหา เคยนั่งเรียง เคียงกัน พร้อมสัญญา จะกลับมา เมื่อคราว ลมหนาวเยือนก็หลายปี ที่เรา คอยเฝ้าฝัน รอนับวัน เอาเวลา มาเป็นเพื่อน ด้วยความหลัง ฝังใจ ไม่ลืมเลือน คอยแอบเตือน ตนไว้ ว่าให้รอหลายปียัง นั่งคอย แม้หงอยเหงา ตรงที่เก่า เราเคย เอ่ยปากขอ คำสัญญา เพียงใน ใจก็พอ ทุกวันหนอ ยังมั่น ตามสัญญาจะรอไป จนกว่า ชีวาลับ เจ้ามิกลับ หวนไป ก็ไม่ว่า มองความหลัง ครั้งผ่าน เนิ่นนามมา สุขอุรา ยังซับ อยู่กับมานผ้าห่มผืน เก่ากรอม พันล้อมอก เสียงวิหก กลางไพร เริ่มไขขาน หมดเวลา อีกครั้ง ดั่งวันวาน มิร้าวราญ วันรุ่ง ยังมุ่งรอ
กามเทพจับศรแผลงสำแดงฤทธิ์ ให้ดวงจิตตกหลุมรักสมัครหมาย พิษไฟรักทุกข์ทนทุรนทุราย เจ็บเจียนตายมากี่ครั้งยังไม่จำ หยุดเถิดหนาอย่าชิดใกล้ให้ใจคิด ไม่อยากผิดคิดไกลกลัวใจช้ำ โชคชะตากลั่นแกล้งแฝงเวรกรรม โหมกระหน่ำซ้ำแผลเก่าเข้าเต็มแรง เดือนสิบสองน้ำนองเต็มตลิ่ง พระจันทร์นิ่งลอยเด่นเพ็ญส่องแสง ยังจดจำวันนั้นได้ไม่เปลี่ยนแปลง เธอแสดงท่าทีเหมือนมีใจ กระทงหนึ่งสุดซึ้งสองคนจับ เธอขานนับให้สัญญาณข้างธารใส กระทงน้อยถูกปล่อยลอยออกไป ด้วยหัวใจที่มีหวังอีกครั้งครา แต่พบกันไม่ทันไรจำใจจาก ไม่อยากพรากห่างไกลใจห่วงหา จะจดจำเธอเอาไว้ให้สัญญา วันข้างหน้าฟ้าเป็นใจคงได้เจอ
รัก เป็นความรักจริงย่อมยิ่งใหญ่ รัก เป็นความหวั่นไหวใจรู้สึก รัก เป็นความหนักแน่นในส่วนลึก รัก เป็นสัมผัสนึกผนึกนาน รัก เมื่อต้องไขว่คว้าค้นหารัก รัก ช่วยให้รู้จักทั้งขม-หวาน รัก คือบทพิสูจน์คนให้ทนทาน รัก บันดาลให้รู้ค่าคำว่ารัก