กลอนกำลังใจ

พลังใจ 3 เลิกบุหรี่กันดีกว่า

พจนา


๐ ถ้าไม่อยาก ถูกคน เขาหยามเหยียด
ถูกสังคม รังเกียจ พูดเสียดสี
โดนเขาว่า “มารยาท ไม่ค่อยดี”
ก็อย่าพ่น ควันบุหรี่ นั้นออกมา
๐ ทั้งที่รู้ มันคือ มลพิษ
แล้วยังไป มีจิต เสน่หา
สูดเอามัน เข้าไป ในกายา
ก็รู้อยู่ แล้วว่า “มันอันตราย”
๐ เรามาเลิก บุหรี่ กันดีกว่า
สุขภาพดี มีค่า กว่าสิ่งไหน
คนรอบข้าง ใกล้ชิด พ้นพิษภัย
ถ้าจริงจัง และตั้งใจ “ไม่ยากเลย”
ช่วยกันเป็นพลังใจ.. ให้คนชิดใกล้เลิกสูบบุหรี่

ผู้ชายก็มีหัวใจ

อนงค์นาง


ชายก็มีหัวใจไม่ไร้รัก
นิสัยมักแตกต่างไม่วางเฉย
รักพ่อแม่ด้วยใจไม่ละเลย
อาจไม่เอ่ยออกมาค่าน้ำใจ
เมื่อรักหญิงคนใดอยากใกล้ชิด
คอยตามติดดูแลช่วยแก้ไข
ปัญหาที่กลัดกลุ้มรุมจิตใจ
ไม่ปล่อยให้เดียวดายได้พึ่งพา
ทำงานหนักไม่ว่าอย่าดูถูก
แม่เมียลูกเข้าใจไม่ครหา
ให้เกียรติชายชื่นชมสมอุรา
ไม่กล่าวหาอภัยให้แก่กัน
ปีใหม่ใกล้มาถึงซึ้งใจนัก
ชายคนรักยังอยู่คู่เคียงขวัญ
พ่อของลูกคนดีที่ผูกพัน
จับมือกันสร้างสุขทุกเวลา
ชายกับหญิงคู่กันนั้นไม่ผิด
สร้างชีวิตสร้างคนบนโลกหนา
ขอเพียงเห็นใจกันปันศรัทธา
เห็นคุณค่าชายบ้างอย่างเป็นธรรม
เพราะโลกนี้มีผู้ชายดีๆที่น่ารัก คนเราจึงมีพ่อ พี่ชาย แฟน สามี เพื่อนร่วมงาน เพื่อนต่างเพศ เพื่อนกลอน ต่อไปจะไม่ทะเลาะกับผู้ชายอีกค่ะ

ทำดีทุกวัน สวรรค์อยู่ในใจ

อนงค์นาง


ตื่นเช้าแต่ละวันฉันตั้งจิต
ว่าชีวิตวันนี้ยังมีหวัง
กำลังใจต่อสู้คู่พลัง
กายใจยังสัมพันธ์กันด้วยดี
คิดพูดทำกรรมใดใจผ่องแผ้ว
คงไม่แคล้วสุขจริงทุกข์วิ่งหนี
ศีลห้านั้นทำเถิดประเสริฐดี
ทุกชีวีปลอดภัยไม่ร้อนรน
มีปัญหาอะไรแก้ไขก่อน
อย่าใจร้อนวู่วามถามเหตุผล
ไม่เข้าข้างตนเองข่มเหงคน
นิ่งอดทนไว้บ้างอย่างเมตตา
ไม่คิดร้ายต่อชาติศาสน์กษัตริย์
จงยืนหยัดกตัญญูรู้ศึกษา
ทำการงานให้ดีมีวิชา
ผู้ด้อยกว่าช่วยเขาเราได้บุญ

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

สุนทรวิทย์


ยังมีคน  มากมาย  ในโลกนี้
ทนโศกี  คับแค้น  แสนสาหัส
ผจญกับ  ปัญหา  สารพัด
อัตคัด  ขัดสน  จนวันวายเด็กส่วนหนึ่ง  บอบช้ำ  แต่กำเนิด
ผู้ให้เกิด  ทิ้งขว้าง  หนีห่างหาย
ต้องกำพร้า  หน้าเซียว  อยู่เดียวดาย
ซังกะตาย  อับจน  สิ้นหนทางบ้างพิการ  ซ้ำซ้อน  นอนง่อยเปลี้ย
เจ็บละเหี่ย  เพลียใจ  ไม่ซาสร่าง
ชีวิตเจ็บ  ทุรน  บนเส้นฟาง
พร้อมอับปาง  จบเห่  ทุกเวลาอนิจจา  เพื่อนร่วมโลก  ผู้โชคร้าย
ชะตาคล้าย  ถูกสาป  มีบาปหนา
หวังเพียงใคร  ไยดี  ชุบชีวา
ช่วยเยียวยา  บาดแผล  มีแก่ใจคนร่ำรวย  เนียรทุกข์  สุขวิศิษฏ์
เคยแบ่งจิต  เอื้อเฟื้อ  เกื้อกูลไหม
กรุณา  สักนิด  คิดห่วงใย
ช่วยเขาให้  บรรเทา  จากเศร้าตรม
โปรดแสดง  น้ำใจ  อย่าได้ช้า
ซับน้ำตา  แก้ไข  คลายขื่นขม
ช่วยเหลือเด็ก  ด้อยโอกาส  ขาดรื่นรมย์
เท่าประเทือง  สังคม  สั่งสมคุณ
สร้างกุศล  จุนเจือ  เผื่อภพหน้า
ธรรมสัมมา  จะย้อน  อาทรหนุน
เกิดเป็นคน  มุทิตา  แผ่การุญ
ย่อมได้บุญ  เสริมชีวาตม์  ทุกชาติไป

** ด้วยความคิดถึง **

ราชิกา


**  สุดขอบฟ้า  แสนไกล  หทัยนี้
ดวงฤดี เคียงข้าง มิห่างหาย
อุ่นไอรัก สลักซึ้ง ตรึงใจกาย
รักมิคลาย คิดถึง คะนึงครวญ
**  เหม่อมองฟ้า สะท้อน  ถึงก้อนเมฆ
คล้ายมนต์เสก   ดวงจิต  ให้คิดหวน
ความผูกพัน  ห่างเห ไม่เรรวน
น้องเนื้อนวล  ใจภักดิ์  สองรักเรา
**  กระซิบหวาน  คนดี  สุดที่รัก
ใจแน่นหนัก  คงมั่น  ดั่งขุนเขา
กระซิบแผ่ว  แว่วเสียง  สำเนียงเบา
คราใดเหงา  เฝ้ารำพึง...คิดถึงเธอ.....
**  ด้วย...ความรัก  สลักไว้  ในดวงจิต
ความ..ใกล้ชิด  ห่วงใย  ให้เสมอ
คิด...ทุกวัน  ห่วงหา  ทุกคราเจอ
ถึง...ละเมอ  คอยอยู่  เธอผู้เดียว.......ฯ

ฟังหน่อยเถิดลูกรัก

สุนทรวิทย์


พ่อ,แม่รัก  ลูกนี้  กว่าชีวาตม์
ต่างมุ่งมาด  ทำดี  ถึงที่สุด
ลูกผิดพลาด  เพียงใด  ไม่ประทุษ
เร่งรีบรุด  บูรณะ  ช่วยประทังดูพยัคฆ์  ทมิฬ  ใช่กินลูก
กลับพันผูก  มุทุตา  ห่วงหน้า-หลัง
คอยปกป้อง  อาพัทธ์  ระมัดระวัง
เพียรสอนสั่ง  เยี่ยงมนุษย์  ดุจเดียวกันลูกเข้าใจ  พ่อ,แม่  สักแค่ไหน
ว่าห่วงใย  ลึกซึ้ง  จึงกวดขัน
หวั่นเกรงลูก  หูเบา  มิเท่าทัน
อาจหุนหัน  บุ่มบ่าม  ตามเล่ห์กลลูกเชื่อเพื่อน  ง่ายดาย  คล้ายหัวอ่อน
พ่อ,แม่สอน  กลับโกรธา  ว่าขี้บ่น
คือปัญหา  หนักใจ  ของหลายคน
ต้องกังวล  ทนแก้  แม้ยากเย็นเพียงลูกลูก  กตัญญู  รู้จักคิด
ย่อมวิศิษฏ์  แสนสุข  พ้นทุกข์เข็ญ
แม้นลูกเขลา  หลงผิด  คิดไม่เป็น
ก็เหมือนเวร-กรรมแผดเผา  น่าเศร้าใจวันใดลูก  นิราศ  ขาดพ่อ,แม่
ใครจะตาม  เหลียวแล  บ่มแก้ไข
ที่พ่อ,แม่  อุตส่าห์  จาระไน
ล้วนหวังให้  ลูกลูก  เดินถูกทาง

เพลงอวยพร

คนบางบอน


“แม้นสอยดาวสาวเดือนได้เหมือนว่า”
จะร้อยเป็นมาลาภาษาฝัน
อัญเชิญเทพเทวามาทุกชั้น
มาร่วมสรรบรรเลงเพลงอวยพร
เห่ ... เอย ...เห่กล่อมเจ้าจอมขวัญ
ชื่นชีวันขวัญชีวาเจ้าอย่าอ้อน
ดูพระจันทร์เด่นฟ้าเหนือนาคร
ฟังเพลงกลอนแล้วหลับฝันอย่าหวั่นใจ
เมื่อตื่นมาฟ้าสีครามหวานความรัก
สายลมทัก แสงแดดพ้อ นกล้อให้
จงยิ้มสู้กับไฟฝันวันเปลี่ยนวัย
ชีวิตใหม่แปรผันแล้ววันนี้
ทุกย่างก้าวในวัยมากไฟฝัน
ย่อมสำคัญกับชีวินทุกถิ่นที่
คิด พูด ทำ จงทำแต่กรรมดี
เสริมศักดิ์ศรี เสริมชีวิต เสริมจิตใจ
อยากเห็นเจ้าเป็น “คนดี” เหมือนที่คิด
ถึงแม้สิทธิ์เสรีไม่มีให้
ด้วยรักและผูกพันมิหวั่นใคร
จะห่วงใยมิ่งขวัญนิรันดร์กาล
“แม้นสอยดาวสาวเดือนได้เหมือนว่า”
จะนำมาเป็นของขวัญในวันหวาน
อวยพรให้เจ้าสุขแสนนานแสนนาน
จากสายธารศรัทธา “คนบ้ากลอน”
สมยศ          เปียสนิท

เครื่องบินบินได้เพราะอะไร ไม่ใช่เพราะเครื่องกลไก กระไรนั่น

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


เครื่องบินบินได้เพราะอะไร
ไม่ใช่เพราะเครื่องกลไก กระไรนั่น
ปีกนิ่งๆนั้นบินได้อย่างไรกัน
.. เพราะว่าคนมีความฝัน จึงดั้นบิน
ฝันมุ่งมั่น ฟันฝ่ากล้าจะฝัน
พร้อมพยุงความมุ่งมั่นพลันโผผิน
ปลอบชีวิตปลิดจากทุกข์ปลุกชีวิน
สิ่งทั้งสิ้น มีรากจากความฝัน

แก้วตาดวงใจ

อนงค์นาง


ลมหนาวพัดอีกคราแก้วตาขวัญ
สองชีวันอุ่นทรวงดวงสมร
จัดห้องรอรับเจ้าสู่เหย้านอน
หนาวหรือร้อนผ่อนคลายสบายใจ
แม่เฝ้ารอลูกอยู่สู่อ้อมแขน
คิดถึงแม้นมากนักจักทนไหว
ทั้งการเรียนการงานผ่านห่วงใย
เหมือนเยาว์วัยอุ้มชูเลี้ยงดูมา

เพียงใจสู้

อนงค์นาง


แม้มีภัยเพียงใดอย่าไปหวั่น
รักเรานั้นคงอยู่มิรู้หาย
ภัยจะมาจะไปรักไม่คลาย
ไม่มลายหายตามยามทุกข์ตรม
ทำงานเหนื่อยพักผ่อนก่อนที่รัก
ลูกเมียจักเอาใจไม่ขื่นขม
เป็นพ่อบ้านแสนดีที่ภิรมย์
มีหรือจนทนสู้ครองคู่กัน
แม้พายุหิมะจะมาอีก
รถเก่าหลีกให้ดีอย่าหมุนหัน
กลับถึงบ้านปลอดภัยยิ้มให้กัน
วันหนึ่งนั้นผ่านไปไม่ท้อทรวง
เฮอร์ริเคนผ่านไปให้โล่งอก
หิมะตกถล่มฟ้ามาใหญ่หลวง
ธรรมชาติร้ายทุกปีมิมีลวง
อย่าไปห่วงเพียงใจสู้อยู่กับมัน
ปีนี้ที่นี่หนาวแล้วค่ะ เตรียมรับมือกับพายุหิมะอีกแล้ว หลังจากที่พายุเฺฺิฮอร์ริเคนผ่านไป ยังใช้รถคันเก่าคู่ใจเหมือนเดิม พี่ชายกับสามีช่วยกันซ่อมทุกอย่าง เตรียมรับมือกับหิมะ ปีที่แล้วสูงเกือบสามสิบนิ้วค่ะ โลกเรามีภัยธรรมชาติมากมาย ก็ต้องสู้กันต่อไปค่ะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนฝ่าฟันไปให้ได้นะคะ
ใช้เฟอร์นิเจอร์ราคาถูก รถเก่าๆค่ะ เวลาภัยธรรมชาติมาก็เตรียมอพยพ ไม่ค่อยห่วงอะไร   ความรัก ความอบอุ่นในครอบครัวมีค่ากว่า อยู่ในห้องแคบๆแต่เข้าใจกัน ต่อสู้ด้วยกัน พอเพียงแล้วค่ะ

หุ้นส่วนชีวิต

สุนทรวิทย์


เราแก่แล้ว  ทูนหัว  รู้ตัวบ้าง
ก่อนก้าวย่าง  ทุกครั้ง  ระวังหน่อย
สุขภาพ  หมั่นตรวจตรา  อย่ามัวคอย
เรื่องใหญ่น้อย  ปล่อยวาง  บ้างแหละดีห่วงใยตน  กินให้ได้  นอนให้หลับ
รู้จักรับ  รู้จักจ่าย  หายตระหนี่
ดิ้นรนมา  เหนื่อยหน่าย  หลายสิบปี
ถึงยามนี้  ควรพักผ่อน  หย่อนอารมณ์ปวงลูกหลาน  สอนได้  แต่ภายนอก
แม้ล้อมคอก  ประกบ  ประคบประหงม
ใช่ว่าจะ  สมจิต  อย่างคิดชม
มักเกิดเงื่อน  เกิดปม  จงข่มใจอายุขัย  ไล่หลัง  ดังติดปีก
เกินสับหลีก  ปลีกกาย  หมายแก้ไข
ชีวิตคน  ปุบปับ  อาจดับไป
อยากกินใช้  สมควร  ด่วนตักตวงอยู่กันมา  อดทน  จนหัวหงอก
ผ่านช้ำชอก  อุปสรรค  กันหนักหน่วง
มีลูกหลาน  มะรุมมะตุ้ม  เป็นพุ่มพวง
ก็ลุล่วง  ปรารถนา  มาพอควร
เราสองคน  ตายาย  ไม้ใกล้ฝั่ง
เลิกมุ่งหวัง  สิ่งใด  ให้ครบถ้วน
ขอเพียงแต่  บั้นปลาย  ไม่เรรวน
เป็นหุ้นส่วน  ชีวิต  นิจนิรันดร์

เด็กตัวดำ

ผ.อ.สมพิศ


เด็กตัวดำ นำหน้า เข้ามาไหว้
โรงเรียนเรา เปิดไหม คุณครูขา
หนูไปอยู่ ชลบุรึ นี่เพิ่งมา
อยากรู้ว่า โรงเรียนเรา เล่าเป็นไง
เห็นน้ำท่วม เข้าห้อง นองไปทั่ว
สูงท่วมหัว ลุยลง คงไม่ไหว
อยากหาเรือ วานเขา พายเข้าไป
อีกเมื่อไร พวกเรา ได้เล่าเรียน
หนังสือหนู ก็หาย ตามสายน้ำ
มิได้ทำ การบ้าน หรืออ่านเขียน
อยู่ในศูนย์ ผู้คน เดินวนเวียน
ใจอยากเปลี่ยน มาอยู่ กู้บ้านเรา
ถ้าน้ำลด เมื่อไร หนูไปด้วย
อาจจะช่วย ได้บ้าง อย่างเพื่อนเขา
พวกหนูจะ ร่วมแรง ช่วยแบ่งเบา
หวังพึ่งเขา เมื่อไร จะได้มา
สงสารจัง โรงเรียน เคยเขียนอ่าน
คงอีกนาน นะครู ดูทีท่า
เขาให้ทน ไม่ท้อ รอเวลา
คุณครูขา กำลังใจ หนูให้ครู
เด็กตัวดำ ก่อนไป  ยิ้ม ไหว้ฉัน
เราเสียงสั่น ตอบไป ขอบใจหนู
แกไร้พ่อ เพียงแม่ คอยแลดู
ห้องเช่าอยู่ น้ำมิด ติดหลังคา

ช่วยหนูด้วย

คนบางบอน


น้ำท่วมบ้าน  หนูจนจม  ระทมทุกข์
หมดที่ซุก  หัวนอน  ต้องร่อนเร่
อาศัยริม  ถนน  อย่างปนเป
จะหันเห  ไปทางไหน  ไร้หนทาง
ฝากชีวิต  ไว้ที่  ของบริจาค
แม้ไม่มาก  ก็พอยัง  ประทังบ้าง
หยาดน้ำใส  เอ่อล้นตา  จนฝ้าฟาง
ความอ้างว้าง  เกาะทั่ว  เนื้อหัวใจ
เห็นแต่น้ำ  เจิ่งนอง  เต็มท้องทุ่ง
เห็นโค้งรุ้ง  ที่ปลายฟ้า  อุราไหว
ฝนยังริน  ฟ้ายังร้อง  ก้องมาไกล
สั่นอยู่ใน  ดวงฤดี  ที่หวาดกลัว
วิปโยค  โศกเศร้า  เหงาชีวิต
เมื่อวิกฤต  อุทกภัย  ลามไปทั่ว
ต้องอยู่อย่าง  พลัดพราก  จากครอบครัว
ความมืดมัว  ในหัวใจ  ยังไม่จาง
กำลังกาย  ล้าเต็มที  ที่จะสู้
ที่ยืนอยู่  กำลังใจ  ได้รับบ้าง
ชีวิตซึ่ง  มืดมน  ไร้หนทาง
จะก้าวย่าง  ต่อไป  อย่างไรดี
อยากกู้ซาก  บ้านคืน  จากผืนน้ำ
หยุดความช้ำ  ที่ท่วมท้น  จนล้นปรี่
“ช่วยหนูด้วย!” ท่านเจ้าขา ผู้อารี
หนูไม่มี  สักคนเดียว  คนเหลียวแล
สมยศ  เปียสนิท

จงก้าวไป

ว.มหรรณวา


จงก้าวไปแม้ใจจะเศร้าโศก
จงก้าวไปแม้โชคจะอับเฉา
จงก้าวไปแม้ใครจะว่าเรา
จงก้าวไปแม้เขาเฝ้านินทา
จงก้าวไปแม้ใจจะไม่สู้
จงก้าวไปเรียนรู้สู่ข้างหน้า
จงก้าวไปมุ่งมั่นสร้างปัญญา
จงก้าวไปจนกว่าชีวาวาย
จงก้าวไปสรรสร้างทางชีวิต
จงก้าวไปพิชิตสิทธิ์ทั้งหลาย
จงก้าวไปแม้เหนื่อยและเมื่อยกาย
จงก้าวไปแม้ร้ายอาจกลายดี
จงก้าวไปอย่ากลัวอย่ามัวหงอย
จงก้าวไปสู้หน่อยอย่าถอยหนี
จงก้าวไปหอบฝันในทันที
จงก้าวไปเดี๋ยวนี้อย่ารีรอ.

รอยยิ้มมวลรวม ประชาชาติ

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


เห็นกันไหมเพื่อนไทยเห็นไหมนั่น
เพื่อนแลเห็นเหมือนกัน กับฉันไหม
เห็น ความฝันมวลรวมประชาไทย
ยังยิ่งใหญ่ ยังยืนยงคงยืนยัน
..ว่ารอยยิ้มมวลรวมประชาชาติ
วันนี้อาจลดลงบ้าง ก็บางขั้น
ขอให้เรายังยิ้มไว้ ยิ้มให้กัน
รอยยิ้มนั้นจะเพิ่มยิ้มพิมพ์หัวใจ
ยิ้มสู้ภัยใจยิ้มสู้อยู่ทุกเมื่อ
ด้วยความเชื่อว่าไทยแน่แต่หนไหน
แล้ว ความสุขมวลรวมประชาไทย
จะยิ่งใหญ่ ตามจำนวนมวลยิ้มเรา

ขอเิปิดบ้านต้อนรับครู

อนงค์นาง


เมื่อครูแก้วเป็นทุกข์ศิษย์ทุกข์ด้วย
ยื่นมือช่วยด้วยใจไม่เคยหวัง
ให้ครูรักเมตตาไม่น่าฟัง
แต่พลังน้ำใจไม่เคยเลือน
ในยามยากมากคนบนความเศร้า
ขอช่วยเท่าสามารถไม่อาจเหมือน
ช่วยทุกคนไม่ได้ไม่ลืมเลือน
แค่เป็นเพื่อนปลอบใจให้คลายตรม
เพราะครูนั้นอาวุโสไม่โิ้อ้ิอวด
ไม่ติสวดทุกวันพลันขื่นขม
พูดจาตรงไปมาน่าชื่นชม
ความรู้บ่มมานานการงานดี
ทำงานรับใช้ชาติสะอาดซื่อ
เกษียณคือผลงานสานศักดิ์ศรี
มีภรรยาคู่ครองสองชีวี
ศิษย์ยินดีต้อนรับไม่กลับคำ
บ้านของอนงค์นางยินดีต้ิอนรับครูเสมอค่ะ ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจากกรุงเทพฯแปดชั่วโมง คิดว่าครูคงพักอยู่กับลูกชายในตอนนี้
ถ้าครูและครอบครัวอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปทางอิสานบ้าง  ขอเชิญได้ทุกเวลานะคะ ไม่ใช่คนรวยทรัพย์ ไม่ใช่คนสวย แต่มีน้ำใจให้ในยามยาก อาจช่วยไม่ได้ทุกคน ก็ขอส่งกำลังใจให้ ขอให้เพื่อนๆบ้านกลอนปลอดภัยกันทุกท่านค่ะ
ขอฝากข้อความถึงครูไก่ช่างขันที่กลับเมืองไทยไปแล้ว อยู่แถวบางพลัดใช่มั้ยคะ น้ำท่วมหรือเปล่าคะครู
คุณพ่อและคุณแม่ครูไก่ช่างขันอยู่แถวห้วยขวาง เป็นอย่างไรบ้างคะ  ครูไก่ช่างขันถ้าว่าง กรุณาติดต่อส่งข่าวคราวให้ลูกศิษย์เรียนนาฏศิลป์ที่วัดไทยในนิวยอร์ค อย่างอนงค์นาง ได้ทราบข่าวคราวกันบ้างนะคะ เป็นห่วงด้วยใจจริงค่ะ  มีอะไรที่พอช่วยได้ ยินดีเสมอนะคะ
เป็นไม้บ้าน ชั้นบนมีสองห้องนอน ข้างล่างหนึ่งห้องนอน มีที่นอนหมอนผ้าห่ม มีมุ้งลวด เตาแก้ส น้ำประปา ไฟฟ้า
ไม่มีคนอยู่

ยอมแล้ว

คนกรุงศรี


สี่ห้าสิบ ปีก่อน ตอนนั้นหนุ่ม
พอเข้ากลุ่ม กับใคร ก็ได้ผล
เพราะเรือนร่าง หน้าตา เมื่อครายล
จัดเป็นคน รูปงาม ตามมุมมอง
คนเห็นชม สมพิศ อยากชิดใกล้
สาวอยู่ไกล สะกิดแม่ เหลียวแลจ้อง
ทั้งวาทะ ท่วงที มีทำนอง
เขียนร้อยกรอง กาพย์กานท์ ก็หวานจัง
แต่มิเคย ทำให้ ใครชอกช้ำ
อีกถ้อยคำ เชื่อได้ ไม่ผิดหวัง
เพื่อนหญิงชาย หลายหน้า มาประดัง
นี่คือยัง เมื่อตอน ที่อ่อนวัย
พอวันนี้ ปีเดือน มันเคลื่อนผ่าน
แสนเนิ่นนาน เวลา อายุขัย
ก็พูนเพิ่ม เติมกัน ทุกวันไป
ทุกอย่างเวียน เปลี่ยนใหม่ ไม่เหมือนเดิม
ผมเคยดก ดำกลับขาว ราวดอกอ้อ
ฟันหลุดหรอ ใบหน้า ตีนกาเพิ่ม
ความสง่า ลาไป ไม่ต่อเติม
ต้องคอยเสริม หยูกยา มาบรรเทา
แม้คารม คมถ้อย ไม่ถอยหนี
ถึงวลี กลอนกานท์ หวานกว่าเก่า
แต่สู้คน หนุ่มไม่ได้ ไฟมันเบา
ทำใจนะ ตัวเรา……. ทนเหงาไป
หน้า / 16  
ทั้งหมด 261 กลอน