กลอนกำลังใจ

จุดหมายปลายทาง

din


ถ้าปลายทางเคว้งคว้างและว่างเปล่า
ไม่มีเขาเป็นเพื่อนเหมือนวันก่อน
อย่าจารจดหมองเศร้าให้ร้าวรอน
อย่าอาวรณ์ความหลังที่ฝังใจ
อย่าให้ความเจ็บช้ำมันย่ำจิต
อย่าครุ่นคิดจนกมลต้องหม่นไหม้
รู้ไว้เถอะที่นี่มีบางใคร
คอยห่วงใยคนดีทุกวี่วัน
ถ้าจุดหมายปลายทางยังว่างเปล่า
อาจเงียบเหงาเซาซมระบมขวัญ
แม้โลกสูญสิ้นลับดับตะวัน
ปลายทางนั้นฉันจะอยู่เคียงคู่เธอ

หากวันใด

กลั่นแก้ว


หากวันใดที่เธอทุกข์ท้อแท้
ขอเพียงแค่เธอนึกถึงฉันคนนี้
ยังยืนเคียงข้างเธอเสมอทุกนาที
ยังเป็นคนที่หวังดีไม่เปลี่ยนแปลง
ขอให้เธอรับรู้ไว้ด้วยเถิด
คนคุ้นเคยคนนี้ยังห่วงใย
ไม่ว่าเธอทุกข์ท้อสักเพียงใด
จะเป็นกำลังใจให้กับเธอ
........................

**อวยพรวันเกิด...แด่...ราชิกา**

คนกุลา


๐ ยี่สิบเอ็ดทุกครั้ง..................วนมา
วันหนึ่งในมิถุนาฯ..................ขวบเข้า
คือวันเกิด"ราชิกา".................สมรมิ่ง  แม่เฮย
ขอหมู่เทพอวยเจ้า.................ยิ่งล้ำพรเกษม..ฯ
๐ ยี่สิบเอ็ดทุกครา..................เดือนมิถุนาฯทุกปี
เป็นวันอันแสนดี...................บางคนที่จุติกาล
๐ จึ่งไคร่ประณตน้อม.............ศิระค้อมก้มกราบกราน
พระรัตนตรัยคุ้มภัยพาล.........ทั้งเทพท้าว ณ แดนใด
๐ มาพร้อมประชุมกัน...........มอบสิ่งอันประสบชัย
ทุกข์โศกวิโยคไกล.............นิรทุกข์นิราศลา
๐ จงโปรดประทานพร..........มิ่งสมร"ราชิกา"
วันเกิดที่เวียนมา..............ประสบผลให้เพิ่มพูน
๐ พรใดที่แสนเลิศ............สุดประเสริฐมาค้ำคูณ
โศกาและอาดูร.................จงละเว้นและห่างหาย
๐ สุขสันต์สโมสร................เถอะบังอรสราญกาย
เงินทองให้มากมาย...........ทั้งทรัพย์ได้จงเนืองนอง
๐ หวังจิตจงเสร็จสม...........ให้ชื่นชมแก่ชนผอง
หมายไหนขอสมปอง...........ดุจดั่งหวังตั้งใจเทอญ.ฯ
..................................
แสนคำนึง
คนกุลา

มิช้าฟ้าสางรางรอง

เปลวเพลิง


บทกลอนนี้เขียนโดย  อุชเชนี  เป็นบทกลอนที่ค่อนข้างเก่าพอสมควร
เป็นกลอนบทหนึ่งที่อ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจเวลาท้อแท้หรือเหนื่อยกับการทำสิ่งต่างๆได้ดีมาก  ผมจึงอยากมอบกลอนบทนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ทุกๆคนครับ
เพื่อนรัก
หนาวหนักเหนื่อยเหน็บเจ็บหรือ
หลับเถิดลมร้ายรายระบือ
หวีดหวือเวียนใจใกล้แล้ว
ขลุ่ยครวญหวนโหยโรยล่อง
ทั่วท้องทุ่งธารลานแก้ว
หลับเถิดดาวรุ่งพุ่งแพร้ว
วาดแววหวังวับจับฟ้า
โลกนี้แสนคับอับเฉา
มือเจ้าวางบนมือข้า
พอแล้วหลับเถิดแก้วตา
มิช้าฟ้าสางรางรอง
สาดแสงแรงรักหลักโลก
คลายโศกทุกข์เศร้าเราสอง
หลับเถิดรักเจ้าราวทอง
ผาดผ่องใจจนล้นมี
แดนดินถิ่นดำคล้ำมืด
ชาชืดเฉาใจใคร่หนี
หลับเถิดรักกล้าข้านี้
จักคลี่แสงคลุมคุ้มกัน
ความหวังฝังไว้ในดาว
ในหาวห้วยไม้ไพรสัณฑ์
หลับเถิดกว่าแสงตะวัน
ฉายฉันแฉกฟ้าร่าเริง

ดอกไม้ฤดูร้อน

เปลวเพลิง


ดอกไม้ฤดูร้อน
เจ้าบานต้อนรับฤดูอยู่แต่ไหน
สายลมร้อนโชยฟ้าเมื่อคราใด
ดอกไม้ไหวบานเด่นมิเร้นเงา
มาแต่งแต้มสีสันให้โลกสวย
จะมัวขวยเขินไปกระไรเล่า
กลีบอ่อนโยนพรายพร่างและบางเบา
จักทนแดดแผดเผานานเท่านาน
อาจไร้สายฝนโปรยมาโรยหล้า
กลีบผกาจักท้าร้อนจนอ่อนหวาน
ยืนต้นท้าทุกข์ท้อทรมาน
ดั่งปราการดอกไม้ในแผ่นดิน
เจ้าบอบบางเสียยิ่งกว่าหญิงสาว
ทั้งเข้มแข็งแกร่งกร้าวราวผาหิน
ทุกอณูกลีบสีคือชีวิน
อันหลั่งรินแรงใจไม่เว้นวาย
ให้ดอกไม้ฤดูร้อนซึ่งอ่อนหวาน
ชูช่อก้านรับตะวันอันเฉิดฉาย
คงคุณค่าสีสันพรรณราย
เป็นเลื่อมลายแพรรุ้งอันเรืองรอง
เจ้าบานอยู่ในใจใครทุกผู้
และคงอยู่ด้วยหวังอันผุดผ่อง
เพื่อเฝ้ารอวันที่ฟ้าสีทอง
หลังละอองหยาดฝนหล่นพรั่งพรู
และจะประจักษ์ตาว่าดอกไม้
อาจถูกแดดแผดไหม้แต่คงอยู่
เป็นความงามความกล้าแกร่งแห่งฤดู
ประดับทั่วพื้นภูของหัวใจ
ดอกไม้ฤดูร้อนแสนอ่อนหวาน
ยังผลิบานและผลิหวังพลังไข
โปรยกลีบบางสร้างฝันอันอำไพ
แด่เธอผู้ซึ่งไม่เคยยอมแพ้
ปล.ห่างหายไปสามเดือน ช่วงปิดเทอมกลับบ้านเลยไม่ได้โพสต์
วันนี้มีโอกาสเลยมาโพสต์เยี่ยมเยียนทุกๆท่านนะครับ
หวังว่าทุกคนคงสบายดีนะครับ   เอาดอกไม้ฤดุร้อนมาฝาก
ให้ทุกๆท่านชมครับ

ฝนหลง...

ครูพิม


ฝนตกอกหวั่นในวันหมาง
ฝนร้างห่างหายจึงคล้ายหลอน
ทิ้งข้าวแห้งกรังทั้งนาดอน
เดือดร้อน..ทั่วถิ่น..แผ่นดินไทย
ไร่แตงแห้งตายที่ท้ายทุ่ง
ครารุ่งมุ่งหวัง..ฟ้ายังใส
เมตตาพาฝนหล่นห่มไพร
ฝนไร้..ทิ้งแล้ง...จนแห้งตาย
ทุกคลองหมองหม่นดิ้นรนหา
หวังฟ้าพาฝนมาหล่นสาย
ช่วยเติมความชื่นให้ตื่นกาย
แต่พ่าย...แพ้ฝน...มิหล่นมา
จึงแล้งจึงร้างบนทางฝัน
จึงหวั่นจึงท้อจึงพ้อหา
พบแต่ว่างเปล่า..มีเหงามา
ยิ้มร่า..เคียงกัน...จนหวั่นทรวง
สู้ทนฝนเยือนให้เหมือนเก่า
ร่มเงาแห่งรัก...จักลาล่วง
ใจหลงลืมคำ...จึงช้ำทรวง
ดุจฝน..หล่นล่วง...มาลวงกัน
ฝนตกอกร้าวจึงหนาวหนัก
ใจจักหักใจ...อย่าได้หวั่น
ฝนหลงฤดูมาจากฟ้าพลัน
ดุจฝัน...เพียงวาบ...เป็นภาพลวง
.
ครูพิม
๑๖ มีนาคม ๒๕๕๔
ขอบคุณภาพจาก http://gotoknow.org/blog/0609045-2009-1/395296

เตรียมตัว

เปลวเพลิง


เตรียมตัวพร้อมหรือยังเธอทั้งหลาย
เมื่อหวังป่ายบันไดตามใฝ่ฝัน
พร้อมหรือยังกับหินโหดโฉดฉกรรจ์
ที่ขวางกั้นมรรคาเบื้องหน้าเธอ
บนหนทางเดินเท้ายาวนับโยชน์
เงาเดี่ยวโดดครอบงำสม่ำเสมอ
เธออาจหิวโหยไห้ไหวละเมอ
หวังอาจเก้อบินหายไปลับตา
เติมแรงกายให้พร้อมออมแรงพัก
เต็มแรงใจจงประจักษ์ทุกหย่อมหญ้า
เก็บเสบียงเลี้ยงตัวชั่วชีวา
แบกขึ้นหลังรั้งบ่าสัมภาระ
อย่าเที่ยวเพลินชมไม้นานไปนัก
อย่าหยุดพักเสียเนิ่นเพลินคีตกะ
อย่าหลงเสียงเพรียกให้ใจลดละ
อย่ามุ่งระเริงเล่นเสียเป็นพอ
เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วเธอทั้งหลาย
ขอจงได้เดินไปไม่ระย่อ
มุมานะด้วยตนอดทนรอ
นำฝันช่อลออหวานกลับบ้านเธอ

อยู่ที่เราลิขิต

เปลวเพลิง


อันคนเราเท่านี้แหละที่ว่า
มีสองมือสองขาสองตานั่น
มีหัวใจเต็มหวังเป็นรางวัล
เพื่อเสกสรรค์ชีวิตเช่นคิดไว้
แม้ต้องการสิ่งใดในหล้าแหล่ง
เพียงลงแรงใช่จักยากคว้าไขว่
สูงเสียดฟ้าต่ำลงดินถิ่นใกล้ไกล
ก็คงได้ใคร่ชิดสนิทนาน
ด้วยสองมือสองเท้าเร่งเข้าสู้
เรียนและรู้ทุกข์สุขสนุกสนาน
สัมผัสแดดสัมผัสฝนทนกรำงาน
ให้ซาบซ่านถึงค่าราคาคน
มีความหมั่นเพียรก่อเป็นบ่อเกิด
ปลูกความรู้ชูเชิดเป็นดอกผล
อดทนเลี้ยงชีพชอบกอปรกมล
ลิขิตตนหมดสิ้นด้วยยินดี
ชีวิตเราคงอยู่คู่กับโลก
ใช่เพราะโชคชะตากรรมนำวิถี
หากเป็นเพราะเลือกลิขิตด้วยฤทธี
ให้สดศรีฤาหมองไหม้ดั่งใจเรา

ขอแสดงความยินดี..กับบัณฑิตใหม่"ครูพิม"

พิมญดา


ขอแสดงความยินดี.บัณฑิตใหม่
เสริมคุณค่าครูไทย..สมศักดิ์ศรี
สู่ความภาคภูมิใจ..ในชีวี
ให้ครูดี ที่เชียงคาน...งานสมบูรณ์
ขอแสดงความยินดีกับคุณครู  กมลชน  (ครูพิม)ด้วยนะคะ
8 กุมภาพันธิ์  2554
ดอกไม้ช่อนี้ให้ด้วยใจนะ.อาจไม่เท่ากะช่อที่กอดไว้อะครูพิม55555+>

ในเมื่อเราจะลืมไปในวันหนึ่ง ทำไมจึงจำเจ็บไว้ให้ใจหวั่น

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


..ไม่มีเจ็บอันใดไม่ผันผ่าน
ลองตรวจทานทวนดูก็รู้เห็น
กี่เจ็บร้าวหรือเจ็บร้ายหลายประเด็น
ล้วนไม่เด่นเช่นคราวพบประสบครัน
ในเมื่อเราจะลืมไปในวันหนึ่ง
ทำไมจึงจำเจ็บไว้ให้ใจหวั่น
หากวันลืมต้องมาถึงซึ่งสักวัน
แล้วทำไม ..ไม่ทำมันเป็นวันนี้

อวยพรวันเกิด .คุณคนกุลา

ราชิกา


** วันเกิดงามเพริศแพร้ว         อวยชัย
วอนพระรัตนตรัย                         ทั่วหล้า
บันดาลท่านปลอดภัย                 ปราศทุกข์  สุขเฮย
ดุจดั่งเพชรแกล้วกล้า                  เกริกฟ้ากานท์เกษม.....ฯ
** ยี่สิบหก  ธันวา  เวียนมาถึง
เป็นวันซึ่ง  คล้ายวันเกิด  ประเสริฐศรี
“ คนกุลา ”  ขับขาน  กานท์กวี
ดุจมณี  คำพร  วอนพลัง
** คิดสิ่งใด  ให้สม  อารมณ์มาด
ให้เปรื่องปราชญ์  เรืองรุ่ง  ดั่งมุ่งหวัง
ปรารถนา   สิ่งดี  ให้จีรัง
พร้อมมนต์ขลัง  รักแท้  แด่ชีวี
** ให้ร่ำรวย  มั่งมี  ด้วยศรีศักดิ์
ให้คนรัก  มากมาย  มิหน่ายหนี
เกียรติยศ  ก้องฟ้า  ทั่วธาตรี
สุขฤดี  ในแดน  ที่แสนไกล
** อัญเชิญพร  ล้ำเลิศ  ประเสริฐฟ้า
ทั่วโลกหล้า  นภา  ที่อาศัย
ปฐพี  มหาสมุทร  สุดแดนใด
จงพ้นภัย  ประเทือง   เมลืองรอง
** ให้อายุ  วรรณะ  พละเลิศ
สิ่งประเสริฐ   สุขสันต์   พลันสนอง
เกียรติยศ   รุ่งเรือง  ทรัพย์เนืองนอง
สุขสมปอง   กายจิต   นิจนิรันดร์............ฯ

แมลงปอนักล่าฝัน

เปลวเพลิง


จากสายน้ำเย็นใสในลำธาร
ฉันคืบคลานขึ้นสู่ยอดพงหญ้า
ลอกคราบเป็นแมลงปอแกร่งกายา
มีกำลังวังชากว่าครั้งใด
ค่อยกระหยับปีกโผโต้ลมอ่อน
ชมแสงแดดแรงร้อนอย่างรักใคร่
ด้วยปีกนี้ฉันจะบินท่องถิ่นไกล
อย่างที่ใจหมายมาดปรารถนา
บนดินแดนแสนไกลภายหน้านั้น
อาจมีอันตรายร้ายเกินกว่า
ฟ้าอาจเกรี้ยวดินอาจโกรธโหดคลั่งบ้า
จนยากฝ่าฟันไปยังปลายทาง
แต่ฉันไม่กริ่งกลัวหรอกโลกเอ๋ย
แม้นไม่เคยบินไปที่ไกลห่าง
เมื่อฉันเลือกบินเหินเพื่อเดินทาง
ฉันก็จะบินคว้างอย่างอดทน
อาจต้องผ่านถิ่นที่ไม่รู้จัก
ไม่เห็นหลักชัยเผยเลยสักหน
ไม่เห็นแว่นแคว้นใดในมณฑล
หรือหนาวจนเหน็บทั่วทั้งหัวใจ
อาจพบสุขโศกเศร้าบางเช้าค่ำ
อาจร้องร่ำบางคราน้ำตาไหล
อาจพบมิตร-ศัตรูอยู่ทั่วไป
อาจเจ็บไข้เจียนสิ้นชีพชีวา
เพราะว่าฝันฉันนี้มีความหมาย
ฉันจึงได้บินรุดไปสุดหล้า
และอาจต้องบินผ่านกาลเวลา
เนิ่นนานกว่าใครใครใต้ฟ้าคราม
แต่สักวันเถิดนะในสักวัน
จะพบถิ่นที่อันแอร่มอร่าม
ที่ฉันจักชื่นชมกับความงาม
ในทุกโมงทุกยามของชีวี
แหละเช่นนี้นะมิ่งมิตรผู้น่ารัก
เธอก็จักพบฝันอันสดศรี
เมื่อเธอทุ่มแรงใจกายเท่าที่มี
และไม่ยี่หระหวั่นภยันตราย
มาเถิดมามาบินเคียงกับฉัน
มาด้นดั้นสู่เส้นชัยดั่งใจหมาย
เห็นไหมนั่นแสงสว่างยังพร่างพราย
ที่สุดปลายทางฝันอันเรืองรอง

จันทร์เจ้า

เปลวเพลิง


จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า
ไม่ขอข้าวขอแกงจากแห่งไหน
ไม่ขอเตียงขอตั่งขอกำไล
ขอแหวนทองสวมใส่ให้ใครชม
จันทร์เอ๋ยจันทร์พริ้ม
อยากจะขอรอยยิ้มที่สุขสม
อาบอิ่มบนใบหน้าผู้ระทม
ขับไล่ความเศร้าตรมจากหัวใจ
ขอความหวังความรักประจักษ์เเจ้ง
ในทุกแห่งผลิดอกออกไสว
มีหยาดหยดชื่นฉ่ำคือน้ำใจ
พรมผืนดินแห่งฤทัยให้ชุ่มเย็น
จะขอเมล็ดพันธุ์เอื้ออารี
ให้มากมีศรีสุขคลายขุกเข็ญ
ขอคุณธรรมทวีค่ากว่าที่เป็น
ประดับเด่นในใจให้เพียงพอ
จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้าสกาวพริ้ง
ขอคำขอทุกสิ่งเป็นจริงหนอ
พรจากจันทร์กระจ่างฟ้าข้าเฝ้ารอ
และจะขอเช่นนั้นทุกวันเลย

oO เธอคือแสง..สว่าง Oo

มวลภมร


o หากวันนี้ ไม่มี เธอเคียงใกล้
ไม่เห็นใคร นำทาง ช่างเหว่ว้า
คลำทางมืด- มนไร้ ใครพึ่งพา
วกเวียนวน เกินกว่า หาทางไป
o ขอบคุณเธอ ที่เธอ อยู่เคียงข้าง
ไม่หายห่าง ยามฉัน นั้นอ่อนไหว
การมีเธอ เหมือนพลัง ในหัวใจ
เหมือนช่วยเพิ่ม แสงไฟ ในอุโมงค์
o รออีกนิด นะคนดี พี่ขอร้อง
ช่วยมาส่อง ทางฉัน ให้พลันโล่ง
ขอเพียงเห็น แสงพริบพราย ปลายอุโมงค์
จะเชื่อมโยง ใจเธอฉัน ฝ่าฟันไป
o ทั้งที่รู้ ว่าพรุ่งนี้ จะมีแสง
สว่างแห่ง ตะวัน ในวันใหม่
แต่ยามนี้ เหมือนใจฉัน เกือบหมดไฟ
ขอเพียงแสง รำไร จากใจเธอ
o เธอคนดี อย่าลี้ หลบหนีหาย
เธอช่วยคลาย แรงอัดอั้น อย่าพลันเผลอ
ยากแค่ไหน หากยามนี้ ยังมีเธอ
แม้พบเจอ เรื่องหนัก คงยากตาย
o ขอบคุณนะ คนดี สุดที่รัก
จะจดจำ ความหนัก ในครั้งนี้
ขอบคุณนะ ดวงใจ ของคนดี
ช่วยให้พี่ ยืนขึ้นได้ เพราะใจเธอ
บางครั้งคนเราก็ต้องการแค่
"กำลังใจ...จากใครสักคน"

IoOoI ถามหา.. กำลังใจ IoOoI

มวลภมร


o กำลังใจ หาได้ จากไหนเล่า
ที่ตัวเรา ต้องอยู่ สู้ปัญหา
ร้อยคนบอก ล้านคนกล่าว หรือจะมา
เทียบแค่ใจ รู้ว่า ต้องสู้ไป
o กำลังใจ หาได้ จากไหนเล่า
ต่อใครเขา หลายคน เทใจให้
แต่ใจเรา ไม่คิด จะสู้ไป
จะอีกกี่ กำลังใจ ไม่อาจคืน
o กำลังใจ หาได้ จากไหนเล่า
หรือต้องเฝ้า ให้คน มาชมชื่น
แล้วตัวเรา ไม่มีจิต คิดลุกยืน
หรือต้องรอ ใครอื่น มาประคอง
o กำลังใจ หาได้ จากไหนเล่า
เป็นแค่เงา ผ่านไป ให้หม่นมอง
จะมีใคร ไหนเล่า เฝ้าประคอง
มายืนมอง จนแผ่นดิน กลบหน้าเรา
o กำลังใจ หาได้ จากใจนั้น
ต้องฝ่าฟัน ผ่านสุข ทั้งทุกข์เศร้า
กำลังใจ อยู่ที่ ใจของเรา
ตะวันขึ้น ยามเช้า ทุกเช้าไป
...พรุ่งนี้ก็เข้าแล้ว..

**สืบ...ตำนาน**

คนกุลา


๐ เสียงปืนปังดังลั่นสนั่นป่า
เลือดแดงทาคราซบลงทบฝัน
หากเป็นใครไม่กล้าเกินจาบัลย์
ปลิดชีพนั้นพลันดับกับมือตน
๐ หวังใดซึ่งจึงกล้ามาลาโลก
ปลิดดอกโศกเศร้าล้ำมานำหน
เพื่อหวังสื่อสารนำย้ำผู้คน
พลีค่าล้นตนมีชีวีเดียว
๐ เคยคิดกันบ้างไหมให้ใครคิด
คนทำผิดชนิดไหนใครเฉลียว
“สืบ”ทอดร่างวางวายเพียงดายเดียว
ให้ธารเชี่ยวอนุรักษ์ได้ถักทอ
๐ ครบวาระจะวนจนบรรจบ
เวียนมาครบคราใหม่มีไหมหนอ
จะสืบสานงานอย่าง “สืบ”ถางรอ
หรือเพียงต่อตำนานพอผ่านไป
๐ เสียงปืนปังดังลั่นสนั่นป่า
มีใครกล้าองอาจประกาศไหม
แต่วันนี้สู่ฝันอันแสนไกล
กล้าพลีใจดวงหวัง ดังสืบทำ
คนกุลา
ในวสันต์
เขียนเพื่อค้นหาสำนึกอนุรักษ์แห่งตน
เป็นอนุสติเพื่อระลึก ในโอกาสครบรอบยี่สิบปี
ถึงการจากไปของ สืบ นาคะเสถียร

** งามวสันต์ **

ราชิกา


** วสันต์นี้ที่อิงอุ่น
เคยหอมกรุ่นในความฝัน
รักปลูกเฝ้าผูกพัน
สื่อถึงกันสะท้านทรวง
มองดาวที่พราวพร่าง
มิอ้างว้างสุดแดนสรวง
คืนกลับมิลับดวง
สิ่งทั้งปวงคือสัญญา
รำพันในวันนี้
พร้อมชีวีไห้โหยหา
เวียนไปไม่นำพา
หยุดเวลาณ.คืนวัน
วสันต์ครองร่วมปองจิต
พรหมลิขิตให้ใฝ่ฝัน
เพียงเธอเพ้อรำพัน
รอรับขวัญเจ้ากลอยใจ
** วสันต์เยีอนช่วยเตือนรัก
ให้แน่นหนักมิหวั่นไหว
สุดแดนแม้นแสนไกล
ส่งหทัยแนบนิรันดร์....ฯ
หน้า / 16  
ทั้งหมด 261 กลอน