บนถนนนั้นมีคนอยู่มากหลาย แต่ทำไมใจฉันมันเปล่าเปลี่ยว เพราะใจฉันนั้นมีเธอคนเดียว มันเปล่าเปลี่ยวเหลียวหาไม่เห็นเธอ ไปไหนหนอพี่มารอเฝ้าคอยพบ เธอกับหลบหนีหน้าพาใจเศร้า พี่มาคอยทั้งวันตั้งแต่เช้า แม้แต่ข้าวไม่ได้กินแทบสิ้นใจ หวังว่าเธอคงมาหากันหนอ พี่จะรอจนกว่าวันฟ้าใหม่ ขอแค่เพียงเห็นหน้าให้ชื่นใจ ในวันวาเลนไทน์เท่านั้นพอ
วันวาเลนไทน์สำหรับเรา ก็แค่วันเหงาๆธรรมดา เป็นวันที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้า เพราะนั่งมองแต่นาฬิกาทั้งวัน บรรยากาศยามเย็นของวันนี้ แม้จะไม่มีใครอยู่เคียงข้างฉัน ก็ไม่แตกต่างไปจากชีวิตประจำวัน เหมือนดวงตะวันค่อยๆลอยลับไป พรุ่งนี้เช้าหัวใจฉันก็เหมือนเดิม เพราะยังไม่คิดที่จะเริ่มต้นรักใหม่ อยู่คนเดียวแม้อาจเหงากว่าใครๆ แต่รู้สึกสบายใจที่ได้อยู่กับตัวเอง
ขอโทษนะคะ... ที่ข้างๆ พอจะว่าง..บ้างไหม? ขอที่ให้คนโดดเดี่ยว ไม่มีใคร ได้พักพิงอิงไหล่ สักนาที วันนี้เหน็บหนาวเหลือเกิน ใจไม่อาจเผชิญ ได้แต่เดินหนี อยากขอแค่น้ำใจ หากว่าใครพอจะมี ขอแค่เพียงไม่กี่นาที ฉันคนนี้ก็จะไป ไปที่ไหนสักที่ ที่ที่ความปวดร้าวไม่มี จะมีสักที่ไหม? แต่วันนี้อ่อนล้า เดินทางผ่านมาก็แสนไกล ขอพักสักหน่อยได้ไหม ก่อนฉันจะไป รับรองจะไม่ทิ้งอะไรเอาไว้เลย
...ฉันว้าเหว่ เดียวดายอยู่ในเงามืด มุมอับของหัวใจ ไม่มีใครได้ยินเสียงคร่ำครวญของฉัน ไม่มีใครได้เห็นหยาดน้ำตาที่ไหลหยาดหยด และไม่มีใคร สนใจใยดี ฉันเหมือนนกที่ปราศจากปีก ได้แต่จับนิ่งอยู่กับคอน เฝ้าคอยแต่หวังและ รอคอย ...แล้ววันหนึ่งเธอก็มา ด้วยแสงงามละมุนอ่อนหวาน ด้วยยิ้มที่สว่างไสวราวแสงแห่งสวรรค์ สูงส่ง บริสุทธิ์ และศักดิ์สิทธิ์ แทรกเร้นเข้ามาในความมืด อบอุ่นปลอบประโลม ...เธอผู้เปรียบประดุจเทวดาประจำตัว ของคนทุกข์ ไร้คนเหลียวแล เช่นฉัน เธอผู้เปรียบประดุจ พ่อ พี่ชาย ผู้ให้ความอบอุ่น กับคนที่มีหัวใจยะเยือก ขาดรัก และความอบอุ่นเช่นฉัน มอบให้แด่พี่ชายคนดี น้องสาวที่รักพี่พตทั้งชีวิตและจิตวิญญาณที่มี น้องหญิงเอ๋
**โอ้ดาวน้อยพร้อยแสงอยู่แห่งไหน ข้าสงสัยมีใครเฝ้าถามถึง เจ้าทอแสงศรัทธายังตราตรึง ใครถามถึงเจ้าบ้างยามร้างรา **คืนนี้ฉันเดินเดี่ยวเปลี่ยวอ้างว้าง ไร้เพื่อนคนเคียงข้างทางเบื้องหน้า ไร้กำลังแรงใจในมรรคา ดุจท้องฟ้าไร้ดาวดูเหงาจัง **คืนนี้แสงจันทร์เยือนเป็นเพื่อนข้า ส่องนำพาดวงใจให้มีหวัง ส่องนำสู่เส้นทางสร้างพลัง ส่องนำสู่ความหวังที่ตั้งใจ **ชีวิตข้าตรอมตรมทั้งขมขื่น บางครั้งไร้แรงยืนฝืนใจไหว ขอจันทร์เจ้าพราวฟ้านภาไกล ช่วยส่องนำทางใดให้ข้าเดิน
ถ้าหากความมืดแห่งรัตติกาล คือความเจ็บช้ำที่เธอเคยเจอมา แสงสว่างแห่งอาทิตย์ยามทิวาก็คือความสุขที่เธอจะได้เจออีกไม่นาน (แสงศรัทธา ณ.ปลายฟ้า) อยู่กับความดายเดียว กับพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวบนฟากฟ้า ความเหงาซุกซ่อนในเงาตา เคยชินกับความปวดปร่าข้างในใจ คะน้า ซ่อนใจอยู่กับซอกมุมของความเหงา ช่างอ้างว้าง...ว่างเปล่า...อารมณ์อ่อนไหว นับจากนี้และไม่รู้อีกนานสักเท่าไหร่ ความเจ็บร้าวในใจจึงจะลบเลือน yayee แม้จะชินแต่ไม่ชายังรู้สึก ยิ่งดึกดึกยิ่งเหงาเศร้าใดเหมือน เจ็บยิ่งแปลบแสบทรวงหนักหน่วงเยือน อกสะเทือนใจสะท้านมัวม่านตา ไม้เก็ด ปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับความเหงา ความรู้สึกซึมเศร้าที่ผ่านเข้ามาหา ภาพเดิมๆที่แฝงความร้าวรานไว้ในแววตา คงมีเพียงหัวใจโรยรากับความเหว่ว้าที่ได้ยิน mono บินไปเถิดโบยบินไปหัวใจฉัน ปล่อยใจฝันล่องลอยไกลได้โผผิน เมื่อความเหงาคืบคลานมาเกาะกิน น้ำตารินหม่นหมองเศร้าเหงาดวงใจ ธนรัฐ สวัสดิชัย ความเหงาเจ้านั้นหรือคือเพื่อนแท้ จะเหลือบแลมองไปที่ข้างใหน ถึงมีเพื่อนมากมายสักเพียงใด เจ้ายังซ่อนอยู่ภายในใจของเรา ผีเสื้อปีกบาง พระจันทร์ร้องไห้หรือฉันร้องไห้ หยดน้ำตาจากใครที่ไหลอย่างเศร้าๆ เสียงสะอื้นจากใหนที่เหมือนเสียงหัวใจเรา ความเหงาจากใครเขาที
ฤดูกาลผันผ่านเปลี่ยนแปลงไป ฟ้าอาจใสหรือหม่นหมองในบางครั้ง ชีวิตเรายังก้าวเดินในแต่ละวัน บนทางฝันที่ผกผันดั่งฤดู ฤดูร้อน...ร้อนแรงดังไฟผลาญ ทรมาน เหมือนหมดแรง หมดความหวัง แม้จะเอื้ยมมือคว้าสุดกำลัง มิอาจรั้งความสุขแท้มาใกล้ตัว พอถึงคราวฤดูฝน เปรียบดั่งคนหลงทางฝัน น้ำตาฟ้าโปรยลงมาเป็นเพื่อนกัน ให้หัวใจเปียกปอนนั้นได้ชาชิน ฤดูหนาวผ่านมาอีกคราหนึ่ง บทเพลงซึ้งฉุดใจให้หวนหา ความคิดถึงก่อตัวขึ้นเต็มอุรา ลมพัดมาสะกิดซ้ำให้ช้ำใจ อยากจะหยุดทุกความเศร้าไว้ตรงนี้ พักทุกสิ่งที่มีให้แค่นั้น อยากจะเปิดหัวใจที่ปิดกั้น ต่อเติมฝันที่ขาดหายให้คืนมา
เดินทางเปลี่ยวเดียวดายไม่มีเพื่อน ก็ไม่เหมือนไร้คู่มาสู่สม ทางเถื่อนถ้ำพรรณไม้พอได้ชม เปลี่ยวอารมณ์โดดเดี่ยวแสนเปลี่ยวใจ หนาวลมพัดพอสมจะห่มเสื้อ แต่หนาวเนื้อไร้คู่ชิดพิสมัย หนาวน้ำค้างหนาวยิ่งจะผิงไฟ แต่หนาวใจไม่คลายหนาวร้าวระบม ...........เด็กเมืองยศ.........
หนึ่งชีวิตที่เริ่มต้น .. เหมือนกับฝนชะดอกให้สดใส ภุมรินเกาะเกี่ยวเวียนผ่านไป ผลิดอกใบแตกหน่อให้งดงาม หนึ่งชีวิตเมื่อวันผ่าน .. ต่างมีฝันจุดหมายที่วาดไว้ แดดอ่อนอ่อนรวยรินชูกิ่งใบ บางต้นไกลบางต้นใกล้ตามวิถีทาง หนึ่งชีวิตเมื่ออ่อนล้า .. สายลมพาความเย็นเป็นเพื่อนเหงา บนท้องฟ้าสายรุ้งที่ทอดยาว เมฆขาวขาวเตือนให้รู้สิ่งต่อไป หนึ่งชีวิตที่ปลายทาง .. ความอ้างว้างเหน็บหนาวเวียนมาหา แห้งโรยร่วงหล่นไปตามเวลา จะเหลือค่าก็แค่ซากอยู่ในดิน..นิจนิรันดร์
คืบก็ทะเลศอกก็ทะเล หัวใจร่อนเร่ ไปในเวิ้งฟ้า พเนจร ไป ตามกาลเวลา มีความเหงากับน้ำตา เป็นเพื่อนกัน ไร้ความรักใดให้กอดห่ม หยัดอยู่ บนลมแห่งความฝัน ไม่มีเหลือใครให้ผูกพัน รอวันถึงฝั่ง ..อันแสนไกล หากประกายหวังในดวงตา ริบหรี่อ่อนล้า จะคว้าไขว่ ต้องฝ่า กี่ฝน จะทนไป ให้ถึงฝั่งจุดหมายใหญ่ ...หัวใจเธอ
มองดินที่มีกลิ่นโคลนสาปควาย มองดูปลาว่ายเวียนในลำธาร มองต้นไม้ไหวเอนน่าเอนกาย มองดูดอกไม้ช่างสวยใสในยามเย็น มองนกบินร่อนลงจากฟ้า มองม้าท่าทางแกร่งกล้าใด้ชัดเจน มองหญ้ามีมดไต่วิ่งเล่น มองดูเด่นเห็นเป็นตะวันลับขอบฟ้าไป มองสิ่งใดเริ่มลางเลือน มองหาเพื่อนก็ไม่แวะเวียนมาใกล้ มองหาใครที่คิดว่าห่วงใย มองตรงที่ใจอยากมีใครซักคน