เวลาผ่าน ดึกดื่นไป เท่าใดแล้ว ยามดวงแก้วร้าวรานยิ่งนานกว่า ยามความรักล้มพับไปกับตา ดั่งดาราหล่นกราวจากราวฟ้า นั่่งคุดคู้กอดเข่าเฝ้าเจ่าจุก มิอาจปลุกความสดใสในใบหน้า ความอ่อนแรง แฝงไว้ในแววตา ดังหนึ่งว่าโลกช่างร้ายทำลายเธอ จ่อมจมอยู่ทุกวันกับความเหงา กอดความเขลาเคียงคู่อยู่เสมอ เหมือนความสุขผ่านไปไม่เคยเจอ ไม่มีเธอจะวันไหนยังไกลกัน หลับตาลงคงเห็นเช่นวันก่อน ยังอาวรณ์ด้วยใจยังใฝ่ฝัน อ้อมกอดอุ่นจะคืนใกล้ในสักวัน ขอยืนยันจะส่งใจไปใกล้เธอ
วันเหงาเหงา.เริ่มเหงา.ตั้งแต่สาย คงเหงาไป.จนบ่าย.ถึงตีสาม จะมีไหม.สักคน.แม่คนงาม ได้กอดยาม.ตอนหนาว.ที่ร้าวใจ .. ช่วยวิงวอน.ขอพร.จากคิวปิด ช่วยอุทิศ.สาวน้อย.หน้าใสใส โปรดส่งมา.เถิดสาว.ผู้วิไล ได้มีใคร.เคียงเคล้า.กับเขาที .. บุญที่ทำ.กรรมที่ปั้น.ช่วยสรรแต่ง โปรดส่งแรง.ช่วยให้.ใจพี่นี้ ได้พบสาว.สวยใส.นิสัยดี แถมยังมี.ความรัก.ที่จริงใจ .. หากมีใคร.ใหนผ่าน.มาทางนี้ โปรดมองพี่.หล่อดี.เทใจให้ มาลุ่มหลง.รักพี่.หมดหัวใจ สอดสายใย.แห่งรักรัก.ร่วมถักทอ .. อย่ากังวล.แม้คน.เขาชอบว่า ว่าเจ้าชู้.นักหนา.น้องอย่าท้อ เชื่อใจพี่.ที่เห็น.ที่เป็นพอ แล้วมาทอ.สายรัก.ถักฝันกัน .....11/09/55.... 10:45..
ค่ำคืนนี้มีงานสำราญจิต ใครมีมิตรคู่ใจควงไปด้วย แต่เราสิเดินควงกับดวงซวย กินแห้ว บ๊วย มุ่งมาเอกากายทั้งที่มีผู้คนล้นแท้แท้ เราอิ่มแปล้กับความเหงาทุกเช้าสาย อยากรื่นรมย์ห่มฤดีคลี่กำจาย ก็เหมือนหมายตะกายหาวคว้าดาวเดือนโอ้คืนนี้เช่นกัน-เหมือนวันก่อน เราเดินอ่อนแรงระโหยโดยไร้เพื่อน รอสักคนส่งใจไล้มาเยือน ลบฝาดเฝื่อน "ขาดสหาย" คลายสักทีม่านฟ้าคลุมด้วยดาวพราวแสงใส และแขไขส่องกระจ่างอย่างเต็มที่ ใจเราคลุมเปลี่ยว เหงา เศร้าฤดี และไม่มีผู้ดำเนินเดินข้างกันคงมีแต่เงาดำสำนึกนี้ ที่เรามีเคียงข้างไม่ห่างหัน ทิ้งหวังซึ่งงามสลายกลายเป็นควัน ฝังเรา ณ ปัจจุบันอันเดียวดาย ..................................................... เหงากับคืนค่ำ อยู่คนเดียว
ขอโทษ...นะความเหงา ที่ตัวเรานั้นหวั่นไหว หลงลบลืมเจ้าไป เมื่อบางใครก้าวเข้ามา ขอโทษ...นะความเศร้า ที่ตัวเราไม่เห็นค่า ยามใครให้อุรา คอยเยียวยารักษาใจ ขอโทษ...นะความทุกข์ ยามเราสุขรักสดใส ลืมเลยเฉลยใน ทิ้งเจ้าไกลไร้อาทร ขอโทษ...นะความช้ำ ขอเอ่ยย้ำขอลาก่อน พอแล้วรักร้าวรอน ขอตัดตอนไม่ย้อนคืน
..ใจเรา เศร้าเหมือนไม่ใช่ใจเรา โอ้ใจเจ้าเคยสนไหมใครเจ้าของ ครั้งใจเจ็บเก็บใจเคียงเพียงประคอง แต่ความหมองคล้องจิตหมายคล้ายจองจำ ความขมขื่นหมื่นแสน ไม่แม้นเหมือน ยากกลบเกลื่อนความขมขื่นต้องกลืนกล้ำ คงเป็นกรรมแน่แท้จึงแพ้กรรม กลอนจึงช้ำ กรรมจึงซ้อนย้อนหัวใจ อยากเขียนกลอนรักบ้างอย่างคนอื่น แต่เกินฝืนเมื่อไร้ฝันอันเกินใฝ่ ใครไม่เคยคงไม่ซึ้งถึงใจใคร ขอได้ไหมใครผูกรักสมัครเรา จะเขียนกลอนรักให้.. ไม่หยุดเขียน จะพากเพียรพร่ำพลอดให้ปลอดเหงา จะตามติดชิดเธอเสมอเงา และคอยเฝ้ารักเธอ ..เสมอตาย
ทรัพย์สมบัติเงินทองของนอกกาย หากไม่ตายหาใหม่ได้ถืดถม แต่ชีวิตเหว่ว้าหาคู่ชม เที่ยวควานหาคว้าลมไม่สมใจ นั่นก็พี่นี่ก็น้องปองไม่กล้า บ้างก็แก่คราวป้ามารุกไล่ ที่งดงามเลิศหรูไม่รู้ของใคร สู้นกเดี่ยวไม่ได้เขาบินเร็ว เปิดหน้ากลอนอ้อนคำจำมาตรอง เห็นป่าวร้องอยากแต่ง..แข่งลงเหว คงแกร่งกล้าท้าใจ..สู้ไฟเปลว ถ้าไม่เลว..ลองคิดพิจารณา "อยากแต่งงานนนนนนนนน หาเจ้าบ่าวให้น้องหน่อยพี่เฌอ....อิอิ คิดถึงจ้าดนักเจ้า " เพียงแพรว 07 เม.ย. 55 - 11:44 IP 180 ความประสงค์ตรงกัน..ฝันไปไกล ต้องอาศัย แม่สื่อออกนำหน้า จับเจ้าบ่าว+เจ้าสาวมาสบตา คงจะสมปรารถนากันเสียที กลัวอย่างเดียวแม่สื่อจะถือสิทธิ์ แอบสะกิดดักหน้าท้าสูสี คงต้องเจองานเข้าเร้าใจดี รุกทั้งน้องจองทั้งพี่คงมีเฮ.......
แอบมาออด อ้อนเรา ใจเจ้าเล่ห์ บอกว้าเหว่ อาวรณ์ ทั้งร้อนหนาว อยู่เปล่าเปลี่ยว เดียวดาย มาหลายคราว มีปวดร้าว เป็นเพื่อ คอยเตือนตน ให้ออกปาก ฝากใจ ส่งให้เขา ทุกค่ำเช้า เร้าถาม ติดตามผล แสร้งเฉยอยู่ ดูเหงา เศร้าพิกล รบเร้าจน ใจพลอย ร่วมคล้อยตาม ฝากลมพา พัดใจ เหมือนได้ผล ฟ้าเบื้องบน เป็นใจ ให้ล้นหลาม พิรุณพรม พร่างพราย พรรณไม้งาม อยู่ในความ อบอวล ช่างชวนดอม บอกดวงมาน สานต่อ อย่ารอช้า เร่งเดินหน้า ก้าวไกล ให้หวานหอม ฟ้าบันดาน อุ้มสม พรหมยินยอม ที่ตรมตรอม หม่นเศร้า คงเหงาคลาย สังเกตใจ ไม่สุข กลับทุกข์หม่น ว่าเหตุผล กลใด จึงไม่หมาย นั่งคนเดียว เปลี่ยวอยู่ ดูเดียวดาย มองดูคล้าย หมดหวัง กำลังใจ มานบอกมอง เงาตัว ยังกลัวเจ็บ เคยหนาวเหน็บ เก็บล้น เกินทนไหว จึงมิอาจ เอื้อนเอ่ย เผยความนัย เกรงตนไม่ ควรคู่ เรารู้ดี ขรัวตา กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา
ฉันคิดถึงเธอ เมื่อแรกที่ได้เจอในที่นี่ มาทักทายสบายไหมสบายดี มามอบมิตรไมตรีไม่มีภัย ประวัติดีไมตรีไม่มีหมด มาฝากถ้อยร้อยรสบทความไว้ ไม่สนใจที่มาหรือที่ไป ใจต่อใจสัมผัสได้ด้วยรสคำ เป็นทั้งพี่ทั้งเพื่อนทั้งพวกผอง บ้างนับเป็นเช่นน้องร่วมร้องร่ำ บรรเลงจินตนาการละลานคำ ยกจอกแดดื่มด่ำล้ำเลอใจ ไปไหนหนา เธอผู้เป็นนางฟ้าหนีไปไหน เขาผู้เป็นทวยเทพอำนวยชัย สหายผู้ห่วงใยเคยให้กัน ลืมแล้วหรือถิ่นเคยรักสมัครหมาย ที่ไม่ต้องใกล้กายใจหมายมั่น ใครจักอยู่โลกไหนก็โลกนั้น มาเป็นโลกนิจนิรันดร์ในบ้านเรา เธอจากไปไกลห่างรู้บ้างไหม ว่ามีใครเขาคอยพลอยหงอยเหงา เขียนคำฝากกระซิบส่งถึงนงเยาว์ อย่าปล่อยเขาหมองหม่นนะคนดี สำหรับใครบางคนที่ถอยฉาก เธอถามฝากฉันมา ณ.ที่นี่ ไม่เหลือรักยังเหลือไหมเยื่อใยมี กับคนที่เคยรักเคยรักกัน เวลามีพอว่างบ้างไหมหนอ ถ้ามีพอขอมาตอบว่าชอบฉัน อย่าซอนซุกรู้สึกลึกลึกนั่น ขอแค่มาแบ่งปันเท่านั้นพอ สมมุติว่า ถ้าใจเธอรักเพรียกหาเหมือนว่าหนอ เสียงสวดมนต์บ่นถึงไม่ซึ้งพอ เท่าสร้อยที่ร้อยล้อต่อคำคม ฉันคิดถึงเธอ ใยมาเจอโทษทัณฑ์อย่างสาสม ไปอยู่ไหนสารภาพอย่างซานซม ฉันปรารมขมขื่นทุกคืนวัน แดนแห่งนี้เคยสนุกสุขเสมอ แม้เพ้อเจ้ออย่างไรไม่เคยหวั่น ไปไหนหนอนางฟ้าที่ว่านั้น เทวดาไปแอบปันใจที่ใด ไปไหนหนา,,,อักษราสารพัน เคยมีมอบตอบปันปลอบขวัญเรา
๏ ร้อยจิตเรียงจินต์ปิ่นแก้ว แว่วกานท์เพลงกลอนอ่อนไหว ถึงเพื่อน..เรือนคำทุกใคร อยู่ไหนฝากนี้ศรีเพียง ๏ โลกฝัน..จุ่งฝันบรรเจิด กว่าเลิศเพลินลานหวานเสียง หลายคมหลากคิดชิดเรียง สำเนียงผ่องนวลชวนพลิ้ว ๏ ไกลแสนแม้นห่างยังหอม กล่อมเห็นเย็นลมโชยลิ่ว รู้สึกนึกปลื้มนุ่มปลิว สัมผัสแนบผิวเนียนพรรณ ๏ สุดเบื่อเมื่อเหนื่อยมากหนัก พักหน่อยค่อยฝันต่อฝัน คล้อยเลื่อนเดือนวามงามครัน เธอฉันนอนชม..ห่มดาว ๏ เศร้าเหงาเราเคียงร่วมข้าง ชวนพร่างคลายผ่อนร้อนหนาว เบื้องหน้าฟ้าพริ้มแจ่มพราว หนอก้าวพร้อมกัน..วันนี้ ๏ ไกลไหน? เถิดหนาอย่าถาม ร่อนยามโฉบย้ายหลายที่ บินผกนกรักเสรี บอกชี้แล้วชัด...ศรัทธา ๚ะ๛ คอนพูทน
กี่ฝนที่ทนเหงา กี่วันเล่าที่รอยคอย ว้าเหว่เหมือนแพลอย ผ่้านคุ้งน้ำเส้นทางตัน หมุนคว้่างกลางน้ำเชี่่ยว หวังแลเหลียวคนร่วมฝัน แหงนหน้ามองดูจันทร์ ก็เป็นเสี้ยวเหมือนเดียวดาย
เหมือนโดดเดี่ยว เดียวดาย อยู่ปลายหล้า อยากมองหา สักคน บนความหวัง เป็นเพื่อนปลอบ มอบใจ ให้พลัง แลหน้าหลัง ยังหม่น ทนเอกาคนเคยชิด เชยใกล้ เขาไกลห่าง ความอ้างว้าง จับจอง เฝ้าปองหา ตีสนิท ติดอยู่ คู่กายา ก็ดีกว่า เพื่อนใจ ไม่ปรานีอยู่กับเงา เหงาเอ๋ย อย่าเลยจาก เป็นเพื่อนยาก อย่านะ คิดผละหนี คงเพียงเจ้า เท่านั้น มั่นคงดี เลิกหวังมี คนไหน ใครเขามองมองนภา ราตรี ที่เวิ้งว้าง ยลแล้วช่าง เหว่ว้า ยิ่งพาหมอง ดารามี ดาวเดือน เป็นเพื่อนครอง เราก็ปอง ผองเพื่อน เหมือนดาวจันทร์ฝากหัวใจ ผ่านฟ้า ดาราเอ๋ย อย่าละเลย โปรดด้วย จงช่วยฉัน นะน้ำใจ เพียงนิด คิดแบ่งปัน ถ้าใครนั้น เมตตา ช่วยพาทีวอนสายลม ล่องลิ่ว พัดพลิ้วผัน อย่าเย้ยหยัน เยาะเย้า ตัวเรานี่ แม้แรมร้าง สิ้นไร้ คนใยดี ก็ยังมี เดียวดาย ช่วยคลายตรม
วันที่ฟ้าฉ่ำฝนคนเหม่อเหงา บนระเบียงบ้านเก่าเหมือนเศร้าหมอง ลมพัดหวนวูบวนฝนละออง สัมผัสต้องไอหนาวเหมือนร้าวราน โมบายแกว่งไกวสั่นหวั่นวิตก เหมือนเสียงใครโกหกแว่วคำหวาน การรอข่าวเรื่องราวที่ยาวนาน ใจสะท้านกร้านกรำร่ำเรื่อยมา มองราวฟ้าสีเทาเล่าเรื่องผ่าน สถานการณ์สัมพันธ์มีปัญหา คนทางนี้ขลาดเขลาเบาปัญญา จึงไม่กล้าท้าทายแพ้พ่ายใจ เฝ้าฝากบอกเพียงว่าสารภาพ ไม่อยากทราบเหตุผลเรื่องคนใหม่ จึงไม่อาจไถ่ถามความเป็นไป มีเพียงความห่วงใยที่ส่งมา
ลมฝน เจ้าจะพัดความหม่นไปถึงไหน ฝากคิดถึงติดตามยามเจ้าไป ส่งให้คนไกลตาด้วยอาทร คนเหงา ใยจึงโศกเศร้าไม่หยุดหย่อน หรือรอใครด้วยใจที่อาวรณ์ ไม่เคยรู้ร้อนหนาวใดในค่ำคืน เงารัก ยิ่งประจักษ์ว่ายากเกินจะฝืน หลงเพียงเงาโศกเศร้าเฝ้ากล้ำกลืน มิอาจยืนต้านความรักที่หนักใจ กับดักหัวใจ กระไรหนอใจเอ๋ยเลยอ่อนไหว หลงในกลมนต์ดำหรืออย่างไร พลาดพลั้งไปในหลุมรักกับดักรอ
ยามหัวใจสับสน คนไหนห่วง ยามปัญหาหนักหน่วง ห่วงบ้างไหม ยามที่ล้าทีท้อ..ไม่มีใคร แม้แต่คนใกล้ใจ ยังเงียบงัน ตัวคนเดียวบนทางที่ว่างเปล่า พร้อมกับหลากเรื่องราวที่ไหวสั่น หนาวก็กอดตัวเอง ไปวันวัน แม้แต่ฝันเรื่องราว ยังลอยวน เขียนบรรทึกเล่มเก่าเล่าความก่อน มีคนเศร้าอาวรณ์ นอนสับสน ไม่เหลือใครไม่เหลือใจที่ต้องทน ไม่ร้อนรน ร้าวราน ผ่านชีวี คลื่นไร้เสียงเพียงใดแค่ใจสั่ง มันก็ดั่งแค่ใน ..ใจโศกศรี น้ำใสใสไหลหยดรดฤดี เหมือนดนตรี บรรเลง เพลงโศกครวญ บนใบหน้าน้ำตารินไหลอาบ มันซึมซาบไร้เสียงที่ไห้หวน เหมือนเกลียวคลื่นใต้น้ำยามเรรวน พร้อมชนวน .คลื่นโถม ..ลมไล้แรง
ริมถนนสายหลักอันขวักไขว่ คุณหรือใครอาจคงจะเคยเห็น โคนต้นคูนหน้าแล้งใต้แสงเย็น ข้างร้านเซเว่นซึ่งวุ่นวาย แอคคอร์เดี้ยน..หีบเพลงอันแหบพร่า เล่นเพลงล้าราวโลกแหลกสลาย จากบุรุษผู้พาดสายสะพาย จากปลายนิ้วซีดที่กรีดลง มีหมวกฟางวางเรียงรอเหรียญบาท ปีกหมวกขาดคลุกขุ่นด้วยฝุ่นผง นิ้วแกมีรอยแกร็นจากแหวนวง ที่ยังคงรอยกิ่วบนนิ้วนั้น . ป้ายรถเมล์ด้านหน้ายังหนาแน่น เสียงรถแล่น..เสียงแย่งเสียงแข่งขัน กลบเสียงเพลงเหงาด้วยเทาควัน กลบแสงวันสีชาจนลาเลือน.. จนแสงไฟสีเหลืองเริ่มเรืองแสง ดอกคูนแห้งเรี่ยรายลงกรายเกลื่อน เหนือถนนหม่นเซียวมีเดียวเดือน การมาเยือนอีกคราของราตรี คนจรจัดเกลือกนอนอย่างร่อนเร่ เธอยังรอรถเมล์สายสิบสี่ นานแล้วเอย..ไม่เคยดูทีวี นานแล้วที่ก้อยเกี่ยวความเดียวดาย กับเช้าที่เร่งรุดก่อนรถติด และออกจากออฟฟิคคนสุดท้าย ฝันของเจ้าหญิงเคยพริ้งพราย ก่อนสลายพังพาบจนราบเตียน.. ฟังซิ!..เพลงอาดูรใต้คูนใหญ่ ดึกแล้วใครยังคลอแอคคอร์เดี้ยน หรือจากชายวิปริตผู้จิตเพี้ยน ไฉนเขียนเพลงเหงาได้เศร้านัก กรีดเสียงอ้างว้างข้างถนน ที่ต่างคนต่างอยู่ไม่รู้จัก ที่ต่างคนต่างเฉยไม่เคยทัก ไม่เคยพัก..คืนค่ำยังกรำงาน เธอมิใช่คนเดียวที่เปลี่ยวเหงา ผู้เปลี่ยวเปล่ากลาดเกลื่อนเป็นเรือนล้าน วันนี้มีเพื่อนพ้องบริวาร ตอนต้องการ..บางทีไม่มีใคร วันที่เธอมืดมนและจนตรอก ยากจะบอกให้ใครเข้าใจได้ แม้รอบข้างจะหลั่งกำลังใจ แต่เธอต้องผ่าน
เริ่มลืมตาตื่นขึ้นมาฉันก็เหงา คุยกับเงาจนเที่ยงวันเงามันหาย อัสดงนกกลับรังเบื่อแทบตาย ดาวพร่างพรายยิ่งดึกได้ยิ่งเหงาดี คิดถึงวันชื่นมื่นคืนเก่าเก่า คิดถึงวันที่ความเหงาเดินหายหนี คิดถึงวันเคยมีเพื่อนพ้องน้องพี่ คิดถึงวันดีดีที่มีเรา ได้ยินว่าความเหงาตัวเท่าบ้าน อีกตั้งนานกว่าจะผ่านห้วงความเหงา ไม่อยากเบื่อนั่งคุยแต่กับเงา อยากมีเราเพื่อนเราเหมือนเก่าเอย
จะกี่คืนกี่วันที่ผันผ่าน จะยาวนานเท่าใดหนอใจเอ๋ย จะก้าวผ่านรานร้าวราวคุ้นเคย จึงชดเชยด้วยน้ำตามารดริน จะมีไหมมือแกร่งอันอบอุ่น ช่วยเจือจุนบรรเทาเป่าทุกข์สิ้น ฤาจะปล่อยเวลาให้โบยบิน เพราะเจ้าชินกับวันวารที่ผ่านมา เจ้าทนเหงากับความเงียบเปรียบฟ้ากว้าง เจ้าเคว้งคว้างดุจดาวน้อยลอยเวหา เจ้าริบหรี่มิอาจเปรียบเทียบจันทรา ลอยเด่นฟ้าในคืนค่ำมาย้ำเตือน อยากหลุดพ้นวงจรแห่งวิถี ที่เจ้ามีน้ำตามาเป็นเพื่อน ทิ้งเบื้องหลังที่ฝังใจให้ลบเลือน ยามทุกข์เยือนเจ้าจักยิ้มด้วยอิ่มใจ โบยบินเถิดหัวใจสู่อิสระ ไปพบปะ ความจริง สู่สิ่งใหม่ บนเส้นทาง เส้นนั้น อันยาวไกล ออกเดินไป สู่อิสระที่พึงมี