เหมันต์หวนครวญหาคนน่ารัก ได้รู้จักแล้วจากเพียงฝากฝัน ลมหนาวโหมโถมมายิ่งจาบัลย์ ความโศกศัลย์ระคนปนหนาวใจ เก็บเอาความอาภัพไว้คับอก ถึงเข็นครกขึ้นเขาเรายังไหว สุดยากเย็นเข็นรักหนักทรวงใน เข็นเท่าไหร่ไม่พ้นวังวนลวง เสียดายความรู้สึกที่นึกรัก เสียดายที่สมัครปักใจหวง สงสารความจริงแท้ในแดดวง ที่เซ่นสรวงให้แด่ความแปรปรวน พบกับความผิดหวังครั้งที่ร้อย คิดแล้วน้อยใจช้ำสุดกำสรวล เหมันตกาลผ่านผันยิ่งรัญจวน ได้แต่ครวญเพลงเศร้าเคล้าสายลม นี่ก็อีกราตรีที่หนาวเหน็บ ทนปวดเจ็บอีกคราให้สาสม เป็นทาสรักปักจิตคิดระทม ร้าวระบมไร้คู่อดสูใจ เหมันต์หวนครวญหาสุดว้าวุ่น ได้พบคุณเพียงฝันยิ่งหวั่นไหว หนาวลมโชยโหยหาห่วงอาลัย ป่านนี้ใครเค้าหนอเคลียคลอคุณ (เหมันตฤดู ๒๕๓๕)
อยู่มั่นคง เนิ่นนาน ไม่เลือนหาย หายเลือนไม่ นานเนิ่น คงมั่นอยู่ราวเรื่องพัน สั่นไหว ใจได้รู้ รู้ได้ใจ ไหวสั่น พันเรื่องราว หนาวเน็บแห้ง ซ่อนซ้อน หลอนหลอกพร่านพร่านหลอกหลอน ซ้อนซ่อน แห้งเน็บหนาวเจ็บลืมเลือน หลงลาง จางเรื่องราว ราวเรื่องจาง ลางหลง เลือนลืมเจ็บ เน็บหนาวสิ้น ใจขอ รักไร้สิ้น สิ้นไร้รัก ขอใจ สิ้นหนาวเน็บสลายสิ้นรัก สิ้นยอม รัก ปวด เจ็บเจ็บ ปวด รัก ยอมสิ้น รักสิ้นสลาย
ริมลำน้ำยามค่ำ พรำฝน ฟ้าหม่น คนไหม้ ใจหมอง แร้นแค้นแม้นว่าไร้ ใครประคอง รู้แล้ว ต้องชอกช้ำเพียงลำพัง ย้อนใจจิตคิดกาลก่อนย้อนกลับหวน หวังทั้งมวลเหมือนว่าคิดเพื่อผิดหวัง กำลังใจถอยลดหมดกำลัง เหลือจะรั้งประทังใจให้สู้ทน เคยคิดไว้ว่าเก่งกล้าท้าทุกเรื่อง ว่าปราดเปรื่องไม่กลัวใครในทุกหน แน่แท้แล้วเราแท้ก็แค่คน ไม่เคยพ้นความผิดพลาดเกินคาดเดา ... ริมลำน้ำยามดึก นึกไปเรื่อย ไหลรินเอื่อย ลำน้ำไหลใจก็เหงา ใจที่ลอยในลำน้ำถามเบาๆ จะต้องเศร้าอีกคืนไหม ? ..ใจจะทน
เจ้าหยาดน้ำค้างมาเยี่ยมเช้า เจ้าหยาดหยดเกล็ดพราวมาจากไหน เจ้าหยาดมาจากฟากฟ้าใด กลั่นเป็นหยาดหยดใสอยู่พราวตา
เจ้าผู้มีนามว่าน้ำค้าง มณีพร่างพร่ำพรอดกับยอดหญ้า หรือเจ้าคือรัตติกาลอันผ่านมา แล้วอำลาไปลับกับตาวัน หรือเจ้าคือน้ำตาของคนโศก ผู้วิโยคท้อแท้รักแปรผัน จึงกลั่นหยดน้ำตาความจาบัลย์ เป็นอุษาโศกศัลย์ทิพย์วารี หรือฟ้าสั่งจากฟ้าเวหาหน ในคืนค่ำเดือนหม่นดาวริบหรี่ เป็นหยาดหยดน้ำค้างรมณีย์ ปลอบทุกชีวีใต้เดือนดาว เจ้าผู้มีนามว่าน้ำค้าง เจ้าคือความอ้างว้างสายลมหนาว แต่งแต้มยอดหญ้าลดาพราว ปลอบทุกกรวดเม็ดร้าวคลายร้าวราน ก่อนเจ้าจะสลายร่าง ทิ้งยอดหญ้าอ้างว้างผันผ่าน ก่อนอาทิตย์ลืมตาทิวาวาร สาดแสงประหารแห่งสุรีย์ บอกข้าได้ไหมเจ้าน้ำค้าง เจ้าเคยอ้างว้างบ้างไหมนี่ หรือเจ้าเพียงผ่านมามิยินดี ทุกขณะนาที...ความเปลี่ย
ฟังเสียงคลื่นทะเลยามพัดหวนทำให้ชวนน่าฟังน่าหลงใหล เหมือนกับใจคน ที่อ้างว้างอยากมีใคร คอยห่วงใย ใกล้ใกล้ดูแลกัน แต่ทั้งนี้มันก็ได้ แค่เพียงฝัน นานนับวันยิ่งอยู่ใกล้ เหมือนยิ่งห่าง เหมือนเส้นทาง ที่ยังอีกยาวไกล ถึงอย่างไรก็ยังดี..ที่มีเธอ คอยส่งเสียงเป็นคลื่นลมยามฉันเหงา แม้ว่าเราไม่สามารถคู่กันได้ แต่ใจนั้นยังสัมผัสได้ถึงกัน ยามที่ฉันอ้างว้างและเดียวดาย เธอก็คือแสงสุดท้าย..เป็นเพื่อนกันยามคิดถึง
หัวใจรินร่ำร้องฟ้องสิงขร ดั่งคนจรจากดินถิ่นอาศัย ตะวันย่ำสนธยาขอบฟ้าไกล น้ำตาไหลขมขื่นสะอื้นตาม ... เสียงไผ่ครวญเสียดกอล้อเล่นลม อกตรอมตรมหลายหลากมากคำถาม คำตอบเดียวเพียงรู้อยู่ทุกยาม คือสงครามความเหงาเข้าทักทาย สุรีย์ศรีร่วงโรยโปรยความมืด ดารายืดบรรเจิดขึ้นเฉิดฉาย เจ้าหิ่งห้อยเร่งรุดจุดประกาย แต่ความหมายตระหนกในอกเรา เสียงกล่อมเห่หริ่งหรีดเจ้ากรีดปีก พาหลบหลีกผ่อนคลายบ้างหายเหงา เพียงชั่วครู่ที่จิตคิดบรรเทา อารมณ์เศร้าหมองหม่นก็วนมา แสงดาวน้อยระยิบกระพริบถี่ ฝากใจนี้ที่จรร่อนเร่หา หากวันพรุ่งรุ่งตื่นขึ้นอีกครา ปรารถนา...รอยยิ้ม...ที่พริ้มพราย ไผ่ลู่ลม
โปรดทราบ ตอนนี้ฉันว่าง ใครก็ตาม อยากรู้จักสมัครไว้ ฝากเบอร์ติดต่อ รอเรียกสัมภาษณ์ได้ หากถูกใจ ยกให้ ใช่เลย ทุกตำแหน่ง ที่อยาก จะสมัคร ทั้งคนรัก คนเลี้ยง ได้เสมอ คุณสมบัติ ง่ายๆ สำหรับเธอ รักฉันเสมอ ดูแล ไม่หลองลวง
.ลมเช้า....
ลมเช้าโลมอรุณ กรุ่นแสงสา
ตะวันทาฟ้ากว้างกระจ่างสวย
ลมรินร่ำโปรยรื่นชื่นระรวย
เจ้าแพงพวยไหวดอกหยอกคันนา....
ตะวันงามสาดคลุมสุมทุมไม้ ยะโย้กย้ายร่ายระบำฉ่ำหรรษา บัวหลีกใบหมายเคล้าเจ้า... ภุมรา หมู่หญ้าคาเริงเร้า... เย้าสายลม... น้ำในบึงสงบนิ่งดิ่ง..ล้ำลึก พะวงนึกอารมณ์ทรวงห่วงผสม ณ ภายนอกสงบงามท่ามสายลม ภายในตรมระทมดื่น..พื้นที่ใจ.. คิดถึงเธอแต่บางเบาเพราะเหงาหนัก จากใจภักดิ์ต่อคนดีที่มีให้ ในยามไม่เหงาบ้าง หรืออย่างไร ทวงถามใจคนไกลห่าง บางเวลา....
๏ สายรุ้งพร่าง..ขวางทาบ..ระนาบฟ้า ขับนภา..ฟ้าพราย..หลากหลายสี ประหนึ่งแก้ว..แววเพชร...เกล็ดมณี เรื่อรุจี..รวีวรรณ..อนันต์กาล ๏ หมายรุ้งเรียว..เกี่ยวใจ...เอาไว้มั่น ร่วมประคอง..คล้องฝัน..แห่งวันหวาน สานสลัก..รักไว้..ให้เนานาน ชูช่อบาน..จารจรุง..ดั่งรุ้งทอ ๏ เมื่อสัมพันธ์..นั้นกลาย..จากหมายมาด เรียวรุ้งขาด..พาดเกลียว...ดุจเรียวขอ ภาพรุ้งงาม..ยามเรา..เคียงเคล้าคลอ ก็หักงอ..ต่อหน้า..กลางฟ้าคราม ๏ พิรุณร่ำ..ฉ่ำริน..จนสิ้นสาย ลำรุ้งพราย..คล้ายแล้ว..สิ้นแววหวาม สิ้นสายฝน..หล่นริน..ใจสิ้นตาม หมดสิ้นงาม..ยามขาด..สวาทวาง ๏ สิ้นฝนโปรย..โรยละออง...จากท้องฟ้า รังสิมา..ทา-ทุ่ง..ครารุ่งสาง แต่ฤดี..นี้เหมือน..กลับเลือนลาง คล้ายฟ้าขวาง..กางกั้น..ยากบั่นไป ๏ หวังรุ้งเรียว..เกี่ยวคล้อง..สองจิตมั่น แต่รุ้งงาม..ยามฝัน..กลับสั่นไหว มาบังบด..หมดค่า..ความอาลัย ห้วงฟ้าไกล..ไร้ค่า..ให้อาวรณ์ ๏ ความเดียวดาย..กรายกล้ำ ..เข้าย้ำเหนี่ยว เมื่อรุ้งเรียว..เกี่ยวฝัน...ในวันก่อน มาสลาย..กลายกลับ..จนลับจร สิ้นแรงโรย..โหยอ่อน..สะท้อนทรวง ๏ สายรุ้งโค้ง..โยงจิต..กลับบิดผัน ทิ้งสัมพันธ์..วันวาร..ให้รานร่วง รุ้งพรายสี..คลี่ฉาบ..ด้วยภาพลวง ก็หายดวง..ร่วงหล่น..หลังฝนซา ๏ เหลือเพียงคน..หม่น-คอย..บนรอยเหงา เหลือเพียงเศร้า..เข้าราน..หมายผลาญพร่า เมื่อรุ้งงาม..ล่ามพ่วง..เพียงลวงตา ไย....ถวิล..จินต์หา..ด้วยอาลัย ๏ ระวีฉาย..พรายแ
เธอมีสิทธิที่จะเศร้า เมื่อโลกเหงาถึงปานนี้ จับมือกันไว้นะคนดี ไปยังที่เหงาๆ ..แค่เราสองคน
"ยังอยากนั่งมองจันทร์ด้วยกันไหม" ------------------------------------- ลมเย็นชื่นแผ่วผิวพริ้วใบไผ่ ฉ่ำชื่นใจในราตรีที่ครึ้มฝน แหงนมองฟ้าเมฆาฟ่องล่องลมบน พัดใจคนเหงาหงอยให้ลอยไกล เห็นดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวเลี้ยวบังเมฆ ช่างวิเวกในความคิดจิตหวั่นไหว โอ้... ดึกดื่นค่ำคืนนี้ไม่มีใคร อยู่เคียงใกล้มองเดือนเหมือนก่อนเคย ดึกสงัดเงียบงันจันทร์สลัว รอบๆตัวเสียงเรไรใยเงียบเฉย ทุกสิ่งอย่างดูต่างไปไม่เหมือนเคย โอ้... ใจเอ๋ยใจเราช่างเหงาจัง หลายผู้คนพักผ่อนนอนหลับฝัน แต่ใจฉันมันยังถามถึงความหลัง อยากจะรู้ผู้ลาลับหลับหรือยัง ?? ยังอยากนั่งมองจันทร์ด้วยกันมั๊ย ??? --------------------------------------- By... Cobra Owens
ขลุ่ยบรรเลง เพลงเศร้า เหงาจริงหนอ เขาผิวคลอ คำกลอน ที่อ่อนหวาน คนประพันธ์ นั้นเล่า คงร้าวราญ เนื้อความกานท์ กลั่นฝาก มาจากใจ ถ้อยวลี จารคำ ที่ล้ำลึก จนรู้สึก อาวรณ์ และอ่อนไหว เขาพ้อพร่ำ รำพึง ฝากถึงใคร เธออยู่ไหน ไยลับ มิกลับคืน คนร่ายกลอน อ่อนหวาน ช่างขานขับ คราสดับ กินใจ ให้สุดฝืน เหมือนเจ็บช้ำ ย้ำอยู่ ดูยั่งยืน แอบสะอื้น เบาเบา เพราะเหงาจัง เมื่อมาเทียบ เปรียบเรา เหมือนเขานัก ที่จมปลัก วังวน เรื่องหนหลัง อยากจำเรียง รวมถ้อย ร้อยให้ฟัง เขาช้ำยัง มิเท่า ครึ่งเราเลย พอลมเย็น เยือกผ่าน ราญใจแท้ คนพ่ายแพ้ เตรียมใจ อย่างไรเอ๋ย ฟังวรรคทอง ต้องเศร้า เหงาเช่นเคย ลมรำเพย ยิ่งร้าว หนาวฤดี ขลุ่ยบรรเลง ท้ายกลอน เสียงอ่อนช้อย แล้วก็ค่อย จางไป คล้ายหลีกหนี ปล่อยคนเศร้า เฝ้าหวล ทวนวลี ทิ้งคนที่ เปล่าเปลี่ยว ....ให้เดียวดาย
เงียบเสงี่ยม เจียมตน เป็นคนเหงา หาใครเขา สนใจ ร่วมไขขาน ปลีกตัวห่าง ร้างคน อยู่จนนาน คิดถึงการณ์ ก่อนเก่า แล้วเศร้าจัง อยากจะลืม เรื่องราว ที่เราพบ แต่ยากลบ ความจริง ส่ิ่งหนหลัง มิเอื้อนเอ่ย เผยเล่า ใครเขาฟัง เป็นเหมือนดั่ง แผลเก่า ของเงาใจ ทนปวดเจ็บ เก็บกด รันทดแท้ หวังเลียแผล เยียวยา รักษาให้ เวลากาล ผ่านผัน คงวันใด รอฤทัย สร่่างซา หรือชาชิน หวังมิตรใหม่ ไมตรี จะมีมอบ รอคำตอบ ใครเล่า เขาถวิล มิต้องซับ น้ำตา ที่บ่าริน อยากได้ยิน ถามบ้าง เป็นอย่างไร อยากทุเลา เบาปวด ความรวดร้าว เพื่อย่างก้าว หลุดพ้น ความหม่นไหม้ แอบมุ่งหวัง ตั้งจิต คิดการไกล ส่วนลึกใน ใจหวั่น แสนพรั่นพรึง มรสุม คุ้มคลั่ง เมื่อครั้งก่อน มันตามหลอน ขุดค้น จากก้นบึ้ง แต่หมายว่า ฝ่าฟัน จะดันดึง สักครั้งหนึ่ง ขอสุข ซุกหัวนอน