กลอนเสียใจ

คนบ้านนาฟ้าเมืองหลวง

คนกรุงศรี


เคยอยู่นา ป่าเขา ลำเนาหนอง
มีบึงคลอง ทิวไผ่ ไร่นาสวน
ต้องขุดดิน เผาถ่าน หว่านไถพรวน
ฟังเพลงครวญ ขลุ่ยแผ่ว ดังแว่วมา
บ้านมุงจาก ฟากทำ ด้วยลำไผ่
จุดขี้ไต้ ไล่ยุง พร้อมหุงหา
กินน้ำพริก ผักต้ม แกงส้มปลา
มีชีวา อยู่สุข มิทุกข์ใจ
พอขายนา มาเมือง เรื่องจึงยุ่ง
เริ่มเฟ้อฟุ้ง รุ่งเรือง ที่เมืองใหญ่
อยู่ตึกราม ระฟ้า อ่าอำไพ
สุดวิไล ในกรุง ลืมทุ่งนา
ตกคืนค่ำ แสงสี ที่วิจิตร
ใช้ชีวิต กลางคืน ชื่นนักหนา
ทั้งดื่มกิน เที่ยวเตร่ และเฮฮา
ลืมที่มา ของตัว เริ่มมัวเมา
มีเพื่อนหลาก มากมาย คบหลายหน้า
สุขอุรา ช่วยให้ ได้คลายเหงา
พอหมดเงิน บ่ายเย็น ไม่เห็นเงา
เริ่มซบเซา ขัดสน คนไม่มอง
คนบ้านนา ฟ้าเมืองหลวง ทรวงชอกช้ำ
ต้องระกำ เหตุใด ไร้สมอง
เก็บเงินเก่า ก้อนสุดท้าย ที่ขายทอง
แล้วลอยล่อง กลับนา มาถิ่นเดิม
คนกรุงศรี ฯ
๑๗/๓/๒๕๕๕

คำคิดถึง

คนกรุงศรี


คิดขึ้นมา คราใด ก็ใจหมอง
ทอดตามอง ไม่ถึง ซึ่งจุดหมาย
ความหงอยเหงา เข้าคลุม สุมใจกาย
ทุกข์กล้ำกราย ย่างเข้า มาเร้ารุม
อยากตัดใจ ไม่คิด ตั้งจิตมั่น
สุดไหวหวั่น ฤทัย ดั่งไฟสุม
ความว้าเหว่ เร่เลาะ เข้าเกาะกุม
เงาตะคุ่ม อ้างว้าง ก็ย่างเยือน
ไร้ข่าวคราว คนซึ่ง คะนึงหา
หลายเวลา มีเงา เหงาเป็นเพื่อน
สิ่งที่หวัง หายห่าง ดูลางเลือน
นับวันเดือน เตือนใจ ไม่วู่วาม
คงเรานั้น น้อยใน ใจนิดนิด
รู้ไร้สิทธิ์ ห่วงหวง เฝ้าทวงถาม
ถ้ากวนใจ แล้วหรือ อย่าถือความ
จะอยู่ตาม ลำพัง ดังเคยมา
เพียงอยากบอก ตอกย้ำ คำคิดถึง
อีกครั้งหนึ่ง เพราะใจ นั้นใฝ่หา
แม้มิว่าง ที่จะ ละเวลา
ก็ไม่ว่า อย่าโกรธ โปรดอภัย
คงมิจำ คำกล่าว เมื่อคราวนั้น
สัญญากัน วันวาน เคยขานไข
หากลืมเลือน ถ้อยคำ จะทำใจ
มิมองใคร ไหม้หม่น ก็ทนเอา
คนกรุงศรี ฯ

แพ้ใจเธอ

คนกรุงศรี


ฟังเสียงขลุ่ย โหยหา พาใจหวน
จึงรัญจวน รักจาง อย่างใจหาย
รู้ว่าเจ็บ เหน็บร้าว หนาวใจกาย
แต่ก็สาย แล้วหนอ ท้อใจเกิน
คำสัญญา ยังอยู่ คู่ใจพี่
ทุกครั้งที่ มอบให้ ก็ใจเขิน
มาวันนี้ เหตุใด ดวงใจเมิน
ต้องเผชิญ ความหม่น จนใจตรม
อยากบอกว่า ยามนี้ มีใจภักดิ์
เกรงเจ็บหนัก หมองไหม้ จนใจขม
กลัวจะจาก พรากไป จนใจซม
ทุกข์ระทม จริงแท้ แพ้ใจเธอ
พอดวงจิต คิดไป พาใจหน่าย
ยังเสียดาย ตัวที่ มีใจเผลอ
ต้องผิดหวัง เพราะเขลา เราใจเบลอ
จึงมาเจอ คนซื่อ หรือใจเก
บางครั้งที่ คิดถึง จึงใจหม่น
เจ็บเสียจน หม่นไหม้ ดวงใจเขว
เพราะยังจำ สัญญา พาใจเซ
เพราะรวนเร หรือไม่ ดวงใจนี้แว่วเสียงขลุ่ย อีกคราว ร้าวใจหวั่น
อยากลืมวัน เคยรัก หักใจหนี
ทนระทม ตรมเศร้า เข้าใจดี
ด้วยมิมี คนใด รู้ใจเรา

ดอกไม้ในเงาจันทร์

ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ


ดอกไม้ในเงาจันทร์
คือดอกไม้ยามราตรีวิปโยค
โศกซ้ำโศกซ้ำซ้อนอย่างสวยเศร้า
อยู่ในคืนเงียบงันอันปวดเร้า
กับหมอกหนาวพราวน้ำค้างอย่างเนิ่นนาน
คือดอกไม้ก้าวไปบันไดเมฆ
โยกยิเยกสั่นคลอนก่อนถึงฝัน
หมายเติบโตแต่งต้นบนดวงจันทร์
ทุกวิกาลจันทร์ยิ่งไปไกลลิบตา
คือดอกไม้หยัดยืนในคืนเหน็บ
รู้ทันเจ็บด้วยแรงแห่งปรารถนา
สู้ต่อโชคชะตาเร้าคาวมายา
ดื่มน้ำค้างเคล้าน้ำตาล้าแรงกาย
วอนมนต์ตราฉาบแสงนั้นจากจันทร์เจ้า
ไล่ความหนาวสักเวลาจะได้ไหม
กรุ่นอุ่นแสงแห่งจันทร์หมายมั่นใจ
เราดอกไม้จะแสร้งว่าคืออาภรณ์
ในคืนค่ำยามแมลงแล้งน้ำใจ
ขย่ำดอกขยี้ใบหมายหลอกหลอน
แมลงหรือ? ถือสิทธิจะริรอน
เพียงอุทรณ์ฎีกาหาพระจันทร์
คือดอกไม้หมายจะพบทางหลบหนี
หากยังมีรากหยั่งแน่นเป็นแก่นสาร
โดยตกฝันบันไดฟ้าแต่ครานาน
จากที่นั้น! สู่ตรงนี้...ไร้ที่ไป
เพียงส่งฝันอันระวีที่เริ่มล้า
โดยส่งหาเพื่อนฝันว่ามั่นหมาย
ณ ที่แล้งแห่งนี้มีดอกไม้
มีดอกอื่นดอกไหนที่คล้ายกัน?
อนาคตต่อไปในภายหน้า
ด้วยว่าล้ากาย-กำลังพลังฝัน
ระบมร่างจากแมลงเยื้อแย่งทาน
จะลางานท้อและท้อพอเสียที
คิดจะเลือกปลิดชีพในมายา
จะนำพาเจตจินต์บินหลบหนี
มีวิญญานไปจันทร์อันระวี
ต่อแต่นี้ไม่หมายใช้บันไดงาม
คือดอกไม้มีหัวใจห่วงใยรัก
มิอาจจากเพื่อนดอกไม้ไร้คมหนาม
เพียงจะสู้หมายจันทร์ทราบนฟ้างาม
และสู้ทรามความวิโยคโศกโสมม
เป็นดอกไม้จะไปฟ้าคราถึงที่
อันชีวีกลีบล้าจะถาถม
เวลานี้รักจะมอบปลอบประโ

เข็ดคำคน

คนกรุงศรี


เพราะเข็ดคำ ของคน ทำหม่นหมอง
ใจจึงต้อง เตือนตัว กลัวเช่นเก่า
คนจริงใจ ยังช้ำ เธอทำเอา
ก็ครั้งแล้ว ครั้งเล่า มิเข้าใจ
คนซื่อตรง จำต้อง มองคนช่วย
ก่อนจะม้วย ชีวี นะมีไหม
มิซ้ำเติม เพิ่มแผล แค่ห่วงใย
ฝากฤทัย ให้กัน จวบวันวาย

สุดจะห้ามใจ

(น้ำตาลหวาน)


เคยขลาดเขลาวัยเยาว์เราอ่อนหัด
รักกระหน่ำซ้ำซัดกลัดกร่อนถอย
เซถลำเคราะห์กรรมตอกย้ำคอย
ทั้งชีวีเศร้าสร้อยรอยน้ำตา
เก็บใจตัวเก็บรักสิ้นหักเห
เกรงซวนเซสั่นคลอนวอนดินฟ้า
หลาบจำแล้วหลีกหนีอย่ามีมา
ขอเถิดหนาดินฟ้าจงปราณี
อย่าให้เราใจอ่อนดังก่อนเก่า
อย่าให้เราเปิดใจใครบ่งชี้
อย่าให้เขาเอาไปทั้งชีวี
อย่าให้เขามามีอำนาจใด
สุดจะห้ามหัวใจหวั่นไหวจิต
สุดจะห้ามใจคิดติดตรึงไว้
สุดจะห้ามใจนี้มีห่วงใย
สุดจะห้ามหัวใจแม้ซ้ำรอย

ถ้าทำได้..

~!!!MaNiAc!!!~


ถ้าทำได้ฉันคงเลือกไม่รู้จัก      จะไม่ทักไม่ทายให้สนิท
ที่ห่วงหาห่วงใยจะไม่คิด           ไม่ทำผิดคิดไกลให้ใจเธอ
ถ้าทำได้ฉันคงเลือกจะไม่รัก     จะเก็บรักเก็บใจไม่เสนอ
ที่บอกรักก็จะเลิกบอกกับเธอ     ไม่พร่ำเพ้อหลงรักเหมือนที่ผ่านมา
ถ้าทำได้ฉันคงเลือกจะไม่เห็น     เธอจะเป็นตายร้ายดีไม่ห่วงหา
จะไม่มีความห่วงใยในแววตา     จะไม่มีค่าอะไรในจิตใจ
ถ้าทำได้ฉันคงเลือกจะมองผ่าน    ไม่ปล่อยใจฟุ้งซ่านจนหวั่นไหว
ไม่หลงคิดไม่หลงเพ้อละเมอไป    ถ้าเลือกได้ฉันจะไม่รักเธอเลย

วิวาห์อาสัญ !

ศรีสมภพ


บรรจงจับมือเธอ ..เผยอจูบ
ความซึ้งซ่านหวานวูบมิหวาดหวั่น
บรรจงสวมแหวนวิวาห์สัญญามั่น
จะแต่งงานในวันตาย ให้สองเรา !
ขอโทษนะ ที่รัก ..ที่ชักช้า
เคยสัญาวิวาห์กัน ในวันเก่า
ผ่านสิบปีที่หวานนักรักแห่งเรา
ที่ต่างเฝ้า ร่วมถักทอ ..รอวันดี
อนิจจัง ! มาถั่งโถม มาโหมหัก
จะต้องจาก พรากกันไปในวิถี
ช่างสุขล้ำ อมตะ ณ วันนี้
วันที่มีเราสองนั้น ..มั่นอาวรณ์
ลมหายใจในร่างนั้นยังอยู่...
มีฉันรู้ แต่ผู้เดียวเหนี่ยวรักซ่อน
โลกความจริง.. แม้ยิ่งใหญ่เกินถ่ายถอน
โลกเรานั้น ! นิรันดร นิรันดร์กาล..
บรรจงจูบหน้าผาก ..ก่อนพรากร่าง
ทุกๆอย่าง จะวางไว้กลางใจฉัน
คือสัญญาวิวาห์รักประจักษ์มั่น
รักเรานั้น.. ไม่มีวันตาย แม้ไร้เธอ !
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เฟซบุ๊คของบุคคลที่ใช้ชื่อ Chadil Deffy  ได้โพสต์ข้อความไว้เมื่อวันที่
5 ม.ค. 55 เวลา 16.08 น. โดยระบุว่า
"งานฌาปาณกิจ น้องจ๋าจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 7 ม.ค.55 ณ วัดป่าไตรวิเวก จ.สุรินทร์ เวลา 15.00 น."
และเมื่อย้อนไปดูข้อความเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 55 เจ้าตัวได้เขียนเชิญเพื่อนสนิท
และคนที่เข้ามาเป็นเพื่อนทางเฟซบุ๊คว่า "ขอเชิญร่วมงานมงคลสมรสของผม
และแอน พร้อมกับรดน้ำแอน ในวันที่ 4 ม.ค.55 ที่วัดหลวงปู่สาม จ.สุรินทร์
มากันเยอะนะครับ"
นอกจากนี้ยังมีข้อความอื่น ๆ ที่บ่งบอกถึงความรักของเขาที่มีต่อแฟนสาว
จึงจัดงานแต่งขึ้นดังกล่าว "การกระทำของเราในสายตาพวกคุณมันคือรักที่ยิ่งให

แอบรัก

ธาษตรี


ทุกๆความ รู้สึก ของหัวใจ
เริ่มสั้นไหว ทันที ที่รู้จัก
ความรู้สึก ของคน ที่แอบรัก
เจ็บปวดนัก รักไป กับสายลม
ธาษตรี

แรกรัก...แรกเจ็บ

หญิงบ้า


อารมณ์รักเป็นเช่นไรไม่รู้จัก
ยามอกหักเจ็บเพียงใดไม่รู้เห็น
ดวงตาบอดเพราะรักไม่เคยเป็น
หัวใจเต้นเมื่อเจอใครไม่พบพาน
แล้ววันหนึ่งกามเทพเล่นตลก
เล็งตรงอกแผลงศรจนอ่อนหวาน
ฉันมีเธอคู่คิดจิตสำราญ
ทอสายใยเบ่งบาน ณ ลานใจ
หารู้ไม่เธอแค่เหงาเข้ามาคบ
ไม่คิดสบสายตาให้หวั่นไหว
คุยกับฉันแต่มีเขาอยู่ทั้งใจ
เอ่ยคำรักทำไมหากไม่จริง
หรือเพราะเขาเผลอทำเธอช้ำชอก
คำที่บอกเพียงก่อกองไฟผิง
ฉันเป็นตัวแทนเขาเคล้าแอบอิง
ทำทุกสิ่งลงไปใยไม่ตรองรู้บ้างไหมใครคนหนึ่งคิดลึกซึ้ง
เมื่อวันลามาถึงจึงหม่นหมอง
หยาดความเศร้าเข้ามาน้ำตานอง
แก้มทั้งสองเปรอะเปื้อนคราบคำคน
จนเผลอตนทำไปดูไร้ค่า
ยังอุตส่าห์ห่วงใยแม้ไม่สน
รู้ทั้งรู้ใจเธอช่างวกวน
แค่หนึ่งคนหนึ่งใจไม่น่าจำ
ใยถึงยังอยากยืนอยู่เคียงข้าง
ในยามเธออ้างว้างชวนยิ้มขำ
ความรู้สึกปวดร้าวขอเก็บงำ
ไม่แสดงความช้ำจากภายใน
ความผูกพันวันนี้ยังมีอยู่
คอยเฝ้าดูทุกก้าวคราวเคลื่อนไหว
ภาวนาให้ลืมเธอได้เร็วไว
ให้หัวใจแรมร้างเหลือเพียงเงา
ขอส่งใจให้เธอมีแรงสู้
มีแรงอยู่แม้วันนี้อาจไร้เขา
เหมือนที่ฉันฝืนอยู่แม้ไร้เรา
ก็แค่เหงาเหมือนเดิมไม่เป็นไร
ฉัน  :     ^_^
เธอ  :      -  -
ฉัน  :     ^_^
เธอ  :      -  -
........................
.......................
........................
.......................
......................
( ฉัน :   T_________T   )

"ไม่ใช่คนสำคัญ"

i'm crazy


ก็รู้ตัวว่าไม่ใช่คนสำคัญ
แต่อย่าทำให้มันแย่ไปกว่านี้ได้ไหม?
คุณไม่ให้ความสำคัญกับฉันไม่เป็นไร
แต่คุณไม่เคยคิดจะห่วงใย ฉันทำใจไม่ลง.

เสียสาวที่พัทยา

สุนทรวิทย์


พัทยา  หน้าหนาว  เมื่อคราวนั้น
ขณะฉัน  ยังสาว  พราวเสน่ห์
มาพักผ่อน  กินลม  ชมทะเล
ยามโพล้เพล้  พลบค่ำ  ฟ้ารำไร
พัทยา  แห่งนี้  ที่ฉันช้ำ
ยังจดจำ  ได้ดี  คืนปีใหม่
เขามาทัก  เกี้ยวพา  น่าตื่นใจ
จนหวั่นไหว  คล้อยตาม  ความจำนง
คำออดอ้อน  เยินยอ  ปนฉอเลาะ
ช่างไพเราะ  รัญจวน  ชวนลุ่มหลง
เชื่อสนิท  สัมพันธ์  จะมั่นคง
จิตซื่อตรง  ต่อกัน  มิผันแปร
ณ.ชายหาด  คืนนั้น  ฉันแพ้พ่าย
ยอมมอบกาย  หมดหวง  หน้าดวงแข
ฝากความหวัง  พร้อมพลี  ฤดีแด
เป็นบาดแผล  แก่ตัว  ชั่วชีวี
พัทยา  ราตรีนี้  มิมีเขา
เจ็บนักเรา  สูญรัก  สิ้นศักดิ์ศรี
เฝ้ารอเขา  งมงาย  ผ่านหลายปี
ยังโศกี  เสียใจ  ไม่อาจลืม

สัญญารัก

กีตาร์เก่า


สัญญารัก จะสำคัญ มากกว่านี้
ถ้าเธอมี ความห่วงใย ให้แก่กัน
แต่วันนี้ เธอบอกว่า ไม่รักกัน
อะไรกัน ไหนสัญญา รักยืนยง
ตัวฉันนั้น คงทำ ได้แค่นี้
ทำความดี ให้กับเธอ ทุกๆวัน
แม้ตอนนี้ ตัวเธอนั้น ไม่รักกัน
แต่ใจฉัน จะมั่นคง แค่เพียงเธอ
แม้ตัวฉัน จะชอกช้ำ มาพอควร
ใจเรรวน อย่างเธอ ยังพอทน
แต่อะไร ตัวเธอ สัปดน
ฉันสับสน กับตัวเธอ จริงๆเลย
เธอบอกว่า จะมีใหม่ ใคร่คนอื่น
เด็กวานซืน อย่างฉัน ทนไม่ไหว
บอกกับเธอ ว่าฉันนั้น จะตัดใจ
รักคนใหม่ สบายใจ กว่ากันเอย

~เพราะไม่รู้~

แกงเขียวหวาน


เพราะไม่รู้เลยหนา...ว่าชอบฉัน
พึ่งจะรู้...รักกันวันที่สาย
สมองช้าล้าหลัง...ทั้งขี้อาย
ผลสุดท้าย...เธอไปไม่กลับมา
ฉันขอโทษทำไป...เพราะไม่รู้
ทุกวันอยู่..อย่างเหงาเศร้าหนักหนา
โปรดอภัยให้ฉัน..นั้นสักครา
ใจร่ำร้อง...เรียกหาอย่าไกลกัน
เพราะไม่รู้จริงๆ...สิ่งเธอให้
ซึ่งกลั่นจาก..จิตใจในรักมั่น
คอยห่วงใยไต่ถาม...ถึงทุกวัน
ทำไมฉัน...มองผ่านการกระทำ
พึ่งจะรู้ว่ารัก...ก็มักสาย
มันยากเกินอธิบาย....ใช่เหยียบย่ำ
ฉันมิได้...ตั้งใจให้เธอช้ำ
ขอบอกซ้ำทำไป.....เพราะไม่รู้

เสมอ

ก้าวที่...กล้า


เสมอ
ที่ฉันทำร้ายเธอด้วยถ้อยถลำ
ไม่ยั้งคิดยังทำอยู่ซ้ำซ้ำ
ไม่ยอมจดยอมจำหนอหัวใจ
คำขอโทษ
มันคงเปล่าประโยชน์ เมื่อทำใหม่
รู้ทั้งรู้ไม่น่าทำ ทำทำไม
หรือยังหวั่นยังไหวอะไรนัก
ธรรมดา
มีท้องฟ้ามีเมฆหม่นคนอกหัก
มีน้ำฝนมีน้ำตาประสารัก
เห็นไหมเล่าไม่รู้จักใส่ใจจำ
เสมอ
จึงต้องมาขอโทษเธออยู่ซ้ำซ้ำ
อย่าถือสานะคนดีที่ฉันทำ
ครานี้จะเน้นย้ำจำใส่ใจ

รักมีพิษ ผลงานของดอกแก้ว

คนกรุงศรี


ก่อนเคยคิด ว่ารัก จักหอมหวาน
ชุบดวงมาน ให้ฉ่ำ ด้วยคำอ้อน
หลงคารม คมถ้อย ร้อยคำวอน
ฤทัยอ่อน จึงมอบ ตอบคำรัก
เคยสัญญา มั่นแม่น หนักแน่นยิ่ง
ทุกทุกสิ่ง ซึ้งฤดี ที่ประจักษ์
สุขกับความ สดชื่น รื่นรมย์นัก
ใครท้วงทัก แสนเบื่อ มิเชื่อฟัง
มินานใย ใจคน วกวนเล่า
คำพูดเก่า จางไป ในความหลัง
คำสัญญา เคยปลื้ม ลืมหรือยัง
คำมั่นครั้ง ก่อนกล่าว เขานั้นเลือน
คนรวนเร คบได้ แต่ไร้ค่า
ให้อุรา เราช้ำ ระกำเหมือน
ดั่งถูกมีด กรีดใจ ให้ฟั่นเฟือน
เธอเชือดเฉือน มานเรา เอาโยนทิ้ง
เจ็บอะไร ไม่เท่า เราเจ็บจิต
รักเป็นพิษ ทำร้าย ฤทัยหญิง
เขาเปลี่ยนไป ใคร่ขอรับ กับความจริง
มิท้วงติง เราหนอ เพียงขอไกล
จะอยู่อย่าง คนเหงา ปวดร้าวอก
น้ำตาตก จนต้อง สุดหมองไหม้
สงบจิต รอแต่ เลียแผลใจ
อีกเมื่อไร นั้นเล่า เลิกเศร้าทรวง
ดอกแก้ว
กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา                                                         ๖ / ๒ / ๒๕๔๓

รักนี้...

แมงกุ๊ดจี่


ทนเคว้งคว้างเดียวดายสุดปลายฝัน
เกินจักกลั้นคล้อยใจมิให้หมอง
ขาดลงแล้วรอยเกลียวเคยเกี่ยวครอง
ทุกข์สนองด้วยฤทธิ์ความผิดหวัง...
หยาดน้ำตาไหลนองเปื้อมสองแก้ม
ไม่อาจแย้มยอมรับกับความหลัง
มอบความภักดิ์เพ้อเคียงเพียงลำพัง
ร้าวประดังพร่าผลาญแหลกรานใจ...
ในเพรงกาลผันเปลี่ยนยังเวียนลอบ
รักยังมอบคงมั่นมิหวั่นไหว
ปรารถนาคือเธอเสมอไป
ถึงอย่างไรอยากเคียงแต่เพียงพี่...
แต่เพราะรักหักราญเกินสานต่อ
พร่ำวอนขอพรฟ้าเมตตาที
ให้ลบเลือนรอยรักรอยภักดี
นับแต่นี้...ลืมเลือนอย่าเตือนจำ...
หน้า / 17  
ทั้งหมด 281 กลอน