เจ็บ...หัวอกที่หลงรักคนอย่างเธอ มากจนเพ้อละเมอร้องอยู่หลายหน ที่เธอทำให้ปวดร้าวและทุกข์ทน รักเปรอปรนเจือพิษร้ายทำลายใจ ปวด...หัวใจยามเธอเอ่ยคำรัก ร้าวระบมเกินจะหักใจไปไหน เจียนจวนแล้ว...ใกล้หยุดจังหวะใจ ตายดีไหมจะได้พ้นคนอย่างเธอ เพราะฉันเองก็เผลอไผลให้ใจรัก ฉันถูกผลักลงหลุมแลหลงเพ้อ มาชวนฉันให้รักให้ละเมอ ช้าแล้วเธอ...ฉันมิอาจจะถอนใจ เป็นแค่เพียงคนรักยามขาดแคลน ได้ควงแขนตอนแฟนเธอนั้นเผลอไผล แค่รักลับมิอาจบอกใครออกไป ชู้...นั่งไง....ตำแหน่งนี้...มิอยากครอง
ความรักเอยล่องพลิ้ว....ปรารถนา ลมโบกโปรยเสน่หา......พัดเข้า รักจริงจากใจมา...........ฤเปล่า หรือแค่รักหยอกเหย้า..ร่ำให้โหยหาฯ สงสารใจหน่อยบ้าง......สงสาร โปรดอย่าสร้างทรมาน..ซ่อนซ้ำ ช้ำรักแรกขอวาน.....แทบขาด ใจนา ขืนรอบสองคงช้ำ....แทบสิ้นขาดใจฯ วานวาสนาอย่าสร้าง.....ซ้ำสอง เคยเจ็บน้ำตานอง.........รวดร้าว สงสารหน่อยอย่ามอง....เพียงผ่าน เสน่หาเอยอย่าก้าว...ตอกย้ำอีกเลยฯ
คิดถึงเธอรู้ไหมใจแทบขาด น้ำตาหยาดรินไหลให้เปียกหมอน ภาพความหลังฝังใจให้อาทร ฉันเคยกอดเธอนอนอ้อนรำพัน รักเธอมากด้วยใจให้ห่วงหา ในอุราเงียบเหงาแสนโศกศัลย์ คิดถึงคราใดใจจาบัลย์ ทุกคืนวันฉันเจ็บปวดร้าวทรวง เธอคงมีความสุขกับที่ใหม่ คงมีใครต่อใครคอยเป็นห่วง เธอรู้ไหมฉันนอนน้ำตาร่วง คอยเป็นห่วงเธออยู่ทุกๆวัน บอกตัวเองว่าพอเลิกร้องไห้ ตอนเธอเดินจากไปกะทันหัน เก็บความเจ็บเอาไว้ทุกคืนวัน เพราะความฝันของฉันมีเพียงเธอ.....
ยังไม่ลืมดวงแดแม้ไกลกัน
สายสัมพันธ์แสนซึ้งตรึงใจข้า
เคยรักกันแน่นเหนียวครั้งเกี้ยวพา
ที่ทักมาจากใจใช่หลอกลวง **
พี่แต่งกลอนบางครั้งยังนั่งเศร้า
เป็นเพราะเจ้าคนดีที่ชอบหวง
มีคนรักทีไรเจ็บในทรวง
ดูไม่ห่วงไม่รักไม่ทักทาย **
พี่ไม่ลืมคำกลอนเคยอ้อนรัก
เคยสมัครชื่นชมสมใจหมาย
มาเดี๋ยวนี้แก้วตามากลับกลาย
ทิ้งให้ชายเงียบเหงาเศร้าระทม **
เมื่อไม่พบคนดีพี่จึงรู้
ว่ายอดชู้หลบไปใจขื่นขม
ปล่อยให้พี่ร้าวรวดปวดระบม
แม้ตรอมตรมเพียงไหนไม่เคยลืม
อาวรณ์รัก หนึ่งนางเดียวเกี่ยวก้อยร้อยสู่ฝัน หนึ่งเธอนั้นพันผูกปลูกสดใส หนึ่งหมายปองครองไว้ในห้วงใจ แสนวาบไหวคลั่งไคล้ให้ลืมตัว จันทร์เอ๋ยเจ้าแสงนวลชวนสวาท งามพิลาสหายไปในแสงสลัว ใยบอบบางเหลือเกินเพลินลืมกลัว ตราบมืดมัวแฝงซ่อนยอกย้อนฤดี ปากกับใจมิตรงส่งมธุรส แล้วแสร้งปดหลอกไว้ให้หมองศรี นี่แหละหนอรักแรกเหมือนแฝกตี ผ่านนวลฉวีชอกช้ำระกำใจ จะรักใครสักคนจนต้องคิด เหมือนหนามปลิดเลือดไว้ไร้สดใส น้ำจากตาหลั่งรินสิ้นห้วงใย เธอฝากไว้เหมือนลมบ่มกายา มองบุปผาเบ่งบานผ่านเศร้าหมอง หยาดละอองสายฝนปนเสน่หา อันความหวานฝากไว้ในรจนา ยากนำพาบั่นทอนห่อนเปรมปรีดิ์ หอมระรวยชวยชื่นคืนแสงสกาว อบอวลพราวระรินจินต์เกษมศรี สู้หมายปองครองไว้ในห้วงชีวี ป่านฉะนี้ความหวังสร้างลางเลือน เปรียบบุปผาแปรเปลี่ยนเยียนนิเวศน์ สู่อาณาเขตแสงสีพลีถูกเฉือน เปลี่ยนเป็นช้ำระกำคล้ำมาเยือน แสนสะเทือนหัวใจใยหวนคืน ผ่านแสงทองผ่องอำไพมลายแล้ว ก่อนเสียงแจ้วหวามเก่าเฝ้าสุดฝืน ฟ้าเปลี่ยนสีพราวไสวคล้ายยั่งยืน เสียงสะอื้นจากห้วงดวงแหลกราญ คราแสงนวลจันทร์ผ่องละอองไสว เหมือนภายในแตกช้ำระกำผ่าน เคยแลปองนวลเจ้าเฝ้านงคราญ สู่ร้าวฉานแยกทรวงห้วงระบม หวนเฝ้ามองรัญจวนคร่ำครวญรัก ดุจหนามปักเลือดหลั่งหลังขื่นขม ปลอบขวัญเจ้าอย่าไหวในสิ่งปม ทิ้งตรอมตรมผ่านไปสร้างใหม่มา ดุจจันทร์เจ้าหายลับยังกลับใหม่ ผ่องอำไพ
ที่นิ่งเฉยใช่เห็นเป็นคนอื่น น้ำตารื้นกับวันอันอับเฉา ฟ้าชีวิตวันนี้เป็นสีเทา ไร้แม้เงาคนหวงห่วงอาทร จนค่อนแจ้งแสงเดือนลับเลือนฟ้า คอยวาจารักฝากจากสมร จวบเดือนต่ำดาวตกหัวอกรอน ดุจจะทอนหัวใจไปจากกัน คงลงเอยด้วยคำว่าลาจาก พบเพื่อพรากจากไปใช่ไหมขวัญ? บนทางเดินเหินห่างระหว่างวัน ใครแปรผัน...ใครลวงหลอก...ช่วยบอกที
ฉัน.... กับจันทร์กระจ่างกลางเวหา ยิ้มกับดาวพราวพร่างกลางนภา กอดเมฆาอบอุ่นละมุนละไม กระซิบคำพร่ำฟ้าเวหาหน ฟ้าโปรดเห็นใจคนเกินทนไหว คนผู้เสียทุกอย่างกระทั่งใจ มอบรักใครหมดรักที่ภักดี รัก.... แม้รู้ซึ้งตระหนักว่ารักนี้ เสมือนกอดกองทุกข์ทับทวี ยิ่งนานปีทุกข์ถมระทมทรวง ที่ไหนใครรักมักเป็นทุกข์ เพราะไฟรักเร้ารุกให้หนักหน่วง ฉันก็พร้อมยอมผจญผลทั้งปวง หากรักลวงรักเล่ห์เพทุบาย เธอ... ผู้ซึ่งฉันเผลอไผใจมักง่าย รักแล้วหลงดงรักดักใจกาย มิอาจถ่ายถอนจิตคิดเป็นไท มัตสยาหลงน้ำซ้ำติดเหยื่อ หมู่กวางเนื้อติดบ่วงที่ลวงไว้ สิ้นชีพช้ำกำสรดหมดอาลัย ฉันสิ้นใจรักลวงติดบ่วงพลัน คิดถึง.... ใครจะซึ้งคำนี้ดีเท่าฉัน เอ่ยคำรักฝากฟ้ามาจำนรรจ์ ว่ายังคิดถึงกันวันเวลา คิดถึงกันเสมอเธอที่รัก และโปรดได้ประจักษ์ทุกฟากฟ้า รักยังรักคิดถึงยังตรึงตรา ทุกห้วงใจโหยหายิ่งอาลัย ฝัน...
เมื่อค่อนแจ้ง แสงเดือน ยังเยือนหล้า ส่องลงมา สาดเงา ให้เราเห็น คนหนึ่งนี้ เหน็บหนาว ร้าวลำเค็ญ หลายประเด็น ทุกข์ถม เกินข่มตา หวนคะนึง ถึงยัง เมื่อครั้งเก่า ภาพและเงา หลอกหลอน ย้อนตามหา แม้เดือนวัน ผันผ่าน เนิ่นนามมา แต่เหมือนว่า ดั่งเป็น เช่นคืนวาน ในชีวิต ผิดหวัง เกือบทั้งหมด ยังจำจด เก็บไว้ มิไขขาน เฝ้าแนะนำ คำตอบ ปลอบดวงมาน อย่าร้าวราญ ละวาง เหมือนอย่างเคย เริ่มต้นใหม่ ไม่ท้อ ต่อชีวิต ผู้ลิขิต ตัวเรา เขาเมินเฉย กติกา กฏใด ไม่รับเลย จะลงเอย ด้วยตน คนนำทาง ใจด้านชา ชินกับ ความอับเฉา มีหงอยเหงา ปลอบใจ อยู่ไม่ห่าง หวังพึ่งใคร ไหนหนอ ก็เลือนลาง เลยอยู่อย่าง เดียวดาย ท้าทายดี เมื่อรุ่งแจ้ง แสงเดือน ก็เลือนลับ ตามิหลับ ข่มใจ กระไรนี่ เก็บความหวัง ยังหลอก บอกชีวี ว่าอาจมี บางใคร ...เห็นใจเรา
๑.สายฝนโปรยพราวพร่างมิสร่างเหงา ยิ่งรุมเร้า...หัวใจหวั่นไหวอ่อน เหลียวรอบกายมองหาใครอาทร ความรักคลอนวอนฝนดลบันดาล... กอดตัวเองคนเดียวเปล่าเปลี่ยวหวัง เดินลำพัง...เหน็บหนาวข่มร้าวราน กี่ความทุกข์ข่มเหงในเพรงกาล หวังข้ามผ่าน...อยากมีวิถีงาม... ๒.พรหมลิขิตทดสอบกรอบชีวิน ด้วยมลทินน่ารังเกียจคนเยียดหยาม ได้บทเรียนพลาดผิดพาจิตทราม เอื่อยไหลตาม "กิเลิส" เหตุแห่งกรรม... ๓.น้อมดวงจิตอธิษฐานบันดาลดล ขอกุศลผลบุญโปรดหนุนนำ พาพ้นจากกลลวงหลุดบ่วงช้ำ อย่าถลำ...หลงผิดคิดละอาย... ซ่อนหน้าผ่านวันคืนอันขืนขม ทุกข์ระทมชีวินเกือบสิ้นสาย ถูกพร่าผลาญทุรนทุราย สิ้นความหมายค่ารักประจักษ์ใจ... ๔.เป็นเพียงการหลอกหลอนที่ซ่อนอยู่ ทั้งที่รู้...เท่าทันกลับหวั่นไหว ปล่อยให้กรรมลิขิตชีวิตไป หมดเชื้อไฟ...คงจบมิทบทวน... ข่มความเจ็บอาวรณ์ซ่อนน้ำตา เป็นธรรมดาของโลกมิโศกครวญ รักต้องแคล้วพลัดพลาดมิอาจหวน ทุกสิ่งล้วน "กรรม" ลิขิตชีวิตมา... ๕.สองมือน้อยกราบลงหน้าองค์พระ ตั้งสัจจะ...คิดอาจวอนปรารถนา ขอปลดบ่วงรอยกรรมโปรดเมตตา กรุณา...ต่อเวไนยไกลอบาย... ชะรอยกรรมควรอยู่อย่างผู้แพ้ หยุดอ่อนแอจ่อมจมเลิกงมงาย แต่นี้ไปคลายเกลียว...แม้เดียวดาย ปล่อยให้สายสวาทนั้นขาดลง.... ปล.๑ :: กลอนบทนี้ประมาณว่าสองอารมณ์ ตอนฝนตก และตอนดูซีรีย์ Club Friday อินจัดหง่า ปล.๒ :: ความรักคืออะไรนะ หรือเป็นความรักที่ "รักตัวเอง" กันนะ ปล.๓ :: อย่
ฮอดเดือนหกฝนตกมาน้ำตาหลั่ง เสียงฟ้าสั่งตึ้มต้ำซ่ำใจหลาย ดินกะสุ่มเซาแห้งแล้งกะกลาย บัดใจอ้ายคือซ่างแล้งแห้งกว่าดิน เห็นน้องดำคำผู้ฮ่ายซ่างกายหนี อ้ายบ่มีหัวใจให้ทั้งสิ้น หนออ้ายเอ้ยน้องคอยถ่ามาจนวิน อ้ายกลับบินหาคนโก้โอ้หนอชาย เห็นฟ้าก่ำกรำฝนน้องทนสู้ ทั้งที่ฮู่อ้ายบ่สนคนบ่หมาย ยืนฮ่องไห้ในสายฝนหล่นโปรยปราย ฮู่ใจหง่ายย่อนฮักหลายตายบ่จื่อ คำแปลนะจ๊ะ ถึงเดือนหกฝนตกมาน้ำตาหลั่ง ฟ้าร้องสั่งเหมือนย้ำช้ำใจหนา พอฝนตกดินชุ่มคลุมผืนนา แต่อุราพี่กลับแล้งแห้งกว่าดิน เห็นน้องดำซ้ำร้ายพี่หน่ายหนี ไม่เคยมีหัวใจให้ทั้งสิ้น โอ้พี่จ๋าน้องรอมาเป็นอาจิณ พี่กลับบินหาคนงามหยามน้ำใจ เห็นฟ้าก่ำกรำฝนน้องทนสู้ รู้ทั้งรู้พี่ไม่รักไม่อยากใกล้ ก็ต้องยอมทนฝืนยืนร้องไป รักทั้งใจจนตายก็ไม่จำ
กลั่นอารมณ์ ร้าวรอน ผ่านกลอนเศร้า สื่อกานท์เหงา เรียงร้อย ถ้อยคำโศก ดวงความรัก หักดิบ วิปโยค คล้ายดั่งโลก มืดมน หม่นฤดี หยดน้ำตา รินไหล ใช้ขีดเขียน กับแสงเทียน จากใจ ใกล้ริบหรี่ ความรู้สึก สติ ที่พอมี กลั่นกวี สุนทร ก่อนดับลง ขออินทร์พรหม ยมยักษ์ ประจักษ์เถิด ถ้าแม้นเกิด ชาติหน้า อย่าได้หลง ให้ดวงจิต หนักแน่น แก่นมั่นคง ได้ถือธง เหนือใจ ใครทั้งปวง เกิดชาตินี้ ต่ำต้อย ทั้งด้อยศักดิ์ คนเคยรัก ลาไกล ไม่ได้ห่วง ต้องทุกข์ทน แสนช้ำ ระกำทรวง น้ำตาร่วง รินหลั่ง ไหลพรั่งพรู
เพียงสายลม พรมผ่าน สะท้านร่าง คล้ายเยื่อบาง ในจิต คิดหวั่นไหว เหตุเพราะรัก หมุนเวียน เปลี่ยนทางไป โอ้ดวงใจ บอบช้ำ น้ำตาริน ผ่านร้อนหนาว แดดฝน ทนฟันฝ่า จิตใจกล้า เกิดแกร่ง ดังแท่งหิน แต่วันนี้ เสียหลัก รักโบยบิน มลายสิ้น ผุ...กร่อน อ่อนแอลง ทุกค่ำคืน ขมขื่น สะอื้นให้ ดวงหทัย รานแหลก แตกเป็นผง สัญญาลวง รักนั้น มิมั่นคง อยากปลิดปลง ชีพดับ ลับเลือนลา
ผ่านเรื่องราว มากมาย หลายปัญหา ผ่านเวลา ผ่านมา ด้วยความหมาย เคยมีคน เคียงคู่ อยู่ข้างกาย สร้างนิยาย แห่งรัก จากดวงใจ อุปสรรค ขวางหน้า ผ่านมาหมด จะกี่บท ทดสอบ ผ่านมาได้ เพียงมีเธอ เคียงข้าง กำลังใจ ไม่เคยหวั่น อ่อนไหว เพราะมีเธอ จนมาถึง บททดสอบ เกือบสุดท้าย เป็นบทร้าย แรงคิด จิตแสนอ คนตั้งโจทย์ สุดท้าย กลายเป็นเธอ ฉันต้องเจอ บทชีวิต คิดลำพัง โจทย์สุดท้าย เธอนั่นไง ทำให้เจ็บ เกินจะเก็บ ลบหมด บทความหวัง เมื่อไร้เธอ ชีวิตเผลอ หมดกำลัง แล้วฉันยัง ยืนได้ อย่างไรกัน ที่ผ่านมา ชีวิต ไม่คิดท้อ อนาคต ยังรอ ยังต่อฝัน ต่อจากนี้ จะอยู่ได้ อย่างไรกัน ปล่อยชีวิต ผ่านวันวัน แค่นั้นพอ o มวลภมร o
ดวงดาวเป็นอิสระต่อดวงจันทร์และเพียงเธอที่ฉันใฝ่ฝันหา แต่เราเป็นอิสระในวันลา เธอจะเสียน้ำตาให้ฉันไหม ท่ามกลางไอแดดหรือไอหมอก กระซิบบอกกับฉันนะใกล้ใกล้ ถึงบทเพลงแสนเศร้าฉันเข้าใจ เพียงอยากฟังความในหัวใจเธอ ในวันไม่มีดวงดาวและดวงจันทร์ ฉันอาจมีน้ำตาเวลาเผลอ เป็นความปวดใจใฝ่ละเมอ คิดถึงพร่ำเพ้อในบางที กาลเวลายาวนานชั่วกัปกัลป์ แต่ฉันอาจมีมันไม่ถึงพรุ่งนี้ เถิดบอกฉันหน่อยนะคนดี แล้วฉันควรจะมีความรักไหม
ราวกับเป็นก้อนหินเปรอะดินทราย คุณปัดปลายชายตาแลมาเห็น เลี่ยงเลยผ่านลืมไปไม่ยากเย็น คล้ายถูกเว้นละไว้ไร้ตัวตน จะเช้าสายบ่ายค่ำเพียรย่ำผ่าน เกาะรั้วบ้าน...ตื๊อไว้เผื่อได้ผล จะร้อนหนาวเท่าไรไม่รีบรน เป็นก้อนหินอดทนและทุ่มเท แม้ใจคุณเช่นเคยยังเฉยนิ่ง แม้ใจผมวุ่นวิ่งและไขว้เขว กระสับกระส่ายหลายครั้งที่ลังเล แต่ไม่เคยหันเห..เหล่มองใคร หากวันหนึ่งบังเอิญคุณเดินผ่าน ขาดอาการขยับเขยื้อนจะเคลื่อนไหว อาจเป็นเพราะก้อนหินมันสิ้นใจ เดินเลี่ยงเลี่ยงหลบไป...ก็ได้คุณ!! อั๊ยยะ ... จบแบบ happy สวัสดีปีใหม่ไทยครับ
ทำไมใจคนเราถึงเขลานัก ทำไมจึงหวังรักจากใจเขา ทำไมต้องน้อยใจไยมัวเมา ทำไมเศร้าหลั่งน้ำตาสุดอาลัย ทำไมไม่เข้มแข็งไม่แกร่งกล้า ทำไมต้องอ่อนล้าและหวั่นไหว ทำไมจึงยังมีภาพในใจ ทำไมตัดเยื่อใยไม่ขาดเลย ทำไมหนอหลงใหลไปติดข้อง ทำไมต้องมีน้ำตาเขาชาเฉย ทำไมเมื่อไหร่จักคุ้นเคย ทำไมถึงไม่เอ่ยคำอำลา ทำไมหนาหาเรื่องเปลืองความคิด ทำไมจิตวิตกเสียนักหนา ทำไมไม่รักตนทนด้านชา ทำไมหน้าแตกยับกลับยิ้มยวน ทำไมยอมเป็นทาสอนาถแท้ ทำไมแย่คิดถึงจึงรอหวน ทำไมต้องปกป้องถนอมนวล ทำไมป่วนปวดตามยามเขาตรม กับคำถามทำไมคงไขแจ้ง กับนิยามแห่งใจไยสุขสม กับรักที่ยิ่งใหญ่ใช่หลงลม ด้วยชื่นชมลูกน้อยข้อยเกิดมา คุณดูแลใจแม่หรือยัง? วันนี้โทรหาท่านหรือยัง? หญิงหนึ่งที่รักและห่วงใยเราที่สุด ทำไม?? ปล่อยแม่เหงา...เศร้า...ทำไมๆๆ???
เปิดกระดาน อ่านกลอน ตอนที่เหงา คิดถึงเขา คนหนึ่ง ซึ่งห่วงหา ดูหายห่าง ร้างไป เสียไกลตา มิรู้ว่า เป็นสุข มีทุกข์ใด เคยต่อกลอน งอนเง้า ด้วยเราสอง ตามทำนอง ของกานท์ ร่วมขานไข เป็นสีสัน วรรณกวี ที่อำไพ วันนี้ไย หายห่าง ทิ้งร้างเลย ให้สุขี สุขี เถอะที่รัก เราช้ำหนัก เท่าไร ไม่เฉลย ยอมหนาวเหน็บ เจ็บปวด เมื่อชวดเชย แสร้งเฉยเมย แม้ช้ำ น้ำตาริน เพราะตัวใกล้ ใจห่าง ต่างทิฐิ ตั้งสติ สังเกต เหตุทั้งสิ้น แม้เว้าวอน งอนง้อ ขอชีวิน ขอเคียงดิน เขายัง เหมือนชังเรา ไร้อักษร กลอนกานท์ หมดงานศิลป์ อยากยลยิน ยังปอง แต่ต้องเศร้า เปิดหน้าจอ รองาน มานานเนา อยากบอกเขา รู้ไหม ว่าใครคอย แค่ร่วมงาน สานฝัน วรรณศิลป์ แต่ในจินต์ สับสน ปนเศร้าสร้อย ใจวอกแว่ก วุ่นวาย ให้เลื่อนลอย แอบนึกน้อย ใจตน...อยู่คนเดียว คนกรุงศรี