สุริยนหล่นลาน้ำตาร่วง สะท้านทรวงความเหงาเข้าเสียดสี อารมณ์หม่นเปล่าเปลี่ยวเกี่ยวฤดี หทัยนี้พินิจคิดถึงนาง... มวลปักษิณบินว่อนร่อนถลา คืนสู่ป่ารังนอนที่จรห่าง แต่ดวงใจของชายคล้ายอับปาง ไม่ถึงทางรักเพ้อเจอคลื่นลม เปรียบหิ่งห้อยน้อยแสงอาจแข่งจันทร์ ระริ้วฝันยามตื่นต้องขื่นขม แม้นเพียงเงาเฝ้าคอยร้อยระทม ยินดีชมถึงช้ำยอมทำใจ ไผ่ลู่ลมม
เสียงโอดอวล ครวญคร่ำ ร่ำสะอื้น น้ำตารื้น ร่วงหล่น บนหน้าหมอง ปากพร่ำเพ้อ ถึงคนเคย หมายปอง บัดนี้ต้อง ลาจาก พรากกันไกล เหตุใดหนอ เหตุใดเล่า เฝ้าเพ้อพร่ำ เพราะตัวดำ หรือจน เหตุผลไหน เพราะไม่ดี หรือเพราะชั่ว เอาแต่ใจ ดีเกินไป หรืออย่างไร แจ้งไขที เฝ้าแอบมอง คนครวญคร่ำ ร่ำสะอื้น รักเป็นอื่น ใจหมองหม่น ช้ำป่นปี้ รักขาดเยื่อ สิ้นไย ไร้ไมตรี ในฤดี คงช้ำชุก ทุกข์ระบม หยุดเถอะนะ หยุดละเมอหยุดเพ้อพร่ำ หยุดครวญคร่ำ ร่ำร้อง ตรองเหมาะสม รู้มันยาก ทำใจขืน ฝืนอกตรม อย่ามัวจม กับทุกข์ รีบลุกเผชิญ……..
ทำไมหนอผู้ชายใจร้ายนัก ยามหมดรักเรรวนก็ด่วนหนี เหลือเพียงความช้ำใจให้นารี ล้านวจีด่ำดื่มกลับลืมคำ ดั่งนิทานโบราณมีนารีเอ๋ย พระอภัยเอยหลอกนางยักษ์ปักถลำ เพียงไม่งามรูปชั่วตัวด่างดำ ไม่นึกนำเคยอยู่ร่วมคู่เคียง เคยครองคู่ร่วมใจที่ในถ้ำ คืนเดือนร่ำดาวระยิบกระซิบเสียง เคยโอบกอดประคององค์ลงนอนเคียง ชื่นสำเนียงเรไรร่ำฉ่ำฤดี ใยพิฆาตยักษีด้วยปี่แก้ว ซึ้งทรวงแล้วพระอภัยฤทัยพี่ หรือนางยักษ์ไม่งามเด่นเช่นนารี คุณความดีมีให้...ไฉนลืม
พรหมลิขิตขีดเขียนเพียรเสกสรร พานพบกันแล้วจากจำพรากหาย ดั่งลมไล้พัดผ่านพานมลาย เพียงมุ่งหมายหยอกเย้ากระเซ้าทรวง กว่าจะซึ้งน้ำใจยามใกล้ชิด จวนสนิทแนบใจให้ห่วงหวง จากแปลกหน้ามาคุ้นอุ่นในทรวง มาลาล่วงลับหายดั่งสายลม ฟ้าเปลี่ยนสีเมื่อวันเธอนั้นจาก มาไกลพรากห่างตาพาขื่นขม จะดีร้ายอย่างไรให้ตรอมตรม เคยนิยมกลายเหงาเศร้าฤดี เธอนำพาแรงใจไปห่างเหิน ยามเราเดินเส้นทางต่างวิถี นั่งคอยนับเวลาทุกนาที พบคนดีอีกครั้งดั่งเลื่อนลอย อะไรหรือที่เธอละเมอฝัน ? เพียรหมายมั่นใฝ่หาเอื้อมคว้าสอย จึงเหินห่างร้างไกลไร้ร่องรอย ทิ้งคนคอยที่เก่าเฝ้าอาลัย...
โอด..โอด..โอย.. โหยหวน... ครวญสะอื้นน้ำตารื้น...เลียบเลียบเลาะ...คลอตาใส ค่อย..ค่อย..หลั่ง.. หยาดหยด...รดฤทัย ซึม..ซึม..ซาบ.. ซับใน... หลั่งไหลริน ชุ่ม..ชุ่ม..ชื่น..ดื่มด่ำ...ฉ่ำหยาดหยด ซึม..กำซด..ทั่วอณู... ไม่รู้สิ้น สะอึก...สะอื้น..เบาเบา.. เว้ายลยิน เฝ้า..ถวิล...รักลา..ด้วยอาลัย...........
เปิดหัวใจใสซื่อถือความสัตย์ ในบทกลอนสารพัดจะวอนเว้า ทั้งมั่นรักห่วงหวงไม่บรรเทา ยังถือเอาความรักสลักแกน เหมือนเป่าลมขึ้นไปบนอากาศ อ่านแล้วคงขยาดว่าเป็นแผน บอกว่าได้ไอเดียมาโต้แทน เค้นคิดคำแสบแสนมาหมิ่นใจ เฝ้าพากเพียรเขียนกลอนอ้อนรักเขา ได้แต่ความสูญเปล่าถูกผลักไส ไม่เคยเห็นความรักสลักใน ไม่มีหญิงคนใดนอกจากเธอ นั่งเหม่อมองสายน้ำเจ้าพระยา บนคอนโดเหว่ว้ายามไผลเผลอ ชีวิตนี้มีกรรมซ้ำมาเจอ เรามันเซ่อโง่งมสมน้ำหน้า..เอง
ที่ใด...ไหนล้วนประะจักษ์
มีรัก...รัดรุมลุ่มหลง
ที่นั่น...น้ำตาบ่าลง
มีทุกข์...ยิ้มส่งทายท้า
ที่ใด...ประสบพบเห็น
มีรัก...ดังเช่นหินผา
ที่นั่น...ชอกช้ำชินชา
มีทุกข์...ทาบทาถักทอ
ที่ใด...เร่งเร้าริเริ่ม มีรัก...ไว้เสริมเติมต่อ ที่นั่น...มีการเฝ้ารอ มีทุกข์...มีท้อปะปน ที่ใด...ที่ใด ที่ใด มีรัก...อยู่ไหน? สับสน! ที่นั่น...อยู่ในใจคน มีทุกข์...มากท้นหลั่งริน ที่ใด...ที่ใฝ่ที่ฝัน มีรัก...ให้ฉันไม่สิ้น ที่นั่น...ยังย้ำยังยิน มีทุกข์...ก็ชินเสียแล้ว!
จำสัมผัส งดงาม ความอบอุ่น จากมือคุณ สองเรา ตอนอยู่ใกล้ กุมมือแนบ ถ่ายทอด ความในใจ กลิ่นอุ่นไอ รักเคล้า เริ่มถักทอ จำดวงตา สดใส รับใบหน้า จากแววตา คู่นั้น รักเกิดก่อ หน้าต่างใจ ดวงน้อย เฝ้าคอยรอ เปิดรับต่อ นงเยาว์ เข้าครอบครอง จำสองแก้ม เนียนขาว ราวผิวไข่ บริสุทธ์ สดใส นัยน์ตาจ้อง ห้วงภวังค์ คล้อยเคลิ้ม ทอดตามอง แก้มทั้งสอง จดจำ จิตยากลืม ทุกๆความ ทรงจำ จดบันทึก ทุกๆความ รู้สึก หัวใจปลื้ม ทุกๆครั้ง คิดถึง จึงยากลืม ทุกๆครั้ง ด่ำดื่ม ในห้วงภวังค์ แม้วันนี้ไม่มีเธอ/ทิวากร 9/7/56
ฉันจะรักเสมอไปแม้ไกลแสน
จะหวงแหนเสมอไปแม้ในฝัน
จะติดตามชมชื่นทุกคืนวัน
จะคงมั่นไม่ปันใจให้ใครเลย
ขอเธอจงเคียงอยู่เป็นคู่ฉัน
แค่ในฝันเท่านั้นพลันเฉลย
ขอเธออย่าเอ่ยเอื้อนไปอันใดเลย
ฉันอยากเผยบอกกล่าวความเศร้าตรม
จะขอหยุดความรักเราเท่านี้เถิด
รักควรเปิดหัวใจให้ความหวัง
รักของเธอที่แสนดีมีพลัง
คอยส่งหวังกำลังใจให้ใครกัน
ตลอดมาที่เราเฝ้าถนอม
ความรักปลอมจากเธอละเมอหา
ในใจเธอมีแต่เขาตลอดมา
จนปัญญาจะช่วงชิงวิ่งไล่ตาม
เปลี่ยนฝัน ๐วันคืนเปลี่ยนแน่แล้ว จริงฤา ยากจะมาฝึกปรือ ผ่องแผ้ว เวียนวนว่ายวกหรือ ก่อเกิด ซ้ำยากผ่านมิแคล้ว ถูกจ้องจับมองฯ วันคืนเปลี่ยนแน่แล้ว ความฝันแป้วหมองใจ มิทราบเหตุเป็นไฉน ฝากภายในดวงฤดี มองดูดุจดั่งฟ้า เดือนดาราหมองศรี ชอกช้ำแฝงชีวี ยากจะพลีม่านดวงใจ อดเปรี้ยวแต่ไร้หวาน ความจริงผ่านมองหม่นใน ยากยิ่งจะแก้ไข ฝังอยู่ไว้ในตัวเอง เนิ่นนานผ่านหมองหม่น มันระคนปนย่ำเกรง ไม่เขียนชักวังเวง จึงฝากไว้ในห้วงฝัน ดุจโดนไข้ให้หนาวสั่น มันป่วนปั่นสุดเสกสรร อกเอยยากแบ่งปัน ช่างเปลี่ยนแล้วนะแก้วตา รวดร้าวแห่งดวงจิต หวานแนบสนิทติดพันหา ร่ายบทดุจสนทนา เหมือนปลาร้าที่เน่าโชย หลับตาพาเปลี่ยนฝัน เคยกำนัลผ่านแห้งโหย คงไว้นัยน์ตาโปรย นิทราแล้วไข้เรียกหา. แก้วประเสริฐ.
ฉันเห็นเธอก้าวไปอย่างไร้ทิศ ใช้ชีวิตแกร่งกร้าวอย่างห้าวหาญ ไม่กลัวรักจะแยกลงแหลกราน เรื่่องวันวานผ่านผันไม่หันแล หัวใจเธอยอมปรับให้จับผิด จึงชีวิตหมองไหม้ใจมีแผล ถูกเขาเย้ยหยันย้ำกระหน่ำแด สิ้นไร้แม้คนหวงเป็นห่วงกัน ไม่รู้ตัวว่าพญามัจจุราช หมายพิฆาตเข่นฆ่าให้อาสัญ ในมุมที่ไม่เห็นเป็นสำคัญ รักจึงบั่นขาดลงเป็นผงคลี เธอจึงต้องร้อนรุ่มในมุมอับ แว่วเสียงขับคร่ำครวญชวนหมองศรี ว่า "นางฟ้าของซาตาน" รานฤดี ป่านฉะนี้...เธอหมองหม่้น...อยู่หนใด
"เรารักแฟนเรา" คำนี้จำแน่นหนัก"เรายังรัก" "เรายังรัก" ช้ำเหลือแสน "เรารักเธอ แต่ความหมายไม่ใช่แฟน" ยังเหนียวแน่น เพราะ"แฟนเราเป็นคนดี" ทุกท่วงถ้อย ร้อยวจี ไม่แปรเปลี่ยน ทั้งฟังพูด อ่านเขียน ไม่เปื้อนสี ยังชัดเจน ย้ำอีกครั้ง ฟังอีกที ณ ตอนนี้ ในพื้นที่ไม่มีเรา ใจเจ็บปวดรวดร้าว ราวหินทับ บี้ขยับย่ำย้ำ"เธอเป็นของเขา" แม้ช้ำชอก หากเธอบอก "ต้องรอ"ก็เอา แต่ตอนนี้ที่ต้องเศร้า เพราะว่าเขายังเป็นแฟนกับเธอ....
นิ่งเงียบงัน..เห็นชัด..อึดอัดลึก ทุกรู้สึก...ร้าวรานสุดทานไหว มาเมินเฉยปล่อยคว้างหนทางไกล มีบ้างไหม? สักนิดคิดห่วงกัน... ส่งเสียงบ้างถามไถ่เมื่อไกลห่าง ใยทิ้งขว้างพาเพลียจนเสียขวัญ กรีดลงลึกทรงจำของสัมพันธ์ หัวอกพรั่นทบทวนปั่นปวนแล้ว... ปล.๑ : แค่อยากร้องไห้...วันนี้หัวใจปวดร้าวเหลือเกิน.... ปล.๒ : ตื่นมาแล้วนอนไม่หลับ (ไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังฝันร้ายอยู่หรือเปล่า) ปล.๓ : ทำอย่างไร? จะไม่เกิดการคาดหวัง...T_T เงียบคือการเลี่ยงปัญหาที่ดีสินะ
ฉันไม่รู้ ว่าความรักคืออะไร แต่ในใจ สับสน ละคนหา รักปะปน สุข-ทุกข์ ดั่งมายา วิ่งไล่ล่า ตามรุก ยิ่งห่างไกล รักเหมือนดั่ง ดนตรี Harmonic กดปุ่ม CLICK ได้ยินเสียง ทำนองใส รักผูกพัน สอดประสาน ใจถึงใจ ดั่งสายใย บางบาง ห่างห่างกัน เหมือนกับมี เส้นด้าย ที่พันผูก ฉันเฝ้าปลูก ต้นรัก ตราบวันนั้น รอเวลา 3 ปี สู้ฝ่าฟัน หวังซักวัน ผลหอมหวล รัญจวนใจ ความหวานกลับ กลาย เป็นความขม ฉันเฝ้าบ่ม ห่มรักนานแค่ไหน เฝ้าถนอม ความรัก ความห่วงใย แค่เธอกลับหลายใจ หลายอารมณ์ เธอมากรัก ฉันรักมาก คราวใด ฉันนั้นไซร้ ใคร่ระแวง ทุกข์ถม น้ำตาไหล เจ็บช้ำ อกตรม เศร้าซม เสียใจ เสียเธอ " love is tao" เต๋านั้น แปลว่ากฏ ไกรวัลย์พจน์ รักคือเต๋า และ เต๋อ รักเมตตา คุณธรรม หล่อเลี้ยงเกลอ ฉันกับเธอเป็นเพื่อนกัน จนวันตาย ฉันเรียนรู้ บทเรียนรัก จากเต๋า มีทั้งเข้าและออกใจหาย มีท้งขึ้นและลงสลับกาย ใจและกายสองเราประสานกัน เป็นอิมเอี้ยง ๑ สัมพันธ์ เกิดกำลัง หัวใจเต๋ามีพลังหฤหรรษ เธอกับฉันเสพสุขเมื่อพบกัน ดูดดื่มกัน อนันตกาล ตราบนิรันดร์
ยิ่งอยากลืมทำไมใจยิ่งรัก เจ็บช้ำหนักเพราะความรักไม่ไปไหน ยังไม่พร้อมที่จะลองมองใครๆ ทำอย่างไรเมื่อในใจมีแค่เธอ ลองหยุดคิดเรื่องของเธอกับฉัน แต่ทุกวันยังอยากเจอเธอเสมอ ฉันยิ่งฝันไปไกลใจละเมอ เพราะยังมีแต่เธออยู่ในใจ ก็จะรักต่อไปไม่หยุดพัก แต่แค่รักอย่างเดียวคงไม่ไหว เพราะความต่างที่เรามีมากเกินไป ต่อให้รักล้นใจคงไม่พอ