ฉันไม่รู้ ว่าความรักคืออะไร แต่ในใจ สับสน ละคนหา รักปะปน สุข-ทุกข์ ดั่งมายา วิ่งไล่ล่า ตามรุก ยิ่งห่างไกล รักเหมือนดั่ง ดนตรี Harmonic กดปุ่ม CLICK ได้ยินเสียง ทำนองใส รักผูกพัน สอดประสาน ใจถึงใจ ดั่งสายใย บางบาง ห่างห่างกัน เหมือนกับมี เส้นด้าย ที่พันผูก ฉันเฝ้าปลูก ต้นรัก ตราบวันนั้น รอเวลา 3 ปี สู้ฝ่าฟัน หวังซักวัน ผลหอมหวล รัญจวนใจ ความหวานกลับ กลาย เป็นความขม ฉันเฝ้าบ่ม ห่มรักนานแค่ไหน เฝ้าถนอม ความรัก ความห่วงใย แค่เธอกลับหลายใจ หลายอารมณ์ เธอมากรัก ฉันรักมาก คราวใด ฉันนั้นไซร้ ใคร่ระแวง ทุกข์ถม น้ำตาไหล เจ็บช้ำ อกตรม เศร้าซม เสียใจ เสียเธอ " love is tao" เต๋านั้น แปลว่ากฏ ไกรวัลย์พจน์ รักคือเต๋า และ เต๋อ รักเมตตา คุณธรรม หล่อเลี้ยงเกลอ ฉันกับเธอเป็นเพื่อนกัน จนวันตาย ฉันเรียนรู้ บทเรียนรัก จากเต๋า มีทั้งเข้าและออกใจหาย มีท้งขึ้นและลงสลับกาย ใจและกายสองเราประสานกัน เป็นอิมเอี้ยง ๑ สัมพันธ์ เกิดกำลัง หัวใจเต๋ามีพลังหฤหรรษ เธอกับฉันเสพสุขเมื่อพบกัน ดูดดื่มกัน อนันตกาล ตราบนิรันดร์
ถ้าวันนี้เธอคิดจะบอกลา.... เหตุผลเพราะที่ผ่านมาแค่สับสน เหตุผลเพราะมันลำบากไม่อยากทน เหตุผลเพราะมีอีกคนที่สนใจ หรือเพราะฉันทำอะไรให้รำคาญ หรือเพราะฉันพูดคำหวานมากไปไหม หรือเพราะฉันไม่ดูดีเหมือนใครๆ หรือเพราะฉันไม่ใส่ใจให้เวลา ถ้าจะไปคงไม่ไหวที่จะรั้ง ร้อยเหตุผล ไม่อยากฟัง ไม่ต้องหา ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้เสียเวลา เพราะทุกเหตุผลที่พูดมา...ฉันแปลได้แค่ว่า"ไม่รักกัน"
แค่ได้ฟังคำบอกลาว่าจะไป ด้วยเหตุผลที่เธอให้ใจยิ่งท้อ เพราะว่าฉันคนนี้ดีไม่พอ หรือว่าเธอกำลังรอเพื่อง้อใคร บอกตัวเองซ้ำๆว่าอย่ายอมแพ้ แต่มันไม่ได้แปลว่าแพ้ไม่ได้ ถ้ายิ่งฝืนไปกว่านี้ยิ่งอันตราย ต้องยอมรับเมื่อฝันร้ายกลายเป็นจริง กว่าจะรู้สึกตัวมันก็สาย ผลสุดท้ายก็กลายเป็นคนถูกทิ้ง ทุกความฝันพลันร่วงถูกช่วงชิง ต้องสูญเสียหมดทุกสิ่งที่เคยมี ให้เท่าไหร่ก็ไร้ค่าเวลาหมด เมื่อความรักมันยิ่งลดลงทุกที เป็นเพียงแค่ความผูกพันในวันนี้ กับความรู้สึกดีดี...ที่มันไม่มีค่าพอ
ยิ่งอยากลืมทำไมใจยิ่งรัก เจ็บช้ำหนักเพราะความรักไม่ไปไหน ยังไม่พร้อมที่จะลองมองใครๆ ทำอย่างไรเมื่อในใจมีแค่เธอ ลองหยุดคิดเรื่องของเธอกับฉัน แต่ทุกวันยังอยากเจอเธอเสมอ ฉันยิ่งฝันไปไกลใจละเมอ เพราะยังมีแต่เธออยู่ในใจ ก็จะรักต่อไปไม่หยุดพัก แต่แค่รักอย่างเดียวคงไม่ไหว เพราะความต่างที่เรามีมากเกินไป ต่อให้รักล้นใจคงไม่พอ
"ฉัน อยากเจอแต่ไม่อยากเจ็บ เธอ อยากเก็บแต่ไม่อยากรักษา ฉัน คอยใส่ใจให้เวลา เธอ บอกไร้ค่าไม่สำคัญ ฉัน ใช้ความจริงใจให้เสมอ เธอ บอกฉันเพ้อเจ้อละเมอฝัน ฉัน มองหาแต่เธอทุกๆวัน เธอ ไม่เคยเห็นฉันในสายตา ฉัน พยายามให้เธอมีความสุข เธอ เฉพาะตอนทุกข์ถึงมาหา ฉัน คิดถึงเธอทุกเวลา เธอ เรียกมันว่า "คิดไปเอง
เจ็บ...หัวอกที่หลงรักคนอย่างเธอ มากจนเพ้อละเมอร้องอยู่หลายหน ที่เธอทำให้ปวดร้าวและทุกข์ทน รักเปรอปรนเจือพิษร้ายทำลายใจ ปวด...หัวใจยามเธอเอ่ยคำรัก ร้าวระบมเกินจะหักใจไปไหน เจียนจวนแล้ว...ใกล้หยุดจังหวะใจ ตายดีไหมจะได้พ้นคนอย่างเธอ เพราะฉันเองก็เผลอไผลให้ใจรัก ฉันถูกผลักลงหลุมแลหลงเพ้อ มาชวนฉันให้รักให้ละเมอ ช้าแล้วเธอ...ฉันมิอาจจะถอนใจ เป็นแค่เพียงคนรักยามขาดแคลน ได้ควงแขนตอนแฟนเธอนั้นเผลอไผล แค่รักลับมิอาจบอกใครออกไป ชู้...นั่งไง....ตำแหน่งนี้...มิอยากครอง
ความรักเอยล่องพลิ้ว....ปรารถนา ลมโบกโปรยเสน่หา......พัดเข้า รักจริงจากใจมา...........ฤเปล่า หรือแค่รักหยอกเหย้า..ร่ำให้โหยหาฯ สงสารใจหน่อยบ้าง......สงสาร โปรดอย่าสร้างทรมาน..ซ่อนซ้ำ ช้ำรักแรกขอวาน.....แทบขาด ใจนา ขืนรอบสองคงช้ำ....แทบสิ้นขาดใจฯ วานวาสนาอย่าสร้าง.....ซ้ำสอง เคยเจ็บน้ำตานอง.........รวดร้าว สงสารหน่อยอย่ามอง....เพียงผ่าน เสน่หาเอยอย่าก้าว...ตอกย้ำอีกเลยฯ
ยังไม่ลืมดวงแดแม้ไกลกัน
สายสัมพันธ์แสนซึ้งตรึงใจข้า
เคยรักกันแน่นเหนียวครั้งเกี้ยวพา
ที่ทักมาจากใจใช่หลอกลวง **
พี่แต่งกลอนบางครั้งยังนั่งเศร้า
เป็นเพราะเจ้าคนดีที่ชอบหวง
มีคนรักทีไรเจ็บในทรวง
ดูไม่ห่วงไม่รักไม่ทักทาย **
พี่ไม่ลืมคำกลอนเคยอ้อนรัก
เคยสมัครชื่นชมสมใจหมาย
มาเดี๋ยวนี้แก้วตามากลับกลาย
ทิ้งให้ชายเงียบเหงาเศร้าระทม **
เมื่อไม่พบคนดีพี่จึงรู้
ว่ายอดชู้หลบไปใจขื่นขม
ปล่อยให้พี่ร้าวรวดปวดระบม
แม้ตรอมตรมเพียงไหนไม่เคยลืม
อาวรณ์รัก หนึ่งนางเดียวเกี่ยวก้อยร้อยสู่ฝัน หนึ่งเธอนั้นพันผูกปลูกสดใส หนึ่งหมายปองครองไว้ในห้วงใจ แสนวาบไหวคลั่งไคล้ให้ลืมตัว จันทร์เอ๋ยเจ้าแสงนวลชวนสวาท งามพิลาสหายไปในแสงสลัว ใยบอบบางเหลือเกินเพลินลืมกลัว ตราบมืดมัวแฝงซ่อนยอกย้อนฤดี ปากกับใจมิตรงส่งมธุรส แล้วแสร้งปดหลอกไว้ให้หมองศรี นี่แหละหนอรักแรกเหมือนแฝกตี ผ่านนวลฉวีชอกช้ำระกำใจ จะรักใครสักคนจนต้องคิด เหมือนหนามปลิดเลือดไว้ไร้สดใส น้ำจากตาหลั่งรินสิ้นห้วงใย เธอฝากไว้เหมือนลมบ่มกายา มองบุปผาเบ่งบานผ่านเศร้าหมอง หยาดละอองสายฝนปนเสน่หา อันความหวานฝากไว้ในรจนา ยากนำพาบั่นทอนห่อนเปรมปรีดิ์ หอมระรวยชวยชื่นคืนแสงสกาว อบอวลพราวระรินจินต์เกษมศรี สู้หมายปองครองไว้ในห้วงชีวี ป่านฉะนี้ความหวังสร้างลางเลือน เปรียบบุปผาแปรเปลี่ยนเยียนนิเวศน์ สู่อาณาเขตแสงสีพลีถูกเฉือน เปลี่ยนเป็นช้ำระกำคล้ำมาเยือน แสนสะเทือนหัวใจใยหวนคืน ผ่านแสงทองผ่องอำไพมลายแล้ว ก่อนเสียงแจ้วหวามเก่าเฝ้าสุดฝืน ฟ้าเปลี่ยนสีพราวไสวคล้ายยั่งยืน เสียงสะอื้นจากห้วงดวงแหลกราญ คราแสงนวลจันทร์ผ่องละอองไสว เหมือนภายในแตกช้ำระกำผ่าน เคยแลปองนวลเจ้าเฝ้านงคราญ สู่ร้าวฉานแยกทรวงห้วงระบม หวนเฝ้ามองรัญจวนคร่ำครวญรัก ดุจหนามปักเลือดหลั่งหลังขื่นขม ปลอบขวัญเจ้าอย่าไหวในสิ่งปม ทิ้งตรอมตรมผ่านไปสร้างใหม่มา ดุจจันทร์เจ้าหายลับยังกลับใหม่ ผ่องอำไพ
ฮอดเดือนหกฝนตกมาน้ำตาหลั่ง เสียงฟ้าสั่งตึ้มต้ำซ่ำใจหลาย ดินกะสุ่มเซาแห้งแล้งกะกลาย บัดใจอ้ายคือซ่างแล้งแห้งกว่าดิน เห็นน้องดำคำผู้ฮ่ายซ่างกายหนี อ้ายบ่มีหัวใจให้ทั้งสิ้น หนออ้ายเอ้ยน้องคอยถ่ามาจนวิน อ้ายกลับบินหาคนโก้โอ้หนอชาย เห็นฟ้าก่ำกรำฝนน้องทนสู้ ทั้งที่ฮู่อ้ายบ่สนคนบ่หมาย ยืนฮ่องไห้ในสายฝนหล่นโปรยปราย ฮู่ใจหง่ายย่อนฮักหลายตายบ่จื่อ คำแปลนะจ๊ะ ถึงเดือนหกฝนตกมาน้ำตาหลั่ง ฟ้าร้องสั่งเหมือนย้ำช้ำใจหนา พอฝนตกดินชุ่มคลุมผืนนา แต่อุราพี่กลับแล้งแห้งกว่าดิน เห็นน้องดำซ้ำร้ายพี่หน่ายหนี ไม่เคยมีหัวใจให้ทั้งสิ้น โอ้พี่จ๋าน้องรอมาเป็นอาจิณ พี่กลับบินหาคนงามหยามน้ำใจ เห็นฟ้าก่ำกรำฝนน้องทนสู้ รู้ทั้งรู้พี่ไม่รักไม่อยากใกล้ ก็ต้องยอมทนฝืนยืนร้องไป รักทั้งใจจนตายก็ไม่จำ
1. ถอดหัวใจใส่กลอนอักษรสื่อ ขอเลื่องลืออีกหนกลอักษร ด้วยซาบซึ้งหนึ่งชายใจอาวรณ์ อยากสะท้อนความรู้สึกลึกภายใน 2. เขาชื่อเรียงเสียงใดฉันไม่รู้ อีกที่อยู่หลักแหล่งแห่งหนไหน เป็นผู้ดีหรือตกยากลำบากใด เคยสงสัยเหมือนกันในวันวาน 3. ด้วยเนิ่นนานการสนิทดุจมิตรแท้ ฉันก็แค่เลิกสงสัยไม่ฟุ้งซ่าน ไม่คิดสืบเสาะหาสถานการณ์ หลายปีผ่านวางใจในไมตรี 4. เคยมีบ้างปวดร้าวคราวห่างเหิน ถ้อยดำเนินเป็นกลอนย้อนสักขี แอบเหงาหงอยน้อยใจในบางที ไดอารี่ลายพร้อยรอยน้ำตา 5. ในตอนนั้นฉันเศร้าคล้ายเขาทิ้ง ซ้ำโลกจริงโรคร้ายลอบกรายหา ที่เจ็บป่วยเจียนตายวายชีวา เจ็บน้อยกว่าตรงนี้ที่หัวใจ 6. ผ่านเหตุการณ์วันนั้นฉันฉุกคิด ฤๅ คนผิดเป็นฉันที่หวั่นไหว มิตรภาพตราบสิ้นฟ้าแม้นคราใด สำนึกได้แต่บางครั้งจิตลังเล 7. ตนเองที่พลาดพลั้งมิยั้งคิด กลับโยนผิดโทษเขาว่าเจ้าเล่ห์ แถมกริ้วโกรธก่อกวนป่วนเกเร แสนสนเท่ห์แปลกใจไยฉันทำ 8. คิดเป็นเพื่อนผู้เดียวที่เกี่ยวข้อง โลกทั้งผองเทียบค่ากะลาคว่ำ ถ้อยที่เขาเรียงร้อยเป็นรอยคำ แอบเพ้อพร่ำซาบซึ้งตรึงอุรา 9. แต่โลกใช่เทียบค่ากะลาคว่ำ วรรณกรรมสูงเกินประเมินค่า เขาเชี่ยวชาญสุนทรีเลิศลีลา เทียบศักดากวีเอกเสกสุนทร 10. ยามเขาจรดบทกานท์ ณ ลานกวี ช่างมากมีมิตรสหายสายสมร ซึ่งบางคนสนใจกว่านัยกลอน เฉกละครฉันเห็นความเป็นไป 11. เขายังคงเป็นเขาเทียบเท่าเดิม ฉันกลับเพิ่มความรู้สึกนึกคิดใหม่ หากยึดมั่นฉันท์เพื่อน
เพียงสายลม พรมผ่าน สะท้านร่าง คล้ายเยื่อบาง ในจิต คิดหวั่นไหว เหตุเพราะรัก หมุนเวียน เปลี่ยนทางไป โอ้ดวงใจ บอบช้ำ น้ำตาริน ผ่านร้อนหนาว แดดฝน ทนฟันฝ่า จิตใจกล้า เกิดแกร่ง ดังแท่งหิน แต่วันนี้ เสียหลัก รักโบยบิน มลายสิ้น ผุ...กร่อน อ่อนแอลง ทุกค่ำคืน ขมขื่น สะอื้นให้ ดวงหทัย รานแหลก แตกเป็นผง สัญญาลวง รักนั้น มิมั่นคง อยากปลิดปลง ชีพดับ ลับเลือนลา
ฉันนั่งอยู่ตรงนี้นะที่รัก ด้วยดวงพักตร์ขื่นขมและตรมหมอง เมื่อที่รัก-เธอไม่ชายตามอง ฉันจึงครองเหงาจิตชิดมิวาย เช้าแรกเหมือนแดดอุ่นละมุนละม่อม ทอมาย้อมหนาวเย็นให้เร้นหาย ปลุกดอกไม้ผลิบานตระการราย เปล่งประกายเหมือนสรวงพร่างดวงดาว ใจฉันจากหินผาศิลาแกร่ง ที่ทรงแห่งวิญญาณอันกร้านกร้าว เริ่มอ่อนโยนอ่อนไหวขึ้นหลายคราว ยิ่งนานยาวยิ่งกร่อนยิ่งอ่อนใจ ด้วยเธอพรมหยาดน้ำฉ่ำชื่นแช่ม หยดลงแต้มทุกวันจนหวั่นไหว ฉันเริ่มมีรอยร้าวพราวภายใน แล้วต้นรักก็ผลิใบขึ้นไม่ช้า แต่เมื่อสูรย์โคจรถึงตอนบ่าย น้ำก็หายโดยระเหยไปต่อหน้า เธอเคลื่อนกายดั้นด้นขึ้นบนฟ้า แล้วไม่มาไยดีเหมือนที่เคย ฉันนั่งอยู่ตรงนี้นะที่รัก มันเจ็บนักเจ็บกมลจนเกินเอ่ย ยามหยาดเพชรจากตามาสังเวย ฉันจะเย้ย "ที่รักจ๋า" ให้สาใจ เมื่อเธอเป็นแสงอุ่นทอก่อความช้ำ ฉันจะนำความเหน็บหนาวเข้าโถมใส่ ถ้าเธอเป็นน้ำหยดรดหทัย ฉันก็จะเป็นไฟเผาไหม้เธอ
ผ่านเรื่องราว มากมาย หลายปัญหา ผ่านเวลา ผ่านมา ด้วยความหมาย เคยมีคน เคียงคู่ อยู่ข้างกาย สร้างนิยาย แห่งรัก จากดวงใจ อุปสรรค ขวางหน้า ผ่านมาหมด จะกี่บท ทดสอบ ผ่านมาได้ เพียงมีเธอ เคียงข้าง กำลังใจ ไม่เคยหวั่น อ่อนไหว เพราะมีเธอ จนมาถึง บททดสอบ เกือบสุดท้าย เป็นบทร้าย แรงคิด จิตแสนอ คนตั้งโจทย์ สุดท้าย กลายเป็นเธอ ฉันต้องเจอ บทชีวิต คิดลำพัง โจทย์สุดท้าย เธอนั่นไง ทำให้เจ็บ เกินจะเก็บ ลบหมด บทความหวัง เมื่อไร้เธอ ชีวิตเผลอ หมดกำลัง แล้วฉันยัง ยืนได้ อย่างไรกัน ที่ผ่านมา ชีวิต ไม่คิดท้อ อนาคต ยังรอ ยังต่อฝัน ต่อจากนี้ จะอยู่ได้ อย่างไรกัน ปล่อยชีวิต ผ่านวันวัน แค่นั้นพอ o มวลภมร o
ดวงดาวเป็นอิสระต่อดวงจันทร์และเพียงเธอที่ฉันใฝ่ฝันหา แต่เราเป็นอิสระในวันลา เธอจะเสียน้ำตาให้ฉันไหม ท่ามกลางไอแดดหรือไอหมอก กระซิบบอกกับฉันนะใกล้ใกล้ ถึงบทเพลงแสนเศร้าฉันเข้าใจ เพียงอยากฟังความในหัวใจเธอ ในวันไม่มีดวงดาวและดวงจันทร์ ฉันอาจมีน้ำตาเวลาเผลอ เป็นความปวดใจใฝ่ละเมอ คิดถึงพร่ำเพ้อในบางที กาลเวลายาวนานชั่วกัปกัลป์ แต่ฉันอาจมีมันไม่ถึงพรุ่งนี้ เถิดบอกฉันหน่อยนะคนดี แล้วฉันควรจะมีความรักไหม
ดราเอ๋ยดราม่า เจ้าเข้ามาในชีวิตแต่ตอนไหนตั้งแต่เจ้าเข้ามาใจเปลี่ยนไป เหมือนหัวใจอ่อนแรงเข้าทุกที เมื่อเห็นภาพบาดตาแลบาดใจ เมื่อยินเสียงเขาไซร้ยิ่งอยากหนี ทั้งผัมสัม สายตา ถ้อยวจี อยากจะลี้ไกลให้ห่างคนใจดำ เขาเคยออดออเซาะเคล้าเคลียคลอ เฝ้าพะนอเสริมส่งรักให้หวานล้ำ ฝากสัญญาเอาไว้ให้จดจำ ฝากความหวังให้รำลึกวันดีดี แต่ทุกสิ่งก็สูญสิ้นดับสลาย คำกลับกลายเป็นคำลวง..น่าบัดสี เขานำเอารักใหม่มาย่ำยี เหยียบขยี้ให้หัวใจเริ่มโรยรา ตั้งแต่นั้นเจ้าเข้ามาในชีวิต คอยสะกิดให้ดวงใจโหยไห้หา เรื่องใดใดร้องไห้ง่ายดังดารา เจ้าน้ำตาแม้ไร้คนมาดูดี เจ้านี่นะยังพาเพื่อนมาด้วย พามาช่วยให้หัวใจฉันป่นปี้ "ความทรงจำ"ย้อนเวลาทุกนาที ในวันที่....รักและเลิก....ให้หวนคืน "ความคิดถึง" และ "ความเหงา" เข้าเคียงข้าง มาช่วยสร้างความทรงจำให้รื้อฟื้น เป็นอย่างนี้ทุกวันและทุกคืน ใจขมขื่นปวดแปลบปลาบเกือบเจียนตาย ไม่เอาแล้ว....เจ้าควรไปไกลจากฉัน อย่าแกล้งกันแบบนี้เลยสหาย แค่คนรัก...ลาไปไกล เจ็บมิคลาย เจ้าอย่าหมายให้ใจนี้สิ้นลมลง ฉันรู้อยู่ขณะรักควรตริตรอง ใช้สมองอย่าหล