กลอนห่วงใย

ขอทานรัก

Prayad


ณ ซอกตึกแห่งนี้มีที่ว่าง
สำหรับวางหัวใจอันไร้ค่า
คนมอซอรอเศษความเมตตา
นั่งก้มหน้าคอตกอกขอทาน
ความเจ็บปวดรวดร้าวคราวแรกรัก
สะท้อนทรวงฮักฮักคอยหักหาญ
ดวงฤทัยรักแรกเหลวแหลกลาญ
จนพิการเช่นนี้ฤดีตรม
จึงกลายเป็นยาจกที่อกหัก
ขอเศษรักคนอื่นอย่างขื่นขม
พิการใจไร้หญิงอิงแอบชม
นั่งซานซมหน้าด้านขอทานรัก
ไม่เกินวันพรุ่งนี้หรอกชีวิต
คงปลดปลิดลงด้วยใจป่วยหนัก
ดุจไร้ญาติขาดหญิงไว้พิงพัก
โถ...ใครจักต่อชีพจงรีบไว
โปรดให้ทานรักล้นแด่คนยาก
ผู้ฝันฝากใฝ่รักเจียนตักษัย
มิเคยเกี่ยงเลี่ยงเว้นว่าเป็นใคร
ขอเพียงใจมีรักจักสมปอง
มัวชักช้าร่ำไรอาจใจร้าว
หากได้ข่าวยาจกอกกลัดหนอง
สิ้นชีวาตม์ขาดคนมาสนมอง
เมื่อนั้นน้องอาจช้ำนอนคร่ำครวญ
(ธันวาคม ๒๕๒๘)

เหน็บหนาว

Prayad


เหมันต์หวนครวญหาคนน่ารัก
ได้รู้จักแล้วจากเพียงฝากฝัน
ลมหนาวโหมโถมมายิ่งจาบัลย์
ความโศกศัลย์ระคนปนหนาวใจ
เก็บเอาความอาภัพไว้คับอก
ถึงเข็นครกขึ้นเขาเรายังไหว
สุดยากเย็นเข็นรักหนักทรวงใน
เข็นเท่าไหร่ไม่พ้นวังวนลวง
เสียดายความรู้สึกที่นึกรัก
เสียดายที่สมัครปักใจหวง
สงสารความจริงแท้ในแดดวง
ที่เซ่นสรวงให้แด่ความแปรปรวน
พบกับความผิดหวังครั้งที่ร้อย
คิดแล้วน้อยใจช้ำสุดกำสรวล
เหมันตกาลผ่านผันยิ่งรัญจวน
ได้แต่ครวญเพลงเศร้าเคล้าสายลม
นี่ก็อีกราตรีที่หนาวเหน็บ
ทนปวดเจ็บอีกคราให้สาสม
เป็นทาสรักปักจิตคิดระทม
ร้าวระบมไร้คู่อดสูใจ
เหมันต์หวนครวญหาสุดว้าวุ่น
ได้พบคุณเพียงฝันยิ่งหวั่นไหว
หนาวลมโชยโหยหาห่วงอาลัย
ป่านนี้ใครเค้าหนอเคลียคลอคุณ
(เหมันตฤดู ๒๕๓๕)

รอจันทร์

ไผ่ลู่ลมม


เปรียบกระต่ายหมายดมชมดวงแข
จ้องตาแลเพียงเงาเฝ้าว่าเหมือน
หากคืนไหนฟ้าดับลับดาวเดือน
ใจสะเทือนเหม่อคอยละห้อยรอ...
แม้นจันทร์เสี้ยวเกี่ยวฟ้ามาเพียงครึ่ง
ข้ารำพึงในทรวงห่วงจริงหนอ
เจ้าคงเหนื่อยอ่อนเเรงแสงไม่พอ
หรือจันทร์ท้อ...จึงหม่นบนราตรี
ไผ่ลู่ลม
ภาพจากเน็ต

โอ้แม่เสี้ยวดอกขาว

อาบูไซยาบ


โอ้แม่เสี้ยว ดอกขาว เจ้าพลัดถิ่น
นิวาสยัง แดนดิน ถวิลหา
ผลิดอกขาว พราวเพลิด เพลินพริ้มตา
ยั่วยวนให้ สกุณา ชิดชื่นชม
เจ้ายิ่งชู ดอกเด่น เป็นสง่า
อุราข้า ก็ยิ่งช้ำ ระกำขม
มิอาจเอื้อม แตะต้อง และดอมดม
ทุกระทม กี่ชาติจึง มิคลาดกัน... javascript:nicTemp();

ส่งใจสู่ด้ามขวาน

ทิพย์โนราห์ พันดาว


...ส่งใจสู่ด้ามขวาน...
เสียงกระสุนสาดระห่ำกระหน่ำคลั่ง
หาหยุดยั้งถาโถมเข้าโหมล่า
กลางใจเมืองระอุไอในปัตตา
ท่ามประชาแผ่วเสียงเพียงบางเบา
...มโนภาพเลือนลางร่างคลุกฝุ่น
หวนละมุนไอท้องนาแลป่าเขา
เพลงพิญแคนโหวยแว่วดังแผ่วเบา
รวยรินเล่า..ลมหายใจในกายา
..หลับเถิดหนาทหารข้า..ผู้กล้าแกร่ง
อย่างระแวงสิ่งใดในปราถนา
เจ้าพลีชีพเพื่อชาติกษัตรา
ท่าม..นคราที่รุ่มร้อนด้วยฟ่อนไฟ
อย่าห่วงเลยคนอยู่หลังจะฝังจิต
แม้ชีวิตพลีพร้อมจะยอมให้
เพื่อสยามอาณาเขตประเทศไทย
มิหวังใดกว่าจงรัก..และภักดิ
มโนภาพเลือนลางร่างคลุกฝุ่น
ไอละมุนจากห่วงใยไทยที่นี่
ส่งข้ามโขดหินผาฝ่านที
ถึงชาตรีชายชาญทหารไทย
......เหล่าทหารกรำกล้าฝ่าหาญหัก
......ไทยตระหนักคำนึงซึ้งบ้างไหม
......ทุกวันนี้ไทยผองเป็นสองไทย
......หากร่ำไรเพลงชาติ....ขาดคนฟัง
ถูกใจ ·  · แชร์

เพาะรัก

แสงศรัทธา


เพาะรัก
 
เพราะรัก...
จึงตระหนักคุณค่าของคืนหนาว
จึงระลึกถึงราตรีดาวพร่างพราว
จึงรู้รสขื่นคาวความเศร้าตรม
ด้วยรัก...
จึงประจักษ์ความงามในความขม
จึงสัมผัสลมหายใจของสายลม
จึงสุขสมแย้มยิ้มอยู่เดียวดาย
พลังรัก...
จึงปกปักดูแลแม้เจียรตาย
จึงเป็นดั่งแสงไฟดวงสุดท้าย
จึงมอบใจมอบกายให้แก่กัน
ความรัก...
จึงเป็นแหล่งพิงพักคนหลับฝัน
จึงเป็นมือฉุดดึงเชื่อมสัมพันธ์
จึงเป็นเธอเป็นฉันและเป็นเราฯ
 
“แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า”

ความรัก

แสงศรัทธา


ความรัก
1.สบตา
คล้ายแสงทองส่องทาบนผืนโลก
คล้ายลมไหวพลิ้วโบกโยกดอกหญ้า
คล้ายเดือนช่วงเด่นฟ้ากระจ่างตา
คล้ายดาราเด่นตากระจ่างใจ
คล้ายอิ่มอุ่นละมุนฝันอัศจรรย์ยิ่ง
คล้ายทุกสิ่งลอยนิ่งหยุดเคลื่อนไหว
คล้ายใจน้อยดวงนี้หลุดลอยไกล
คล้ายสายใยสานสายใจเข้าหากัน
คล้ายหวาดกลัวแต่ใจกลับแข็งแกร่ง
คล้ายอ่อนแรงแต่ใจแกร่งมิหวาดหวั่น
คล้ายจะทุกข์กลับอิ่มสุขทุกคืนวัน
คล้ายภาพฝันแต่ก็คล้ายความเป็นจริง
คล้ายสวรรค์ดลใจให้ใกล้ชิด
คล้ายจิตสื่อถึงจิตเป็นขวัญมิ่ง
คล้ายใจเชื่อมถึงใจ - แหล่งพักพิง
เกิดเพียงเสี้ยวยามหยุดนิ่งตาสบตา.
2.
เรียนรู้
เมื่อดวงตาสบตาประจักษ์จิต
ดั่งแสงทองแห่งชีวิตผลิคุณค่า
เมื่อดวงใจสบใจปรารถนา
ดั่งผลิห้วงเวลาค่าอนันต์
เมื่อดวงใจสองใจมั่นคงนิ่ง
ดั่งทุกสิ่งคือภาพจริงใช่ภาพฝัน
เมื่อความรักเกี่ยวก้อยผูกสัมพันธ์
ดั่งค่ำคืนสุขนิรันดร์นั้นยาวนาน
เมื่อความรักค่อยผลิบานลงหว่างใจ
ดั่งดอกใบออกผลที่โปรยหว่าน
เมื่อสองคนเรียนรู้รักอย่างอาจหาญ
ดั่งตะวันที่เดือดดาลพลันดับลง
เราต่างจากที่มาเพื่อร่วมสู้
เราต่างรู้น้อมประจักษ์ใช่ลุ่มหลง
เราต่างผูกสัมพันธ์ใจใฝ่ประจง
เราต่างคงเคียงคู่รู้ค่ารัก.
3.
นัยรัก
รักก็เป็นเช่นนี้นั้นแหละเจ้า
มีอ่อนหวานบางเบาและหน่วงหนัก
มีร้อนหนาวอุ่นเย็นมาทายทัก
มีทุกข์สุขเป็นหลัก มีร่มเย็น
รักก็เป็นเช่นนี้นั้นแหละเจ้า
มีโง่เขลาซ่อนเล่ห์อย่างที่เห็น
มีอิ่มอดปวดร้าวเศร้าลำเค็ญ
มีหอม

สู่คนไกล

ไผ่ลู่ลมม


ไผ่ลู่ลม ร้อยเรียง สำเนียงอ้อน
สื่ออักษร อารมณ์ ผสมศิลป์
จากไพรพง บรรจง ถึงบุรินทร์
ฟ้าสีนิล จารจด บทกวี
รังสิมันต์ เลื่อนหลบ สงบแสง
ดาราแจ้ง ดื่นดาษ ประกาศศรี
วาโยผ่าน พร่างพรม ห่มฤดี
ณ ราตรี คิดถึง ซึ่งคนไกล
ร้อยกำมือ เม็ดทราย มากมายนัก
น้อยกว่ารัก จากดิน ได้ยินไหม
ล้านดวงดาว ไม่เท่า ความห่วงใย
ของหนึ่งใจ ที่ให้ นิรมล
ระหว่างทาง พร่างพราย ประกายฝัน
ใต้เงาจันทร์ เยื่อใจ อย่าคลายหม่น
ฤดูผ่าน นานไป ให้อดทน
คงได้วน มากอด ยอดหทัย
ร่ายรำพันธ์ กลั่นฝาก จากห้วงจิต
เผยความคิด กลอนกานท์ นำขานไข
อยู่ขุนเขา เขตเขื่อง ส่งเมืองใหญ่
ใช่ร่ำไร หมายปอง กรองแก้วตา
ปากกาหยด หมดหมึก เกินนึกเขียน
คอยแวะเวียน ใจริน ถวิลหา
จะหลับตื่น ซึมทราบ คราบน้ำตา
มารุตพา รับรู้ สู่คนไกล
ไผ่ลู่ลม

ห่วงคนไกล

ปราทร


ห่วงคนไกล
เสียงฟ้าร้องก้องฟ้าเวลานี้
ห่วงคนดีคนไกลทำไรหนอ
ราตรีมืดคงเหงานั่งเฝ้ารอ
ระทดท้อจ้องฟ้าน้ำตาริน
ฝนเริ่มพรำร่ำไห้ใจสะท้าน
หนาวเหน็บนานกาลล่วงห่วงถวิล
เหงาแสนเหงาบอกเล่าให้ได้ยิน
มีปีกบินจะถลาฝ่าฝนลม
มาอยู่ใกล้กอดใจให้อบอุ่น
ลิ้มละมุนเนื้อนุ่มร่วมอุ้มสม
ปลดความเศร้าผ่อนคลายหายตรอมตรม
ทุกข์ระทมร้ายร้ายให้กลายดี
ฝนสร่างฟ้านภาแจ่มกระจ่างฟ้า
โปรดรู้ว่าพี่ชายไม่หน่ายหนี
ห่วงแสนห่วงห่วงมากนะคนดี
จะต้องมีฤดีพร้อมหลอมรวมเรา
ทร...

อสงไขยกัลป์

คีตากะ


ฝากความคิดถึง....คำนึงหา
แหวกข้ามฟ้าอากาศดาดาษหน
หมายส่งถึงหัวใจใครหนึ่งคน
แม้ท่วมท้นเกินกว่าเธอเข้าใจ
ฝากความห่วงหา....อาทรจิต
แพร่ทุกทิศลอยลมพรมพลิ้วไหว
ถึงตกหล่นลับเร้นมิเป็นไร
ยังดีได้มอบส่งห่วงคงคลาย
ฝากความรักไป....ในอากาศ
แม้เธออาจมิเข้าใจในความหมาย
แต่อย่างน้อยหัวใจได้ระบาย
ถึงห่างหายระหว่างทางก็ช่างมัน
ฝากบทกลอนมา....นภากาศ
ใจแทบขาดคิดถึงจึงเสกสรร
มาดหมายเธอตระหนักในสักวัน
อสงไขยกัลป์ยังรักจักเฝ้ารอ.....

ที่พักใจ

คนกรุงศรี


แม้เหนื่อยนัก พักลง ที่ตรงนี้
ฟังวลี ลำนำ ที่ฉ่ำหวาน
มธุรส บทอ้อน ของกลอนกานท์
ปลอบดวงมาน ให้คลาย หายกังวล
บทกวี ที่กราย ร่ายอักษร
ของนักกลอน  หลากแหล่ง ทุกแห่งหน
ร่วมเรียงร้อย ภาษา มาให้ยล
ดุจดั่งมนต์ เทียมเทียบ เปรียบดนตรี
มาร่วมงาน สานฝัน วรรณศิลป์
ให้โลกยิน ลือไกล ไปทุกที่
ท่องโลกฝัน บรรเลง เพลงกวี
ปล่อยฤดี ตามมนต์ ของกลกลอน

ความรักของพี่

ก่องกิก


อันความรักของพี่มีคิดถึง
รักสุดซึ้งสดใสใจแอบเผลอ
พูดถึงรักทีไรใจละเมอ
บอกกับเธอว่าพี่นี้ต้องการ
 
โอ้ความรักของพี่มีเพียงเจ้า
พี่คอยเฝ้าจดจ้องมองประสาน
แสนเป็นสุขยิ่งนักรักเบิกบาน
สุขสำราญหวานเย็นเป็นบทกลอน
 
รักเนื้อเย็นเอ็นดูอยู่เคียงข้าง
ความอ้างว้างหายไปไม่สังหรณ์
มีรักจริงอิงแอบแนบหนุนนอน
พี่จึงอ้อนเธอจ๋าน่ารักจัง
 
ด้วยความรักห่วงใยมีให้น้อง
มิหม่นหมองของดีมิผิดหวัง
พี่รักจริงน้องจ๋าอย่าเสียงดัง
โปรดระวังเบาหน่อยค่อยค่อยทำ 

รักเธอคนเดียว

ก่องกิก


ดวงฤดีพี่พร้อมยอมมอบให้
ด้วยดวงใจของพี่ที่เคยฝัน
จะถนอมรักเราเท่าชีวัน
เป็นคำมั่นสัญญานะคนดี
ค่ำคืนนี้ที่รักจงพักผ่อน
ก่อนจะนอนพี่มาหาที่นี่
ที่บ้านกลอนถักถ้อยร้อยวจี
จากใจพี่สื่อสารผ่านเว็บมา
ด้วยความรักห่วงใยมีให้น้อง
อย่าหม่นหมองเชื่อพี่นี้เถิดหนา
พี่รักน้องจริงจังดังแก้วตา
รักเท่าฟ้าอยากเคียงเพียงแต่เธอ
พี่ห่างหายไปนั้นหวั่นเจ้าลืม
เราเคยปลื้มต่อกลอนก่อนเสมอ
มาวันนี้เงียบเหงาเศร้านะเออ
ปล่อยพี่เพ้อเผลอบ่นบนลานกลอน
ตรวจสอบเพลงให้ด้วยนะครับ
ผู้ดูแลระบบ
แล้วบอกวิธีลงเพลงไว้ด้วยนะครับ
เพื่อความครื้นเครงครับ...

ตอบจดหมายนางนาก (พระโขนง)

อัลมิตรา


อ่านจดหมายของนากที่ฝากถึง
ช่างซาบซึ้งยิ่งนักที่รักเอ๋ย
หวนนึกถึงวันเก่าสองเราเคย
ยั่วยิ้มเย้ยหยอกเย้ากระเซ้ากัน
เป็นผัวเมียเคลียคลอถักทอรัก
เฝ้าฟูมฟักเรือยไปไม่แปรผัน
คล้ายเวรซ้ำกรรมซัดพลัดพรากพลัน
นากตั้งครรภ์ทว่าพี่ปรี่ชายแดน
ท่ามสงครามยามนี้มีแต่ทุกข์
พี่ต้องขลุกอยู่อีกฟากลำบากแสน
ทั้งหยูกยาสารพันมันขาดแคลน
ทั่วขาแขนร่างกายมากมายพรุน
กลิ่นลำดวนยวนใจให้ครุ่นคิด
เคยจุมพิตบอกรักนอนตักหนุน
ซอกแก้มดอกพยอมหอมละมุน
ยังหอมกรุ่นเสมอมาแม้นคราใด
ที่ห่างหายไปนานใช่ห่างเหิน
ลำบากเกินตามประชิดติดต่อไหน
มีแต่ศพทหารกองคราวมองไป
แสนปวดใจคิดถึงนากมากเหลือเกิน
ไม่รู้ว่าป่านฉะนี้อยู่ดีไหม
เจ็บป่วยไข้หรือเปล่าใคร่กล่าวเกริ่น
อีกเจ้าแดงลูกพ่อรอหัดเดิน
คงเพลิดเพลินดื่มดมนมแม่มัน
เขียนจดหมายถึงนากฝากส่งถึง
บวกอีกหนึ่งลูกน้อยกลอยใจฉัน
เสร็จสงครามเมื่อไหร่ได้พบกัน
ส่วนนมนั้นบอกเจ้าแดง "ขอแย่งคืน"

ฝาก-ใจ-ไป กับ ลม

ลูกหว้า


แว่วสายลม พรมพัด สะบัดพลิ้ว
ส่งใจลิ่ว ปลิวไป ไกลหนักหนา
ฝากลมหวน ทวนไป ในนภา
ผ่านฟากฟ้า พาใจ ไปถึงเธอ
เป็นห่วงถึง คะนึงหา อุราหมอง
ได้แด่มอง จ้องดาว พราวเสมอ
ยามห่างไกล ใจเหงา เฝ้าละเมอ
นั่งมองเหม่อ เผลอคิด จิตวกวน
อยากฝากลม ห่มรัก ถักถ้อยคำ
ร้อยลำนำ พร่ำวอน อ้อนสายฝน
ส่งความรัก ภักดีไป ในสกล
ส่งถึงคน บนทางรัก ภักดิ์ผูกพัน
ส่งความรัก ภักดี นี้ไปให้
ไว้ห่มใจ คลายเหงา เศร้าโศกศัลย์
ให้หายเหงา เศร้าใจ ในทุกวัน
อย่าไหวหวั่น ฉันรักเธอ เสมอไป

จุดหมายใหม่ยังไม่มีถ้าคนดีไม่เปลี่ยนใจ

ลูกหว้า


ถามว่าเคยบ้างไหมไขว่คว้าฝัน
เคยสิเคยทุกวันไม่เป็นผล
ดูมืดมิดคิดย้ำกล้ำกลืนทน
ยอมจำนนชะตาถ้าหมดทางกับคำถามเหมือนแคลงระแวงจิต
หรือว่าเธอหยุดคิดปิดฝันสร้าง
จึงเอ่ยความถามไถ่ให้ระคาง
กำลังใจให้บ้างไหมคนดีลำพังฉันดั้นด้นก็หม่นหมอง
จะให้ต้องทำไงถูกใจพี่
ต้องบันทึกข้อความถามตอบมี
จึงเป็นที่พอใจหรือไรกันกลีบกุหลาบมิได้มีใครยื่น
จะได้รื่นราบเรียบเทียบสวรรค์
หนทางรกชัฏเดินก็เกินวัน
จะให้สั้นย่อลงคงเกินทำยังคงฝันต่อไปไม่หยุดฝัน
แม้ว่ามันจะยากบากบั่นย่ำ
ขอสุดท้ายปลายทางวางแสงนำ
ไม่เอ่ยคำตัดพ้อให้ท้อใจรอเฝ้ารอวันคืนยืนเคียงคู่
ร่วมบ้านอยู่ด้วยกันวันสดใส
จุดหมายเดิมยังคงมุ่งตรงไป
จุดหมายใหม่ไม่มี..นะที่รัก

คนสำคัญในหัวใจยังเป็นเธอ

ลูกหว้า


ลองถามตัวเองสักกี่ครั้ง
ใจก็ยังตอบว่ารักอยู่เสมอ
เเละไม่สามารถเอาใครมาแทนเธอ
ยังรักอยู่เสมอไม่เปลี่ยนไป
ยังรักยังห่วงใยอยู่เสมอ
ถึงแม้ไม่ได้เจอก็ไม่หวั่นไหว
แม้ชีวิตมากมายด้วยใคร-ใคร
แต่คนสำคัญในหัวใจยังเป็นเธอ
หน้า / 7  
ทั้งหมด 109 กลอน