มองผืนป่า น้ำตาซึมสุดสลัด เกินเป่าปัดคนตัดรุกทุกถ้วนทั่ว เมื่อ ดำรงค์ ยังคงอยู่ต่างรู้กลัว เบาทำชั่วกลัวติดคุกไม่รุกขอบ โอ้อนาถ.. ชาติไทยไปกันใหญ่ หลังดำรงค์เกษียนไป หลายคนชอบ ปิดป้ายเปิดรีสอร์ทใหม่ไม่อยู่กรอบ กล้าลักลอบฝ่าฝืนที่คดีความ ต่อนี้ไปใครหนอ?..จะต่อสาน เข้าจัดการคนผลาญป่าที่กล้าหยาม สิ้นเขาไป ป่าคงเสร็จทั่วเขตคาม คนทำตามอย่างดำรงค์ คงไม่มี ! คนพูดจริงทำจริง ยิ่งหายาก เหลือแต่คนใส่หน้ากากมากศักดิ์ศรี ต่อหน้าไหว้แต่หลังหลอกบอกตนดี เบื้องหลังมีผลประโยชน์มากดดัน น้ำตาป่า..หลั่งร่วงหยดสลดจิต พวกเขายืนนิ่งสนิทสุดปิดกั้น เสียงแบคโฮพร้อมเลื่อยยนต์เริ่มพ่นควัน พร้อมจะบั่นร่างเขาล้มจมแผ่นดิน ! โอ... พระเจ้าจอร์จ ! """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""" เย้ย "ดำรงค์" รีสอร์ทรุกทับลานไม่กลัวยังขึ้นป้ายให้บริการเหมือนเดิม นายดำรงค์ กล่าวว่า ในวันที่ 1 ต.ค.จะเดินทางไปให้สัมภาษณ์กับรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งจากนั้นจะไปรับประทานอาหารที่ตลาด อ.ต.ก.และกลับไปพักผ่อน หลังจากนี้ จะเดินทางไปพักผ่อนที่บ้าน จ.เชียงราย โดยขณะนี้มีสถาบันการศึกษาและหน่วยงานราชการหลายแห่งมาติดต่อขอให้ไปบรรยายให้ความรู้เรื่องการอนุรักษ์ เรื่องป่า เรื่องการทำงาน โดยมีคิวบรรยายไปจนถึงเดือน พ.ค.2556 ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้บ้านผางามรีสอร์ท ได้ขึ้นป้ายให้บริการติดกับประกาศของกรมอุทยานฯ เห
ดวงจันทร์โจ่งแจ้ง ดาวทอแสงแจ่มฟ้า ..วะวับวาว งามเด่นเดือนสกาว .โจ่งแจ้ง ลมเย็นผ่านพัดพราว จากป่า ไพรแล ฉันนั่งริมทุ่งแล้ง ....เหม่อเศร้ารอฝน ฯ ฟังเรไรร่ำร้อง .....ลอยลม เป็นห่วงควายตาคม ...อดหญ้า พิรุณบ่โปรยพรม .......แนวทุ่ง นาเฮย จึงหม่นกันทั่วหน้า ....อ่อนทั้งคนควาย ฯ ดวงจันทร์งามเจิดจ้า .....ดวงเดียว ดาวอื่นใครฤๅเหลียว ..แจ่มบ้าง นกไพรร่อนปราดเปรียว ยามดึก เงาหนึ่งใครเคียงข้าง ....เบิ่งแล้วชวนสยอง ฯ อริญชย์ ๑๒/๑๑/๒๕๕๕
พอเมฆกลั่น ตัวกลาย เป็นสายฝน โปรยลงบน ผืนหล้า พาชุ่มชื่น หลากหลายพันธุ์ พืชไพร ใกล้ตายยืน กลับพลิกฟื้น แตกกอ แทงหน่อพลัน หญ้าใบเรียว เหี่ยวแห้ง แย่งออกยอด ตำลึงกอด รั้วไม้ ไว้คงมั่น ต้อยติ่งออก ดอกม่วง หลายช่วงวัน ฝักของมัน แตกป๊ะ เม็ดกระจาย ผักบุ้งเลื้อย เลาะสอด ลอดกิ่งไผ่ ยอดหน่อไม้ ไชพื้น ขึ้นมากหลาย เห็ดโคนแผล่ม โผล่ดอก ออกมากมาย เห็ดขึ้นชาย ลอมฟาง ช่างน่ากินดอกมะลิ ผลิขาว พราวเต็มต้น ภู่ผึ้งวน บินล้อม ดมดอมกลิ่น แมลงปอ โฉบเฉี่ยว เลาะเลี้ยวบิน เจ้าขมิ้น เหลืองจ้อง มองแต่ไกล กลิ่นแก้วกรุ่น กอใหญ่ อยู่ใกล้บ้าน ดอกขาวบาน เต็มกอ ช่อไสว ลมกระโชก โยกก้าน สะท้านไกว ดอกร่วงไป เกลื่อนโคน ขาวโพลนตา แต่ดอกแก้ว คนหนึ่ง ซึ่งสนิท เป็นยอกมิตร เมื่อครั้ง ยังพบหน้า เธอโยกย้าย หายห่าง เหมือนร้างลา ยังห่วงหา อาทร คอยย้อนคืน
ในวิถีชีวิตวิถีนี้ ฟ้าเอิ้นสั่งร่ำร้องฮำฮอนฮัก ควายนอนปรักฮักแพงแห่งเขตถิ่น เย็นหยาดนุ่มลุ่มอยู่อณูดิน หอมหวนกลิ่นสาบกล้าสุดนาไกล เถียงนาน้อยคอยฮักคนจากบ้าน มัดคันเบ็ดเสร็จงานข้างคันไถ น้ำข่อนแห้งจวนขอดกู้ลอบไซ ระวางไว้เก็บฝันเป็นตำนาน หอมตอกไผ่สานชะลอมย้อมแววคิด จุดประกายชีวิตได้ขิดสาน สืบภูมิรู้ปัญญาแต่บุราณ เริ่มเกิดงานถักทอรอเหมันต์ เมื่อเริ่มห่างจากฝนหล่นทิ้งช่วง ฟ้ากว่ากว้างบอกลาหน้าวสันต์ การเก็บเกี่ยวเติบตื่นฟื้นทวงงาน ฤดูกาลสอนเยาว์จวบเฒ่าวัย หาปูปลาเลี้ยงตัวพอตัวรอด สวิงกอดข้างแขนพอควงได้ แล้วชีวิตก็ระบำร่ำคลองไกล เลือกปลาใหญ่เลี้ยงครัวพอตัวกิน เก็บตำลึงทอดยอดอวบกอดรั้ว เร่งคนครัวโหมไฟอุไอกลิ่น รินน้ำข้าวซาวเกลือพอเผื่อกิน รองท้องสิ้นหิวหน่อยค่อยเร่งมือ ตำน้ำพริกปลาต้มสักหนึ่งครก สำรับวางขันโตกพอยกถือ เรียกครอบครัวร่วมสันต์อีกวันมื้อ ล้วนก็คือวิถีชีวิตเรา เปิดนีออนแทนไฟไต้ตะเกียง นั่งล้อมเรียงพึงพักพนักเสา ฟังผญาจ่ายขับค่อยรับเอา จากตายายแก่เฒ่าท่านเฝ้าสอน แล้วค่อยเข้าในมุ้งมุ่งผ่อนพัก ซบแก้มรักวางเฉยเกยเหนือหมอน เก็บเรื่องราวหว่างวันที่สัญจร จวบอุษามาย้อนต้อนออกงาน ในวิถีชีวิตวิถีนี้ คือวิถีสืบไว้ให้ลูกลาน เหลือพอเพียงเลี้ยงกายกรำลายงาน ทุกเฮือนบ้านล้วนเช่นนี้มานานแล้ว ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ
เวิ้งฟ้าตะวันฉายไกลสุดตา พงพนากว้างใหญ่ส่องฉายแสง พืชพันธุ์ไม้พงไพรฟ้านวลแดง ทั่วทั้งแปลงเติบใหญ่ให้ร่มเงาแสงรำไรส่องผ่านลานโคนต้น บ้างออกผลแตกหน่อริมโคนเขา สัตว์น้อยใหญ่อาศัยนอนแนบเนา มนุษย์เราทำลายป่าไม้งามทั้งไฟป่าเผาผานกันวอดวาย ไม้ล้มตายสัตว์สูญหายดูรุกราม ป่าไม้แห้งดินแล้งดูเสื่อมซาม ก็เพราะความเห็นแก่ได้ของใครกันดูช้างป่าออกหากินพืชไร่ คนถางไถป่าไม้กันทุกวัน ตัดเตียนโล่งทำลายใช้เลื่อยหั่น ขุดโค้นฟันปลูกพืชไร่เลื่อนลอยจนมีข่าวอื้อฉาวคนกับช้าง เดินสวนทางช้างป่าต้องล่าถอย ต่างต้องกินต้องอยู่ป่าริมดอย ป่าเหลือน้อยช้างป่าออกหากินรุกแนวป่าเข้าไปทำไร่สวน ป่าไม้จวนสูญไปเหลือแต่ดิน ช้างอดหิวต้องออกระลานถิ่น ฝนหลั่งรินดินโคลนฟังทลาย
ธรรมชาติ.. จัดแจงแบ่งที่อยู่ สัตว์ต่างรู้สัญชาตญานแห่งย่านถิ่น อยู่โดดเดี่ยวหรือรวมฝูงมุ่งหากิน ป่าปกดิน ดินสร้างป่ามาช้านาน ป่าผืนกว้าง..ฝั่งด้านตะวันตก มรดกโลกประกาศ จัดประสาน ด้วยเหตุผลเป็นต้นน้ำแหล่งลำธาร ความหลากหลายในพืชพันธุ์ตระการตา สัตว์หายากหลากพันธุ์ผสานผสม แหล่งอุดมกลมกลืนเต็มผืนป่า ธรรมชาติจัดแบ่งเขต นิเวศวิทยา สัตว์และป่า..จึงอาศัยได้เหมาะควร เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ผืนป่าแห่ง..ทุ่งใหญ่นเรศวร อนุรักษ์พืชและสัตว์จัดจำนวน ชีวมวลล้วนหลากหลายให้ยั่งยืน ธรรมชาติสัตว์และป่า ..บริสุทธิ์ แต่มนุษย์ ! มิหยุดยั้งยังฝ่าฝืน เข้ารุกล้ำธรรมชาติสัตว์สะอื้น วิ่งแตกตื่น สาดปืนใส่ไม่นำพา เขาและเราเหล่ารวมเพื่อนร่วมโลก ร่วมสุขโศกอกเดียวกันนั่นแหละหนา ต่างรักตัวกลัวตายวายชีวา ล้วนมีค่า ทั้งสัตว์คน..ทุกตนตัว ! ห้วยขาแข้ง แหล่งบ้านสืบ ผู้สืบสาน เจ้าตำนานคนรักป่า กล้าสู้ชั่ว ปลิดชีพตนเพื่อผลชาติไม่ขลาดกลัว ยอมดับตัว เพื่อยังป่า..อย่างกล้าหาญ หนึ่งกันยา.. ทุกปี มีรำลึก เมื่อหวนนึกเสียงปืนก้องต้องสะท้าน ปลุกผืนป่า ปลุกประชาอย่าช้าการ ทุนสามานย์ผลาญรุกป่า ..กล้าป้องไพร ! ร่วมสืบทอดเจตนา..ผู้กล้าแกร่ง พลีชีพให้ห้วยขาแข้งแหล่งป่าใหญ่ ๒๒ ปี อุดมการณ์สานสืบไป จะต่อยอดแตกกิ่งใบไปนิรันดร์.... ................................................................................ ๑ ก.ย.๕๕ ร่วมรำ
พรุควนเคร็ง ..คนเส็งเคร็งบรรเลงล้าง ไฟไหม้ฟางครั้งแล้วก็ครั้งเล่า มีอะไรในควนเคร็งเกรงใจเขา จึงถูกเผาข่าวครึกโครมล้มควนเคร็ง สงสารป่ากว่าเติบกำเริบร่าง วิถีทางธรรมชาติมิอาจเร่ง ใช้เวลากว่าจะผ่านการข่มเหง นับต้นเก่ง เป็นต้นใหญ่จนไฟเผา โอ..มนุษย์หยุดเถิดเตลิดล้ำ อย่าก่อกรรมธรรมชาติด้วยขลาดเขลา กวางกินใบให้เสือรู้อยู่ใต้เงา ตกเป็นเหยื่อเพราะโง่เขลาเข้าตาจน แสวงหาอันใดมากมายหนอ จิตละโมบโลภเกินพอต่อเหตุผล กินแล้วถ่าย ใจยังงกว่ายวกวน กิเลสล้นพาจนอับดับปัญญา พรุควนเคร็ง..หนึ่งบทเพลงบรรเลงจบ ไฟชั่วช้ามันกล้ากลบสยบป่า ดับไฟโลภใจคนก่อนจะร้อนกล้า เป็นไฟป่าที่บ้าคลั่งพลังแรง พรุควนเคร็ง.. คนเส็งเคร็งอวดเก่งกาจ เผาป่าชาติเป็นป่าโทรมถาโถมแย่ง หายนะไม่ละวางยังตะแบง ไฟโลภแรงจะเผาไหม้ใจมันเอง ! ........................................................................................... ไฟป่าพรุควนเคร็ง...ฝีมือมนุษย์-ภัยธรรมชาติ ปัญหาซ้ำซาก... ถึงเวลาล้อมคอกเอาจริงหรือยัง?? พบไฟใต้ดินป่าพรุควนเคร็ง เกือบ 2 พันไร่
คอยอยู่บ้านนา ย่ำค่ำเย็นลมพราวกอข้าวไหว ห้วงดวงใจสุขสมไม่ตรมเศร้า ลานบ้านนาหญ้างามทั่วลำเนา ฝันวันเก่ายังซึ้งติดตราใจ หม่นบนฟ้าครึ้มเมฆเทพเสกสรร ฝนหล่นพลันเติมหวังธารหลั่งไหล เอื้อเฟื้อถิ่นพื้นหล้าจากฟ้าไกล ยิ้มพริ้มในดวงหน้าตั้งตารอ สุขทุกคราวลมโชยฝนโปรยสาย ข้าวพราวพรายสดใสคลี่ใบช่อ หลังหลั่งฝนกบพลันร้องกันออ รักถักทอนกร้องทำนองครวญ หวานซ่านเพลงไพรวันชวนหรรษา ฤกษ์เบิกฟ้าสะกิดให้คิดหวน ทุ่งคุ้งน้ำลาวัณย์แสนรัญจวน ตื่นคืนด่วนพ่อแม่เฒ่ายังเฝ้ารอ!ฯ อริญชย์ ๒๕/๘/๒๕๕๕
Image Sharing เมื่อต้นไม้แสดงธรรมนำมาคิด ชี้ถูกผิดผลกรรมนำแก้ไข เตือนสติยับยั้งรู้ชั่งใจ ทำสิ่งใดใคร่ครวญถึงผลกรรม น้อมสดับรับฟังธรรมที่สอน ความซับซ้อนซ่อนเงือนอย่าถลำ หัดสังเกตพินิจใส่ใจจำ สัจธรรมยึดมั่นบ่มในทรวง ธรรมชาติสอนธรรมท่านทั้งหลาย ท่านหญิงชายเพียงเห็นค่าใหญ่หลวง ทั้งก้อนหินเศษดินซากสัตว์กลวง ใบไม้ร่วงจากขั้วชวนคิดตาม ทั้งรูปรสกลิ่นเสียงโสตสัมผัส คอยเร่งรัดเล้าโลมอย่างล้นหลาม เกิดกิเลสตัณหาพาลุกลาม ท่านต้องถามตามจิตคิดอย่างไร ต้องเรียนรู้ให้แจ้งแฝงปัญญา ธรรมชาตินำพาสิ่งขานไข เป็นจารึกขีดเขียนความเป็นไป กำหนดให้ไว้เป็นบทเรียนคน Image Hosting Site
สรรพสิ่งยิ่งย้ำธรรมชาติ ดารดาษธาตุธรรมกรรมฐาน ธรรมบทกฏกรรมธรรมบาล สรรพสารขานคำธรรมดา ผิดชอบชั่วดีมีหรือไม่ ในใจใครนั่งน่ากังขา ทำดีได้ดีไม่มีมา ทำชั่วมั่วฆ่าท้าเวรกรรม ความคิดอยู่ดูใจใครคิด ความถูกผิดจิตจูงสูงต่ำ ทางบาปบุญคุณโทษจดจำ ทางทำธรรมงำเงื่อนเลือนลาง ในวิถีทฤษฎีปฏิบัติ มุ่งขจัดอกุศลทนสะสาง กุศลจิตทฤษฎีวิถีทาง รู้ละวางข้างอบายขยายความ ศึกษาธรรมนำกุศลจนเข้าใจ เชื่อมั่นในกฏแห่งกรรมหมดคำถาม เริ่มจากใจให้รู้จริงอิงรูป-นาม รู้จิตยามโลภโกรธหลงส่งกำลัง สัมมาทิฏฐิ ชี้นำ กฏแห่งกรรม อริยสัจจ์ เหตุปัจจัย ไตรลักษณ์ หลักสอนสั่ง รู้ กุศลมูล อกุศลมูล บุญบาป ปัจจัตตัง เพื่อปลูกฝังต่อไปในมรรคา ..........
แดดกล้าก็บอกว่าร้อน แดดอ่อนตากผ้าไม่แห้ง ฝนไม่ตกก็บ่นนาแล้ง เลยแกล้งขอฝนหล่นมา ไม่ควรฝืนกฏธรรมชาติ หวังวาดตามจิตปรารถนา แดดออกติดร่มพกพา กันแสงแรงกล้าได้ดี ฝนตกใช้ร่มอันเดิม เพิ่มเติมคือได้ทุกที่ ท่านอาจได้มิตรอารีย์ เข้าร่มคันนี้ด้วยกัน ธรรมชาติใช่ว่าโหดร้าย ปรับจิตปรับใจให้มั่น ท่องคำว่า"ดีเหมือนกัน" ฝนตกทุกวันพืชงาม *แก้วประภัสสร*
หญ้าหยัดยอดเรียวเขียวรื่น ฟ้าชื่นเมฆขาวพราวใส แม่น้ำลึกลุ่มชุ่มใจ ภูไพรแผ่พรมร่มเย็น ลมพัดปัดร้อนผ่อนรุ่ม ไฟสุมคลายหนาวร้าวเข็ญ เด่นดาวสุกปลั่งดั่งเป็น- เพื่อนเพ็ญสาดแสงแจรงทรวง สูรย์ส่องก่องฟ้าคราสาง น้ำค้างผุดผาดหยาดสรวง ผึ้งบินว่อนหาผกาพวง ดอกดวงสุมาลย์บานพบู ยลความงามล้ำธรรมชาติ สะอาดดาษตาน่าอยู่ เปิดตัวหัวใจไปดู ดำรูรุ่งฟ้าธาตรี งามเอยงามเหลือลึกล้ำ หลังกรำงานตามหน้าที่ ปล่อยจินต์ว่ายวนชลธี โดยมีปลาเหมือนเพื่อนมาน พบแล้วที่นี่ที่รัก สุขนัก-หย่อนใจเมื่อไกลบ้าน ไม่ต้องมากมีพิธีการ สงบสบศานต์สราญใจ สัมผัสหญ้าเรียวเขียวรื่น ฟ้าชื่นเมฆขาวพราวใส สบตากันก่อนจรไกล "ค่อยพบกันใหม่พรุ่งนี้"
กลับบ้านเดิม ถิ่นเกิดเถิดน้องพี่ ฟ้ายังงามน้ำยังมีที่ยังรก พลิกพื้นดินถิ่นนี้หนอ มรดก แล้วคลุมปกด้วยรวงเหลืองเรืองตระการ ทิ้งบ้านเก่าหลงเข้าเมืองไม่เฟื่องหรอก มีตึกตรอกคนหลอกคนจนล้นพล่าน ปากต้องกัดตีนต้องถีบรีบลนลาน แม้มีงานได้แค่เงินไม่เกินกิน เงินร้อยพันบ้านเราใช้ไม่มีหมด ค่ามันลดเมื่ออยู่กรุงถลุงสิ้น จะไปไหนใช้เงินนำกว่ากำกิน มันโหดหินกว่าบ้านเก่าที่เจ้าลืม กลับมาเถิดน้องพี่..วิถีทุ่ง จรัสจรุงมุ่งหมายใจยังปลื้ม น้ำมีปลา นาข้าวงามได้ด่ำดื่ม เพียงเจ้าลืมคอนกรีตกรุง..มุ่งสู่นา โอม..มนตราสายรกรั้งยั้งเจ้าไว้ คนเคยไกลให้กลับถิ่นร่วมดินฟ้า แม่โพสพพร้อมขวัญข้าวรอเจ้ามา พลิกผืนนาหน้าหว่านไถฝนใหญ่พรำ หม้อรกฝังใต้ดินกระไดบ้าน ดลบันดาลเจ้าของรกอย่าถลำ กลับคืนสู่บ้านเกิดเถิดเจ้ากรรม วสันต์ย่ำย้ำเยือน.. อย่าเชือนแช ! @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ประเพณีการเกิดหรือคลอดบุตรในล้านนามีข้อวัตรปฏิบัติที่ต้องยึดถือกันมานาน เมื่อตัดสายรกแล้ว ก็จะนำเด็กไปอาบน้ำอุ่น ... และนิยมเอารกไปฝังใต้บันไดบ้าน เชื่อว่าเพื่อให้เด็กอยู่กับบ้านกับเรือน รักถิ่นเก่าบ้านเกิดกำเนิดครรภ์..
๐ลูกทุ่งเพลงสวรรค์๐ สูงเทือกเขาทิวไพรวิไลแสน ล้อมกั้นแดนทุ่งข้าวพราวไสว นกบรรเลงเพลงหวานกังวานไพร หริ่งเรไรขับขานกล่อมบ้านนา ประเพณี วัฒนธรรม ประจำถิ่น ศาสตร์และศิลป์พื้นบ้านสืบสานค่า โหวด พิณ แคน ซอ ซึง ขลุ่ยตรึงตรา พลิ้วแผ่วมาหวานหูมิรู้คลาย มิเคยคิดใฝ่สูงเป็นยูงหงส์ ยังดำรงศักดิ์ชาวนาตั้งหน้าหมาย รักญาติมิตรเพื่อนพร้อมรายล้อมกาย รักษ์ต้นไม้ใบหญ้าคุณค่ามี ยังสืบสานความเป็นไทยเอาไว้มั่น หวง ผูกพันครรลองธรรมท้องที่ เวิ้งทุ่งข้าวธรรมชาติอากาศดี ปลุกชีวีให้สดชื่นทุกคืนวัน แม้เติบใหญ่ในแดนอ้อมแขนทุ่ง ก็ผดุงแนวทางคิดสร้างสรรค์ ผูกใจรักสามัคคีอยู่นิรันดร์ ในสวรรค์บ้านนาขอบฟ้างาม ฯ อริญชย์ ๓/๑/๒๕๕๕
วิถี หริ่งเรไรกล่อมแล้วทั่วแนวทุ่ง ไปสุดคุ้งลำธารละหารห้วย น้ำยอดคามาโหนหล่นระนวย ย้อยหยาดสวยรินหยดจรดธารา ริ้วสายสรวงแดดอุษาขอบฟ้าสาง ความสลัวจากจางหว่างเวหา เกล็ดน้ำค้างวางดอกยอดใบคา โกกิลาพร่ำเพลงบรรเลงไพร ดอกไม้บานรับอรุณกรุ่นช่วงเช้า เกสรเร้าหมู่ภมรโอนอ่อนไหว หญ้าเขียวคลี่หมอกแต้มลงแซมใบ คลุมลานไพรเขียวสะพรั่งไปทั้งลาน พะเนินหินแก่งพลาญข้างธารฉ่ำ นกเป็ดน้ำบินลงสรงสนาน ตะไคร่เขียวเห็นระเรื่อพอเจือจาน ประหนึ่งลานอัญมณีขจีดิน ครวญเสียงลมแผ่วร่ำมารำพัน กล่อมเงียบงันหลับใหลในซอกหิน หอบกลิ่นหอมสายป่ามาหลั่งริน ชโลมดินงดงามหอมดำรง หนทางกว้างเลาะนาป่าไศล อาบวินัยองค์พุทธวิมุตติสงค์ ดอกหญ้างามบานเกลื่อนรายเถื่อนดง ลูบสบงสีเหลืองเรืองมรรคา คือสายทางจุนเจือเนื้อนาบุญ องค์อุ้มบุญทรงบาตรศาสนา ดำเนินผ่านลานไพรสายธารา งามอากัปกิริยาสง่างาม เหลืองจีวรพลิ้ววีบ้างสีครั่ง สองฝั่งทางพุทธชนอยู่ล้นหลาม พราวดอกไม้สวยสดสีงดงาม ปลั่งอยู่ท่ามถาดข้าวขาวอวลไอ หอมเอยหอมกลิ่นข้าวถึงดาวดึงส์ ใส่บาตรซึ้งโลกธรรมสว่างไสว ผลบุญแผ่แล้วแก้วคลาไคล ฝุ้งไปไกลทั่วโลกธาตุธรรม งามวิถีพุทธธรรมค้ำดงดอน ทานขจรค้ำพุทธอุปถัมภ์ แม้นโลกจมติดหน่วงด้วยบ่วงกาม ยังเหลือธรรมปลอดปล่อยสร้อยตรวนตรึง จะยังงามวิถีทางอย่างเช่นนี้ ตราบว่ามีศาสดาใหม่มาถึง แม้นหลงเหลือเศษธรรมไว้คำนึง คงจะซึ้งจวบกาลพุทธันดร ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ
ฤามนต์สายรกสิ้น? โอม...วันเดือนไหนปีไหนให้ฮำฮอน โคกดินดอกฮูกกี่ที่นาไร่ สืบเทือกท้าวข้าวเหลืองมาเรืองใจ เต็มยุ้งใหญ่ทั้งปีกสิกรรม อดีตกาล... ย่ำบาดาลดินชุ่มนาลุ่มต่ำ กลิ่นไอกล้าทายทักทุกปักดำ มือเท้าย่ำในตมโลมวิญญา ครัวไม้ไผ่เตาตั้งควันรันเตา ต้ำน้ำร้อนตอนเช้าหนาวพฤษา เตรียมผ้าอ้อมรับขวัญหลานเกิดมา ตามประสาความรักฮักแพงกัน ฝังสายรกกลบไว้ใต้กระได ฝากแผ่นดินผืนใหญ่ไว้รับขวัญ เป็นมนต์คล้องสายใยใจผูกพัน หมายสำคัญสำนึกบุญคุณแผ่นดิน แม้นพลัดพรากจากไปไกลลิบลิ่ว ร้างทุ่งทิวไร่นาธารพลาญหิน หวนคิดถึงถิ่นที่มีทำกิน ด้วยมนต์ดินกลบรกปกสายแนน สำนึกรักมรดกแม่ยกให้ ทุ่งนาใหญ่ไรกว้างเฝ้าหวงแหน สืบเทือกท้าวข้าวเหลืองเรืองดินแดน หุงทดแทนบุญถนอมกล่อมเลี้ยงมา ปัจจุบันกาล... สาวไทบ้านหนีทุ่งไปมุ่งหา อยู่เมืองหลวงเย็นฉ่ำน้ำประปา ล้างไอกล้าหอมจางลางเลือนไป ประเพณีสู่ขอก็เป็นหมัน ส่งลูกหลานคือคนผลผลิตใหม่ ฝากถนอมเลี้ยงจักจากตายาย ลูกเลยได้พ่อแม่แก่ชรา ทิ้งท้องทุ่งนาไรให้รุงรก ทุ่งโสโครกมูลมังร้างหนักหนา โอ้ละหนอพระคุณบุญท้องนา ปลูกหญ้าคางามเรียวเขียวขจี ทั้งเสื้อผ้าค่านมขนมหลาน มือเหี่ยวนั้นควานหาตามหน้าที่ ไร่นาขาดข้าวร้างอยู่ค้างปี ข้าวเคยมีลดน้อยคอยเศร้าใจ โอม...วันเดือนไหนปีไหนให้ฮำฮอน โคกดินดอนฮูกกี่ที่นาไร่ ดูปลูกหญ้าแทนเข้าลูกเต้าใคร? หรือมนต์รกใต้กระไดคลายเสียแล้ว!? ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ