กลอนคิดถึง

๐ รักครวญฝังใจ ๐

แก้วประเสริฐ


๐ รักครวญฝังใจ ๐
๐ ค่ำคืนนี้มีจันทร์พลันส่องหล้า
เรืองท้องนภาแขแจ้าเฝ้าส่องแสง
ก่อนทิวาพราวพร่างระหว่างแดง
ราตรีแฝงเหลืองอร่ามล้ำธานินทร์
๐ ครุ่นคิดถึงจากห้วงดวงใจลึก
เคยใฝ่ตรึกซ่อนเร้นนวลเด่นถวิล
ยิ่งเพ็ญพักตร์ถูกเค้นเช่นภุมริน
เคล้าดอมสิ้นบุปผาครายึดครอง
๐ โอ้กระต่ายหมายบ่มเกินชมแล้ว
ที่เพริศแพร้วหวังเชยเผยสิ่งสนอง
กากเหลือไว้ผ่านเนตรเฉดใจปอง
เคล้าลมก้องแผ่วโปรยโชยสุคนธ์
๐ คันธชาติจากพฤกษ์นึกครวญคร่ำ
ค้างคาวขย่ำผลไม้ขจายไพรสณฑ์
งามแสงดาวลอยล่องคล้องวังวน
เหมือนจรดลห้วงรักฝากวิญญาณ์
๐ หรีดหริ่งร้องเรไรยากใคร่ผสาน
ก้องกังวานบรรเลงเพลงหรรษา
ผ่านทิวไม้คลั่งไคล้คล้ายกานดา
เสมือนคลื่นผวาทบฝั่งยากยั้งใจ
๐ รักครั้งแรกเหลือไว้กลายเพียงนี้
วาบหวามฤดีเปี่ยมไว้คล้ายสดใส
หวนแปรปรวนผ่าลึกตรึกห้วงใน
หลีกผ่านไปเปรียบลมยากชมเชย
๐ ค่ำคืนนี้หอมกรุ่นละมุลพฤกษ์
ชวนใฝ่ตรึกหมายชมภิรมย์เฉลย
หอมหวลกลิ่นหมายชมภิรมย์เคย
คล้ายจันทร์เผยเมฆาคว้ากั้นกลาง
๐ ใจดวงน้อยหวนไว้ใฝ่ชวนหวัง
เปรียบประดังมาพบประสบขวาง
คร่ำครวญไร้นวลเจ้าเฝ้าเลือนลาง
เปลี่ยวอ้างว้างดวงฤทัยใฝ่เชยชม
๐ อุษาสางหมอกเย้าเคล้าปั่นป่วน
ราตรีล้วนลอยลับสลับขื่นขม
สิ่งซาบซึ้งตรึงไว้คล้ายสายลม
ยากผ่านปมปริศนาผ่าห้วงใจ
๐ เหม่อตะวันสีแดงแฝงขอบฟ้า
หมู่นกหาเรียกร้องทำนองใส
ห้วงใจหนอคิดคนึงซึ้งห่วงใย
น้ำค้างไหวใบหญ้าคว้าเพียงเงา.
๐ แก้วประเสริฐ. ๐

คืนไร้เธอ

คนกรุงศรี


คืนนี้หนาว ร้าวใจ กระไรหนอ
มายืนรอ เดือนดาว ที่พราวใส
จิตกังวล คนหนึ่ง ซึ่งอยู่ไกล
เป็นอย่างไร บ้างหนอ ใจพ้อครวญ
พอจันทร์เยี่ยม เหลี่ยมเขา พ้นเงาสน
น้ำค้างหล่น เกาะกาย สุดไห้หวน
เราคะนึง ถึงแต่ แม่เนื้อนวล
ใจปั่นป่วน บอกดาว เรียกเจ้าที
นัดเวลา ดูกัน คืนจันทร์จ้า
นั่นดารา ระยิบ กระพริบถี่
หนาวน้ำค้าง แสนเหน็บ เจ็บฤดี
มิเท่าที่ สักครึ่ง คิดถึงนาง
ฟากฟ้าไกล ไหมเล่า เจ้ายืนจ้อง
พี่ประคอง เคียงติด ชิดไม่ห่าง
ข้ามขอบฟ้า แม้ไกล ในเส้นทาง
ด้วยเราสร้าง ภาพฝัน อันวิมล
โอบไหล่เจ้า เข้าแนบ แอบอกอุ่น
หอมละมุน กลิ่นกาย ใจสับสน
เสียงเรไร ร้องดัง ฟังชอบกล
เหมือนเย้ยคน หม่นมัว หลอกตัวเอง
คิดถึงไหม คนดี ที่ปลายหล้า
อ้อนวอนเดือน ดารา อย่ารีบเร่ง
ไผ่เบียดกอ อ้อดัง ยิ่งวังเวง
ยืนฟังเพลง เรไร คืนไร้เธอ
คนกรุงศรี ฯ

ใครคนนั้น ฉันคิดถึง

คนกรุงศรี


ใครคนนั้น ฉันซึ่ง คิดถึงเขา
เคยหยอกเย้า ล้อเล่น เป็นเพื่อนพี่
กับได้สอน กลอนกานท์ สานวลี
มิตรไมตรี ผูกพัน เมื่อวันวาน
นับถือฉัน เป็นครู ผู้สอนสั่ง
แม้บางครั้ง กวนใจ ด้วยไขขาน
แต่ก็ดู เริงร่า หน้าเบิกบาน
ช่วยสืบสาน งานกลอน ตอนปีกลาย
เธอหายหน้า ลาไป ที่ใดหนอ
เราเฝ้ารอ ห่วงหา พาใจหาย
เกรงหนาวเหน็บ เจ็บไข้ ไม่สบาย
อยู่ดีร้าย หรือไร ใจกังวล
ฝากสายลม บอกมา ว่าคิดถึง
สักคำหนึ่ง บอกครู รู้เหตุผล
ถ้าอยู่ดี มีสุข ไม่ทุกข์ทน
มาเยี่ยมยล คนเหงา ที่เฝ้าคอย

แม้ว่าไม่เคยพบประสบหน้า ก็เหมือนว่าเคยพบประสบใกล้

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


แม้หากคำ คิดถึง ไม่ซึ้งพอ
ยังจะขอ เพ้อพร่ำคำคิดถึง
แม้คำน้อยคำนิดไม่ติดตรึง
ยังคำนึง ซึ้งคำนั้นมั่นความใน
ไม่ต้องคิดมากเท่าที่พี่คิดถึง
สักเพียงครึ่งก็อิ่มอาบจนวาบไหว
ขอเศษใจนิดเดียวเพียงเสี้ยวใจ
เพื่อเอาไว้เป็นพลังรั้งชีวี
แม้ไม่เคยพบสักนิด แต่คิดถึง
เหตุใดจึงใจอ่อนอ้อนเหลือที่
หากเธอไม่เห็นงามก็ตามที
ใจดวงนี้ก็สุดปรามต้องตามไป
แม้ว่าไม่เคยพบประสบหน้า
ก็เหมือนว่าเคยพบประสบใกล้
ประหลาดนักประจักษ์ชัดถนัดใจ
คนที่ใช่ ..ไม่ต้องหาก็มาเอง

๐ ฟากฟ้าไกล ๐

แก้วประเสริฐ


๐ ฟากฟ้าไกล ๐
๐ ภูผาสูงเมฆพลิ้ว            อร่ามตา
ทะเลตวัดคลื่นมา              พล่านแท้
ฝูงนางนวลนำพา              เที่ยวท่อง ชวนแล
เหล่าเงือกน้อยสวยแล้     เปี่ยมล้นดวงหทัยฯ
๐ สุรีย์ฉาบแสงอ่อนล้า    เปี่ยมแดง
ละล่องเย้าแอบแฝง         จิตห้วง
ม้วนรำลึกหมดแรง           เคียงคู่ นางเฮย
ระเด่นหมุนพราวล้วง        คลื่นน้อยแววไสวฯ
๐ งามเอยแม่พราวฟ้า       เทียมจันทร์
แหวกว่ายคอยสิ่งอนันต์    ซัดย้อม
เหลือบจ้องแลผูกพัน        เกิดก่อ ใยแม่
ภูผาแกร่งยากน้อม            บ่พ้นเหลือบแลฯ
๐ ฤาคิดนางหนึ่งไซร้      เคยเคียง
เก่าใหม่พ้นคอยเพียง      แม่แล้ว
สิ้นปีลับคอยเฉียง            โฉบหนี เบี่ยงนอ
ดูเหล่านางเพริศแพร้ว     ป่วนซึ้งนางไกลฯ
๐ สนธยาคราลับแล้ว     เหครวญ
ฟ้าจันทร์เสี้ยวเรรวน       บ่วงห้วง
เงือกน้อยบ่ชักชวน        หลีกกลับ พราวตา
ทิ้งฝากมิอาจจ้วง            เหลือไว้เดียวดายฯ
๐ แม้จันทร์เสี้ยวคู่เคล้า        คลอเคียง
อกป่วนดุจพะเนียง                สู่ฟ้า
เหลือเพียงสิ่งฟังเสียง           คลื่นซัด ผาเอย
ปีใหม่นี้ยากคว้า                     คิดเจ้าแดนไกลฯ
๐ ฟากฟ้าไกลเหลือล้น   ติดตาม
มองเหล่านกคลองาม      ร่อนฟ้า
อกเอ๋ยอกรุกลาม             ถึงแม่ นางเอย
เมฆินทร์ภูผาคว้า             เปี่ยมข้าหมองฤดี๐.
๐  แก้วประเสริฐ. ๐

ฝากไปกับสายลม

ร้อยฝัน


ยามลมหนาวพัดหนาวอยู่กราวกรู
ใบไม้แห้งร่วงพรูอยู่ไหวไหว
เหล่าดอกหญ้าต้องลมพัดแกว่งไกว
ลู่ไล้ในยามน้ำค้างมาพร่างพรม
กว่าหมอกเช้าจะจางไปกับแสง
ดอกเข็มแดงช่อชูดูเหมาะสม
เหล่าแมลงไต่ตอมเข้าดอมดม
ยามสายลมพริ้มพรายคล้ายละเมอ
หนาวถิ่นนี้ไกลโพ้นจะหนาวไหม
คิดถึงฝากจากใจไปเสนอ
แม้เส้นทางแสนไกลอยากไปเจอ
ใช่จะเพ้อเพียงคำให้ช้ำใจ
รับไว้หน่อยเถอะลมฝากไปหา
วานลมช่วยพัดพามาชิดใกล้
ความอบอุ่นที่คุ้นเคยเผื่อบางใคร
ฝากห่วงใยกลับมาคราลมเยือน

หนาวหน่วง..ในห้วงหทัย

ทิพย์โนราห์ พันดาว


ยามลมหนาว โปรยหวล ชวนคิดถึง
ในคำนึง ความผูกพัน ยังหวั่นไหว
ทุกเรื่องราว ในยามพราก จากคนไกล
ร่ำพิไล เย้ายวน ครวญเหมือนลม....
นับวันจาก จวบวันนี้ หลายปีผ่าน
ความร้าวราน มิเจือจาง ยังค้างขม
ยามลมหนาว โปรยปราย ร่ายภิรมย์
ความระทมย่างก้าว ร้าวทุกที....
รอยอดีต ของความหวาน ที่ผ่านหาย
ไม่ละลาย กลับฝังห้วง ดวงใจนี้
ยามรำลึก นึกย้อน อ่อนทุกที
ใจดีดีเคยมั่น กลับหวั่นลง...
ลมหนาวโรยโปรยลูบ จูบใบหน้า
คราบน้ำตาความห่วงใยอาลัยหลง
คืนวันผ่าน ใจกลับปลื้ม ลิมไม่ลง
จิตจำนง คงมั่น ฝันเรื่อยมา......
ในยามนี้ คนไกลอยู่ไหนเล่า
รู้ไหมเจ้า ดวงใจ ใครเพ้อหา
หวังคนดี ตอบพจน์ กำหนดมา
ถึงโนราห์คนเก่า ที่เหงาใจ....
ยามลมหนาวโปรยหวลชวนคิดถึง
เธอคำนึง ถึงรอยฝัน ครั้งนั้นไหม
ในวันนี้ แม้ฝันจาง บนทางใจ
อุ่นอวลไอ รักหวล ยังครวญคราง...
ทิพย์โนราห์ พันดาว
.....

นิยายแห่งทุ่งกว้าง

din


ในทุ่งกว้างคว้างไกลไร้ขอบเขต
มีอาเพทมากมายหลายสถาน
มีสุขทุกข์ โศกเศร้า แลร้าวราน
มีล้มลุกคลุกคลานมีซานซม
ท่ามแดดจ้าฟ้าใสแต่ใจหม่น
คิดถึงคนเคยชิดจิตขื่นขม
มันเวิ้งว้างคว้างเปล่าร้าวระบม
อยู่อย่างคนทนทุกข์สุขเร้นไกล
แต่กับความลึกซึ้งครั้งหนึ่งนั้น
ยังประหวั่นพรั่นจิตคิดไฉน
ความหวานปานน้ำผึ้งยังตรึงใจ
คล้ายมันไหลรินหลั่งทั่วทั้งฟ้า
ตราบจนวันจันทราเลือนลาลับ
ดาวจะดับลับดวงสิ้นห่วงหา
นิยายแห่งทุ่งกว้างก็ร้างรา
เหมือนศรัทธาจากใจใครบางคน

แสงจันทร์...

คีตากะ


ควันเบาบางจากกองไฟจวนใกล้ดับ
แสงดาววับแวมวาวราวห้วงฝัน
ค่ำคืนดึกราตรีมีแสงจันทร์
พระพายผันโอบกอดพรอดวิกาล
ถนนเวิ้งฟ้าว่างร้างสรรพสิ่ง
เพลงเหงาอิงแอบใจไหวขับขาน
ลมหนาวครวญแผ่วมาพร่าดวงมาน
ปลุกวิญญาณที่หลับใหลให้ฟื้นตื่น
บุรุษหนุ่มสำอางพลางผมขาว
สตรีสาวกลับชราหาขัดขืน
กาลเวลาล่วงลับกับวันคืน
ค่อยกินกลืนสรรพสิ่งจมดิ่งลง
ชั่วพริบตายี่สิบปีที่ผ่านพ้น
มาตรยากดีมีจนบนความหลง
สะลึมสะลือชีวิตติดพะวง
เพียงฝุ่นผงเข้าตาจนพร่าลาย
คิดถึงกานต์คนไกลแต่ใกล้จิต
เผชิญชีวิตเยี่ยงไรในจุดหมาย
คิดถึงมิตรใกล้ใจแต่ไกลกาย
ดีฤาร้ายอย่างไรได้พบเจอ
พ.ศ.เปลี่ยนเปลี่ยนใจไปด้วยไหม
หลงลืมใครคอยหวงห่วงเสมอ
พ.ศ.ใหม่ใช่ใหม่คนคอยปรนเปรอ
ปล่อยใจเพ้อเหงาหงอยคอยสบตา
เพียงรับรู้ภายในใช่ไกลห่าง
ทุกเส้นทางคิดถึงคำนึงหา
หวังเพียงเธอพบสุขทุกเพลา
รับรู้ว่ามีฉันนั้นห่วงใย
ขอคุณพระคุ้มครองอย่าต้องเศร้า
ช่วยปัดเป่าพาลผองล่องขับไส
สิ้นโรคาพยาธิทุกปีไป
ถึงปีใหม่ใสสุกปราศทุกข์ทน
ท้าย ป.ล.ต่อด้วยรักและคิดถึง
ฝากเพลงซึ้งกล่อมมาเวหาหน
จากใครที่ห่างไกลใกล้กมล
ส่งถึงคนที่รักและภักดี....

ฝันหวานซึ้งๆ

jew


ขอฝากรักไว้ในวันนี้
ฝากรอยรักสมานใจ
ไว้ในอ้อมกอดอันอบอุ่น
ยามนอนหลับฝัน
ขอให้หวานหวาบหวิว
ใจคนึงแด่เธอนะคนดี
เผ้าคิดถึงตรึงไว้ในดวงจิต
เฝ้าถวิลหาในอ้อมแขน
ที่แสนหวานขอให้ฉันนะคนดี
แม้จะห่างกายแต่เรา
คงไม่ห่างใจกันในยาม
หลับไหลขอให้ฝันถึง
ฉันในยามหลับหรือยามตื่น
รักนนะคนดีรู้มั้ย
อยากบอกให้รู้ว่า
รักและห่วงใยที่มีให้
เก็บไว้ในอ้อมใจนะคนดี

** ด้วยความคิดถึง **

ราชิกา


**  สุดขอบฟ้า  แสนไกล  หทัยนี้
ดวงฤดี เคียงข้าง มิห่างหาย
อุ่นไอรัก สลักซึ้ง ตรึงใจกาย
รักมิคลาย คิดถึง คะนึงครวญ
**  เหม่อมองฟ้า สะท้อน  ถึงก้อนเมฆ
คล้ายมนต์เสก   ดวงจิต  ให้คิดหวน
ความผูกพัน  ห่างเห ไม่เรรวน
น้องเนื้อนวล  ใจภักดิ์  สองรักเรา
**  กระซิบหวาน  คนดี  สุดที่รัก
ใจแน่นหนัก  คงมั่น  ดั่งขุนเขา
กระซิบแผ่ว  แว่วเสียง  สำเนียงเบา
คราใดเหงา  เฝ้ารำพึง...คิดถึงเธอ.....
**  ด้วย...ความรัก  สลักไว้  ในดวงจิต
ความ..ใกล้ชิด  ห่วงใย  ให้เสมอ
คิด...ทุกวัน  ห่วงหา  ทุกคราเจอ
ถึง...ละเมอ  คอยอยู่  เธอผู้เดียว.......ฯ

คิดถึง.. จนฝันหาว่าคิดถึง

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


คิดถึง.. จนฝันหาว่าคิดถึง
สุขซึ้ง ถึงเพียงนี้เทียวหรือหนอ
แล้วเธอฝันไหมเล่าว่าเฝ้ารอ
อย่าด่วนท้อ ..ขอให้ฝันรอฉันคืน
จะหวนกลับรับขวัญในวันหนึ่ง
เป็นวันซึ่งซึ้งสราญ หวานและชื่น
สิ้นการรออันรวดร้าวแสนยาวยืน
หัวใจฟื้นคืนประทับกับหัวใจ
ไม่อยากเอ่ย"คิดถึง"ให้ ใจแปลบป่น
จะแก้กลนี้ผ่านด้วยการใกล้
แล้วจะพร่ำคำพรอดตลอดไป
จะกอดไว้แล้วกระซิบ ..ไม่คิดถึง
พักกลอนอกหัก กลับมาเขียนกลอนรักบ้าง

ร้อยรักถักใจ

เฌอมาลย์


ห้าเจ้าจอมรวมกันเมื่อวันก่อน
คิดเขียนกลอนเรื่องใดอะไรหนอ
งั้นเอางานด้านที่ฝีมือพอ
เรื่องถักทอฉันนั้นชำนาญการ
จับไหมพรมเข็มควักถักเส้นไหม
โยงสายใยสัมพันธ์มั่นประสาน
ประดิดประดอยด้วยมือสื่อผลงาน
แทนถ้อยขานผ่านใจไปถึงเธอ
ร้อยห่วงโซ่แทนห่วงใยไปทุกช่วง
ทุกทุกห่วงแทนจิตคิดถึงเสมอ
ปรารถนาดีหมายประสบให้พบเจอ
หวังปรนเปรอความสุขทุกช่วงวัน
เกิดผลงานแทนใจให้มิ่งมิตร
ที่สนิทชิดใกล้ดวงใจฉัน
ตุ๊กตาเจ้าสาวพริ้งพราวพรรณ
ความหมายนั่นให้เธอเจอคู่ดี
ส่วนทิชชูแทนใจนัยภาษา
หากน้ำตาเธอท้นจนล้นปรี
พร้อมจะซับน้ำตาทุกนาที
เพื่อนคนนี้..เคียงข้างมิร้างลา..
ใครได้รับของขวัญนั้นพิเศษ
จำนงเจตน์หมายมาดปรารถนา
แทนไมตรีมิตรภาพที่ทาบทา
เสมือนว่าได้ใจไปทั้งดวง อิอิ

แก้วตาดวงใจ

อนงค์นาง


ลมหนาวพัดอีกคราแก้วตาขวัญ
สองชีวันอุ่นทรวงดวงสมร
จัดห้องรอรับเจ้าสู่เหย้านอน
หนาวหรือร้อนผ่อนคลายสบายใจ
แม่เฝ้ารอลูกอยู่สู่อ้อมแขน
คิดถึงแม้นมากนักจักทนไหว
ทั้งการเรียนการงานผ่านห่วงใย
เหมือนเยาว์วัยอุ้มชูเลี้ยงดูมา

หนักใจ

คนกรุงศรี


อยากบอกเขา เราหนอ ทดท้อนัก
สุดอึกอัก หนักใจ ไม่ประสา
ตั้งหลายคำ เตรียมไว้ ในอุรา
แต่มิกล้า บอกเขา ให้เข้าใจ
ความรู้สึก นึกคิด ผิดสังเกตุ
หาสาเหตุ ที่แท้ อยากแก้ไข
คิดถึงบ่อย คอยหา มาเมื่อใด
สุดห่วงใย ไม่เจอ นั่งเหม่อลอย
แต่พบหน้า คราใด ยิ่งไหวหวั่น
มือไม้มัน เกะกะ อยากจะถอย
เขาไม่ถาม ไม่ไถ่ ดั่งใจคอย
สุดเหงาหงอย รู้ว่า น้ำตาริน

เพื่อเราที่รัก

คนกรุงศรี


เพราะว่าฉัน  เธอจึงกล้า  บอกว่ารัก
แจ้งประจักษ์  จริงใจ  ไม่แปรผัน
เพื่อเธอ  จึงได้ตอบ  มอบสัมพันธ์
รักเธอนั้น  ห่วงหา  และอาทร
รู้แล้วนะ  ว่าเรา  เฝ้าคิดถึง
แสนสุดซึ้ง  ฤทัย  ที่ไหวอ่อน
เรามีเดือน  และดาว  คอยเว้าวอน
มิสั่นคลอน  เพราะเรา  เข้าใจกัน

๐ ราชสีห์จะคืนถิ่น ๐

แก้วประเสริฐ


๐ ราชสีห์จะคืนถิ่น ๐
๐ ขอลาแล้วแก้วตาอนิจจาเจ้า
ต้องจากเรือนหนีเหย้าเฝ้าเสน่หา
พรากสถานรักเงาไม้ร่มชายคา
หลั่งน้ำตาแผ่นดินถิ่นจากจร
๐  เหลือแต่เพียงไออุ่นละมุนซึ้ง
ที่ตราตรึงฝากไว้หทัยถอน
สลักลึกตรึกไว้ให้อาวรณ์
สุดสะท้อนภิรมย์ห่มดวงมาลย์
๐ จากแม่พระธรณีหนีพรากไกล
แสนอาลัยแผ่นดินถิ่นสถาน
ทิ้งริ้วรอยฝากไว้คล้ายทรมาน
ต้องซมซานซุกซ่อนถอนฤทัย
๐ สิ้นบุญและบารมีที่เคยสร้าง
ต้องรกร้างไร้สิ้นถิ่นอาศัย
มีเพียงน้ำกับฟ้ามาห้อมใจ
สิ้นวิไลสิ่งซึ้งซ่านตรึงตา
๐ หวังทดแทนแผ่นดินถิ่นกำเนิด
ให้บรรเจิดแนวสวัสดิ์พิพัฒน์หา
มิอาจก้าวล่วงพ้นคนมายา
สั่นผวาผันผวนป่วนสิ่งครอง
๐ ดุจราชสีห์ทิ้งทุ่งพรากแนวไพร
ซมซานไกลแผ่นดินถิ่นเคยสนอง
ร่อนเร่ไปไร้ฐานอันหมายครอง
สิ้นเรืองรองหลับใหลไม่อาจคืน
๐ จะมีน้ำกลับฟ้าเป็นเพื่อนคนึง
แม้นเคยซึ้งหนีจากพรากสะอื้น
โดดเดี่ยวเดียวดายร้างห่างยั่งยืน
จนต้องฝืนทนไว้คล้ายละลาย
๐ เมื่ออยู่นี้แสนห่วงหาอาลัย
โอ้จากไกลดวงใจให้แสนหาย
กลิ่นไอหอมฟุ้งยังคลุ้งกำจาย
ซุกซ่อนกายดุจดังไร้แผ่นดิน
๐ มองแผ่นน้ำและฟ้าพาสะอื้น
ยากจะคืนกลับมาวาสนาสิ้น
แผ่นดินแม่ทอทาบอาบดวงจินต์
สุดแสนถวิลครวญคร่ำน้ำตานอง
๐ ทั้งมันสมองปัญญาพาขื่นขม
เฝ้าตรอมตรมมิอาจปราศสนอง
กลับสร้างที่เขาให้ได้เรืองรอง
คนทั้งผองน้ำตาหาเปรมปรีดิ์
๐ เกิดแหลมทองพิลาสปราศอาศัย
ห้วงดวงใจปวดร้าวเฝ้าหมองศรี
แผ่นดินเขาเฝ้าครองฉลองยินดี
ในห้วง
หน้า / 15  
ทั้งหมด 247 กลอน