กลอนข้อคิด

ม่านชีวิต

jojo24


สับสนอลหม่านม่านชีวิต
เหมือนหลงทิศติดอยู่ในที่ไพรสณฑ์
มันมืดมิดมองออกไปไร้ผู้คน
ในกมลเริ่มมืดมัวด้วยกลัวภัย
ม่านชีวิตเปิดแสดงมาช่วงหนึ่ง
ดำเนินถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
คือทางแยกมากมายหลายที่ไป
แล้วทางไหนมีเส้นชัยอยู่ปลายทาง
แหงนมองฟ้าหวังหาดาวช่วยบอกทิศ
แต่ความหวังดับสนิทเพราะเมฆขวาง
พายุใหญ่ก่อตัวทั่วนภางค์
หมดหนทางจะเดินเท้าก้าวต่อไป
ทรุดองค์ลงพักอยู่กับที่
ครุ่นคิดหาวิธีจะแก้ไข
หวนรำลึกเมื่อครั้งยังเยาว์วัย
บ้านหลังใหญ่ที่จำใจต้องจากมา
ออกเดินทางพร้อมชายหนึ่งและหนึ่งหญิง
ไม่เคยทิ้งยามป่วยช่วยรักษา
สอนคุณธรรมสอนใจให้วิชา
วันข้างหน้าจะได้รอดและปลอดภัย
เดินมาถึงแม่น้ำกว้างขวางทางอยู่
จ้องมองดูอีกฟากฝั่งหาเห็นไม่
หมดหนทางที่สองเท้าก้าวข้ามไป
หวังเรือใหญ่ผ่านมาพาข้ามพลัน
แต่มีเพียงเรือจ้างน้อยลอยลำอยู่
ซึ่งมองดูคงนั่งได้แค่กายฉัน
ฝากเด็กน้อยกับเรือจ้างผ่านทางตัน
จนฝ่าฟันข้ามฝั่งดังตั้งใจ
ลงเรือจ้างเดินต่อไปด้วยใจมั่น
พร้อมความฝันจะไปถึงเป้าหมายใหญ่
แต่เดินทางไปได้ไม่ทันไร
กลับหลงทางกลางไพรใจหวั่นกลัว
ขณะนั่งนึกความหลังครั้งเด็กน้อย
น้ำฟ้าย้อยตกลงที่ตรงหัว
ฝนบนฟ้าหลั่งมาไม่รู้ตัว
จนเปียกชุ่มถ้วนทั่วทั้งร่างกาย
มาพบถ้ำจึงเข้าหลบสงบจิต
หวังพิชิตความกลัวให้จางหาย
เวลาพ้นฝนตกหนักก็จักคลาย
เมฆสลายพบประกายของดารา
สุดดีใจเมื่อได้เห็นแสงดาวส่อง
เป็นแสงทองที่เฝ้ารอและเสาะหา
รีบก้าวเดินต่

หนึ่งทำ ! จากพันคำ

ศรีสมภพ


พูดพันคำ..พร่ำทั้งวันทำกันได้
แต่หนึ่งทำจากพันคำ..ทำได้ไหม ?
ฤดูกาลเคยหว่านคำ ทำเลือนไป
เชิดหน้าใหญ่ในสภา ..อย่าไปทำ !
...
แค่ลมปากถากหู ฤดูหาเสียง
ทุ่มไม่อั้นฉันไม่เกี่ยงเสียงอย่าต่ำ
ให้แปลงร่างสร้างฉาก สุดตรากตรำ
ก็จะทนก็จะทำ ในยามนี้..
พันคำ..ทำได้หนึ่ง ก็ถึงธรรม
พฤติกรรมย้ำเห็นเป็นศักดิ์ศรี
หนึ่งทำ..จากพร่ำเพรื่อ ยังเหลือดี
กว่าหลบลี้หนีหน้า..ไม่มาทำ !
ยังจำ..คำทุกคำที่พร่ำหวาน
หมดเทศกาลผ่านไป อย่าให้ย้ำ
ช่วยบอกกล่าว มาเล่าไขที่ได้ทำ
อย่าปล่อยให้ไปตามกรรม ..เหมือนทำมา !
กาให้แล้วหนา.. อย่าหายหน้า ต้องมาทำ !!
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เผยภาพรวมก่อนเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. คาดมีผู้มาใช้สิทธิ์เกิน60%ดูเพิ่มเติม

อยากตัดใจ

บุญพร้อม


อยากตัดใจปล่อยวางจากทางโลก
ละสุขโศกที่มีหนีให้พ้น
ความวุ่นวายหลากหลายในสกล
สร้างสับสนเวียนเกล้าไม่เข้าใจ
มีทั้งปราชญ์และครูอยู่ไม่น้อย
ต่างเรียงร้อยถ้อยคำจำไม่ไหว
ขัอปลีกย่อยก็แยกแตกกันไป
เหมือนจะใบ้บอกกันมีฉันเธอ
ฉันต้องดีเลิศเลอกว่าเธอแน่
เธอสิแย่ต่ำต้อยด้อยเสมอ
หากวันใตฉันด้อยน้อยกว่าเธอ
ก็อย่าเผลอให้เหยียบเสียบก็เอา
อยากตัดใจปล่อยวางเอาอย่างพระ
ไม่วายจะข้องจิตผิดหรือเปล่า
เห็นแต่ธรรมองค์สัมพุทธที่หยุดเรา
หลงมัวเมาเนื้อแท้  แค่ แต่งปรุง

ใต้แสงศศิธร

ลักษมณ์


ขอไปเฝ้าแทบเท้าท่านมัจจุราช
.
เพื่อชดใช้ภพชาติที่พลาดผิด
.
ขอทดแทนแผ่นบุญคุณชีวิต
.
ด้วยอุทิศจิตกุศลต่างผลบุญ
.
# ใต้แสงศศิธร ก่อนคืนเพ็ญมาฆปุรณมีฯ

กรวดหินทราย

แก้วประภัสสร


สร้างความดีผูกมิตรเชื่อมจิตไว้
โชคชะตาพาไปในบางหน
หากแต่ความสำเร็จเสร็จโดยตน
ต้องอดทนซื่อสัตย์ประหยัดกัน
ไม่ต้องรอโอกาสวาสนา
กรวดหินทรายมีค่าถ้าสร้างสรรค์
สวมขึ้นคอก็สวยรวยเหมือนกัน
อย่ารอเพชรเม็ดใหญ่นั้นมันนานเกิน
**แก้วประภัสสร **ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
สั้นๆ ..แบบนี้แหละ ( ไม่ได้เขียนหลายวันนึกคำไม่ออกค่่ะพี่น้อง อิอิ )
ขอบคุณภาพจากกูเกิ้ลนะคะ

บ่นออกเฟซ

สีอำพัน


..มานั่งคิดสิทธ์อะไรไปสอนสั่ง
จึงต้องนั่งวางท่าทำหน้าเฉย
ช่างมันซะใช่ธุระปล่อยละเลย
ผลลงเอยเพื่อนเที่ยวพาลประจานตน
..ภาษิตไทยน้ำใสจึ่งไว้นอก
ดังท่านบอกห้ามพูดร้ายขยายผล
หยุดป่าวร้องฟ้องเรื่องร้ายทำลายตน
หมั่นฝึกฝนสิ่งใดควรล้วนเรื่องดี
..ละเรื่องลบหยุดสาวใส้ให้กากิน
คำติฉินหรือควรคู่คิดดูถี
มีใครบ้างเห็นใจเล่าเจ้าคนดี
หยุดซะทีเลิกเล่าขานประจานตัว
..วันหนึ่งใดต่อไปในวันหน้า
เรื่องวันนี้จะพาส่งผลชั่ว
โพสต์เรื่องดี ส่งเสริมดีมีแก่ตัว
พร่ำบ่นมั่ว พ่นทุกยามงามหน้าเอง

วาง

ส่องหล้า


สองปีกว่าจากไกลไปแนวหน้า
หว่านเม็ดพืชนานาในทุ่งท้น
เก็บเกี่ยวกลืนฝืนฝาดกาจผจญ
ประจักษ์จริงขุ่นข้นคละคลุ้งคาว….
วิถีทุ่งวิถีนาวิถีมนุษย์
วิถีทางสิ้นสุดลงดับด้าว
ภูเขาสูงผาชันกลั่นเรื่องราว
จะโดดดิ่งดุ่มก้าวหรือถอยไกล
มองเบื้องหลังล้วนหน้าปัจจามิตร
คอยทิ่มแทงหวังปลิดชีวิตไหม้
กระหน่ำแทงสับฉึกทะลวงใน
ควานลึกล้วงบั่นใส้ชอนไชจินต์
โลหิตแดงพร่างพรายกระจายเกลื่อน
ในสำนึกย้ำเตือนไม่สร่างสิ้น
เมื่อขาก้าวเท้ากล้าฝ่าชีวิน
โสตสดับมิยลยินทุกย้ำเตือน
แม้ถาโถมพัวพันกระชั้นสู้
ยิ่งหนักหน่วงพันตูเข้าเชือดเฉือน
ถีบโถมแรงยิ่งสะท้อนย้อนสะเทือน
ตาต่อตาก็ดูเหมือนเข้าทางมัน
ณ. ยอดผาปลายภูของรู้สึก
มิลดละสำนึกในทางฝัน
มายืนหยัดตั้งอยู่บนผาชัน
วางความอยากแล้วกลับหันสู่ความจริง
จึ่งเห็นโลกวิมุติพิสุทธิ์สว่าง
ความอยากหยาบละวางสลัดทิ้ง
สงบจิตตั้งมั่นไม่ไหวติง
บนยอดภูสงบนิ่งวิมุติ...กรรม

ขอแค่ยังไม่ตาย

เชษฐภัทร วิสัยจร


ความล้มเหลวคิดให้ดีมีแต่ได้
เหมือนเถลไถลหลงทางอยู่กลางป่า
ยิ่งเจ็บใจยิ่งจดจำเป็นธรรมดา
ยิ่งรู้ค่าทางที่หลงเคยงงกัน
ให้เปรียบเทียบทางที่ถูกผูกความคิด
ให้ตั้งจิตปรับมุมมองต้องมุ่งมั่น
สิ่งที่ฆ่าเราไม่ตายจงใช้มัน
มาสร้างสรรค์ชีวิตไว้ให้เติบโต
ผิดร้อยครั้งพันครั้งยิ่งสั่งสม
ยิ่งถูกข่มถูกด่า ถูกฮาโห่
ยิ่งกลบความไม่ดีขี้คุยโว
ความยโสไม่รุกล้ำมากล้ำกราย
ที่เราถูกเพราะเคยผิดคิดเสียก่อน
คำนวณย้อนประสบการณ์การแพ้พ่าย
เอาตัวรอดเอาไว้แค่ไม่ตาย
ยังไม่สายโอกาสหน้าฟ้าใหม่มี

วัย

วชรกานท์


กาลก้าวล่วงบ่วงกรรมเริ่มนำชัก
โกรธโลภหลงรักเริ่มหักหาย
ขึ้นภูเขาสุดยอดย้อนดูกาย
เหลียวขวาซ้ายหน้าหลังนั่งพิจารณา
ตะวันคล้อยลอยเลื่อนเหมือนอายุ
ได้ฝ่าฟันบรรลุถึงหลักห้า
กรรมเคยทำดีชั่วพัวพันมา
เริ่มสร่างซาย้อนคิดอนิจจัง
เร่ิ่มละสุขสรรเสริญเมินลาภยศ
คุณธรรมปรากฏเป็นความหวัง
เหลือแต่บ่วงห่วงงานการที่ยัง
ลูกก็ไม่ถึงฝั่งยังเล่าเรียน
เมื่ออายุเลี้ยวคดเริ่มลดโค้ง
ตะวันบ่ายสองโมงก่อนเกษียณ
ภารกิจที่รับไว้ใคร่พากเพียร
แม้เหนื่อยเจียนกระอักยังรักทำ
แค่ปล่อยวางบางครั้งดังคำพระ
ลดเลิกละจากอบายใจอิ่มหนำ
อนาคตกำหนดได้ใช่บุญกรรม
จึงน้อมนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
ทางสายกลางโยโสมนสิการ
กู่กังวานก้องไปให้สุดเสียง
พอประมาณมีเหตุผลคุ้มค่าเคียง
จึงร้อยเรียงความคิดลิขิตตน
คุณธรรมนำความรู้รับใช้ชาติ
กษัตริย์ศาสน์ปวงประชาทุกแห่งหน
ขอพุทธาเทวามาดาลดล
ขอผองภัยที่ผจญจงมลาย
ขอรวบรวมสติคิดริเริ่ม
ฟังความเห็นเพิ่มเติมก่อนจะสาย
รวมรวมสรรพกำลังทั้งใจกาย
สู่เป้าหมายสำเร็จให้เสร็จพลัน

เมื่อตอนเด็กชอบใจไม้กะดก

บุญพร้อม


เมื่อ ตอนเด็กชอบใจไม้กะดก
ข้างหนึ่งยกอีกข้างตกกะดกได้
ต้องสมดุลย์จึงเด่นเล่นสบาย
ไม่วุ่นวายตามถ่วงเพราะห่วงกัน
หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดใจไม่ซื่อ
ไปยึดถืออีกฝ่ายใช่พวกฉัน
กะโดดละผละไปอย่างฉับพลัน
เจ้าไม้นั้นย่อมกะดกตกอย่างแรง
ไม้กะดกเปรียบหมายคล้ายตาชั่ง
มีสองฝั่งสองข้างกระจ่างแจ้ง
ตั้งตราชั่งตรงไว้ไม่ตะแคง
เรื่องขัดแย้งย่อมลดหมดไปเอง

สักวันหนึ่ง

din


ทางข้างหน้าก้าวไปไม่ยั้งหยุด
ก้าวให้สุดปลายทางที่ฝันใฝ่
บนเส้นทางความหวังซึ่งยังไกล
แม้เส้นชัยไกลลิบสู้ยิบตา
กับรางวัลชีวิตที่คิดหวัง
หากก้าวพลั้งอย่าหวั่นกับปัญหา
เพราะสมองสองมือคือปัญญา
อย่าอ่อนล้าทุกข์ทนจนฟูมฟาย
ทุกฝีเท้าก้าวไปอย่าไหวหวั่น
จงตั้งมั่นให้ถึงซึ่งจุดหมาย
แม้วันเปลี่ยนเวียนลับแล้วกลับกลาย
อย่าแพ้พ่ายต่อโลกโชคชตา
เพราะสมองสองมือคืออาวุธ
อย่ายั้งหยุดมุ่งมาดปรารถนา
หากแม้มีอุปสรรคหนักนานา
ใช้ปัญญาพินิจครุ่นคิดตรอง
จงใคร่ครวญดูเลศของเหตุผล
อย่าหลงกลพาใจให้มัวหมอง
รู้ผิด-ชอบดีงามตามครรลอง
ฟ้าสีทอง...เป็นของเรา...เข้าสักวัน

จุดไต้ต่อไฟ

กวีปกรณ์


จุดไต้ต่อไฟเติมเชื้อเพลิง
เปลวร้อนเร่งระเริงเรืองสว่าง
สะท้อนเงาพาดบนถนนทาง
อย่าหวังเพียงจันทร์กระจ่างร้างอุ่นไอ
แท้ม่านดำดึกดื่นยังหมื่นดาว
ยังพร่างพราวระยับกลับพริบไหว
บ้างบอดลับดับปลงมืดลงไป
ที่ยังเหลืิอบอกใบ้ให้หนทาง
คือคบไฟส่องพื้นกลางคืนค่ำ
กางแผนที่งามล้ำบนฟ้ากว้าง
อาจบางทีจันทร์คล้อยที่ลอยคว้าง
บอกชั่วยามความต่างหว่างเวลา
ดับคบเพลิงก่อไฟในกลางค่ำ
ท้นทบทวนความจำอันล้ำค่า
แต่ละหนึ่งก้าวย่างที่สร้างมา
หลงตนสร้างอัตตาเสียเท่าไร
จันทร์ยังรู้ซ่อนตนให้พ้นเช้า
ประสบการณ์ปลายเท้าทั้งเก่าใหม่
ล้างแล้วล้มตัวนอนท่ามฟอนไฟ
พรุ่งนี้จะอย่างไรตามแต่กรรม
>

วาเลนไทน์.....

ลานเทวา


วาเลนไทน์.....
............................
เสียอะไรได้อะไร ใครต่างรู้
ยังสติดีอยู่ รู้ใช่ไหม
พรุ่งนี้เราจะได้อะไร เสียอะไร
กับวันวาเลนไทน์ ของปีนี้
ได้ความรักมาดื่มด่ำ
กลับเสียตัวถลำ ใช่หรือนี่
พ่อแม่เลี้ยงดูเรามาตั้งกี่ปี
ทำอะไรดีดี ให้ท่านรึยัง
แม้แต่เงินซื้อดอกกุหลาบ
มาแต่คราบไคลเหงื่อเจือความหวัง
จากแรงแม่แรงพ่อ ก่อพลัง
ให้ลูกยังใช้จ่าย ไม่อายคน
เสียอะไรได้อะไร ต่างใครรู้
ความอดสูจากครู่คราว เหน็บหนาวผล
วันแห่งรักวันแห่งใจ กระไรดล
ยอมเสียตัวเสียตน ให้คนรัก
ค่านิยมต่ำทราม นิยามค่า
เพรียกสาวกบอดตา มิตระหนัก
กุหลาบแดงแฝงกล สับสนนัก
สื่อชวนชัก รักเฟื่องเป็นเรื่องราว
เถอะ ก่อนจะเสียตัว เสียใจ
ถามพ่อแม่สักคำไหม เล่าหนุ่มสาว
ว่าความรักจะสุขชื่น และยืนยาว
ต้องผ่านคาวผ่านใคร่ ที่ไหนกัน
………………….
โดยคำ ลานเทวา

คอเดียวกันคุยกันนั้นสนุก

บุญพร้อม


คอเดียวกันคุยกันนั้นสนุก
ต่างเสริมมุขกันไปได้สรวลเส
เรื่องจิ้งจกตุ๊กแกก็ฮาเฮ
คลายว้าเหว่ ชื่นชมนิยมกัน
เรื่องจริงจังไม่เอาเขากลัวคุก
ไม่สนุกควรวางไม่สร้างสรร
ใครจะเป็นจะตายช่างหัวมัน
คนหัวรั้นไม่พุทโธว่าโง่เอง
คนละคอคนละอย่างต่างความคิด
จะถูกผิดครวญใคร่ให้เหมาะสม
อย่าเพิ่งด่วนว่าความตามนิยม
จะเป็นปม คอยรั้ง ครั้งต่อไป

...เป็นเพื่อนตาย...

plaing_piu


๑   ดึกดื่นดาวหนาวจางมองกลางบ้าน
หอมนานนานเบิกบานชีวิตที่หยั่ง
เก็บทุกอย่างรอบข้างชื่นคืนพลัง
ไกลสุดฝังสายตาจะคว้าชม
๑   คือหัวใจไหวตามความรู้สึก
ผ่านภูพฤกษ์นึกไกลใดหวานขม
สำเร็จหรือล้มเหลวเก็บเกี่ยวปม
ชีวิตห่มคมปัญญาสัจจาธรรม
๑   กว่าเป็นเรือนเช่นนี้ที่สัมผัส
กว่าเป็นมัดกล้ามเนื้อเถือปลุกปล้ำ
กว่าเป็นทุกสิ่งปลูกสร้างทางเคี่ยวกรำ
คืนกระจ่างธรรมกลางใจใต้เดือนดาว
๑   สุดฟ้าทะเลหมอกดึกหยอกเย้า
ไกลเทือกเขาเงาป่าท้าสืบสาว
ผ่อนคลายสายตัวปลอดทุกทอดยาว
อาบลมหนาวดาวเดือนเป็นเพื่อนตาย
๑   เพียงเท่านี้ที่เห็นเป็นแก่นสาร
ประภาคารสานใจมิให้พ่าย
มืดอย่างไรอย่างนั้นอันตราย
มิใช่ควายเหมือนควายงัว..มิกลัวงาน
๑   คือเราเป็นเจ้าเรือนเหมือนทุกสิ่ง
คือความจริงงามแท้แผ่หลักฐาน
คือวันนี้สัญญาอนาคตกาล
คือวิมานสถานเดียวเกี้ยวเดือนดาว
........

เมื่อข้าพเจ้าเขียนด้วย

กุ้งหนามแดง


จะเป็นไรไปเล่า..เฝ้าเขียนอ่าน
อุดมการณ์ต่างกันฤากั้นขวาง
ต่างรับรู้ความเหมือนไม่เลือนลาง
เพื่อนร่วมทางอย่าท้อสู้ต่อไป
เท่าที่เคยรับฟังไม่รังเกียจ
อย่าเคร่งเครียดเสียขวัญจนหวั่นไหว
จะเปลี่ยนแปลงตรรกะเพื่ออะไร
ความหมองไหม้ของตนแลกคนดู?
เป็นตัวของตัวเองคงเจ๋งกว่า
ถูกตราหน้าว่ากบฏน่าอดสู
หลอกตัวเองทำไมใครเชิดชู
แม้ศัตรูยังเยาะเกาะรั้วแซว
สุจริตทุกครั้งตั้งใจมั่น
มุ่งบากบั่นกรุยทางและวางแถว
สะท้อนงานการเมืองกระเตื้องแนว
หายใจแผ่วทิ้งไป..ทำไมมี!!!
..

แส้เส้นหนึ่ง...

คีตากะ


ด้วยอำนาจอันใดเล่าเฝ้ากระหน่ำ?
คอยเคี่ยวกรำซ้ำโบยเธอโหยหา
รุกเร่งเร้าเช้าค่ำย้ำนานมา
ให้เธอฝ่ามุ่งไปไม่หยุดหย่อน...
ไต่ภูผาป่าไพรธารไหลหลาก
แม้ลำบากเธอบรรลุฝากอนุสรณ์
ทิ้งรอยเท้าเลือนรางบนทางจร
ผ่านหนาวร้อนกี่ฤดูยังสู้ไป
ข้ามฝั่งฟ้ามาบรรจบจนพบฉัน
ในคืนวันเงียบเหงาเฝ้าหวั่นไหว
วันน้ำตาเธอเอ่อท้นล้นทรวงใน
และฉันได้ยินเสียงเพรียกของมัน
เธอเบื่อหน่ายใช่ไหมจึงได้บ่น?
เธอว่ายวนจนครบและพบฉัน
โน่นเห็นไหม! นั่นแสงแห่งพระจันทร์
ความสุขนั้นรอเธอเสมอมา
ทรัพย์ศฤงคารมากมายภายโลกนี้
ฤาจักที่เทียบได้ในคุณค่า
ทรัพย์ภายในแห่งจิตพิจารณา
ชุบชีวาอีกหนพ้นความตาย
หยุดเถอะ! ที่รักฉันจักเอ่ย
เพียงเพื่อเผยสวรรค์อันเฉิดฉาย
โลกแห่งนี้มีเพียงแต่ความตาย
กองกระดูกมากมายสุมก่ายกอง
เดินตามฉันไปสู่...ผู้รู้แจ้ง!
หนทางแห่งอมตะละเศร้าหมอง
เพลิงกำลังเผาโลกเสียงโศกครอง
ร่วมฉลองศักราชแห่งศาสดา
ขบวนแห่แห่งนักบุญยังหนุนเนื่อง
จักเกลื่อนเมืองสุดประมาณผ่านแหล่งหล้า
นำพระพรบุญกุศลล้นคณา
ยกโลกาสู่สวรรค์บันดาลดล
โปรดอย่าช้า! คนดีเดือนปีผ่าน
ปล่อยสังขารล่วงไปไม่เกิดผล
ความตายรอตรงหน้าทุกตัวตน
วันคืนพ้นผันไปไม่แน่นอน....
หน้า / 28  
ทั้งหมด 467 กลอน