กลอนข้อคิด

ปริญญามหาบุตร

ศรีสมภพ


พรุ่งนี้.. มีพิธี มีงานใหญ่
แห่งมหาวิทยาลัย .. ในปีหนึ่ง
หลายคน หลายครอบครัวคอยวันถึง
เป็นวันหนึ่งซึ่งสำคัญ ใช่วันผ่าน
ใจพ่อปลื้ม แม่ยิ่งปลื้ม  ..ต่างลืมทุกข์
รับความสุข แม้เกลือกทุกข์..ยังสุขสันต์
คราบเหงื่อแห้ง ที่แฝงล้า มานานวัน
อันตรธาน...เร่งวันนับ รับปริญญา !
จอเก่าๆ ..ข่าวคงมี นับนี้จ้อง
เสื้อครุยครอง มองลูกใส่ นัยน์ตาพร่า
ภาพองค์ท่าน ประทานให้ได้ปริญญา
ที่แลกมา ด้วยน้ำตา และคราบไคล
เห็นพ่อแม่ และพี่น้อง ฉลองลูก
สนานสนุกปลุกรอบบ้านจัดงานใหญ่
เหมารถบัส จัดฟรีทัวร์ จนกลัวใจ
มีเครื่องไฟ ให้เกริกก้องฉลองกัน
อยากกระทำอย่างเขา ..แต่เจ้าย้ำ
อย่ากระทำอย่างเขา  ..เขลาทั้งนั้น
บ้านของเขา บ้านของเรา ..จนเท่ากัน
คำเจ้านั้น  บอกให้คิด  ..ผิดแนวทาง
เงินเดือนแรก.. เจ้าทูนให้เก็บไว้อยู่
กตัญญู รู้คุณ  ..จึงหนุนสร้าง
ดูในจอ พอเห็นได้ ไม่แตกต่าง
ก็แค่ร่าง สร้างครุยสวม ..ร่วมปรีดา
ต่อแต่นี้ ..หน้าที่ลูก  ทุกๆอย่าง
ให้พ่อวาง  ให้แม่อุ่น แทนคุณกล้า
หยาดเหงื่อเจ้าจะทดแทน อย่างแน่นหนา
เช็ดน้ำตา เช็ดคราบไคลให้ใสงาม
พรุ่งนี้ ..มีงานใหญ่ในบ้านเก่า
ฉลองเรา พ่อแม่ลูก ..ผูกพันสาม
พร้อมปริญญา “ มหาบุตร ” ที่สุดงาม
ตามคำปราม ..ธรรมนำทาง อย่างเจ้าทำ !

สงสารพ่อ...

หญิงบ้า


องค์พ่อหลวงห่วงใยประชาราษฎร์
ทรราชย์กลับหมิ่นหยามห้ามได้ไหม
คิดแล้วเศร้ากับกฎหมายบ้านเมืองไทย
ปล่อยให้ใครทำกับพ่อเราได้ลง
อีกนานไหมพวกบ้าจะตระหนัก
ว่าความรักของพ่อนั้นสูงส่ง
เลิกเหยียบย่ำทำชั่วกับพระองค์
ไม่กลัวลงนรกหรืออย่างไร
ยามได้เห็นถ้อยคำทำร้ายพ่อ
วอนให้พอแค่นี้จะได้ไหม
หยุดเยี่ยมย่ำดูหมิ่นดวงใจไทย
พอได้ไหมพวกไร้จิตวิญญาณ
หากกลับตัววันนี้ยังไม่สาย
จักกลับกลายจากสัตว์เดรัจฉาน
สำนึกในกรุณา ธ ประธาน
ช่วยขับไล่พวกมารแห่งสังคม

ทำดีทุกวัน สวรรค์อยู่ในใจ

อนงค์นาง


ตื่นเช้าแต่ละวันฉันตั้งจิต
ว่าชีวิตวันนี้ยังมีหวัง
กำลังใจต่อสู้คู่พลัง
กายใจยังสัมพันธ์กันด้วยดี
คิดพูดทำกรรมใดใจผ่องแผ้ว
คงไม่แคล้วสุขจริงทุกข์วิ่งหนี
ศีลห้านั้นทำเถิดประเสริฐดี
ทุกชีวีปลอดภัยไม่ร้อนรน
มีปัญหาอะไรแก้ไขก่อน
อย่าใจร้อนวู่วามถามเหตุผล
ไม่เข้าข้างตนเองข่มเหงคน
นิ่งอดทนไว้บ้างอย่างเมตตา
ไม่คิดร้ายต่อชาติศาสน์กษัตริย์
จงยืนหยัดกตัญญูรู้ศึกษา
ทำการงานให้ดีมีวิชา
ผู้ด้อยกว่าช่วยเขาเราได้บุญ

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

สุนทรวิทย์


ยังมีคน  มากมาย  ในโลกนี้
ทนโศกี  คับแค้น  แสนสาหัส
ผจญกับ  ปัญหา  สารพัด
อัตคัด  ขัดสน  จนวันวายเด็กส่วนหนึ่ง  บอบช้ำ  แต่กำเนิด
ผู้ให้เกิด  ทิ้งขว้าง  หนีห่างหาย
ต้องกำพร้า  หน้าเซียว  อยู่เดียวดาย
ซังกะตาย  อับจน  สิ้นหนทางบ้างพิการ  ซ้ำซ้อน  นอนง่อยเปลี้ย
เจ็บละเหี่ย  เพลียใจ  ไม่ซาสร่าง
ชีวิตเจ็บ  ทุรน  บนเส้นฟาง
พร้อมอับปาง  จบเห่  ทุกเวลาอนิจจา  เพื่อนร่วมโลก  ผู้โชคร้าย
ชะตาคล้าย  ถูกสาป  มีบาปหนา
หวังเพียงใคร  ไยดี  ชุบชีวา
ช่วยเยียวยา  บาดแผล  มีแก่ใจคนร่ำรวย  เนียรทุกข์  สุขวิศิษฏ์
เคยแบ่งจิต  เอื้อเฟื้อ  เกื้อกูลไหม
กรุณา  สักนิด  คิดห่วงใย
ช่วยเขาให้  บรรเทา  จากเศร้าตรม
โปรดแสดง  น้ำใจ  อย่าได้ช้า
ซับน้ำตา  แก้ไข  คลายขื่นขม
ช่วยเหลือเด็ก  ด้อยโอกาส  ขาดรื่นรมย์
เท่าประเทือง  สังคม  สั่งสมคุณ
สร้างกุศล  จุนเจือ  เผื่อภพหน้า
ธรรมสัมมา  จะย้อน  อาทรหนุน
เกิดเป็นคน  มุทิตา  แผ่การุญ
ย่อมได้บุญ  เสริมชีวาตม์  ทุกชาติไป

" ตอดี...ใต้น้ำ "

อ.วรศิลป์


น้ำลด...แล้วตอผุด
สัจธรรมมนุษย์...พึงใคร่ครวญ
ใดใด....ในโลกล้วน
สักวันหนึ่ง....ถูกเปิดเผย
น้ำสูง....ซ่อนตอไว้
กาลล่วงไป....ไม่เหมือนเคย
น้ำลด....ตอโผล่เลย
ทุกคนเห็น.....ความเป็นจริง
คงจะดี....มิใช่น้อย
ไร้ด่างพร้อย.....ในทุกสิ่ง
ดีที่เห็น....เป็นเรื่องจริง
ทั้งเหนือน้ำ....ทั้งใต้น้ำ
น้ำลด....แล้วตอผุด
เตือนมนุษย์....อย่าเลวทราม
ดีชั่ว....ตัวกระทำ
สักวันหนึ่ง....ถูกเปิดเผย
ครวญใคร่....กันให้ดี
ขออย่ามี....วันนั้นเลย
วันใด....ตอถูกเผย
ขอให้เห็น....เป็น " ตอดี "

เรียนรู้รัก

กีตาร์เก่า


เมื่อความรักเข้าตา จะใช้ยาก็ไม่ได้
ความรักคล้าย ตัวทำลาย ทั้งเจ้านายและลูกน้องโดนเล่นงาน
ทั้งอาจารย์ ลูกศิษย์ โดนเป็นแถว หัวใจแป้ว กันทั้งนั้น น่าใจหาย
ความรักอาจ ยิ่งกว่า ตัวทำลาย เพราะเขาทราย แกแล็คซี่ ยังโดนเลย
เมื่อความรัก ของเราๆ ผ่านเข้ามา ป้าน้าอายังไม่กลัว เพราะเจอแล้ว
เจอเรื่องรักทุกวันก็ไม่แคล้ว ทำใจแล้ว เรื่องรักๆ ของท่านๆ
บางคนรัก ไม่เป็นชิ้น ไม่เป็นอัน ช่างหัวมัน ไม่ได้ ต้องใส่ใจ
เราก็ถาม กับเขา ว่าทำไม ถึงไม่ยอม เข้าใจใน ความรักเลย
อย่างฉันนั้น ชอบรัก ไม่กลัวเชย ดูรู้เลย ว่าจริงใจ กับทุกคน
ไม่ทำตัว เป็นคน สัปดน เราเป็นคนที่ดี ทุกคนรัก
เหนื่อยกับรัก จงนั่งพัก เอาไว้ก่อน อย่ารีบร้อน รักไป ทำเสียที
ทุกๆวัน เราต้องทำ แต่ความดี จะได้มี ภูมิคุ้มกัน เรื่องร้ายๆ
กลอนบทนี้ คล้ายๆ ว่าจะจบ แบบสงบ มีคนตบ รางวัลให้
ที่ไหนได้ กลอนบทนี้ โดนทำลาย โดนเจ้านาย แสนเก่งกว่า เราไหนๆ
ถามคนนั้น ถามคนนี้ เพื่ออะไร กำลังใจ นั้นไง ที่ต้องการ
ให้คนแต่ง กลอนบทนี้ ได้พบพาน สิ่งดีๆ ทุกวันคืน สมใจเอย

ด้วยรักจากพ่อ

รงค


๑.ตอนเจ้าเล็กเด็กน้อยคอยโย้เย้
ต้องไกว่เปลเห่กล่อมเหนื่อยหนักหนา
ต้องอดหลับอดนอนค้างคาตา
ด้วยลูกยาร้องกวนชวนปวดใจ
๒.คอยชงนมป้อนเจ้าเช้าบ่ายค่ำ
คอยอาบน้ำเปลี่ยนผ้าพาสดใส
คอยทาแป้งปัดยุงเหลือบริ้นไร
คอยห่วงใยอาทรทุกเวลา
๓.กว่าลูกโตพ่อนั้นแสนเหนื่อยหนัก
ด้วยฟูมฟักให้เจ้าเฝ้าศึกษา
สักวันหนึ่งหวังเจ้ามีวิชา
เป็นเครื่องกายาพ่อพอใจ
๔.คอยหล่อเลี้ยงลูกไว้ด้วยความรัก
เป็นที่พักพิงใจให้หลับใหล
ยามเจ้าเหนื่อยเมื่อยล้ามาครั้งใด
พ่อเหนื่อยใจหลายเท่าเฝ้าเมียงมอง
๕.ด้วยความรักยิ่งใหญ่พ่อมีให้
เมื่อยามใดเจ้าเศร้าเฝ้าหม่นหมอง
พ่อคนนี้เป็นหลักเข้าประคอง
ด้วยมือสองของพ่อคอยเยียวยา
๖.พ่อรักลูกเสมอเจ้ารู้ไหม
แม้เติบใหญ่ภายหน้ายังห่วงหา
ความหวังดีให้เจ้าทุกเวลา
ด้วยรักดั่งแก้วตาปานดวงใจ
๗.แม้วันคืนหมุนเวียนเปลี่ยนเท่าไร
แต่ดวงใจของพ่อยังสดใส
ด้วยความรักที่มอบแด่ลูกไป
สิ่งใดใดไร้ค่ามาทดแทน
๘.เพียงหวังลูกทำดีมีความหมาย
จงเป็นนายตัวเองสร้างแบบแผน
ให้คนรักนับถือทั่วดินแดน
รักหวงแหนดูลูกตราบชีพวาย
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔

ใครหนอ

สุนทรวิทย์


ใครหนอ  แสนประเสริฐ
สร้างเราเกิด  กำเนิดมา
โอบอุ้ม  คุ้มชีวา
เปี่ยมเมตตา  เป็นอาจิณ
ใครหนอ  เฝ้าห่วงใย
เอาใจใส่  ไม่จบสิ้น
ปัดป้อง  ผองมลทิน
เหงื่อไหลริน  ก็ยินดี
ใครหนอ  ทุกข์แทนเรา
คราวโศกเศร้า  เขาขวัญหนี
เจ็บป่วย  ช่วยพัดวี
มิหลีกลี้  มีน้ำใจ
จะใคร  ที่ไหนหนอ
คือแม่,พ่อ  ท่านก่อให้
การุณย์  บุญเกริกไกร
ดุจเทพไท  ไท้เทวัญ
สำนึก  ระลึกถึง
จิตซาบซึ้ง  จึ่งยึดมั่น
รักพ่อ  แม่พอกัน
เท่าชีวัน  ฉันพึงมี
กตัญญู  บูชาไซร้
จดจำไว้  ในเกศี
พระคุณล้น  ชลธี
ตัวลูกนี้  ไม่มีลืม

ฟังหน่อยเถิดลูกรัก

สุนทรวิทย์


พ่อ,แม่รัก  ลูกนี้  กว่าชีวาตม์
ต่างมุ่งมาด  ทำดี  ถึงที่สุด
ลูกผิดพลาด  เพียงใด  ไม่ประทุษ
เร่งรีบรุด  บูรณะ  ช่วยประทังดูพยัคฆ์  ทมิฬ  ใช่กินลูก
กลับพันผูก  มุทุตา  ห่วงหน้า-หลัง
คอยปกป้อง  อาพัทธ์  ระมัดระวัง
เพียรสอนสั่ง  เยี่ยงมนุษย์  ดุจเดียวกันลูกเข้าใจ  พ่อ,แม่  สักแค่ไหน
ว่าห่วงใย  ลึกซึ้ง  จึงกวดขัน
หวั่นเกรงลูก  หูเบา  มิเท่าทัน
อาจหุนหัน  บุ่มบ่าม  ตามเล่ห์กลลูกเชื่อเพื่อน  ง่ายดาย  คล้ายหัวอ่อน
พ่อ,แม่สอน  กลับโกรธา  ว่าขี้บ่น
คือปัญหา  หนักใจ  ของหลายคน
ต้องกังวล  ทนแก้  แม้ยากเย็นเพียงลูกลูก  กตัญญู  รู้จักคิด
ย่อมวิศิษฏ์  แสนสุข  พ้นทุกข์เข็ญ
แม้นลูกเขลา  หลงผิด  คิดไม่เป็น
ก็เหมือนเวร-กรรมแผดเผา  น่าเศร้าใจวันใดลูก  นิราศ  ขาดพ่อ,แม่
ใครจะตาม  เหลียวแล  บ่มแก้ไข
ที่พ่อ,แม่  อุตส่าห์  จาระไน
ล้วนหวังให้  ลูกลูก  เดินถูกทาง

...อยู่กับใคร..

บนข.


อยู่คนเดียวให้ชั่งยั้งความคิด
ระวังจิตคิดปรุงให้ฟุ้งซ่าน
คิดวิตกสงสัยให้รำคาญ
ส่ออาการวิปริตเพราะคิดไป
คิดไม่ลงปลงไม่ตกรกสมอง
จิตจดจ้องคิดวุ่นครุ่นสงสัย
อยู่คนเดียวหากไม่ยั้งระวังใจ
ประสบภัยความคิดเพราะจิตตน
อยู่กับคนหลากหลายทั้งชายหญิง
ย่อมมากสิ่งมากความตามสับสน
ให้ระวังวาจาอย่าร้อนรน
คำพูดตนอาจผลาญการไมตรี
“เป็นมนุษย์สุดนิยมที่ลมปาก”
สุนทรภู่ท่านฝากคตินี้
ก่อนจะพูดจงระวังยั้งวจี
จะไม่มีสงครามความคารม
อยู่กับพาลดื้อรั้นสันดานชั่ว
จงระวังเกลือกกลั้วความชั่วขรม
แม้นมิรักฝักใฝ่ใจนิยม
อาจติดปมภาพลบว่าคบพาล
อันปลาเน่าในข้องฟ้องปลาเป็น
ว่าอาจเหม็นเข็นขุกทุกสถาน
แม้นจำเป็นต้องคบประสบพาล
จงตั้งการยับยั้งระวังตัว
อยู่กับคนฉลาดจงคาดคิด
พลั้งเพียงนิดเสียรู้เป็นรูรั่ว
อาจโดนหลอกชอกช้ำระยำยัว
ถึงเสียตัวเสียการงานเวลา
เขาฉลาดก็จงคาดการเฉลียว
ให้ปราดเปรียวเด็ดขาดฉลาดกว่า
ฟันต่อฟันพันตูตาต่อตา
ฉลาดมาจงปัญญาฉลาดไป
คุณจะอยู่กับใครได้ทั้งนั้น
ตราบเท่าคุณรู้ทันกันแก้ไข
โลภโกรธหลงบงการสันดานใจ
ก็อยู่ได้เป็นสุขทุกเวลา
คุณจะอยู่กับใครได้ในโลก
ตราบรู้ทันทุกข์โศกในโลกหล้า
และเสพโลกทั้งปวงด้วยปัญญา
โลกหรือกล้าแว้งงัด...เข้ากัดคุณ

เครื่องบินบินได้เพราะอะไร ไม่ใช่เพราะเครื่องกลไก กระไรนั่น

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


เครื่องบินบินได้เพราะอะไร
ไม่ใช่เพราะเครื่องกลไก กระไรนั่น
ปีกนิ่งๆนั้นบินได้อย่างไรกัน
.. เพราะว่าคนมีความฝัน จึงดั้นบิน
ฝันมุ่งมั่น ฟันฝ่ากล้าจะฝัน
พร้อมพยุงความมุ่งมั่นพลันโผผิน
ปลอบชีวิตปลิดจากทุกข์ปลุกชีวิน
สิ่งทั้งสิ้น มีรากจากความฝัน

วัดสายตาประกอบใจ

บนข.


วัดสายตา
ก็เพราะคู่นัยนาน่าหวาดหวั่น
อวัยวะดวงตาค่าสำคัญ
หากหมดมันมืดมิดทุกทิศทาง
ฉันมองใกล้ไม่ชัดอึดอัดแท้
ทั้งมองไกลก็แย่ระยะห่าง
ทั้งไกลใกล้เสมือนว่าเลือนราง
เป็นฟ่าฟางซ้อนซ้ำทำไงดี
ไปหาหมอ
เพื่อจะเช็คต้นตอให้ถ้วนถี่
และรักษาป้องกันทันท่วงที
อาการนี้คงเซาทุเลาลง
ฟังคำหมอวินิจฉัยใจระทึก
ว่าโรคนี้ล้ำลึก...หากประสงค์
จะมองเห็นได้อย่างใจจำนง
หมอฟันธงชี้ชัดตัดแว่นตา
ของแปลกปลอม
แต่ฉันก็ยินยอมก็เพราะว่า
อยากมองเห็นเช่นกาลที่ผ่านมา
โลกนี้งามโสภาสักเพียงไร
เมื่อร่างกายนี้ก็ของปลอม
เก่าก็พร้อมจะเปลี่ยนใหม่
สายตาคงวอดวายหากสายไป
ตัดแว่นใส่เห็นชัดในบัดดล
แว่นวิเศษ
ฉันใส่แล้วเกิดเหตุน่าฉงน
เพราะกลับมองโปร่งใสถึงใจตน
เห็นกิเลสสับสนอยู่อัดแอ
เห็นสุขทุกข์คลุกเคล้าอยู่เร่าร้อน
เห็นวัฏฏะสัญจรยิ่งย่ำแย่
เห็นอัตตายึดมั่นมิผันแปร
เห็นสันดานที่แท้แห่งตัวตน
หมดปัญหา
บัดนี้คู่นัยนาน่าฉงน
จะมองใกล้มองไกลไม่กังวล
ที่มืดมนฟ่าฟางก็จางลา
จะมองโลกภายนอกก็ชัดใส
ยิ่งมองโลกภายในสว่างจ้า
ได้เห็นชัดกิเลสขังที่บังตา
หมดปัญหาฟ่าฟาง...สว่างใจ

ดูนกแล้ววกดูคน

สุนทรวิทย์


วิหค  ยามกกไข่
มันระไว  ไม่ยอมห่าง
ปีกสอง  ป้องอำพราง
ไข่บอบบาง  ต่างชีวันลูกรัก  ฟักเป็นตัว
ยิ่งพันพัว  เหนื่อยหัวปั่น
หาเหยื่อ  เอื้อแบ่งปัน
ให้ลูกนั้น  อิ่มทันใจลูกโต  ก็โผจาก
ไปถางถาก  รกรากใหม่
ทิ้งพ่อ  แม่ทันใด
ความห่วงใย  ไม่เคยมีคนเรา  เหล่าหญิงชาย
เห็นมากมาย  คล้ายปักษี
ปล่อยปละ  บุพการี
มิไยดี  หน้าที่ตนบ้างยัง  ชังเกรี้ยวกราด
หินชาติ  ขาดเหตุผล
จริต  ผิดผู้คน
เพราะกมล  ขัดสนธรรม
ถึงครา  ฟ้าลงโทษ
กลับถือโกรธ  โอดครวญคร่ำ
ไม่ตรอง  มองเงื่อนงำ
ว่าเวรกรรม  ล้วนทำเอง

ชะตาภาษาศิลป์

สุนทรวิทย์


ลือว่า  เขาสามารถ
ดั่งทายาท  ปราชญ์เมธี
อักษร  กลอนกวี
รู้ถ้วนถี่  ดีเหนือใครเป็นสื่อ  ถือปากกา
สืบคุณค่า  ภาษาไทย
แต่ฉัน  กลับหวั่นใจ
นึกสงสัย  ในผลงานเขาไย  ไม่พิทักษ์
ฉันทลักษณ์  หลักบุราณ
มักง่าย  ไร้เชิงชาญ
ทิ้งแก่นสาร  ลาญครรลอง
นี่หรือ  คือแบบอย่าง
ผู้สรรค์สร้าง  ทางร้อยกรอง
ผิดทิศ  ผิดทำนอง
ข้อบกพร่อง  ฟ้องชัดเจนศักดิ์ศรี  กวีพจน์
มาถอยถด  เสียกฎเกณฑ์
ด้วยมือ  สื่อเบี่ยงเบน
เหมือนมิเห็น  เป็นสำคัญชะตา  ภาษาศิลป์
เจียนหมดสิ้น  กลิ่นสุคันธ์
มธุรส  บทประพันธ์
ถูกแปรผัน  บั่นไชชอนใครเลย  เคยทักท้วง
สำนึกหวง  ห่วงอาวรณ์
ชุบฟื้น-คืนกาพย์กลอน
ให้สุนทร  ก่อนสูญไปผู้รู้  ครู,บัณฑิต
โปรดมีจิต  คิดห่วงใย
กวดขัน  โดยทันใด
ร่วมแก้ไข  ให้ฟื้นฟูมรดก-ชาติตกทอด
ควรต่อยอด  ปลอดริปู
ช่วยกัน  หมั่นค้ำชู
เพื่อคงอยู่  คู่ไผท

ดีร้ายไม่จีรัง

สุนทรวิทย์


เมฆหม่น  ผ่านพ้นไป
แสงรำไพ  เฉิดฉายส่อง
เวหา  อ่ารงรอง
อาบสีทอง  ผ่องทันใดดั่งคน  พ้นรันทด
หายสลด  พลันสดใส
ปัญหา  น่าห่วงใย
กลับแก้ไข  ได้ทันที
ชีวี  ที่ล้ม,ลุก
หลอมรวมทุกข์  และสุขศรี
สำแดง  แห่งโลกีย์
ไร้วิถี  ทางจีรังธรรมดา  โลกามิส
ห้ามท้อจิต  ยามผิดหวัง
มานะ  แก้ประทัง
ดีกว่าชัง  นั่งโทษใครวันนี้  มีทุกข์ครัน
อาจสุขสันต์  เมื่อวันใหม่
อิ่มหนำ  คือกำไร
เลิกฝักใฝ่  ในราคีกอบกู้  สู้ชีวิต
สุจริต  ไม่คิดหนี
สะสวย  ด้วยกรรมดี
จนหรือมี  อยู่ที่ใจ

สร้างฝัน

คนกรุงศรี


เฝ้าสร้างฝัน วันข้างหน้า อนาคต
กะกำหนด แนวทาง วางรากฐาน
ไม่ต้องรอ พรหมลิขิต ผิดหลักการ
เพราะร้าวราญ มามาก จึงอยากลอง
ถือหางเสือ เรือชีวิต ตามคิดหวัง
รวมพลัง หลายหลาก จากสมอง
ใช้สติ ปัญญา มาปกครอง
แล้วลอยล่อง นาวา ท้าคลื่นลม
จะเนิ่นนาน กาลใด ก็ไม่หวั่น
ฤทัยมั่น ก้าวย่าง อย่างเหมาะสม
ถึงจุดหมาย เมื่อไร ใคร่ชื่นชม
เคยช้ำตรม คงคลาย ที่ปลายทาง
มินอนรอ วาสนา ให้มาถึง
มิต้องพึ่ง ใบบุญ เกื้อหนุนสร้าง
มิเคยท้อ ว่าเวรกรรม จะอำพราง
มิเคยอ้าง กุศล ที่ตนทำ
อาจทุกข์บ้าง สุขบ้าง ก็ช่างเถิด
เมื่อได้เกิด เป็นคน อย่าบ่นพร่ำ
แล้ววันนี้ จะให้ ใครเขานำ
มิเลิศล้ำ แล้วก็ อย่าท้อใจ
เพียรสร้างฝัน วันหน้า อนาคต
จะสวยสด สมปอง หรือหมองไหม้
แม้เหนื่อยยาก ตรากตรำ ทนทำไป
อย่างน้อยได้ ความดี …ที่ติดตน

""งง""

บนข.


กูละงงสงสัยในชีวิต
กูยิ่งคิดยิ่งงงยิ่งสงสัย
ชีวิตกูกูคิดชีวิตใคร
หนทางใดกูงงกูหลงเดิน
กูยิ่งเดินยิ่งหลงในดงชัฏ
ถูกบ่วงรัดมัดกูอยู่นานเนิ่น
จิตวิญญาณตกอับกูยับเยิน
งงเหลือเกินกูงงกูหลงทาง
เกิดเป็นกูอยู่เป็นตนทนจรจัด
กรรมวัฏฏ์เวียนวนด้นสงสาร
ตายแล้วเกิดเกิดแล้วจมกี่ลมปราณ
ทรมานนานเนิ่นเกินกัปกัลป์
ชีวิตคืออะไรกูใคร่รู้
(เดาว่าการต่อสู้และแข่งขัน)
ระหว่างตัวกูผู้สามัญ
กับภพชาติอนันต์ยาวไกล
กูมุ่งหมายยุดภพสยบเท้า
หยุดร้อนเร่าทั้งหลายแหล่กูแน่ไหม
อาวุธคืออัตตากูพาไป
หวังสยบภพไตรบรรลัยลง
แต่รบกันทุกครั้งกูพังพ่าย
ทั้งอาวุธมากมายโลภโกรธหลง
ภพคือผู้คว้าชัยไปยิ่งยง
กูยังคงเวียนว่ายกระหายชัย
กูละงงสงสัยในชีวิต
กูยิ่งคิดยิ่งงงยิ่งสงสัย
ชีวิตกูกูคิดชีวิตใคร
วัฏฏะใดกูงงกูหลงเดิน
ใจกูคิดถนัดกำจัดภพ
ด้วยหวังจบกันดารอันนานเนิ่น
แต่อัตตาเจ้ากรรมมันซ้ำเชิญ
กูกลับเพลินหลงภพ...จบไม่ลง...
หน้า / 28  
ทั้งหมด 467 กลอน