อยู่บนดอยคอยฟ้ามาหุ้มห่ม รอฟ้าลมสั่งมาพาถึงฝัน ผีฟ้าเจ้าปัดเป่าหมู่เฮากัน ผีฟ้านั้นสั่งสอนแต่ก่อนมา ผูกวิญญานหมู่เฮากับต้นไม้ จะแตกหน่อก่อใบในภายหน้า ทุกต้นไม้ที่เฮาปลูกฝังมา คือวิญญาปลูกสร้างจากหัวใจ หลับตาเถิดลองฟังเสียงของป่า นกหริ่งหรีดแว่วมาได้ยินไหม เสียงต้นไม้พัดหวิวปลิวลมไป ได้ยินไหมธรรมชาติที่เราลืม แสงเสียงสีเมืองกรุงรุ่งวิไล นวัตกรรมไฉไลที่เขาปลื้ม ความเจริญก้าวหน้าพากันลืม มัวแต่ปลื้มสิ่งกรวงลวงหลอกมา ไฟสว่างบางดวงอยู่บนดอย เพียงต้นเดียวแม้น้อยก็มีค่า เพราะอย่างน้อยส่องทางสว่างพา แต่มีค่าส่องสว่างกลางฝูงชน แล้วคุณหล่ะเจอไหมไฟสว่าง ที่เปิดทางให้เห็นทุกแห่งหน เปิดให้เห็นชีวิตค่าของคน มีตัวตนบนโลก..เพื่ออะไร..!! บทส่งใจ " ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่การเรียนรู้ แต่มันอยู่ที่เรานำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับมวลมนุษย์ด้วยกัน"
คนพิการ.. ล้มลุกคลุกคลานอยู่ตรงหน้า แม้มองดูภาพไม่โสภา แต่เขามีค่าคือความเป็นคน ไม่มีใครอยากเป็นเช่นนี้ แขนขาไม่มีดวงตามืดมน จะกินก็ยากลำบากลำบน เขายังสู้ทนไม่เคยถอดใจ ถึงแม้ว่าตาจะมองไม่เห็น รอยยิ้มเย็นเย็นยังดูสดใส ไม่เคยมุ่งร้ายทำลายใคร ทั้งนอกและในยังงดงาม พวกเรามีครบทั้งแขนขา จึงควรหาญกล้าอย่าครั่นคร้าม จงลุกขึ้นมาอย่าล้มตาม ยืนสง่างามเดินต่อไป อย่าหลงทิศหลงทางอย่างตาบอด พบทุกข์ก็จอดจนหวั่นไหว โลกนี้ยังมีส่วนศิวิไลซ์ เบิกบาน...ยิ้มไว้เถิดเพื่อนเอย ด้วยรักและรัก จากใจ // แก้วประภัสสร // ว่าด้วยกลอนเปล่าึค่ะ ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ตค่ะ
ฉันก้าวเดินผ่านบันไดมาหลายขั้น กว่าจะสูงตระหง่านเช่นวันนี้ ผ่านความรักความอาทรความอารี ผ่านห่วงใยและหวังดีมามากมาย ครูบังคับจับมือเขียนและเคี่ยวเข็ญ เช้าจรดเย็นพร่ำสอนโดยมิหน่าย ครูเหนื่อยยากลำบากทั้งใจกาย เพียงมุ่งหมายกูลเกื้อเพื่อศิษย์ดี ครูทั้งหลายเปรียบบันไดให้ศิษย์ก้าว ศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่าครูไม่หนี ครูพากเพียรด้วยหัวใจอุทิศพลี สร้างคนดีคนมีธรรมให้สังคม หวนระลึกนึกย้อนเมื่อตอนหลัง มีหลายครั้งที่ครูต้องขื่นขม ความพลาดผิดศิษย์ทำให้ครูระทม ทั้งที่ครูเฝ้าอบรมเพาะบ่มมา อยากกลับไปกราบครูอีกสักครั้ง อยากย้อนหลังไปบอกครูให้รู้ว่า เส้นทางดีวิถีธรรมที่สอนมา ศิษย์สัญญาจะรักษา....บูชาครู "" สุขสันต์วันครูแด่บูรพาจารย์ทุกท่านด้วยความเคารพยิ่ง ** เนื่องในโอกาสวันครู (16 มกราคม 2556)
สุขบ้างทุกข์บ้างช่างมันเถิด มองสิ่งที่เกิดเป็นธรรมดา มีร้อนมีหนาวมีเหนื่อยล้า มีพบมีลามาทุกคน สบายบ้างลำบากบ้างช่างมันเถิด อย่าเผลอเตลิดจนสับสน คนอื่นกินเกลือว่าเหลือทน เขายังไม่บ่นเลยสักคำ รักบ้างชังบ้างช่างมันเถิด แตกดับกำเหนิดมองขำขำ ยังมีหลายสิ่งที่ควรทำ ใช่นั่งระำกำเพราะเลิกลา ขยันบ้างคร้านบ้างช่างมันเถิด ทุกอย่างที่เกิดเพราะอ่อนล้า ยิ่งฝืนไม่พักยิ่งหนักอุีรา ลองหลับสักคราตื่นมาจะดี กล่าวมาใช่บอกให้ปล่อยวาง เป็นเพียงตัวอย่างระหว่างวิถี จะทุกข์จะโศกบนโลกนี้ กี่สมัยกี่ปีก็มีมา เป็นเหมือนคู่ปรับสลับเปลี่ยน คอยจะวนเวียนเข้ามาหา เริ่มเด็กหนุ่มสาวคราวชรา จนกว่าชีพลาและร้างไป สุขบ้างทุกข์บ้างช่างมันเถิด ทุกสิ่งมันเกิดก็ดับได้ พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ เห็นทุกข์เมื่อใดจะเห็นธรรม แก้วประภัสสร // 04/01/2556 ศุกร์(สุขเพราะธรรม)
วันเวลาผ่านไปไม่หวนกลับ แม้จะนับสัปดาห์ค่าไม่เหมือน สัปดาห์เปลี่ยนเวียนผันผ่านเป็นเดือน กาลคล้อยเคลื่อนเดือนเป็นเช่นขวบปี จากเด็กน้อยเจริญวัยเติบใหญ่กล้า การศึกษาสอนสั่งต่างวิถี ศิลปวิทยาประดามี ช่วยบ่งชี้ค่าคนบนเส้นทาง จบจากเรียนเพียรทำตามหน้าที่ การงานมีทำไปไม่เห็นห่าง เวลาผ่านพ้นไปไม่ทันจาง ก็ก้าวย่างสู่วันสานครอบครัว จากนั้นเป็นพ่อแม่ดูแลลูก เฝ้าฝังปลูกดีงามห้ามทำชั่ว มุ่งมั่นใจทางดีมิหมองมัว มองดูตัวเริ่มแก่ชะแรวัย เพียงเท่านี้ชีวิตคิดถี่ถ้วน ตามกระบวนชีวันผ่านสมัย ก่อนหน้านี้แช่มชื่นรื่นฤทัย วันปีใหม่ผ่านเข้าเราสราญ พออายุผ่านวัยใกล้เกษียณ เดือนปีเปลี่ยนเวียนมาน่าสงสาร ไม่อยากแก่แต่จำเป็นเห็นรอบกาล อวสานใกล้มาอนิจจาเอย บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก ส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ ๒๕๕๖
เหมือนราหูบังราศีที่เคยจับ เคราะห์ยกทัพมาตีที่หน้าด่าน เรื่องวุ่นวุ่นเกะกะรุมระราน ปวดกบาลกับปัญหาที่มาออ ฮ่วย! เราขออุทานไปให้ลั่นฟ้า หรือเพราะว่าปีใหม่ใกล้แล้วหนอ ความรุ่มร้อน อ่อนแอ แพ้ เหนื่อย ท้อ จึงมาขออาศัยใกล้ใกล้เรา แต่อย่างว่าเราจะทำยังไงได้ เที่ยวโทษฟ้าก็พาให้ใจยิ่งเศร้า ขอนั่งคิดสักครู่อยู่กับเชาวน์ หาทางเผาเรื่องวุ่นวายให้หายไป นิ่งหลับตาแล้วจิตนั้นพลันสงบ ใจได้พบทางแก้ทุกข์ให้สุกใส สติครองตรองตริซึ้งถึงแก่นใน ค่อยค่อยใช้ปัญญาคลี่ทีละตอน จากนั้นจึงลงมือรื้อและแก้ ง่ายง่ายแต่ดับเพลิงระเริงหลอน เมื่อเรามีสติมาเป็นอาภรณ์ ปัญหาร้อนรุ่มก็คล้ายสายน้ำเย็น
อยากให้เธอเข้าใจโลกใบนี้ อยากให้เธอเข้าใจโลกใบนี้ ว่าก็มีเศร้าหมองและร้องไห้ ปนหัวเราะทั่วถิ่นผืนดินทราย ล่มสลายหายวับและกลับคืน เพียงสองมือเธอนั้นที่ปั้นโลก เพื่อทุกข์โศกอารมณ์เจ็บขมขื่น หรือพบความสุขล้ำคลายกล้ำกลืน อยู่ที่ยื่นอะไรมอบให้กัน เธอก็ช่วยโลกให้สดใสได้ หรือทำลายทุกอย่างที่สร้างสรรค์ แล้วแต่มือเธอโบกฉาบโลกพลัน เลือกแบ่งปันหรือชอบเพียงกอบโกย!ฯ อริญชย์ ๒๑/๑๒/๒๕๕๕
อันเกิดแก่เจ็บตายได้เวียนหมุน ได้ผลบุญผ่อนเบาช่วยเราได้ คนเจ็บไข้พัดพรากจากเราไป อายุไขหมดกรรมที่ทำมามนุษย์โลกทุกคนต้องประสบ ถึงจุดจบต่างไปไม่ห่วงหา ทรัพย์สมบัติมากมายไม่มีค่า จบชีวาต่างไปได้แค่ตัวอย่ามัวเมายศถาบรรดาศักดิ์ อย่าจมปลักทรัพย์สินดินล้นหัว บ้างแกร่งแย่งชิงดีตามืดมัว ไม่เกรงกลัวบาปกรรมทำกันไปโหมงานหนักไม่พักเพื่อเงินตรา ต่างไฝ่หาทรัพย์สินลุ่มหลงไหล โรครุมเร้าลืมตัวไม่ใส่ใจ คนห่วงใยไม่สนจนตัวตายคนที่อยู่ขอให้ได้ย้อนคิด ถึงชีวิตผ่านมาน่าใจหาย ทำความชั่วติดตัวไว้มากมาย ก่อนจะสายกลับใจเป็นคนดีลดละเลิกเถิดหนาอบายมุข หาความสุขทางใจไม่หมองศรี หมั่นทำบุญบริจาคคนไม่มี แสงริบหรี่เหลือน้อยค่อยดับลง
ในบางครั้งบางคราวหลงทางผิด ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อลืมนึกถึง อดีตกาลผ่านไปไม่รำพึง เสียดายซึ่งเวลาที่พลาดไป เพราะมัวหลงงมงายสิ่งสวยงาม จึงมองข้ามวิถีด้วยหลงใหล ภาพมายาเย้ายวนชวนติดใจ ก้าวตามไปไร้สติและทิศทาง สร้างตัวตนจนเกินจะหยุดยั้ง มัวแต่หวังอนาคตสุดขัดขวาง ระเริงร่ารับไว้มิอำพราง สมดั่งอ้าง ช้างขี้ขี้ตามมัน(ช้าง) มัวสร้างภาพมายาให้ตัวตน คอยเปรอปรนความสุขแสนเพ้อฝัน จึงเห็นผิดเป็นชอบอยู่นิรันดร์ ไร้ทางกั้นให้พ้นจากทุกข์ภัย เมื่อมาถึงปลายทางความเป็นจริง แล้วทุกสิ่งปรากฏเกินรับไหว มายาภาพลวงตาพาเกินไกล ผลนั้นไซร้น่ากลัวอย่ามัวเพลิน อย่ามัวหลงระเริงความฟุ้งเฟ้อ เมื่อเจอะเจอจะลำบากใช่ผิวเผิน อย่าหลอกใจตัวตนจนยากเกิน เพียงเพลิดเพลินชีวิตติดสังคม มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท อย่าประมาทอนาคตอันสุขสม เตือนสติรอบคอบไว้ชื่นชม ค่านิยมฟุ้งเฟ้ออย่าเผลอทำ อันช้างขี่ขี่ตามช้างอย่างเขาว่า อนิจจามนุษย์สุดแสนขำ ตัวกระจิดฤทธิ์ใดใครชี้นำ จึงคอยซ้ำชีวิตให้ผิดไป เตือนสติตนเองก่อนจะสาย ความวุ่นวายฟุ้งเฟ้อควรแก้ไข ความพอเพียงเยี่ยงอย่างมีถมไป เมื่อทำได้สุขเกษมแสนเปรมปรีด์
สถานการณ์ยากยั้ง ใจคน ด้วยหลายหลากคละปน แผกบ้าง คิดเห็นต่าง จำนน ย่อหยุด เถิดพ่อ ใช่คิดแต่ จะล้าง ต่างล้วน เป็นไท กติกามีอยู่นั้น ควรมอง มิใช่คิดยึดครอง บ่นบ้า มัวเมามิไตร่ตรอง ผลส่ง วิบัตินา พาประเทศอ่อนล้า ยากก้าว เดินไกล เขียนมาก็ใคร่ร้อง เชิงเรียน ด้วยศักดิ์ของผู้เขียน ยังต่ำต้อย หากเพราะห่วงจึงเพียร ประดิษฐ์ หาถ้อยคำมาอ้าง ฝากไว้ ให้ตรอง
โลกกว้างหนทางแคบ อาจปวดแปลบบางเวลา รอยยิ้มหรือน้ำตา ช่วยเติมค่าความเป็นคน อดทนและทนอด ท้อรันทดอย่าสับสน อ้างว้างกลางหมู่คน รู้ใจตนเป็นสำคัญ ชีวิตมีหลายหลาก มีลำบากมีสุขสันต์ เรียนรู้ให้เท่าทัน จะฝ่าฟันถึงดวงดาว หนทางยาวไกลนัก จงตระหนักสีดำ-ขาว หลากหลายแห่งเรื่องราว ล้วนที่เรา......ต้องเผชิญ
เธอไม่เคยเลยนะ...จะหยุดนิ่ง พาฉันวิ่งพล่านไปไม่หยุดหย่อน เธอยิ่งรีบเร่งรุดไม่หยุดจร จนฉันอ่อนล้าเกินจะเดินตาม ทิ้งฉันไว้ตรงนี้เถอะที่รัก ฉันขอพักผ่อนใจที่ไหวหวาม หยุดทะยานอยากใคร่ในรูปนาม ปล่อยใจชมความงามในยามเย็น ดูตะวันตกดินสิ้นกำแหง มอบสีแสงสุดท้ายก่อนวายเว้น ฉันจะจูงหัวใจที่ไหวเอน ไปเดินเล่นเพื่อยลแสงสนธยา ผืนฟ้าเริ่มหมองคลำ้ดำมืดมิด ไม่มืดเท่าดวงจิตแห่งมิจฉา ฉันจะหลับเพื่อตื่นจากอัตตา ทิ้งเบื้องหน้าเบื้องหลังที่ฝังใจ เธอผู้ยังรีบรุดไม่หยุดวิ่ง ฉันจะนิ่งมองเธอมิเผลอไผล เพียรเฝ้าดูรู้ละทุกขณะไป เพราะสุขใดไหนเล่า...เท่าปล่อยวาง
อรุณสวัสดิ์รุ่งอรุณของชีวิต จะเริ่มคิดเริ่มค้นเริ่มต้นใหม่ เริ่มเสาะหาสีสันของวันวัย ก้าวย่างในทางที่ดีและควร เหมือนอรุณอุ่นแสงแจรงหล้า ปลุกชีวาวันใหม่ให้คืนหวน พบและรับความจริงสิ่งทั้งมวล ที่เราล้วนต้องพบประสบมัน ซึ่งมีทั้งด้านสวยระรวยรื่น พาฉ่ำชื่นสดสะอาดราววาดฝัน และอาจพบร้ายเข็ญด้วยเช่นกัน คอยฟาดฟันทุกทีที่ก้าวเดิน อรุณสวัสดิ์อีกทีชีวิตจ๋า ชีพจงกล้าเป็นนกที่หกเหิน ปีกโบกโบยลมบนด้นดำเนิน ไปเผชิญวันนี้ที่มีมา และขอบคุณสีแสงแห่งวันใหม่ ที่ทำให้ยังอยู่และรู้ว่า ลมหายใจยังหอมอ้อมอุรา ให้เราสร้างคุณค่าบูชาตน
เข้าใจความรู้สึก จากส่วนลึกของหัวใจ มองเห็นความเป็นไป เกิดห่วงใยจากใจจริง หวังว่าจะผ่านพ้น ช่วงวังวนสับสนยิ่ง เหนื่อยล้าอยากพักพิง อยู่นิ่งนิ่งในเวลา ลองใช้ความสงบ คิดทวนทบลบบวกค่า วิถีที่ผ่านมา จะรู้ว่าควรทำไง บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๕